ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เครื่องหมายอะพอสทรอฟี (apostrophe) นั้นจะถูกใช้ด้วยสองเหตุผล: เพื่อแสดงว่าตัวอักษรที่อยู่ในตำแหน่งนั้นหายไป และเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ กฎการใช้อะพอสทรอฟีนั้นแตกต่างกันไปตามประเภทของคำ อะพอสทรอฟีจะช่วยให้การเขียนของคุณชัดเจนและกระชับ

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

ใช้อะพอสทรอฟีแสดงความเป็นเจ้าของ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ใช้เครื่องหมายอะพอสทรอฟีเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของกับคำนามเฉพาะ. เครื่องหมายอะพอสทรอฟีที่มี "s" ตามหลังคำนามเฉพาะบ่งชี้ว่าบุคคล สถานที่ หรือวัตถุเป็นเจ้าของของคำนามอะไรก็ตามที่ตามหลังชื่อของเขา เช่น "Mary's lemons" เรารู้ว่าเลมอนเป็นของแมรี่เพราะมี ' s ตัวอย่างอื่นก็เช่น "China's foreign policy" และ "the orchestra's conductor"
    • ความเป็นเจ้าของสำหรับคำนามเฉพาะบางตัวอาจออกมาพิกลได้ อย่าง "Sunday's football game" จริงๆ แล้วถือว่าไม่ถูกต้องเสียทีเดียว (เพราะวันอาทิตย์ไม่อาจแสดงความเป็นเจ้าของได้) แต่ก็เป็นที่ยอมรับทั้งในภาษาพูดและภาษาเขียน ส่วน "A hard day's work" ก็ถูกต้องสมบูรณ์แบบเช่นกัน ทั้งๆ ที่วันไม่สามารถแสดงความเป็นเจ้าของได้
  2. มีความต่อเนื่องเวลาใช้อะพอสทรอฟีหลังคำที่ลงท้ายด้วย "s. " เวลาที่ชื่อของใครสักคนลงท้ายด้วยตัว "s" เป็นที่ยอมรับกันว่าสามารถใช้อะพอสทรอฟีโดยไม่ต้องมี "s" เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ แต่นักสัทศาสตร์ที่ใช้รูปแบบของสำนักชิคาโกยังเลือกที่จะเติม "s" หลังเครื่องหมายอะพอสทรอฟี [1] [2]
    • โปรดสังเกตความแตกต่างในวิธีการใช้:
      • ยอมรับได้ : Jones' house; Francis' window; Enders' family
      • แบบที่ถูกต้องกว่า : Jones's house; Francis's window; Enders's family
    • ไม่ว่าคุณจะเลือกเขียนแบบไหน ให้เขียนแบบนั้นตลอด ไม่สำคัญว่าคุณจะเลือกแบบอะไร ตราบเท่าที่คุณใช้มันคงเส้นคงวา
  3. อย่าใช้อะพอสทรอฟีเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของเวลาใช้ "it". "China's foreign policy" นั้นถูกต้อง แต่สมมติว่าคนอ่านทราบแล้วว่าคุณกำลังพูดถึงประเทศจีน และคุณเริ่มจะใช้สรรพนามแทนที่ประเทศนั้นด้วยคำว่า "it" หากคุณกำลังอ้างอิงสิ่งที่เป็นกรรมสิทธิ์ของจีนทำนองนี้ ให้ใช้ว่า "its foreign policy"
    • เหตุผลสำหรับเรื่องนี้ก็คือเพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนระหว่าง "its" ที่ใช้แสดงความเป็นกรรมสิทธิ์ กับ "it's" เวลาใช้เป็นคำกร่อนของ "it is" หากคุณไม่แน่ใจว่าเมื่อไหร่จะต้องใช้อะพอสทรอฟี ลองพูดประโยคนั้นด้วยคำ "it is" หรือ "it has" ถ้าฟังดูแล้วไม่เข้าที (แบบ "it is foreign policy" ไม่สามารถใช้แทนที่ "China's foreign policy"), งั้นก็ตัดอะพอสทรอฟีทิ้งได้เลย
  4. ใช้อะพอสทรอฟีเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของโดยคำนามพหูพจน์. ความผิดพลาดอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นบ่อยเวลาใช้อะพอสทรอฟีสำหรับกลุ่มที่เป็นพหูพจน์ก็คือ เวลาที่ผู้คนต้องการพูดถึงสิ่งที่เป็นกรรมสิทธิ์ของครอบครัว เช่น สมมติว่าครอบครัวสมาร์ทที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเป็นเจ้าของเรือลำหนึ่ง เรือลำนั้นจะใช้ว่า "the Smarts' boat" ไม่ใช่ "the Smart's boat" เพราะคุณกำลังพูดถึงสมาชิกทุกคนในครอบครัวสมาร์ท คุณจึงเริ่มด้วยการใช้คำว่า "Smarts" เนื่องจากสมาชิกของครอบครัวสมาร์ททุกคน (ตีว่าอย่างนั้น) เป็นเจ้าของเรือร่วมกัน คุณจึงเติมอะพอสทรอฟีตามหลัง "s"
    • หากนามสกุลของครอบครัวนั้นลงท้ายด้วย "s," ให้ทำมันเป็นพหูพจน์ก่อนเติมอะพอสทรอฟี เช่น หากคุณต้องการพูดถึงครอบครัววิลเลี่ยมส์ พวกเขาจะกลายเป็น "the Williamses" ในรูปแบบพหูพจน์ เวลาจะอ้างถึงสุนัขของพวกเขา คุณจึงใช้ว่า "the Williamses' dog" แต่ถ้าเกิดนามสกุลแปรเป็นพหูพจน์แล้วดูพิลึกกึกกือ ให้เลี่ยงประเด็นโดยการใช้ว่า "the Williams family" และ "the Williams family's dog"
    • หากคุณต้องการแจกแจงว่าใครเป็นเจ้าของสิ่งนั้นบ้าง ให้รู้ว่าต้องใส่อะพอสทรอฟีตรงไหน เช่น ถ้าทั้งจอห์นกับแมรี่เป็นเจ้าของแมวตัวหนึ่ง คุณจะเขียนว่า "John and Mary's cat" — ไม่ใช่ "John's and Mary's cat" "John and Mary" ถือเป็นนามวลีร่วม ดังนั้นจึงต้องใช้อะพอสทรอฟีตัวเดียว
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

หลีกเลี่ยงการใช้อะพอสทรอฟีสำหรับคำพหูพจน์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. โดยทั่วไป อย่าใช้อะพอสทรอฟีเพื่อแสดงความเป็นพหูพจน์. การใช้คำอะพอสทรอฟีเป็นคำพหูพจน์ผิดๆ นั้นเรียกกันว่า อะพอสทรอฟีของเจ้าของร้านของชำ (greengrocer's apostrophe) เนื่องจากพ่อค้าของชำมักเป็นพวกที่ใช้ผิดมากที่สุด (หรืออย่างน้อยก็เห็นได้บ่อยที่สุด) [3] ถ้าคุณมีแอปเปิลมากกว่าหนึ่งผล ให้เขียนว่า apples , ไม่ใช่ apple's
    • มีข้อยกเว้นสำหรับการใช้แบบนี้คือในกรณีที่จะทำให้อักษรตัวเดียวเป็นพหูพจน์ ดังนั้นหากจะถามว่าทำไมถึงมีตัว i หลายตัวในคำว่า "indivisibility" คุณจะต้องใช้ว่า Why are there so many i's in the word "indivisibility"? ประโยคนี้ถูกต้อง ขึ้นอยู่กับว่าคุณถามใคร [4] ทั้งนี้ก็ด้วยเหตุผลของความกระจ่างชัดเจน เพื่อคนอ่านจะได้ไม่หลงนึกว่ามันคือคำว่า "is" อย่างไรก็ดี ในการใช้แบบสมัยใหม่นั้น ที่นิยมเลือกใช้จะเป็นการหลีกเลี่ยงการเติมอะพอสทรอฟี แล้วหันไปใส่เครื่องหมายอัญประกาศรอบตัวอักษรเดี่ยวตัวนั้นก่อนจะทำให้มันเป็นพหูพจน์แทน: Why are there so many "i"s in the word "indivisibility"?
    • หลีกเลี่ยงปัญหาของจำนวนตัวเลขน้อยๆ ไปด้วยกันโดยการใช้สะกดเป็นคำแทน: "ones" แทนที่ "1's," "fours" แทนที่ "4's" หรือ "nines" แทนที่ "9's" ใช้สะกดคำแทนตัวเลขในจำนวนที่ต่ำกว่าสิบลงมา
  2. รู้ว่าจะต้องใช้อะพอสทรอฟีสำหรับคำย่อและปีอย่างไร. สมมติว่าคุณใช้อักษรย่อแทนคำนามอย่างเช่น CD การจะทำ CD ให้เป็นพหูพจน์นั้น ใช้ "CDs," ไม่ใช่ CD's" ตรรกะแบบเดียวกันครอบคลุมถึงการใช้ปี แทนที่จะเขียนว่า "Spandex was popular in the 1980's," ให้ใช้ "1980s"
    • เวลาเดียวที่อะพอสทรอฟีสมควรใช้ในปีหนึ่งเดียวคือเมื่อมันถูกใช้แทนตัวเลขที่ข้ามไป เช่น หากคุณต้องการจะเขียนย่อปี 2005 ให้สั้นลง คุณต้องเขียนว่า '05 ในกรณีนี้ อะพอสทรอฟีจะทำหน้าที่เหมือนเป็นตัวแทนที่การย่อคำและใช้เป็นการเขียนลัด
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

ใช้อะพอสทรอฟีในการย่อคำ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. บางครั้งอะพอสทรอฟีจะใช้เพื่อแสดงตัวอักษรที่หายไปหนึ่งตัวหรือมากกว่านั้น โดยเฉพาะในการเขียนแบบไม่เป็นทางการ เช่น คำว่า "don't" เป็นคำย่อของ "do not"; ตัวอย่างอื่นๆ ก็อาทิเช่น "isn't," "wouldn't," และ "can't" การย่อคำยังใช้ได้กับคำกริยา "is," "has," และ "have" เช่น เราสามารถเขียนว่า "She's going to school" แทนที่จะเป็น "She is going to school"; หรือ "He's lost the game" แทนที่ "He has lost the game"
  2. ใช้อะพอสทรอฟีกับคำว่า "it" เพียงเมื่อคุณต้องการย่อแทนคำว่า "it is" หรือ "it has ความที่ It นั้นเป็นคำสรรพนาม และคำสรรพนามก็มีรูปแบบการแสดงความเป็นเจ้าของที่ไม่ต้องใช้อะพอสทรอฟี เช่น "That noise? It's just the dog eating its bone" มันอาจจะดูชวนสับสน แต่มันก็ดำเนินรอยตามรูปแบบเดิมเหมือนกับการแสดงความเป็นเจ้าของของคำสรรพนามอื่นๆ: his, hers, its, yours, ours, theirs
  3. หลายๆ คนใช้การย่อคำอย่างไม่เป็นทางการ อย่างเช่น "shouldn't've" หรือ "'ought" คำย่อเหล่านี้ไม่ใช่คำย่อที่ถูกต้องแท้จริง จึงสมควรเลี่ยงที่จะใช้มันในงานเขียนอย่างเป็นทางการ อีกข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยงคือการใช้ชื่อคนในคำย่อ เช่น ถ้าคุณใช้ "Bob's" ในฐานะคำย่อของ "Bob is" อย่างนี้ไม่ถูกต้อง คำว่า "Bob's" นั้นควรจะต้องเป็นการแสดงความเป็นเจ้าของ ไม่ใช่คำย่อ ส่วนการย่อโดยใช้คำสรรพนามนั้นไม่ผิดอะไร เช่น "he's" หรือ "she's"
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

เขียนอะพอสทรอฟีในลายมือเขียน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เวลาเขียนตัวลายมือเขียน ให้เชื่อมตัวอักษรตามหลังอะพอสทรอฟีกับคำที่เหลือทั้งหมดเสมอ. ตัวอย่าง: คุณจะเขียนคำว่า she's ก็ให้เขียน shes ก่อนแล้วค่อยเติมอะพอสทรอฟีลงไป

เคล็ดลับ

  • หากเกิดไม่แน่ใจ จำไว้เสมอว่าอะพอสทรอฟีมักใช้ในคำนามเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ หลีกเลี่ยงการใช้อะพอสทรอฟีในเรื่องอื่น
  • สำหรับชื่อเดี่ยวๆ ที่ลงท้ายด้วย "s," รูปแบบการเขียนแบบชิคาโกจะเติม "s" หลังอะพอสทรอฟี อย่างเช่นใน "Charles's bike" หากงานเขียนของคุณต้องการให้คุณยึดหลักการเขียนแบบใดแบบหนึ่ง ก็ทำตาม ทั้งสองรูปแบบล้วนได้รับการยอมรับ เพียงแต่ให้เลือกใช้แบบเดียวตลอดทั้งชิ้นงาน
  • The Elements of Style โดย Strunk กับ White เป็นคู่มือแนะนำการเขียนและการใช้เครื่องหมายวรรคตอนที่กะทัดรัด หามาติดมือไว้สักเล่มเวลาเขียนและใช้อ้างอิงเวลาเกิดไม่แน่ใจ
โฆษณา

คำเตือน

  • เวลาที่คำลงท้ายด้วย "y," อย่างเช่นใน "try," ให้ระมัดระวังเวลาเปลี่ยนรูปคำกริยา เช่น "try" ไม่ได้กลายเป็น "try's" แต่ต้องใช้ว่า " Tries " ถึงจะถูก
  • การโยนทุกอย่างไปใส่อะพอสทรอฟีแสดงให้เห็นว่าคนเขียนไม่ได้เข้าใจกฎของการแสดงความเป็นเจ้าของ กฎการย่อคำ และคำพหูพจน์ ถ้าไม่แน่ใจ ให้เลือกด้านการไม่ใส่อะพอสทรอฟีดีกว่า
  • อย่าใช้อะพอสทรอฟีหรือเครื่องหมายอัญประกาศสำหรับการเน้นคำ เช่น บนป้ายโฆษณาที่บอกว่า: Joe Schmo, the "best" realtor in town! มันทำให้คำว่า "best" ดูมีน้ำเสียงประชดประชันและไม่เป็นจริง แทนที่จะเป็นการเน้นมันขึ้นมา
  • อย่าใส่อะพอสทรอฟีภายในชื่อของคุณบนซองที่อยู่ส่งกลับ หากนามสกุลของคุณคือ "Greenwood," ใช้คำว่า " The Greenwoods " ถูกต้อง ในขณะที่ " the Greenwood's " นั้นผิด เพราะ "The Greenwoods" แสดงที่พำนักอาศัยของคนมากกว่าหนึ่งคนที่ใช้นามสกุลกรีนวูด ไม่ใช่แสดงความเป็นเจ้าของ
  • อย่าใช้คำว่า "Her's" โดยเด็ดขาด Her's ไม่ใช่คำ เหมือนที่คุณจะไม่ใช้คำว่า "him's" จำไว้ว่าคำสรรพนามที่แสดงความเป็นเจ้าของไม่จำเป็นต้องมีอะพอสทรอฟี: his, hers, its, yours, ours, theirs
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 17,583 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา