ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการค้นหารหัสผ่านของสัญญาณ Wi-Fi แบบ WPA หรือ WPA2 โดยแฮกระบบด้วย Kali Linux

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

เตรียมตัวก่อนแฮก Wi-Fi

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ไม่ว่าจะประเทศไหน ถ้าจะไม่ให้ผิดกฎหมาย คือต้องแฮก Wi-Fi แบบ WPA หรือ WPA2 ของตัวเองเท่านั้น อีกทีคือเน็ตของคนอื่นที่เขาอนุญาตแล้วว่าให้คุณแฮกเพื่อเข้าใช้งานได้ เช่น ลืมรหัสผ่าน
    • ถ้าไม่เข้าข่ายนี้แล้วไปแอบแฮก Wi-Fi ใคร ก็ผิดกฎหมายเต็มๆ ดีไม่ดีอาจถึงขั้นโดนฟ้องหรือดำเนินคดีได้เลย
  2. แนะนำให้ใช้ Kali Linux เวลาแฮก Wi-Fi แบบ WPA กับ WPA2 คุณดาวน์โหลดไฟล์อิมเมจติดตั้ง Kali Linux (ISO) ได้โดยทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
    • เข้าเว็บ https://www.kali.org/downloads/ ด้วยเบราว์เซอร์ของคอม
    • คลิก HTTP ข้างเวอร์ชั่น Kali ที่จะใช้
    • รอจนดาวน์โหลดไฟล์เสร็จ
  3. ขั้นตอนนี้ต้องใช้แฟลชไดรฟ์ที่จุได้อย่างน้อย 4 GB ขึ้นไป
  4. ทำแฟลชไดรฟ์สำหรับบูทเครื่อง . จะติดตั้งจากแฟลชไดรฟ์ USB ได้ต้องเตรียมแฟลชไดรฟ์สำหรับบูทเครื่องซะก่อน
  5. เปิดแฟลชไดรฟ์ แล้วลากไฟล์ ISO ของ Kali Linux ที่ดาวน์โหลดมา ไปใส่ในหน้าต่างของแฟลชไดรฟ์
    • ต้องเสียบแฟลชไดรฟ์ USB ทิ้งไว้จนกว่าจะทำตามขั้นตอนจนเสร็จสิ้น
  6. จะติดตั้ง Kali Linux ในคอม ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
    • รีสตาร์ทเครื่อง Windows
    • เข้าเมนู BIOS
    • ตั้งค่าให้คอมบูทเครื่องจากไดรฟ์ USB โดยหาหัวข้อ "Boot Options" (หรืออะไรที่ใกล้เคียง) เลือกชื่อไดรฟ์ USB แล้วขยับขึ้นไปที่ด้านบนสุดของรายชื่อ
    • เซฟแล้วออกไป จากนั้นรอจนหน้าต่างติดตั้ง Kali Linux โผล่มา (อาจจะต้องรีสตาร์ทคอมอีกรอบ)
    • ติดตั้ง Kali Linux ไปตามขั้นตอนที่ปรากฏ
  7. คุณหาซื้อการ์ด Wi-Fi ได้จากในเน็ต หรือร้านคอมต่างๆ ตามห้าง โดยเลือกการ์ด Wi-Fi ที่ monitor (RFMON) หรือตรวจติดตามระบบได้ ไม่งั้นจะแฮก Wi-Fi ไม่ได้
    • คอมหลายเครื่องมีการ์ด Wi-Fi แบบ RFMON ในตัว เพราะงั้นให้ลองทำ 4 ขั้นตอนแรกของส่วนถัดไปดู ก่อนจะหาซื้อการ์ดใหม่
    • ถ้าใช้ Kali Linux แบบ virtual machine ก็ต้องใช้การ์ด Wi-Fi อยู่ดี ไม่ว่าคอมจะใช้การ์ดไหนอยู่
  8. พิมพ์ root username และรหัสผ่านตอนล็อกอิน
    • ต้องใช้บัญชี root ตลอดขั้นตอนการแฮก
  9. แล้วการ์ดจะเริ่มติดตั้งและดาวน์โหลดไดรฟ์เวอร์ให้ตัวเองทันที ถ้ามี ให้ทำตามขั้นตอนที่ปรากฏในหน้าจอจนเสร็จสิ้น หลังจากนั้นก็เริ่มแฮก Wi-Fi ตามต้องการได้เลย
    • ถึงเคยติดตั้งการ์ดในคอมแล้วก่อนหน้านี้ ก็ยังต้องตั้งค่าให้ใช้กับ Kali Linux โดยเสียบการ์ดอีกทีอยู่ดี
    • ส่วนใหญ่ก็แค่เสียบการ์ดที่คอม เท่านี้ก็ติดตั้งเรียบร้อย
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

ลงมือแฮก Wi-Fi

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หาแล้วคลิกไอคอนแอพ Terminal ที่เป็น ">_" สีขาวบนพื้นดำ
    • หรือแค่กด Alt + Ctrl + T ก็เปิด Terminal ได้แล้ว
  2. ให้พิมพ์คำสั่งต่อไปนี้ แล้วกด Enter
    sudo apt-get install aircrack-ng
  3. พิมพ์รหัสผ่านที่ใช้ล็อกอินเข้าคอม แล้วกด Enter เพื่อเปิดใช้งาน root access เวลาใช้ทุกคำสั่งใน Terminal
    • ถ้าเปิดอีกหน้าต่าง Terminal (ในขั้นตอนต่อๆ ไปของบทความนี้) อาจจะต้องป้อนคำสั่งโดยพิมพ์ sudo ไว้ข้างหน้า และ/หรือป้อนรหัสผ่านซ้ำอีกรอบ
  4. กด Y ตอนที่ขึ้น แล้วรอจนโปรแกรมติดตั้งเสร็จ
  5. พิมพ์คำสั่งต่อไปนี้ แล้วกด Enter
    airmon-ng
  6. ปกติจะอยู่ในคอลัมน์ "Interface"
    • ถ้าจะแฮกเน็ตตัวเอง ปกติชื่อจะขึ้นว่า "wlan0"
    • ถ้าไม่เจอชื่อ monitor แสดงว่าการ์ด Wi-Fi คุณใช้ฟังก์ชั่น monitoring ไม่ได้
  7. โดยพิมพ์คำสั่งต่อไปนี้ แล้วกด Enter
    airmon-ng start wlan0
    • อย่าลืมเปลี่ยน "wlan0" เป็นชื่อสัญญาณเน็ตที่จะแฮกก่อน ถ้าไม่ใช่ชื่อนี้
  8. โดยพิมพ์คำสั่งต่อไปนี้
    iwconfig
  9. บางทีการ์ด Wi-Fi ก็ไปทำงานขัดกันกับ services ที่ใช้งานอยู่ของคอม แบบนี้ให้ kill หรือหยุดการทำงานของ processes นั้นๆ โดยพิมพ์คำสั่งต่อไปนี้ [1]
    airmon-ng check kill 
    
  10. ส่วนใหญ่ชื่อที่ขึ้นจะเป็น "mon0" หรือ "wlan0mon" [2]
  11. ถ้าอยากได้รายชื่อเราเตอร์ทั้งหมดในระยะสัญญาณ ให้พิมพ์คำสั่งต่อไปนี้
    airodump-ng mon0
    • อย่าลืมเปลี่ยน "mon0" เป็นชื่อ monitor interface ในขั้นตอนที่แล้ว
  12. ท้ายทุก string ข้อความ จะมีชื่อขึ้น ให้หาที่ตรงกับสัญญาณเน็ตที่จะแฮก
  13. ถ้ามี "WPA" หรือ "WPA2" ขึ้นทางซ้ายของชื่อสัญญาณเน็ตเลย ก็ไปต่อได้ แต่ถ้าไม่มีแสดงว่าแฮกสัญญาณเน็ตนั้นไม่ได้
  14. โดย 2 ข้อมูลนี้จะอยู่ทางซ้ายของชื่อสัญญาณเน็ต
    • MAC address — จะเป็นบรรทัดหมายเลข ทางซ้ายสุดของบรรทัดข้อมูลของเราเตอร์
    • Channel — จะเป็นหมายเลข (เช่น 0, 1 และ 2 เป็นต้น) ทางซ้ายติดกับแท็ก WPA หรือ WPA2
  15. คอยติดตามหรือ monitor การ handshake ที่เกิดขึ้นผ่านสัญญาณเน็ตที่จะแฮก. การ "handshake" จะเกิดขึ้นเมื่อมีอะไรก็ตามเชื่อมต่อสัญญาณเน็ตนั้น (เช่น ตอนคอมเชื่อมต่อกับเราเตอร์) ให้พิมพ์โค้ดต่อไปนี้ โดยเช็คให้ชัวร์ว่าเปลี่ยนส่วนสำคัญในคำสั่งเป็นข้อมูลของสัญญาณเน็ตนั้นแล้ว
    airodump-ng -c channel --bssid MAC -w /root/Desktop/ mon0
    • ให้เปลี่ยน "channel" เป็นหมายเลข channel ที่ได้ในขั้นตอนที่แล้ว
    • เปลี่ยน "MAC" เป็น MAC address ที่ได้ในขั้นตอนที่แล้วเช่นกัน
    • อย่าลืมเปลี่ยน "mon0" ตามชื่อ interface ด้วย
    • ตัวอย่าง address ที่ได้จะออกมาเป็น
      airodump-ng -c 3 
      --bssid 1C:1C:1E:C1:AB:C1 -w /root/Desktop/ wlan0mon
  16. พอเห็นข้อมูลขึ้นพร้อมแท็ก "WPA handshake:" ตามด้วย MAC address ที่มุมขวาบนของหน้าจอ ก็ทำขั้นตอนต่อไปได้เลย
  17. กด Ctrl + C เพื่อปิด แล้วเช็คว่ามีไฟล์ ".cap" โผล่มาในหน้า desktop ของคอม
  18. ถึงจะไม่บังคับ แต่จะง่ายกว่าในขั้นตอนหลังๆ ให้ใส่คำสั่งต่อไปนี้เพื่อเปลี่ยนชื่อ ต้องแน่ใจว่าแทนที่ "name" ด้วยชื่อไฟล์ที่ต้องการแล้ว
    mv ./-01.cap name.cap
    • ถ้าไฟล์ ".cap" ไม่ได้ชื่อ "-01.cap" ให้เปลี่ยน "-01.cap" เป็นชื่อไฟล์ ".cap" ของคุณ
  19. โดยใช้ตัวแปลงไฟล์ของ Kali Linux ให้พิมพ์คำสั่งต่อไปนี้ โดยเปลี่ยน "name" เป็นชื่อไฟล์ของคุณ
    cap2hccapx.bin name.cap name.hccapx
    • หรือจะเข้าเว็บ https://hashcat.net/cap2hccapx/ แล้วอัพโหลดไฟล์ ".cap" เข้าเว็บแปลงไฟล์ โดยคลิก Choose File แล้วเลือกไฟล์ที่ต้องการ พออัพโหลดไฟล์แล้ว ให้คลิก Convert เพื่อแปลงไฟล์ จากนั้นดาวน์โหลดกลับไปที่หน้า desktop แล้วค่อยทำขั้นตอนต่อไป
  20. ที่เป็น service สำหรับ crack รหัสผ่าน โดยพิมพ์คำสั่งต่อไปนี้ตามลำดับ
    sudo git clone https://github.com/brannondorsey/naive-hashcat cd 
    naive-hashcat
    curl -L -o dicts/rockyou.txt https://github.com/brannondorsey/naive-hashcat/releases/download/data/rockyou.txt
  21. พอติดตั้งเสร็จแล้ว ให้พิมพ์คำสั่งต่อไปนี้ (อย่าลืมแทนที่ทุกจุดที่เป็น "name" ด้วยชื่อไฟล์ ".cap")
     HASH_FILE 
     = 
    name.hccapx POT_FILE 
     = 
    name.pot HASH_TYPE 
     = 
     2500 
    ./naive-hashcat.sh
  22. พอแฮกรหัสผ่านได้แล้ว string รหัสผ่านจะถูกเพิ่มเข้าไปในไฟล์ "name.pot" ที่อยู่ใน directory ชื่อ "naive-hashcat" โดยคำหรือวลีหลัง colon อันสุดท้าย นั่นแหละ string รหัสผ่าน
    • กว่าจะ crack รหัสผ่านได้ บางทีก็ใช้เวลา 2 - 3 ชั่วโมงไปจนถึง 2 - 3 เดือน
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

ใช้ Aircrack-Ng ในคอมแบบ Non-GPU

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ไฟล์ dictionary ที่นิยมใช้กันมากที่สุด คือ "Rock You" คุณดาวน์โหลดได้โดยพิมพ์คำสั่งต่อไปนี้
    curl -L -o rockyou.txt https://github.com/brannondorsey/naive-hashcat/releases/download/data/rockyou.txt
    • อธิบายกันก่อนว่าจะใช้ aircrack-ng crack รหัสผ่าน WPA หรือ WPA2 ไม่ได้ ถ้ารหัสผ่านนั้นไม่ได้อยู่ในรายชื่อคำหรือ word list
  2. พิมพ์คำสั่งต่อไปนี้ โดยใช้ข้อมูลที่จำเป็นของสัญญาณเน็ตที่จะแฮก
    aircrack-ng -a2 -b MAC -w rockyou.txt name.cap
    • ถ้าจะ crack รหัสผ่าน Wi-Fi แบบ WPA แทน WPA2 ให้เปลี่ยน "-a2" เป็น -a
    • เปลี่ยน "MAC" เป็น MAC address ที่ได้ในส่วนที่แล้วของบทความ
    • เปลี่ยน "name" เป็นชื่อไฟล์ ".cap"
  3. พอมีหัวข้อ "KEY FOUND!" โผล่มา ก็แสดงว่า aircrack-ng เจอรหัสผ่านเรียบร้อยแล้ว จะมีรหัสผ่านโผล่มาในวงเล็บ ทางขวาของหัวข้อ "KEY FOUND!"
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

ใช้ Deauth Attacks บังคับ Handshake

ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    deauth attack ใช้ยังไง. deauth attacks จะส่ง deauthentication packets อันตรายไปยังเราเตอร์ที่คุณพยายามจะแฮก จนทำให้เน็ตตัด ผู้ใช้ต้องล็อกอินกลับเข้ามาใหม่ พอล็อกอินกลับเข้ามา ก็จะเกิดการ handshake
  2. พิมพ์คำสั่งต่อไปนี้ โดยใช้ข้อมูลที่จำเป็นของสัญญาณเน็ตที่จะแฮก
    airodump-ng -c channel --bssid MAC
    • เช่น
      airodump-ng -c 1 
      --bssid 9C:5C:8E:C9:AB:C0
  3. พอเห็น 2 MAC address โผล่มาข้างกัน (รวมถึง string ข้อความที่มีชื่อยี่ห้อข้างๆ) ก็ทำขั้นตอนต่อไปได้เลย
    • แปลว่า client (เช่น คอม) ได้เชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตเรียบร้อยแล้ว
  4. โดยกด Alt + Ctrl + T ต้องเช็คก่อนว่า airodump-ng นั้นยังทำงานอยู่ที่เบื้องหลังของหน้าต่าง Terminal
  5. ให้พิมพ์คำสั่งต่อไปนี้ โดยใช้ข้อมูลที่จำเป็นของสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่จะแฮก [3]
    aireplay-ng -0 2 
    -a MAC1 -c MAC2 mon0
    • "2" ตรงนี้คือจำนวน packets ที่ส่งไป คุณจะเพิ่มหรือลดจำนวนก็ได้ แต่ต้องระวังว่าถ้าส่งไปเกิน 2 packets อาจเป็นการเปิดเผยว่ามีการแฮกระบบ
    • เปลี่ยน "MAC1" เป็น MAC address ซ้ายสุด ที่ท้ายหน้าต่าง Terminal ในเบื้องหลัง
    • เปลี่ยน "MAC2" เป็น MAC address ขวาสุด ที่ท้ายหน้าต่าง Terminal ในเบื้องหลัง
    • อย่าลืมเปลี่ยน "mon0" เป็นชื่อ interface ที่เจอตอนคอมสแกนหาเราเตอร์ตอนแรก
    • คำสั่งที่ได้จะออกมาหน้าตาประมาณนี้
      aireplay-ng -0 3 
      -a 9C:5C:8E:C9:AB:C0 -c 64 
      :BC:0C:48:97:F7 mon0
  6. หลังส่ง deauth packets เสร็จแล้ว ให้กลับไปยังหน้าต่าง Terminal ที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง
  7. พอเจอแท็ก "WPA handshake:" และ address ข้างๆ แล้ว ก็ เริ่มแฮกสัญญาณเน็ต ได้เลย
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ก่อนจะปล่อยเซิร์ฟเวอร์ออนไลน์ แนะนำให้ใช้วิธีการในบทความนี้ทดสอบหาช่องโหว่ของสัญญาณ Wi-Fi ที่ใช้อยู่ซะก่อน เป็นการเตรียมระบบเผื่อถูกใครโจมตีแบบเดียวกัน
โฆษณา

คำเตือน

  • ถ้าส่งไปเกิน 2 deauth packets ระวังคอมปลายทางจะล่มจนยิ่งดูน่าสงสัย
  • การแฮกเข้าสัญญาณ Wi-Fi ของคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นผิดกฎหมายแน่นอนในแทบทุกประเทศ เพราะงั้นขอให้ใช้วิธีการในบทความนี้เฉพาะทดสอบสัญญาณเน็ตของตัวเอง หรือสัญญาณเน็ตของคนที่รับรู้และอนุญาตแล้วเท่านั้น
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 74,118 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา