ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ตอนนี้เครื่องชงกาแฟกลายมาเป็นหนึ่งในเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ขาดไม่ได้ของหลายๆ บ้าน ไม่ต้องอะไรมาก แค่เดินออกไปหน้าปากซอยก็เจอร้านกาแฟเยอะพอๆ กับร้านสะดวกซื้อแล้ว คนไทยถือเป็นชาติที่ดื่มกาแฟกันเยอะไม่แพ้ชาติใดในโลกเลย ถ้าคุณเป็นหนึ่งในนั้นและเพิ่งซื้อเครื่องชงกาแฟมาหมาดๆ อาจจะกดปุ่มนั้นปุ่มนี้ชงไปตามเรื่องตามราว แต่บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำขั้นตอนง่ายๆ ในการใช้เครื่องชงกาแฟอย่างเต็มประสิทธิภาพให้คุณเอง

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ชงกาแฟตามปกติ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Watermark wikiHow to ใช้เครื่องชงกาแฟ
    จะใช้กระดาษกรองสีน้ำตาลหรือแบบฟอกขาวก็แล้วแต่ แต่แนะนำให้ใช้ที่ดีๆ หน่อย เพราะกระดาษกรองถูกๆ จะชงออกมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่
    • เครื่องชงกาแฟส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับตะแกรงกรองกาแฟ ถ้าเครื่องของคุณมีก็สบายไป เพราะง่ายแถมดีต่อสิ่งแวดล้อม ต้องอ่านคู่มือ ถ้ามีที่กรองเฉพาะก็อย่าใช้แบบกระดาษ
  2. Watermark wikiHow to ใช้เครื่องชงกาแฟ
    ยิ่งอยากได้กาแฟแก้วใหญ่ ก็ต้องใส่กาแฟในที่กรองเยอะ สัดส่วนกาแฟกับน้ำจะแตกต่างกันออกไปตามเครื่องชงกาแฟและกาแฟที่ใช้ แต่สัดส่วนมาตรฐานคือกาแฟประมาณ 2 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 6 ออนซ์ หรือประมาณ 170 มล. (ง่ายๆ คือเต็มฝาปิดเครื่องบดกาแฟ อย่าให้ล้น) แนะนำให้อ่านคู่มือก่อนกะสัดส่วนกาแฟและน้ำเอาเอง
    • ถ้าเป็นกาแฟคั่วบดแพงๆ ก็อาจจะต้องใช้สัดส่วนกาแฟ/น้ำต่างออกไป แต่ส่วนใหญ่จะมีวิธีบอกไว้ที่ถุงหรือขวดเลย
    • เน้นว่าต้องใช้ช้อนโต๊ะ แต่เครื่องชงกาแฟส่วนใหญ่จะมีช้อนตวงเป็นสกู๊ปมาให้ ก็ลองอ่านดูว่าต้องตักกี่สกู๊ป
  3. Watermark wikiHow to ใช้เครื่องชงกาแฟ
    จะดูจากเส้นที่กำหนดไว้ที่หม้อต้มกาแฟ หรือที่ข้างเครื่องชงกาแฟก็ได้ โดยรินน้ำจากหม้อต้มกาแฟลงในเครื่องชงกาแฟ ปกติฝาเปิดจะอยู่ด้านหลังหรือด้านบนของตะแกรงกรอง
    • ถ้าเพิ่งเคยใช้เครื่องชงกาแฟครั้งแรก อาจจะเผลอเติมน้ำลงในตะแกรงชงกาแฟได้ง่าย บอกเลยว่าห้ามทำ ให้เทใส่ลิ้นชักสำหรับใส่และต้มน้ำ เทน้ำแล้วให้เอาหม้อต้มกาแฟวางกลับที่แผ่นทำความร้อน
  4. Watermark wikiHow to ใช้เครื่องชงกาแฟ
    บางเครื่องก็จะเริ่มชงกาแฟอัตโนมัติ แต่บางเครื่องก็ต้องตั้งเวลาเองก่อน
  5. Watermark wikiHow to ใช้เครื่องชงกาแฟ
    บางเครื่องจะมี "pause" setting ให้หยุดการทำงานชั่วคราว แล้วรินใส่ถ้วยก่อนเสร็จสิ้น
  6. Watermark wikiHow to ใช้เครื่องชงกาแฟ
    ถ้าเอากากกาแฟออกช้าไป ระวังกาแฟจะขมไปเพราะรสออกมาหลังชงเสร็จ
    • ถ้าใช้ตะแกรงกรอง ให้เทกากกาแฟทิ้งถังขยะ (หรือเอาไปรีไซเคิล) แล้วล้างตะแกรงซะ
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

ชงกาแฟแบบเต็มรูปแบบ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Watermark wikiHow to ใช้เครื่องชงกาแฟ
    ก็เหมือนเครื่องครัวอื่นๆ ที่ถ้าใส่น้ำร้อนเรื่อยๆ จะมีตะกรันสะสมได้ พวกนี้แหละที่ทำให้ชงกาแฟแล้วออกมารสหืนๆ พิกล แค่คิดก็ขนลุก เพราะงั้นต้องหมั่นล้างทำความสะอาดเครื่องชงกาแฟ ถึงจะชงออกมาได้กาแฟรสเยี่ยม ลองแวะไปอ่านบทความ วิธีการล้างเครื่องชงกาแฟ ของเราดูได้
    • ถ้าเครื่องชงกาแฟมีกลิ่นหรือคราบไม่พึงประสงค์ทั้งที่ไม่ได้ใช้ หรือจำไม่ได้ว่าล้างครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ แสดงว่านานเกินไปแล้ว รีบล้างด่วน
  2. ถ้าอยากได้รสกาแฟสดเข้มข้น ให้ซื้อเมล็ดกาแฟสดแล้วบดเองเลย อย่าไปซื้อสำเร็จรูป กลิ่นกาแฟที่หอมถูกใจคุณนั้นมาจากสารให้กลิ่นที่ละเอียดอ่อนมากและอยู่ในเซลล์ของเมล็ดกาแฟอีกที ตอนบด เมล็ดกาแฟจะแตกออก อากาศเข้าไปได้ ทิ้งไว้นานๆ ก็เกิดปฏิกิริยา ทำให้กาแฟสูญเสียกลิ่นหอมเฉพาะตัวไป [1]
    • ต้องเก็บเมล็ดกาแฟในภาชนะที่ปิดสนิทมิดชิด กาแฟมีสรรพคุณดูดซับกลิ่น หลายคนเลยใช้กากกาแฟดูดกลิ่นในตู้เย็นแทนเบคกิ้งโซดา นั่นคือข้อดี แต่ข้อเสียก็คือถ้ากาแฟถูกอากาศนานๆ จะทำให้มีกลิ่นออกแนวกระเทียมได้
    • คอกาแฟทั้งหลายก็ถกเถียงกันมานาน ว่าควรเก็บเมล็ดกาแฟในอุณหภูมิต่ำหรือเปล่า บางคนก็ว่าควรเก็บในตู้เย็น ถ้าจะใช้ภายในอาทิตย์นั้น แต่ถ้ายังไม่ใช้ใน 2 - 3 อาทิตย์ ให้แช่ช่องฟรีซแทน ส่วนคอกาแฟอีกกลุ่มก็แนะนำว่าไม่ต้องอะไรขนาดนั้น แค่เก็บในที่มืดๆ เย็นๆ ก็พอ [2]
  3. ต้องใช้เมล็ดกาแฟบดหยาบหรือหนาแค่ไหน ขึ้นอยู่กับวิธีชง ต้องเลือกใช้ให้ถูกต้อง กาแฟถึงจะออกมารสดีอย่างที่ควรจะเป็น เมล็ดกาแฟคั่วบดจะปล่อยกลิ่นหอมเมื่อโดนน้ำ ถ้าปรับเปลี่ยนความหยาบ (และพื้นผิวโดยรวมที่โดนน้ำ) ของเมล็ดกาแฟบด ก็จะส่งผลต่อกลิ่นกาแฟที่ชงเสร็จด้วย ปกติยิ่งชงนาน กาแฟก็ต้องโดนน้ำได้เยอะๆ แปลว่าต้องบดหยาบ
    • ถ้าเป็นเครื่องชงกาแฟ "ดริป" ที่อธิบายไปในส่วนที่ 1 บดหยาบปานกลาง (เหมือนพวกกาแฟสำเร็จรูป) จะกำลังดี แต่ถ้าชงแบบหรูๆ อย่าง french press หรือ aeropress ก็ควรศึกษาชาร์ทบอกความหยาบ เช่น http://www.coffeeconfidential.org/grinding/ground-coffee/
  4. เวลาชงกาแฟ น้ำควรจะร้อน 91 - 96 °C (195 - 205 °F) หรือเกือบเดือดนั่นเอง ถ้าน้ำเย็นไป กลิ่นจะไม่หอมเท่าที่ควร แต่ถ้าร้อนไป น้ำจะลวกกาแฟ มีผลต่อรสที่ได้ [3]
    • ถ้าต้มน้ำชงกาแฟเอง ก็ต้มน้ำให้เดือดก่อน จากนั้นยกลงจากเตา รอประมาณ 1 นาทีแล้วค่อยเทใส่กาแฟ
    • ถ้าเก็บเมล็ดกาแฟคั่วบดไว้ในตู้เย็น ก็เอามาชงได้เลย ไม่ค่อยมีผลเสีย แต่ถ้าจะชงเอสเปรสโซ่ ควรเอาออกมาวางให้เมล็ดกาแฟเย็นเท่าอุณหภูมิห้องก่อนแล้วค่อยชง [4] เพราะเอสเปรสโซ่ใช้น้ำน้อยเวลาชง น้ำโดนกาแฟแค่ช่วงสั้นๆ ถ้าเมล็ดกาแฟเย็นจะส่งผลต่อกลิ่นได้
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

แก้ปัญหาที่พบบ่อย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Watermark wikiHow to ใช้เครื่องชงกาแฟ
    เครื่องชงกาแฟก็เหมือนเครื่องครัวหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป คือถ้าใช้เป็นประจำก็เสียตรงนั้นตรงนี้ได้ ต่อไปนี้คือ 2 - 3 ปัญหาที่พบบ่อย และวิธีการซ่อมแซมแก้ไขที่แนะนำ ก่อนจะลงมือแก้ไขเอง ต้องถอดปลั๊กและเช็คว่าไม่เหลือน้ำร้อนค้างอยู่ในลิ้นชักของเครื่องแล้ว
  2. อย่างที่บอกไปในส่วนที่ 2 ของบทความ ว่าถ้าน้ำร้อนอยู่ในเครื่องนานๆ ก็เกิดตะกรันได้ เลยส่งผลต่อรสชาติกาแฟ วิธีแก้คือให้ล้างทำความสะอาดเครื่องชงกาแฟ (รวมถึงชิ้นส่วนข้างใน) ทุกเดือนถ้าใช้งานเป็นประจำ จะเข้าไปอ่านวิธีการโดยละเอียดในบทความ วิธีการล้างเครื่องชงกาแฟ ของเราก่อนก็ได้
    • คุณอาจเก็บรักษากาแฟผิดวิธี แนะนำว่าไม่ควรเปิดถุงหรือภาชนะใส่กาแฟทิ้งไว้ ให้กาแฟโดนอากาศนานๆ และระวังเรื่องสารปนเปื้อน เพราะกาแฟดูดกลิ่นจากสิ่งอื่นๆ รอบตัวได้ง่ายมาก
  3. Watermark wikiHow to ใช้เครื่องชงกาแฟ
    ถ้าน้ำไหลน้อย (หรือไม่ไหลเลย) เป็นไปได้ว่าท่อใดท่อหนึ่งในเครื่องชงกาแฟเกิดตันขึ้นมา (ท่ออลูมิเนียมให้ความร้อนนี่แหละตัวอุดตันเลย [5] ) ลองเปิดเครื่องชงกาแฟโดยใช้น้ำส้มสายชูแทนน้ำ แบบไม่ต้องใส่กาแฟหรือที่กรองดู ทำซ้ำได้จนกว่าจะหายอุดตัน แล้วเปิดเครื่องซ้ำอีก 2 รอบ ให้น้ำเปล่าล้างน้ำส้มสายชูให้สะอาดหมดจด
  4. ปกติเครื่องชงกาแฟรุ่นใหม่ๆ จะมีให้เลือกปริมาณกาแฟที่ต้องการดื่มได้ ประมาณว่าชงแล้วพอดีกับแก้วมักหรือกระติกเก็บความร้อนเลย เพราะงั้นลองเช็คดูว่าตั้งค่าเครื่องชงกาแฟถูกต้องแล้ว รวมถึงเทน้ำใส่ลิ้นชักตามปริมาณที่ต้องการแล้ว ถ้าจะให้แน่ใจ ต้องลองอ่านเรื่องปริมาณกาแฟที่ได้ในคู่มือของเครื่อง
  5. แสดงว่าตัวทำความร้อนหรือขดลวดทำความร้อนในเครื่องชงกาแฟมีปัญหา บอกเลยว่าเครื่องชงกาแฟไม่ค่อยมีอะไหล่เปลี่ยน จะซ่อมเองก็ขั้นตอนซับซ้อนและค่อนข้างอันตราย เพราะงั้นคงต้องซื้อเครื่องใหม่ลูกเดียว
    • ถ้ายังยืนยันว่าอยากจะซ่อมเอง ก็ต้องปิดเครื่องและถอดปลั๊กก่อนเริ่มขั้นตอน [6] แนะนำให้ศึกษาวิธีการโดยละเอียดจากในคู่มือหรือในเน็ตซะก่อน
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้าชงกาแฟออกมาขมเกินไปตลอด ให้ลองเหยาะเกลือ 2 - 3 หยิบมือในเมล็ดกาแฟ จะช่วยลดความขมที่เกิดระหว่างชงได้ (โดยเฉพาะถ้าใช้กาแฟคุณภาพไม่ค่อยดี) หรือลองผสมเศษเปลือกไข่ 2 - 3 ชิ้น เขาว่าช่วยให้กาแฟรสนุ่มขึ้นได้ (เป็นวิธีที่นาวิกโยธินอเมริกาเขาใช้กัน)
  • ตวงกาแฟเสร็จแล้วให้รีบปิดถุงให้สนิทตามเดิม ไม่งั้นรสชาติเสียแน่เพราะโดนออกซิเจนนาน
  • ถ้าโรยอบเชย (ซินนามอน) บดละเอียดใส่เมล็ดกาแฟก่อนชง จะช่วยลดความขมของกาแฟที่ชงเข้มจัดได้ แต่ระวัง ถ้าใช้เครื่องชงกาแฟดริป อย่าใส่ผงเครื่องเทศบดละเอียดเยอะเกิน 1 ช้อนโต๊ะ เพราะกาแฟจะล้นออกจากที่กรองของเครื่องได้
  • ถ้าอยากรู้เทคนิคการชงกาแฟ "ขั้นสูง" ลองหาอ่านเพิ่มเติมในเน็ตดู
  • ขั้นตอนต่างๆ ในบทความนี้ เป็นการชงกาแฟขั้นพื้นฐาน สำหรับเครื่องชงกาแฟทั่วไปที่ปรับแต่งได้น้อย ถ้าเป็นเครื่องแพงๆ ปรับแต่งได้เยอะๆ ก็อาจจะมีวิธีการและขั้นตอนที่ละเอียดแตกต่างไปจากนี้ เพราะวิธีการชงกาแฟก็มีหลายแบบ เช่น
    • ชงโดยใช้ coffee pods หรือกาแฟสำเร็จรูปแบบถ้วยหรือแคปซูล
    • ชงแบบ aeropress โดยใช้เครื่องชงกาแฟสไตล์ Keurig
    • ชงแบบ french press หรือ cafetiere
  • เอากากกาแฟมารีไซเคิล โดยเฉพาะใช้ดับกลิ่นไม่พึงประสงค์ในครัว ในตู้เย็น หรือใช้ขัดหม้อ นอกจากนี้เพราะกากกาแฟมีทั้งฟอสฟอรัสและไนโตรเจน [7] เลยใช้ทำปุ๋ยให้ต้นไม้บางพันธุ์ได้เป็นอย่างดี
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าลืมปิดหม้อต้มกาแฟหลังชงเสร็จ ปกติไม่ค่อยอันตรายอะไร แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เสี่ยงไฟช็อตจนไฟไหม้ โดยเฉพาะถ้าเครื่องชงกาแฟไม่มีฟีเจอร์ปิดเองอัตโนมัติตอนไม่ใช้งาน
  • ระวังอย่าเปิดฝาเครื่องชงกาแฟตอนกำลังชง เพราะน้ำเดือดจะกระเด็นลวกผิวได้
  • อย่าเปิดให้หม้อต้มกาแฟทำงานโดยไม่มีน้ำข้างใน เพราะจะทำให้หม้อร้าวได้
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 27,717 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา