ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

น้ำมันหอมระเหยเป็นน้ำมันที่ได้จากการกลั่นหรือสกัดจากผลไม้ เปลือกผลไม้ ส่วนต่างๆ ของพืช เช่น กิ่ง ใบ หรือดอก ใช้ในอโรมาเธอราพีเพื่อบำบัดร่างกายและจิตใจ น้ำมันหอมระเหยสามารถใช้ทาบริเวณที่ต้องการร่วมกับตัวนำอย่างน้ำเปล่าหรือน้ำมันตัวพา (carrier oil) ใช้สูดดมไอจากเตาระเหย หรือผสมกับส่วนผสมอื่นๆ เพื่อทำสเปรย์ มาลองเรียนรู้วิธีการใช้ประโยชน์จากน้ำมันหอมระเหยจากบทความนี้กัน

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

การเลือกน้ำมันหอมระเหย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. พิจารณาคุณภาพของน้ำมันหอมระเหยให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ. เนื่องจากคุณต้องใช้น้ำมันหอมระเหยกับร่างกายและภายในบ้านของคุณเอง คุณจึงควรเลือกน้ำมันหอมระเหยที่คุณภาพสูง ไม่มีมาตรฐานคุณภาพตายตัวสำหรับน้ำมันหอมระเหยแต่ละยี่ห้อที่วางขายตามท้องตลาด ดังนั้นผู้ใช้จึงควรพิจารณาจากหลายๆ ปัจจัยก่อนจะเลือกซื้อน้ำมันหอมระเหยสักขวดหนึ่ง
    • เคยได้ยินชื่อและ/หรือใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทนั้นหรือไม่ คุณควรซื้อน้ำมันหอมระเหยจากผู้ผลิตที่เชื่อถือได้เท่านั้น
    • ราคาเท่ากันหรือถูกกว่าน้ำมันหอมระเหยยี่ห้ออื่นที่มีคุณภาพใกล้เคียงกันหรือไม่ ควรหลีกเลี่ยงน้ำมันหอมระเหยที่มีราคาถูกมากเนื่องจากอาจเป็นน้ำมันหอมระเหยที่ไม่บริสุทธิ์ก็ได้
    • บนฉลากระบุชื่อวิทยาศาสตร์ของพืชที่นำมาสกัดและ/หรือประเทศหรือแหล่งที่มาหรือไม่ รายละเอียดดังกล่าวจะทำให้ผู้ใช้มีความเข้าใจในผลิตภัณฑ์มากขึ้น และทำให้ผลิตภัณฑ์มีความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นอีกด้วย
    • เป็นแบบบริสุทธิ์หรือไม่ เลือกซื้อน้ำมันหอมระเหยที่มีความบริสุทธิ์ 100% และควรหลีกเลี่ยงน้ำมันหอมระเหยที่ระบุว่าไม่ถึง 100% หรือไม่ระบุแน่ชัด
    • กลิ่นเป็นอย่างไร ถ้ากลิ่นของน้ำมันหอมระเหยดมแล้วเหมือนกลิ่นสังเคราะห์ น้ำมันหอมระเหยขวดนั้นอาจไม่ใช่ของแท้
    • วัตถุดิบที่นำมาสกัดเป็นพืชออร์แกนิคหรือพืชที่ขึ้นเองตามธรรมชาติหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ น้ำมันหอมระเหยขวดนั้นอาจสกัดมาจากวัตถุดิบที่ผลิตเป็นจำนวนมากและ/หรือใช้สารเคมีในการกำจัดแมลง ควรหลีกเลี่ยงน้ำมันหอมระเหยดังกล่าว [1]
  2. พิจารณาส่วนประกอบทางเคมี (chemotype) ของน้ำมันหอมระเหยก่อนเลือกซื้อ. น้ำมันหอมระเหยชนิดเดียวกันอาจมีส่วนประกอบทางเคมีหรือกลิ่นที่ต่างกัน ทั้งนี้เกิดจากปัจจัยต่างๆ ในการเพาะปลูกอย่างเช่นสภาพอากาศ ดิน สภาพแวดล้อม หรือปัจจัยอื่นๆ
    • ตัวอย่างเช่น น้ำมันหอมระเหยกลิ่นโหระพาสามารถจำแนกได้ 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ Sweet basil และ Reunion basil โดย Sweet basil oil จะมีกลิ่นหอมหวานส่วน Reunion basil oil จะมีกลิ่นหอมทึบ [2]
  3. แสงและความร้อนจะทำให้น้ำมันหอมระเหยจะเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ดังนั้นจึงควรเลือกซื้อน้ำมันหอมระเหยที่บรรจุในขวดแก้วสีทึบ (โดยมากมักเป็นสีน้ำตาล) และซีลปากขวดเรียบร้อย หลีกเลี่ยงการซื้อน้ำมันหอมระเหยที่ฝาเปิดอยู่หรือโดนแสงหรือความร้อนเป็นเวลานาน [3]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

การเจือจางน้ำมันหอมระเหย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. น้ำมันหอมระเหยบางชนิดอาจส่งผลให้คุณไม่สบายหรืออาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตหากกินหรือดื่มลงไป คุณสามารถใช้น้ำมันหอมระเหยกับผิวของคุณได้อย่างปลอดภัยเพียงแค่เจือจางก่อนการใช้ [4]
  2. น้ำมันหอมระเหยสามารถนำไปผสมกับน้ำมันตัวพา เจือจางในน้ำเปล่าเพื่อทำสเปรย์ หรือผสมกับอย่างอื่น เช่น เกลืออาบน้ำ ควรรู้จุดประสงค์การใช้ก่อนนำน้ำมันหอมระเหยไปเจือจาง
  3. ผสมกับน้ำมันตัวพาหรือน้ำเปล่าเมื่อต้องการใช้ภายนอก. น้ำมันสวีทอัลมอนด์ น้ำมันแอพพริคอท น้ำมันเมล็ดองุ่น น้ำมันโจโจ้บา และน้ำมันอโวคาโด เป็นน้ำมันตัวพาที่ทำงานร่วมกันได้ดีกับน้ำมันหอมระเหย น้ำมันตัวพาดังกล่าวมีกลิ่นที่ไม่แรงเกินไปจนอาจกลบกลิ่นหรือทำให้กลิ่นปนกันกับน้ำมันหอมระเหย คุณสามารถเจือจางน้ำมันหอมระเหยกับน้ำได้เช่นกัน ก่อนใช้น้ำมันหอมระเหยคุณควรตัดสินใจให้ดีว่าจะนำมาใช้อย่างไร
    • เมื่อนำไปใช้บริเวณเฉพาะสำหรับผู้ใหญ่ ควรผสมในอัตราความเข้มข้น 3-5% ใช้น้ำมันหอมระเหย 3-5 หยดผสมกับน้ำเปล่าหรือน้ำมันตัวพา 1 ช้อนชา เหมาะกับการนำไปใช้ในบริเวณขมับหรือข้อมือในปริมาณเพียงเล็กน้อย
    • เมื่อนำไปใช้บริเวณกว้างสำหรับผู้ใหญ่ ควรผสมในอัตราความเข้มข้น 1% ให้ใช้น้ำมันหอมระเหย 1 หยดผสมกับน้ำเปล่าหรือน้ำมันตัวพา 1 ช้อนชา เหมาะกับการใช้ร่วมกับน้ำมันนวดหรือเป็นสเปรย์ฉีดผิว
    • ถ้าต้องการนำไปใช้กับเด็กทารก ควรผสมให้เจือจางลงเป็นอัตราความเข้มข้น 0.25% แทน ให้ใช้น้ำมันหอมระเหย 1 หยดผสมกับน้ำเปล่าหรือน้ำมันตัวพา 4 ช้อนชา [5]
    • เมื่อต้องการผสมน้ำอาบ ให้ใช้น้ำมันหอมระเหย 3-5 หยดผสมกับเกลืออาบน้ำหรือน้ำมันตัวพา 1 ช้อนชา แล้วผสมลงไปในน้ำสำหรับอาบ การเจือจางน้ำมันหอมระเหยก่อนใช้ช่วยให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผิวหนังโดยตรงซึ่งอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้
  4. เรามักได้ยินว่าห้ามใช้น้ำมันหอมระเหยกับผิวหนังโดยไม่เจือจางก่อนเนื่องจากอาจเกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง [6] แต่มีผลวิจัยออกมาว่าการใช้น้ำมันหอมระเหยโดยไม่เจือจางก่อนนั้นกลับเป็นผลดีในบางกรณี ตัวอย่างเช่น มีการวิจัยหนึ่งกล่าวว่าการใช้น้ำมันทีทรีที่ไม่ผ่านการเจือจางกับเล็บวันละ 2 ครั้งสามารถรักษาอาการติดเชื้อราที่เล็บได้ [7] อย่างไรก็ดี ควรสอบถามข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านอโรมาเธอราพีก่อนใช้ทุกครั้ง
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

การใช้น้ำมันหอมระเหยในการรักษา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. น้ำมันหอมระเหยสามารถลดอาการปวดหัวอ่อนๆ ได้ ให้ผสมน้ำมันหอมระเหย 3-5 หยดเข้ากับน้ำมันตัวพา 1 ช้อนชา แล้วหยดลงบนหน้าผาก ขมับ หรือหลังคอ ค่อยๆ นวดเป็นวงกลม ขณะนวดให้หายใจเข้าลึกๆ ด้วย น้ำมันหอมระเหยที่สามารถลดอาการปวดหัวได้ดี ได้แก่
    • ลาเวนเดอร์
    • เปปเปอร์มินต์ [8]
    • ขิง [9]
  2. น้ำมันหอมระเหยสามารถช่วยรักษาสิวอย่างได้ผล ทั้งยังเป็นส่วนประกอบทางเคมีสำคัญที่พบในครีมหรือยารักษาสิว มีการวิจัยหนึ่งพบว่าน้ำมันทีทรีในอัตราความเข้มข้น 5% ได้ผลเทียบเท่ากับเบนซอยล์เปอร์ออกไซด์ (ส่วนประกอบหลักในครีมรักษาสิว) ในการรักษาสิว [10]
    • การใช้น้ำมันทีทรีรักษาสิว ให้ผสมน้ำมันเข้ากับเจลว่านหางจระเข้ 1 ช้อนชา จากนั้นใช้ปลายนิ้วหรือก้านสำลีแต้มลงบนสิว หากใช้ไม่หมดให้ใส่ในภาชนะสูญญากาศแล้วเก็บไว้ในตู้เย็น จะสามารถเก็บได้ 1 สัปดาห์
  3. บรรเทาอาการนอนไม่หลับด้วยน้ำมันลาเวนเดอร์ โรมันคาโมไมล์ หรือคลารี่ เสจ. น้ำมันหอมระเหยไม่ได้ช่วยรักษาโรคนอนไม่หลับหรือขจัดต้นตอที่ทำให้เกิดโรค แต่การใช้น้ำมันหอมระเหยที่มีกลิ่นที่ให้ความรู้สึกสงบและผ่อนคลายก่อนเข้านอนจะช่วยให้นอนหลับได้ง่ายและสบายขึ้น น้ำมันหอมระเหย 3 ชนิดที่ดีที่สุดในการบรรเทาอาการนอนหลับยากคือ ลาเวนเดอร์ ที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้น โรมันคาโมไมล์ ที่ช่วยให้รู้สึกสงบ และคลารี่ เสจ ที่มีฤทธิ์เหมือนยานอนหลับ [11] [12] [13]
    • หากมีเครื่องทำไอระเหย ให้ลองหยดน้ำมันลาเวนเดอร์ โรมันคาโมไมล์ หรือคลารี่ เสจลงไปเล็กน้อย
    • ลองหยดน้ำมันหอมระเหยลงไปในน้ำสำหรับอาบ หรือผสมน้ำมันหอมระเหย 1 หยดเข้ากับน้ำมันตัวพา 1 ช้อนชาแล้วใช้นวดที่ขาและเท้าก่อนเข้านอน
    • จำไว้ว่าน้ำมันหอมระเหยบางชนิด เช่น โรสแมรี่ ไซเปรส เกรปฟรุต เลมอน และเปปเปอร์มินต์ จะทำให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันหอมระเหยดังกล่าวก่อนเวลาเข้านอน
  4. การใช้น้ำมันหอมระเหยโดยส่วนใหญ่มักใช้เพื่อผ่อนคลายความเครียด ทำให้จิตใจสงบและผ่อนคลาย การที่น้ำมันหอมระเหยมีผลต่ออารมณ์เรานั้นเป็นเพราะประสาทรับกลิ่นเชื่อมต่อกับระบบลิมบิก หรือสมองส่วนควบคุมอารมณ์และความจำ [14] น้ำมันหอมระเหย 5 ชนิดที่ดีที่สุดในการผ่อนคลายความเครียด ได้แก่
    • ลาเวนเดอร์ กลิ่นของดอกไม้ธรรมชาติที่หวานจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายทั้งร่างกายและอารมณ์
    • แฟรงคินเซนส์ กลิ่นที่อบอุ่นสามารถบรรเทาความเครียดได้
    • กุหลาบ เป็นน้ำมันที่ได้รับความนิยมในการใช้ลดอาการเครียด หดหู่ ซึมเศร้า
    • คาโมไมล์ โดยเฉพาะสายพันธุ์โรมัน ช่วยในการกำจัดความเครียดที่เกิดจากความกังวล และยังลดอาการหวาดระแวงได้อีกด้วย
    • วานิลลา เป็นน้ำมันหอมระเหยที่มีชื่อเสียงในการรักษาโรค กลิ่นวานิลลาจะเป็นกลิ่นสบายๆ ผู้เชี่ยวชาญด้านอโรมาเธอราพีกล่าวว่ากลิ่นวานิลลานั้นมีความใกล้เคียงกับกลิ่นของนมแม่ ช่วยให้รู้สึกสงบและสมองปลอดโปร่ง
  5. น้ำมันใบไธม์เป็นน้ำมันหอมระเหยที่ช่วยลดอาการนอนกรนได้อย่างดีเยี่ยม โดยผสมน้ำมันหอมระเหย 3-5 หยดกับน้ำมันตัวพา แล้วทาลงไปที่ใต้เท้าทั้งสองข้างก่อนเข้านอน [15] [16] คุณสามารถใช้น้ำมันชนิดอื่นอย่างไม้ซีดาร์และมาเจอแรมแทนน้ำมันใบไธม์ได้
  6. ยากันยุงจำนวนมากที่ขายอยู่ทั่วไปนั้นเต็มไปด้วยสารเคมีสังเคราะห์ที่มีกลิ่นเหม็นและทำให้เกิดการระคายเคืองบนผิวหนัง น้ำมันเลมอน ยูคาลิปตัสที่ผสมอย่างเข้มข้นเป็นตัวเลือกที่ดีที่ในไล่ยุงแทนยากันยุงได้ [17] คุณสามารถเจือจางก่อนใช้หรือจะใช้ทาผิวโดยตรงเลยก็ได้ หรือจะใช้กับเครื่องกระจายกลิ่นหรือเตาน้ำมันหอมระเหยโดยตั้งไว้บริเวณหน้าต่างที่เปิดอยู่
    • หากต้องการทำยากันยุงใช้เอง ให้ผสมน้ำมันตัวพา 2 ช้อนโต๊ะ (29.6 มิลลิลิตร) กับวิช ฮาเซล 2 ช้อนโต๊ะเข้ากับน้ำมันเลมอน ยูคาลิปตัส 50 หยด, น้ำมันลาเวนเดอร์ 10 หยด, น้ำมันไม้ซีดาร์ 10 หยด และน้ำมันโรสแมรี่ 10 หยด แล้วเทลงขวดสเปรย์เล็ก จากนั้นให้เขย่าจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันก่อนใช้ [18]
  7. น้ำมันหอมระเหยสามารถขจัดเชื้อโรคและลดอาการเจ็บปวดจากเชื้อราได้ ห้ามหยดน้ำมันเข้าไปในหูโดยตรง แต่ให้ทาลงไปบริเวณลำคอและหลังหูที่ติดเชื้อ
    • น้ำมันทีทรีเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการบรรเทาอาการปวดหู โดยผสมน้ำมัน 3-5 หยดเข้ากับน้ำมันตัวพา 1 ช้อนชา แล้วนวดลงไปบริเวณหลังหูและคอ [19]
  8. บรรเทาอาการเวียนศีรษะด้วยน้ำมันเปปเปอร์มินต์. น้ำมันเปปเปอร์มินต์ได้ผลดีที่สุดในการลดอาการวิงเวียนศีรษะและคลื่นไส้ เปปเปอร์มินต์ประกอบด้วยสารเมนทอล เมทิล และเมนโทน ที่ทำให้มีกลิ่นหอมเย็นและมีสรรพคุณทำให้กระปรี้กระเปร่า เมื่อมีอาการเวียนศีรษะ ให้หยดน้ำมันเปปเปอร์มินต์ลงบนสำลีก้อนหรือผ้าเช็ดหน้า แล้วค่อยๆ สูดดมเข้าไป [20] ยังมีน้ำมันหอมระเหยชนิดอื่นๆ ที่สามารถลดอาการวิงเวียนศีรษะ ได้แก่
    • ไซเปรส
    • โหระพา
    • คลารี่ เสจ
    • ดอกเมอเทิล
    • ลาเวนเดอร์
    • ขิง
    • กุหลาบ
    • โรสแมรี่
    • ส้มแทนเจอรีน
  9. ด้วยสรรพคุณช่วยต่อต้านอาการอักเสบและช่วยลดอาการเจ็บปวด น้ำมันหอมระเหยบางชนิดจึงถูกใช้เพื่อลดอาการผิวไหม้มาอย่างยาวนาน น้ำมันหอมระเหยที่ใช้บรรเทาอาการผิวไหม้ที่ได้ผลที่สุดคือน้ำมันลาเวนเดอร์ น้ำมันดอกเฮลิสคริสซัม น้ำมันกุหลาบ น้ำมันออสเตรเลียน บลู (เป็นน้ำมันที่ได้จากการผสมกันของน้ำมันหอมระเหยหลายชนิด) การนำไปใช้ ให้ผสมน้ำมันหอมระเหย 1 หยดกับว่านหางจระเข้ 1 ช้อนชา แล้วทาบริเวณที่ถูกแดดเผาไหม้ [21]
    • คุณสามารถทำสเปรย์ลดอาการแสบร้อนผิวหนังจากแสงแดดได้ด้วยตนเองโดยใช้ส่วนประกอบต่างๆ ดังนี้
      • น้ำว่านหางจระเข้ 1 ถ้วยกับอีก 1 ช้อนโต๊ะ
      • น้ำมันมะพร้าว ¼ ถ้วย
      • วิตามินอี 1 ช้อนชา
      • น้ำมันลาเวนเดอร์ 8 หยด
      • น้ำมันทีทรี 8 หยด
      • น้ำมันโรมันคาโมไมล์ 8 หยด
    • ใส่ส่วนประกอบทั้งหมดลงในขวดสเปรย์แล้วเขย่าให้เข้ากัน
  10. ลาเวนเดอร์ ทีทรี ยูคาลิปตัส เปปเปอร์มินต์ และน้ำมันหอมระเหยอีกหลายชนิดสามารถใช้รักษาแผลอย่างรอยขีดข่วน แผลไหม้ หรือรอยแมลงกัดต่อย เนื่องจากมีสรรพคุณช่วยยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ ก่อนใช้น้ำมันหอมระเหยควรล้างแผลให้สะอาดก่อน ดูให้แน่ใจว่าไม่มีเลือดไหลออกจากแผล ให้ผสมน้ำมันหอมระเหย 2-3 หยดเข้ากับน้ำมันตัวพา 1 ช้อนชา [22]
    • ทาน้ำมันที่ผสมแล้ว 2-5 ครั้งต่อวันไปเรื่อยๆ จนแผลหายดี หลังการใช้ คุณสามารถประคบเย็นบนแผลเพื่อบรรเทาอาการเลือดออกและอาการบวม ทั้งยังช่วยให้น้ำมันซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้นด้วย
  11. ใช้น้ำมันเปปเปอร์มินต์เพื่อลดอาการท้องเสีย. น้ำมันเปปเปอร์มินต์นอกจากจะช่วยบรรเทาอาการท้องเสียแล้ว ยังสามารถบรรเทาอาการคลื่นไส้และอาหารไม่ย่อยได้อีกด้วย เพียงผสมน้ำมันหอมระเหย 3-5 หยดเข้ากับน้ำมันตัวพา 1 ช้อนชา แล้วถูบนหน้าท้องเพื่อลดอาการปวดท้อง [23]
    • น้ำมันหอมระเหยที่สามารถใช้แทนกันได้ ได้แก่ น้ำมันขิง น้ำมันลูกจันทน์เทศ และน้ำมันสเปียร์มินต์
    • ประคบร้อนหลังทาน้ำมันลงไปช่วยให้อาการเจ็บและอาการอึดอัดลดลง
    • งานวิจัยส่วนใหญ่พบว่าการทานน้ำมันเปปเปอร์มินต์สามารถรักษาโรคลำไส้แปรปรวน (Irritable Bowel Syndrome) ได้ [24]
  12. น้ำมันยูคาลิปตัสมีสรรพคุณช่วยรักษาอาการทางระบบทางเดินหายใจ เมื่อสูดไอระเหยเข้าไปจะช่วยให้ระบบทางเดินหายใจโล่งและรู้สึกเย็นๆ ในโพรงจมูก คนส่วนใหญ่มักใช้น้ำมันยูคาลิปตัสในการบรรเทาอาการคัดจมูกรวมถึงอาการหวัดและอาการภูมิแพ้ด้วย [25]
    • เมื่อต้องการใช้น้ำมันยูคาลิปตัสเพื่อลดอาการคัดจมูก ให้ผสมน้ำมันยูคาลิปตัส 3-5 หยดเข้ากับน้ำมันตัวพา 1 ช้อนชา ทาที่ใต้จมูกในปริมาณเล็กน้อยและถูบริเวณอกด้วย
    • ถ้ามีอาการคัดจมูกอย่างรุนแรง ให้นำน้ำมันยูคาลิปตัสหยดลงไปในเครื่องทำความชื้นหรือเครื่องกระจายกลิ่นในปริมาณเพียงเล็กน้อย
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

การใช้น้ำมันหอมระเหยเพื่อเพิ่มความสดชื่นในบ้าน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หยดน้ำมันหอมระเหยลงในเตาน้ำมันหอมระเหยเพื่อให้บ้านมีกลิ่นหอม. ใส่น้ำเปล่าในปริมาณเล็กน้อยลงไปในถ้วยที่อยู่ด้านบนของเตา จุดเทียนใต้เตา จากนั้นหยดน้ำมันหอมระเหยที่ชอบ 2-3 หยดลงไปในน้ำ กลิ่นหอมจางๆ จะกระจายไปทั่วห้อง
    • สามารถใช้ก้านน้ำหอมปรับอากาศในการกระจายกลิ่นได้เช่นเดียวกัน [26]
  2. จุดเทียนแล้วรอประมาณ 1-2 นาทีเพื่อให้ด้านบนของเทียนละลาย เป่าเทียนให้ดับแล้วจึงหยดน้ำมันหอมระเหย 2-3 หยดลงไปในไขเทียนที่ละลาย เสร็จแล้วให้จุดเทียนอีกครั้ง อย่าหยดลงไปตรงไส้เทียนเนื่องจากน้ำมันหอมระเหยสามารถติดไฟได้ง่าย
  3. ถ้าคุณไม่มีเตาน้ำมันหอมระเหยหรือเทียนไข เพียงแค่เติมน้ำร้อนลงไปในถ้วยเล็กๆ หรือจานรองถ้วย แล้วหยดน้ำมันหอมระเหย 2-3 หยดลงไป ไอน้ำจะช่วยกระจายกลิ่นหอมไปรอบๆ ห้องของคุณ ควรวางถ้วยหรือจานให้ห่างจากสัตว์เลี้ยงและเด็ก
  4. ใส่น้ำกลั่น 60 มิลลิลิตรและวอดก้าหรือวิช ฮาเซล 60 มิลลิลิตรลงไปในขวดสเปรย์เล็กๆ จากนั้นให้เติมน้ำมันหอมระเหยที่ชอบ (หรืออาจผสมหลายๆ ชนิดเข้าด้วยกัน) ลงไป 30-40 หยด แล้วเขย่าให้เข้ากัน ฉีดน้ำหอมปรับอากาศไปทั่วๆ ห้องหรือบนเฟอร์นิเจอร์และผ้า ควรหลีกเลี่ยงการฉีดลงไปบนพื้นผิวที่ขัดเงา [27]
  5. หยดน้ำมันหอมระเหยประมาณ 2 หยดลงบนเบาะรองนั่งหรือหมอน แล้วคุณจะรู้สึกผ่อนคลายทุกครั้งที่นั่งหรือนอนลงไป ถ้าคุณกังวลเรื่องความเสียหายที่อาจเกิดกับเนื้อผ้า ให้หยดน้ำมันหอมระเหยลงในสำลีก้อนแล้วใส่เข้าไปในปลอกเบาะรองนั่งหรือปลอกหมอนแทน
  6. เนื่องจากมีสรรพคุณต้านเชื้อแบคทีเรีย น้ำมันหอมระเหยจึงสามารถนำไปเป็นส่วนประกอบในการทำสเปรย์ทำความสะอาดอเนกประสงค์ได้เช่นกัน คุณสามารถใช้สเปรย์ในการทำความสะอาดพื้นผิวที่เรียบได้ เช่น กระเบื้อง กระจก และพลาสติก การทำสเปรย์ ให้ผสมส่วนประกอบเหล่านี้ให้เข้ากัน [28]
    • น้ำส้มสายชูหรือวิช ฮาเซล ½ ถ้วย
    • น้ำเปล่า ½ ถ้วย
    • น้ำมันหอมระเหยที่ต้องการ (ควรเลือกใช้ทีทรี ลาเวนเดอร์ เลมอน และเปปเปอร์มินต์)
    • น้ำยาล้างจานเล็กน้อย (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
  7. นำเสื้อยืดคอตตอนที่ไม่ใส่แล้วมาตัดเป็นสีเหลี่ยมจัตุรัสกว้างยาว 5 นิ้ว ก่อนอบผ้าแห้งทุกครั้งให้หยดน้ำมันหอมระเหยที่ต้องการลงบนผ้าที่ตัดแล้ว แล้วใส่เข้าไปในเครื่องอบผ้าพร้อมกับเสื้อผ้าที่เปียกและเปิดเครื่องอบผ้าใช้งานตามปกติ ซักผ้าสี่เหลี่ยมนี้หลังใช้งานแล้ว 2-3 ครั้ง [29]
  8. มองหาวิธีใช้น้ำมันหอมระเหยอื่นๆ ในการทำให้บ้านสดชื่น. น้ำมันหอมระเหยสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้มากมายหลายวิธี ลองหาวิธีใหม่ๆ ตลอดเวลาในการใช้น้ำมันหอมระเหยกับบ้านของคุณ หรือจะลองทำตามวิธีเหล่านี้ดู
    • หยดน้ำมันหอมระเหยลงไปในก้านธูปหรือมัดสมุนไพรตากแห้ง 3 หยดแล้วจุดไฟ
    • หยดน้ำมันหอมระเหยลงไปในผลิตภัณฑ์ที่กลิ่นจางหายหมดแล้ว เช่น โลชั่น สบู่ และโฟมอาบน้ำ เพื่อให้กลิ่นหอมที่ชอบเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน
    • หยดน้ำมันหอมระเหยลงไปในถุงเก็บฝุ่นสำหรับเครื่องดูดฝุ่นก่อนเปิดเครื่อง ขณะที่ใช้เครื่องดูดฝุ่น กลิ่นหอมจะกระจายออกมาในขณะที่กำลังดูดฝุ่น และทำให้บ้านของคุณมีกลิ่นที่หอมสดชื่น
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • หากคุณสนใจอยากเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับน้ำมันหอมระเหยและอโรมาเธอราพี ลองเข้าคอร์สเรียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ดู
โฆษณา

คำเตือน

  • ใช้เตาน้ำมันหอมระเหย เทียน ไม้ขีดไฟ และไฟแช็กด้วยความระมัดระวัง
  • น้ำมันหอมระเหยบางชนิดไม่สามารถทานได้เนื่องจากอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ แต่สามารถใช้ภายนอกได้โดยไม่เป็นอันตราย
  • ไม่ควรสัมผัสโดยตรง เนื่องจากน้ำมันหอมระเหยมีความไวไฟสูงและอาจทำร้ายผิวได้
  • ควรขอคำแนะนำจากผู้ขายหรือผู้เชี่ยวชาญด้านอโรมาเธอราพีที่มีใบอนุญาตก่อนการใช้น้ำมันหอมระเหย
โฆษณา
  1. http://www.webmd.com/vitamins-supplements/ingredientmono-113-tea%20tree%20oil.aspx?activeingredientid=113&activeingredientname=tea%20tree%20oil
  2. http://www.webmd.com/vitamins-supplements/ingredientmono-838-lavender.aspx?activeingredientid=838&activeingredientname=lavender
  3. http://www.webmd.com/vitamins-supplements/ingredientmono-752-roman%20chamomile.aspx?activeingredientid=752&activeingredientname=roman%20chamomile
  4. https://www.organicfacts.net/health-benefits/essential-oils/health-benefits-of-clary-sage-essential-oil.html
  5. http://www.takingcharge.csh.umn.edu/explore-healing-practices/aromatherapy/how-do-essential-oils-work
  6. http://www.rapidhomeremedies.com/remedies-for-snoring.html
  7. http://www.family-essential-oils.com/essential-oil-use-chart.html
  8. http://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/alternative-mosquito-repellents
  9. http://www.diynatural.com/homemade-insect-mosquito-repellent/
  10. http://www.webmd.com/vitamins-supplements/ingredientmono-113-tea%20tree%20oil.aspx?activeingredientid=113&activeingredientname=tea%20tree%20oil
  11. http://www.family-essential-oils.com/dizzy-spells.html
  12. http://www.rapidhomeremedies.com/remedies-for-sunburn.html
  13. http://www.experience-essential-oils.com/natural-wound-healing.html
  14. http://www.mindbodygreen.com/0-8108/13-common-ailments-you-can-treat-with-peppermint-oil.html
  15. http://www.webmd.com/vitamins-supplements/ingredientmono-705-peppermint.aspx?activeingredientid=705&activeingredientname=peppermint
  16. http://www.webmd.com/vitamins-supplements/ingredientmono-700-eucalyptus.aspx?activeingredientid=700&activeingredientname=eucalyptus
  17. http://www.aromaweb.com/recipes/aromatherapy-essential-oils-reed-diffuser-recipes.asp
  18. http://www.aromaweb.com/recipes/rafresh.asp
  19. http://handmademood.com/a-refreshing-kitchen-cleaner-using-essential-oils/
  20. http://www.diynatural.com/homemade-fabric-softener-dryer-sheets/

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 30,155 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา