ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

งูบางชนิดล่าเหยื่อโดยการพ่นพิษออกมาทางเขี้ยวของมัน พิษของงูบางชนิดนั้นเป็นอันตรายต่อมนุษย์ ยังผลให้เรามักคิดว่ามันเป็น "สิ่งมีพิษ" (ถึงแม้ว่าในเชิงวิชาการแล้วจะเรียกพิษนี้ว่า venom ไม่ใช่ poison) เวลาที่เราเดินทางไกลหรือไปตั้งแคมป์ในป่านั้น หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีโอกาสเจอพวกมัน ดังนั้นก่อนจะบุกตลุยสู่ธรรมชาติ จำเป็นที่คุณจะต้องรู้วิธีแยกแยะความแตกต่างระหว่างงูพิษกับงูที่ไม่มีพิษ

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

แยกแยะจากลักษณะโดยทั่วไป

ดาวน์โหลดบทความ
  1. งูพิษส่วนใหญ่จะมีหัวเป็นรูปสามเหลี่ยม แม้จะไม่ใช่ทั้งหมด นี่เป็นกฎเบื้องต้นที่ดี แต่อย่าลืมว่ามันมีข้อยกเว้น [1]
  2. งูพิษบางชนิดอย่างงูปะการังจะมีสีสดฉูดฉาด
  3. หลายๆ คนพยายามจะตัดสินว่างูตัวนี้มีพิษหรือไม่โดยการจ้องตามัน. นี่มันไร้ประโยชน์ เพราะข้อมูลที่คุณจะได้จากการสังเกตตรงจุดนี้นั้นบอกคุณได้แค่เพียงเวลาไหนที่งูมันจะตื่นตัว งูชนิดที่เป็นสัตว์ออกหากินกลางคืน จึงมักจะมีรูม่านตาแนวขวาง ส่วนงูที่ออกหากินตอนกลางวันก็จะมีรูม่านตากลม งูพิษที่ร้ายแรงที่สุดในโลกบางพันธุ์ก็มีรูม่านตากลม แต่งูพิษที่โด่งดังอย่างงูหางกระดิ่งก็จะมีรูม่านตาแนวขวาง [2]
  4. งูพิษปกติจะมีร่องจับความร้อนอยู่บริเวณนั้นเพื่อค้นหาเหยื่อที่มีเลือดอุ่น งูไร้พิษจะไม่มีร่องดังว่า
  5. งูที่มีเสียงสั่นตรงหางต้องเป็นงูหางกระดิ่งซึ่งเป็นงูพิษ งูหางกะดิ่งแคระฟลอริดานั้นจะมีกระดิ่งตรงหางเป็นท่อนเดียว จึงมักไม่ค่อยทำเสียงสั่นดังเตือนให้รู้ตัว [3]
  6. งูพิษส่วนใหญ่จะมีเกล็ดบริเวณนั้นเพียงแถวเดียวในขณะที่งูไม่มีพิษจะมีสองแถว
  7. ด้านใต้หาง (หลังรูทวาร) ของงูพิษนั้นจะดูเหมือนส่วนท้องที่เหลือทั้งหมด ถ้างูมีลายสลับ (อย่างเป็นรูปข้าวหลามตัดหรือรูปทรงเพชร) มันก็ไม่มีพิษ อย่างไรก็ดี นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตรวจสอบ เว้นแต่งูนั้นตายแล้ว
  8. มีแต่งูน้ำที่มีพิษจึงจะว่ายน้ำโดยมองเห็นทั้งลำตัวในน้ำ
  9. หากมีรอยทิ่มใกล้กันสองรูบ่งชี้ได้ว่างูนั้นมีเขี้ยวและมีพิษ ในทางตรงข้าม รอยกัดแบบเละแสดงว่างูไม่มีเขี้ยว ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะตัวของงูไม่มีพิษ แต่มีข้อยกเว้นตรงรอยกัดของงูปะการัง แต่นี่ก็ยังถือเป็นกฎสำคัญข้อแรกได้อยู่ [4]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

รู้จักข้อยกเว้น

ดาวน์โหลดบทความ

เคล็ดลับ

  • อย่าฆ่างูที่ไม่ได้ทำร้ายคุณ เพราะงูนั้นกินหนูกับสัตว์รบกวนอื่นๆ พวกมันช่วยควบคุมจำนวนประชากรของสัตว์เหล่านั้นที่อาจเป็นพาหะนำโรคสู่คน [7]
  • หากคุณวางแผนจะจับงู วิธีที่ปลอดภัยคือการวางกับดักงู [8]
  • ค้นหาในอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับงูพิษทุกชนิดที่อาศัยในย่านที่คุณอยู่เพื่อจะได้มองออกว่ามันมีหน้าตาอย่างไร จะช่วยคุณแยกแยะได้เวลาที่ได้เห็น
  • เวลาไม่แน่ใจว่างูตัวนั้นมีพิษหรือไม่ สันนิษฐานไว้ก่อนว่ามันมีพิษแล้วเลี่ยงเสีย!
  • อย่าย่ำไปบนพุ่มหญ้าถ้าคุณไม่แน่ใจว่ามีงูซ่อนอยู่ที่นั่นหรือไม่
  • ถ้าต้องอยู่ใกล้กับงูเห่าชนิดพ่นพิษได้ ให้แน่ใจว่าได้ซักผ้าทุกชิ้น เลนส์กล้องถ่ายรูป หรืออื่นๆ หลังจากเลิกอยู่ใกล้มัน และให้สวมแว่นกันแดดด้วย [9]
  • หากคุณถูกงูไม่มีพิษกัด ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่เป็นอะไรแบบ 100% เพราะงูไม่มีพิษเป็นพาหะนำโรคและแผลถูกกัดอาจอักเสบติดเชื้อได้ [10]
  • หากคุณถูกงูพิษกัด ให้แน่ใจว่าได้จดจำลักษณะของมันได้ถูกต้อง! วิธีที่ดีที่สุดคือถ่ายรูปมันจากระยะปลอดภัยด้วยกล้องในโทรศัพท์มือถือ การสามารถระบุชนิดของงูได้ถูกต้องจะช่วยชีวิตคุณได้เวลาที่แพทย์ต้องเลือกเซรุ่มแก้พิษงู
โฆษณา

คำเตือน

  • แผลรอยกัดจากงูไม่มีพิษก็อาจอักเสบขึ้นได้ ให้ไปหาแพทย์เสมอและระบุชนิดของงูที่กัดอย่างถูกต้องด้วย
  • หากคุณไม่ไปพบแพทย์ในทันทีหลังถูกงูพิษกัด มันอาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
  • อย่าพยายามคิดจับงูใดๆ ถ้ามั่นใจว่างูตัวนั้นไร้พิษและยืนกรานจะจับให้ได้ ให้ทำด้วยท่าทางไม่ไปคุกคามมัน ไม้เกี่ยวงูเป็นอุปกรณ์ที่ดีเวลาต้องใช้เพื่อความปลอดภัย
  • อย่าคิดจับงูที่ส่งเสียงฟ่อ สั่นหางกระดิ่ง แผ่แม่เบี้ย หรือพ่นพิษ เพราะนั่นคือคำเตือนของพวกมันว่าอย่าเข้าไปยุ่งไม่งั้นโดนกัดแน่ [11]
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 23,429 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา