ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

คุณอาจมีงานอดิเรกหลายอย่าง แต่อาจจะมีความหลงใหลอยู่แค่ 1-2 อย่างเท่านั้น ความแตกต่างที่สำคัญก็คือ เมื่อไหร่ที่คุณทำสิ่งนั้นอย่างจริงจังและมุ่งมั่นกับมันอยู่เสมอ นั่นคือสัญญาณที่บอกว่ามันคือความหลงใหลอย่างแน่นอน แต่ถ้าคุณค่อนข้างผ่อนคลายเวลาทำกิจกรรมนั้นๆ และคุณก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเต็มที่กับมันเท่าไหร่ สิ่งนั้นก็น่าจะเป็นงานอดิเรกมากกว่าความหลงใหล ทบทวนงานอดิเรกของตัวเองเพื่อดูว่า คุณรู้สึกอย่างไรกับสิ่งนั้นจริงๆ แล้วหาวิธีทดสอบสิ่งที่คุณคิดว่าอาจจะเป็นความหลงใหล

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ทบทวนการใช้เวลา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ขณะที่คุณกำลังขับรถ ข่มตานอน หรือออกกำลังกาย ให้สังเกตว่าตัวเองคิดถึงอะไรมากที่สุด ถ้าคุณพบว่าตัวเองคิดถึงกิจกรรมนั้นๆ ตอนที่คุณไม่ได้กำลังทำมันอยู่เป็นประจำ มันก็อาจจะเป็นความหลงใหล
    • โดยทั่วไปคุณจะคิดถึงงานอดิเรกตอนที่คุณลงมือทำหรือแค่บางครั้งบางคราวเท่านั้น แต่ความหลงใหลจะติดอยู่ในหัวคุณทั้งวัน และคุณก็จะคิดถึงมันในแง่มุมต่างๆ อยู่เสมอ
    • ถ้าคุณคอยมองหางานเปิดท้ายขายของและร้านขายของมือสอง เช็กบัญชีผู้ขายสินค้าออนไลน์ของตัวเองและพยายามหาลูกค้าอยู่เสมอ การซื้อและการขายของมือสองก็คือสิ่งที่คุณหลงใหล
  2. สังเกตว่าคุณทำอะไรในวันนั้นหรือในหนึ่งสัปดาห์ สังเกตว่าตัวเองทำอะไรบ่อยที่สุดหรือใช้เวลาไปกับอะไรนานที่สุดในแต่ละช่วงเวลา กิจกรรมที่คุณใช้เวลาทำมากที่สุดน่าจะเป็นความหลงใหลมากกว่างานอดิเรก [1]
    • เช่น สมมุติว่าตลอดระยะเวลา 1 สัปดาห์คุณเล่นกีตาร์ทุกวัน ชู้ตบาส 2 ครั้ง เขียนบทกวี 4-5 ครั้ง และเล่น Xbox 1 ครั้ง กีตาร์และบทกวีคือสิ่งที่มีโอกาสจะเป็นความหลงใหลของคุณมากที่สุด ส่วนบาสเกตบอลกับเกมนั้นเป็นงานอดิเรก
  3. หลังจากที่คุณทำกิจกรรมนั้นๆ ให้ดูว่าคุณเพิ่งจะดูนาฬิกาไปหรือเปล่า เวลาที่คุณทำในสิ่งที่คุณหลงใหล คุณจะไม่ได้สังเกตว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว คุณจะมัวจดจ่อจนเหมือนกับว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก แต่ถ้าคุณดูเวลาบ่อยๆ มันก็อาจจะเป็นงานอดิเรก
    • เช่น การเล่นบาสเกตบอลครึ่งชั่วโมงก็ถือว่าเยอะแล้ว แต่การใช้ปิ๊กดีดสายกีตาร์อยู่สองชั่วโมงกลับเหมือนผ่านไปแค่ไม่กี่นาทีเพราะว่ามันคือสิ่งที่คุณหลงใหล
  4. สังเกตว่าเมื่อไหร่ที่คุณเทความรับผิดชอบเพื่อไปทำสิ่งนั้น. มองไปที่ภาระงานและความรับผิดชอบในบ้าน และดูว่ามีอะไรที่มักจะเข้ามาเป็นอุปสรรคอยู่เรื่อยหรือเปล่า ถ้าคุณมักจะทำกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งแทนที่จะไปทำสิ่งที่เหมือนเป็นงาน นั่นก็เป็นเพราะว่าคุณอยากไล่ตามความหลงใหลของคุณมากกว่า
    • สมมุติว่าคุณกำลังทำโครงการค้นคว้า แต่แทนที่จะอ่านเนื้อหาเกี่ยวกับหัวข้อนั้นๆ คุณกลับใช้เวลาเป็นชั่วโมงถ่ายภาพที่สวยที่สุดสำหรับการนำเสนอผลงาน การถ่ายรูปคือสิ่งที่คุณหลงใหล
    • ถ้ามีจานที่ใช้แล้วกองพะเนินอยู่เป็นสัปดาห์เพราะคุณมัวแต่ใช้เวลาฝึกตีกลอง นั่นก็เป็นเพราะว่าคุณหลงใหลในการเล่นกลอง
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

ตรวจสอบทัศนคติ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถามตัวเองว่า กิจกรรมนั้นๆ ผ่อนคลายหรือเข้มข้น. เริ่มจากการทำกิจกรรมนั้นๆ หลังจากผ่านไปสักพักให้ประเมินว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร ถ้าคุณรู้สึกเพลิดเพลินและผ่อนคลาย สิ่งที่คุณทำก็อาจจะเป็นงานอดิเรก แต่ถ้าคุณเกือบจะหงุดหงิดหรืออย่างน้อยที่สุดคือตึงเครียดหรือจดจ่อนิดหน่อย แสดงว่าสิ่งนั้นคือความหลงใหล [2]
    • อาจจะฟังดูบ้าบอ แต่ความหลงใหลมักจะทำให้คุณทุกข์ทรมานเล็กน้อย คุณให้ความสำคัญกับสิ่งนี้มาก เพราะฉะนั้นการไล่ตามสิ่งที่หลงใหลจึงไม่ใช่ประสบการณ์ที่สร้างความสงบเสมอไป
    • งานอดิเรกเป็นสิ่งที่เพลิดเพลินและรื่นรมย์ เพราะฉะนั้นคุณก็น่าจะรู้สึกสงบประมาณนึงเวลาที่คุณทำงานอดิเรก
    • เช่น เดินไปที่โรงทำงานไม้และเริ่มสร้างบางสิ่งบางอย่างขึ้นมา ถ้าคุณจดจ่ออย่างมากและรู้สึกหงุดหงิด แสดงว่าคุณหลงใหลในงานช่างไม้ ไม่อย่างนั้นคุณจะรู้สึกผ่อนคลาย
  2. สังเกตว่าคุณพยายามที่จะทำกิจกรรมนั้นๆ ให้ดีขึ้นหรือไม่. ทำกิจกรรมนั้นๆ ให้บ่อยขึ้นกว่าปกติเล็กน้อย สังเกตว่าคุณทุ่มเทเพื่อทำสิ่งนั้นให้ดีขึ้น หรือว่าคุณแค่ทำไปเพื่อให้ได้ความเพลิดเพลินในช่วงเวลานั้น คุณจะทุ่มเทให้กับสิ่งที่คุณหลงใหลมากกว่างานอดิเรก [3]
    • คุณพยายามเพื่อทำสิ่งที่คุณหลงใหลให้ดีที่สุด แต่คุณพอใจที่ได้สนุกกับงานอดิเรก
    • เช่น ถ้าคุณทำเมนูใหม่ๆ ที่ท้าทายตัวเองอยู่เสมอ สิ่งนั้นคือความหลงใหล แต่ถ้าคุณโรตีแกงเขียวหวานบ่อยๆ สิ่งนั้นก็น่าจะเป็นงานอดิเรกมากกว่า
    เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ

    "เราอยู่ในช่วงเวลาสุดพิเศษที่งานอดิเรกเกือบทุกอย่างสามารถพัฒนาไปเป็นอาชีพที่ทำเงินได้อย่างยั่งยืน"

    Adrian Klaphaak, CPCC

    โค้ชอาชีพ
    เอเดรียน คลาฟากเป็นโค้ชอาชีพและผ฿้ก่อตั้ง A Path That Fits บริษัทโค้ชอาชีพและชีวิตในเบย์แอเรียซานฟรานซิสโก เขาได้ทำงานร่วมกับผู้คนมากมายที่มุ่งหวังจะสร้างสิ่งดีๆ บนโลกนี้ และยังช่วยคนเกิน 1000 คนสร้างเส้นทางอาชีพที่สำเร็จและมีจุดมุ่งหมายที่ชัดขึ้น
    Adrian Klaphaak, CPCC
    โค้ชอาชีพ
  3. ถามตัวเองว่า กิจกรรมนั้นเกี่ยวข้องกับค่านิยมและความเชื่อของคุณหรือไม่. เขียนรายการค่านิยมที่คุณยึดถือเกี่ยวกับชีวิต สังคม สิ่งที่ศรัทธา หรือระบบความเชื่อ จากนั้นเขียนรายการกิจกรรมที่คุณคิดว่าอาจจะเป็นความหลงใหล ถ้ากิจกรรมไหนสอดคล้องกับค่านิยมที่คุณยึดถือ สิ่งนั้นก็คือความหลงใหล [4]
    • วิธีนี้ต้องใช้การคิดเชิงนามธรรม เพราะฉะนั้นให้เวลาตัวเองค่อยๆ ทบทวนรายการที่เขียนออกมา
    • เช่น คุณอาจจะเขียนว่าการเดินทางไกล ร้องเพลง และเล่นเกมเป็นงานอดิเรก คุณอาจจะเขียนว่าการเป็นคนรักการผจญภัย มีสุขภาพดี ชื่นชมความงาม และงดเว้นจากการใช้เทคโนโลยีคือค่านิยมของคุณ คุณจะเห็นได้ว่า การเดินทางไกลสอดคล้องกับค่านิยมเหล่านั้น เพราะฉะนั้นมันก็คือสิ่งที่คุณหลงใหล
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ทดสอบงานอดิเรกของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เล่าเรื่องสิ่งที่อาจเป็นความหลงใหลให้ใครสักคนฟัง และถามเขาว่าคุณมีปฏิกิริยาอย่างไร. เลือกสิ่งที่คุณคิดว่าเป็นความหลงใหลมาสักอย่างแล้วเล่าให้เพื่อนฟัง หลังจากเล่าจบแล้ว ให้ถามเพื่อนว่าคุณดูจริงจังหรือว่าสบายๆ ถ้าคุณเล่าเรื่องนี้เสียนานและพวกเขาบอกว่าคุณจริงจังกับมันมาก นั่นคือสัญญาณของความหลงใหล [5]
    • เวลาที่คุณพูดถึงสิ่งที่คุณหลงใหล คุณอาจจะพูดเสียงดังขึ้น เร็วขึ้น และพูดมากขึ้น คุณจะมีอารมณ์ร่วมไปสิ่งที่คุณพูด คุณจะดูตื่นเต้นและไม่อยากหยุดพูดเลย
    • ถ้าเขาบอกว่าคุณดูเหมือนจะไม่ได้รู้เรื่องนี้มากเท่าไหร่ หรือน้ำเสียงของคุณค่อนข้างราบเรียบ แสดงว่าสิ่งนั้นคืองานอดิเรก คุณจะรู้สึกตื่นเต้นเวลาที่ได้พูดถึงสิ่งที่ตัวเองหลงใหลมากกว่าเวลาพูดเรื่องงานอดิเรก
  2. เลือกสิ่งที่คุณทำทุกสัปดาห์หรือทุก 2-3 วันแล้วหยุดพัก ถ้ามันแวบเข้ามาในหัวคุณทุกวัน คุณคิดถึงมัน และไม่อยากทำอย่างอื่น แสดงว่าคุณได้พบกับสิ่งที่คุณหลงใหลแล้ว แต่ถ้าไม่ได้ทำก็ไม่รู้สึกอะไร มันก็น่าจะเป็นงานอดิเรกมากกว่า [6]
    • ถ้าปกติแล้วคุณเล่นจานร่อนทุกวันพุธ สัปดาห์นี้ให้ข้ามไปก่อน ถ้าคุณหากิจกรรมอื่นมาแทนที่ได้และแทบไม่ได้คิดถึงมันเลย แสดงว่ามันคืองานอดิเรก
    • หยุดพักจากงานตัดต่อฟุตเทจภาพยนตร์ที่คุณถ่ายเป็นประจำ ถ้าผ่านไป 2 วันแล้วคุณไม่เป็นอันทำอะไรเลยเพราะว่าคุณอยากอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ก็มั่นใจได้เลยว่าสิ่งนั้นคือความหลงใหล
  3. ใช้ความคิดเห็นอื่นๆ ที่ไม่ใช่ของตัวเองจากชุดคำถามที่ได้มาตรฐาน ตอบคำถามเกี่ยวกับความรู้สึกที่มีต่อกิจกรรมนั้นอย่างซื่อสัตย์ แล้วคุณจะได้เรียนรู้ว่าสิ่งนั้นมีความหมายกับคุณมากแค่ไหนจากชุดคำถามและไม่ใช่แค่ความคิดของตัวเองอย่างเดียว [7]
    • คำถามลักษณะนี้ไม่สามารถตัดสินได้เด็ดขาดว่าสิ่งนั้นเป็นความหลงใหลหรืองานอดิเรก แต่มันจะบังคับให้คุณตอบคำถามเกี่ยวกับกิจกรรมนั้นตามความเป็นจริงมากกว่าเวลาที่คุณคิดกับตัวเอง
    • หากคุณใช้ภาษาอังกฤษได้ดี เว็บไซต์ Clarity on Fire, Goodnet และ Paid to Exist จะมีแบบทดสอบประเภทต่างๆ ที่ช่วยให้คุณเห็นภาพชัดเจนขึ้นว่า งานอดิเรกไหนที่อาจเป็นความหลงใหลของคุณ
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 1,327 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา