ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
ช่วงชีวิตที่เปลี่ยนไป อาจทำให้คุณมีเวลาว่างแบบไม่เคยมีมาก่อน เช่น เปลี่ยนตารางเวลา เกษียณ ตกงาน ลูกแยกออกไปอยู่เอง หรือลูกแต่งงาน ถ้ารู้จักใช้เวลาเหลือเฟือที่มีให้เป็นประโยชน์ จะช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ และเติมพลังให้คุณรู้สึกกระฉับกระเฉง แถมชีวิตมีความหมายไม่เสียเปล่า หลายคนว่างแล้วเครียด เพราะกลัว "การอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไร" ปัญหานี้จะหมดไป ถ้าคุณรู้จักบริหารจัดสรรเวลาให้เป็นประโยชน์ แล้วคุณจะรู้รอบ เป็นโอกาสให้ได้ใช้ชีวิตเต็มที่ เป็นคนที่มีคุณค่า บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำกิจกรรมต่างๆ ให้คุณได้ทำยามว่าง ทั้งสนุกและมีประโยชน์เลย
ขั้นตอน
-
วางแผนสิ่งที่อยากทำ. ต้องรู้แน่ชัดว่าจะทำอะไรตอนไหน ถึงจะใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์สูงสุด ถ้าเรื่อยๆ มาเรียงๆ เดี๋ยวก็นึกเองว่าอยากทำอะไร หรือรอให้เกิดไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ บอกเลยว่ายาก ต้องเริ่มจากวางแผนจัดสรรบริหารเวลา
- สิ่งแรกที่ต้องคิด คือคุณต้อง "ลงมือทำ" อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไป อย่ารอคอยแรงบันดาลใจ หรือรอใครมาแนะนำ ต้องคิดและวางแผนเองว่าอยากทำอะไรเมื่อไหร่
- ต่อมาให้ตัดสินใจ ว่าสิ่งไหนที่ "มีคุณค่า" สำหรับคุณ จริงๆ แล้วการพักผ่อนหย่อนใจ นั่งๆ นอนๆ เพื่อชาร์จแบต หรือคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ก็ถือว่าเป็นกิจกรรมที่ "มีประโยชน์" ถ้าทำแล้วชีวิตคุณดี๊ดี มีความสุขสบายใจขึ้น อย่าจำกัด "ความมีคุณค่ามีประโยชน์" ไว้แค่ในกรอบเดิมๆ
- จดสิ่งที่อยากทำยามว่างออกมา จะเรียงลำดับยังไงก็ตามใจชอบ หรือมองว่าทุกกิจกรรมสำคัญเท่ากันก็ได้ แล้วแต่คุณเลย
- จดไดอารี่เล่าเรื่องชีวิตที่เป็นอยู่ รวมถึงชีวิตที่อยากให้เป็น เขียนไปด้วยว่ายามว่างทำอะไรบ้าง เป็นเหมือนการสำรวจตัวเอง ว่าชอบหรือไม่ชอบสิ่งที่ทำไป ยังอยากทำสิ่งนั้นต่อไปหรือเปล่า
- ทำ visualization board หรือก็คือฟิวเจอร์บอร์ดติดรูปต่างๆ ให้เห็นภาพชัดเจนว่าอยากทำอะไรบ้างในยามว่าง
-
เครียดแล้วเสียเวลาเปล่า. ถ้าอยากใช้เวลาว่างให้คุ้มค่าที่สุด ก็อย่าเอาเรื่องยุ่งๆ เครียดๆ เข้ามาปะปน เวลาว่างคือเวลาให้ได้ปลดล็อค คืนความสดชื่นและพลังกายพลังใจให้ตัวเอง รวมถึงกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ และเป็นเวลาให้ได้ค้นหาตัวตนที่แท้จริง ถ้าเอาภารกิจหนักอึ้งหรือกิจวัตรประจำวันน่าเบื่อเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะอยากทำอะไรที่มัน "มีประโยชน์" บอกเลยว่าเวลาว่างจะกลายเป็นเวลางาน นานไปจะเหมือนไม่ได้พัก ต้องทำงานตลอดศก ทีนี้จะไม่เครียดได้ยังไง
- สิ่งที่ ไม่ควรทำ ในยามว่างก็เช่น งานบ้านหรืองานจากที่ทำงาน การตอบอีเมลและข้อความเสียง ดูทีวี งานเหนื่อยๆ หนักๆ (อุตส่าห์ว่างทั้งที ขอฝันกลางวัน คิดเรื่อยเปื่อยหน่อย) หรือเล่นมือถือ/แท็บเล็ตทั้งวัน ถ้ารู้ตัวว่าเล่นเกมทีไร "เพลินจนลืมเวลา" ลองตัดใจจาก "หน้าที่การงาน", "หน้าจอ" และ "อีเมล" ก่อน รอหมดเวลาว่างแล้วค่อยทำ
-
ขยายขอบเขต comfort zone. อีกวิธีใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์สูงสุด ก็คือลองทำอะไรใหม่ๆ เผื่อจะค้นพบด้านแปลกใหม่และน่าสนใจของตัวเอง ก้าวออกจาก comfort zone แล้วออกเดินทางค้นหาตัวตนให้ได้เติบโต คุณจะไม่เบื่อแน่นอนเพราะมีอะไรใหม่ๆ ให้ท้าทายสมอง และเสริมสร้างความรู้ กิจกรรมก้าวข้าม comfort zone ที่น่าลองก็เช่น
- ลองทำกิจกรรมใหม่ๆ ที่อยากทำมาตั้งนานแต่ผัดวันมาตลอด โดยเฉพาะด้วยข้ออ้างว่า "ไม่มีเวลา" ก็ตอนนี้มีเหลือเฟือแล้วไง!
- ทำกิจกรรมสุดรักที่เคยทำตลอดเมื่อ 10 ปีก่อน แต่ห่างไปเพราะภาระหน้าที่ คราวนี้ถึงเวลาปัดฝุ่น ออกเดินทางค้นหาตัวเองอีกครั้ง แรกๆ อาจจะไม่ค่อยชิน หรือเวลาทำให้หลายๆ อย่างเปลี่ยนไป (โดยเฉพาะตัวคุณ) แต่ขอให้เริ่มทำอย่างมีความสุขสนุกสนาน เหมือนกับทำความรู้จักกันอีกครั้ง
- ไล่รายชื่อสิ่งที่ทำคุณตื่นเต้น แค่คิดก็นั่งไม่ติดแล้ว หากิจกรรมหรือประสบการณ์ที่จะนำความรู้สึกที่ว่ากลับมาหาคุณ
- อาจลองทำงานอดิเรกที่เรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง เช่น เรียนภาษาเขียนโปรแกรมคอม เรียนภาษาต่างประเทศ เขียนนิยาย เรื่องสั้น หรือบทละคร เรียนทำเครื่องประดับ เรียนออกแบบกราฟฟิก เรียนถ่ายรูป เรียนเต้น (จะรูดเสา เต้นระบำหน้าท้อง ซุมบ้า เต้นแท็ป หรือแจ๊สแดนซ์ก็ตามชอบ) เรียนทำอาหารหรือทำขนม ไม่ก็เป็นฝ่ายสอนวิชาที่ตัวเองถนัดซะเลย
-
เปลี่ยนวิธีเสพสื่อ. ปิดทีวีซะ ว่างทั้งทีอย่าเอาแต่นั่งจับเจ่าหน้าจอ ลองมาหาวิธีเสพสื่ออย่างสร้างสรรค์ดีกว่า เดี๋ยวนี้ผู้ใช้เป็นคนกำหนดเนื้อหาในอินเทอร์เน็ตเองแล้ว เพราะฉะนั้นคุณมีโอกาสมากมายในการบริหารจัดการเวลาว่าง โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์ หรือเนื้อหาข้อมูลที่มี มาสร้างผลงานแล้วแชร์ให้โลกรู้เลย
- อาจจะทำคลิปเกี่ยวกับเรื่องที่คุณหลงใหลหรือเล็งเห็นปัญหา แล้วอัพโหลดเข้า YouTube เลย ไม่ก็แต่งกลอนหรือเรื่องสั้นในเน็ต ถ้าชอบแฟชั่น ลองออกแบบงานเด่นๆ โดนๆ ให้นางแบบใส่แล้วโพสต์ใน fashion blog ของคุณเลย ส่วนใครคอดนตรีก็ให้ลองแต่งเพลงแล้วร้องเอง หรือแชร์ให้คนอื่นร้องต่อๆ กัน พวกนี้ถือเป็นกิจกรรมฆ่าเวลาที่กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ ให้ได้มีผลงานจับต้องได้ ทั้งสนุกและได้ความรู้ในเวลาเดียวกัน มีประโยชน์สุดๆ ไปเลย!
-
เป็นจิตอาสา. ถ้าปกติคุณก็เข้าร่วมโครงการต่างๆ อยู่แล้ว คงรู้ดีว่าเป็นกิจกรรมที่สร้างประโยชน์ต่อทั้งตัวเองและสังคมขนาดไหน ถ้ามีเวลาพอลองแบ่งเวลาของคุณไปทำเพื่อคนอื่นดู นอกจากได้ตอบแทนชุมชนและสังคมแล้วยังภูมิใจอีกต่างหาก ที่น่าสนุกคือคุณเลือกได้ ว่าจะเข้าร่วมโครงการไหนตามความเชื่อและความสนใจ ลองมองหาโครงการตามมหาวิทยาลัย ที่ทำงาน จากคนรู้จัก หรือในเน็ตก็ได้ ไม่สำคัญว่าคุณมีทักษะหรือความรู้ความสามารถมากน้อยแค่ไหน ขอแค่มีเวลา ก็มีโครงการที่ต้องการจิตอาสาเสมอ นี่คือโอกาสให้คุณได้เปิดโลกทัศน์ ฝึกทักษะต่างๆ แถมเก็บเป็นประวัติกิจกรรมได้ด้วย แต่ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด คือได้ภูมิใจที่แรงกายแรงใจคุณช่วยเหลือผู้อื่นได้
- กิจกรรมจิตอาสาต่างๆ ก็เช่น เป็นแอดมิน ทำจดหมายข่าว หรือรวบรวมและจัดทำข้อมูลแนว wiki เพื่อการกุศล มอบสิ่งของเหลือใช้ ระดมทุนช่วยคนและสัตว์ที่เดือดร้อน ทำหรือซื้ออาหารไปเลี้ยงเด็กกำพร้าและคนชรา ช่วยเหลือมูลนิธิช่วยเหลือสัตว์ (ตั้งแต่น้องหมาน้องแมวจรจัดไปจนถึงสัตว์สงวน) ร่วมโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ใครเก่งภาษาหน่อยก็เข้าร่วมโครงการระดับชาติ เป็นไกด์อาสาสมัคร หรือแค่จัดทำจัดหาสิ่งของให้คนที่เดือดร้อนก็ได้
- จะทำมากทำน้อย ก็ถือว่าได้ทำ เป็นการเสียสละเวลามาทำประโยชน์ให้ผู้อื่น ขอให้ทำอย่างมีความสุข จบงานนี้ก็หางานอื่นต่อ เพื่อให้ได้ประสบการณ์และพบเจอผู้คนที่หลากหลาย
-
กำจัดของที่ไม่จำเป็นและจัดระเบียบชีวิตซะใหม่. ถ้าไม่ค่อยมีเวลาว่างเพราะบ้านช่องใหญ่โตจนต้องคอยทำความสะอาดและซ่อมบำรุง ก็ถึงเวลาใช้ยามว่างคราวนี้กำจัดของระเกะระกะที่ไม่จำเป็น หรือสุดโต่งกว่านั้นคือมองหาบ้านหลังใหม่ที่เล็กกะทัดรัดกว่าเดิม อาจจะเลือกชุมชนใหม่ที่มีกิจกรรมนอกบ้านให้ทำเยอะแบบที่บ้านเก่าไม่มี
- ถ้าเป็นคนบ้าสมบัติ กว่าจะโละของแล้วจัดบ้านเสร็จอาจใช้เวลาหลายเดือน อย่าเพิ่งถอดใจ แต่ก็ต้องมีเส้นตายว่าควรจัดเสร็จเมื่อไหร่ ไม่ใช่ทำไปเรื่อยๆ มาเรียงๆ
- เปิดท้ายขายของซะเลย กำจัดของที่ไม่ต้องการแล้วยังได้ถอนทุนคืน เอาเงินที่ได้ไปต่อยอดงานอดิเรกซะเลย
- อย่ามองว่าสมบัติน้อยแล้วแปลว่าจนลง พอไม่ต้องมานั่งเก็บกวาดหรือซ่อมบำรุงบ้านบ่อยๆ คุณจะมีเวลามากขึ้นอีกเยอะ เรียกว่าได้มากกว่าเสียแน่นอน
- เวลากำจัดเอกสาร ต้องเช็คให้ชัวร์ว่าไม่ได้ใช้งานแล้วจริงๆ โดยเฉพาะคนที่ทำโฮมออฟฟิศ อาจมีเอกสารที่ต้องใช้ในการตรวจสอบย้อนหลัง
- ถ้าเป็นเอกสารที่มีข้อมูลส่วนตัว อย่างเลขบัตรประชาชนหรือบัญชีธนาคาร ให้ทำลายซะเพื่อความปลอดภัย
-
เรียนอะไรที่อยากเรียน. ที่เราคร่ำเคร่งร่ำเรียนมาตั้งแต่อนุบาลจนปริญญาตรี โท เอก มักเป็นการศึกษาภาคบังคับเพื่อหาหน้าที่การงานมั่นคง เราเรียนเพื่อส่งการบ้านทันเวลา สอบให้ได้เกรดดีๆ ต่อด้วยหางานเงินเดือนเยอะๆ (หรืออย่างน้อยคือห้ามตกงาน) จนบางทีหลงลืมไปว่า เราจะมีความสุขที่สุดถ้าได้เรียนอะไรที่อยากเรียนจริงๆ ไหนๆ ก็มีเวลาว่างแล้ว ขอให้หลุดจากข้อจำกัดต่างๆ ทั้งเรื่องต้องเลือกเรียนวิชาที่มีประโยชน์ ที่หางานได้ มาเริ่มเรียนอะไรที่ฝันอยากเรียนมานาน เช่น โบราณคดี เต้นบอลรูม ทำเครื่องประดับ เอาตัวรอดในป่า หรือเครื่องร่อน อะไรก็ได้ที่อยากเรียน ไม่ต้องแคร์ว่าจะหาเงินจากทักษะนั้นๆ ได้ไหม หรือใช้หางานได้หรือเปล่า
- บางคนอาจกลับไปเรียนต่อให้จบอย่างที่ไม่เคยมีโอกาสสมัยเด็ก
- ตลกดีว่าถึงบางวิชาจะฉีกแนวคุณไปเลย แต่ก็ยังมีประโยชน์ตรงที่เปิดโลกทัศน์ให้คุณ ทำให้คุณหัดมองมุมต่าง แถมมีทักษะแปลกใหม่ติดตัว ดีไม่ดีจะเอาไปปรับใช้ในหน้าที่การงานปัจจุบัน กลายเป็นคน "คิดนอกกรอบ" สร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ มาทำชีวิตดี๊ดีกว่าเดิม
-
สนุกกับงานอดิเรกและกิจกรรมฆ่าเวลาให้เต็มที่. ว่างแล้วจะทำอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นงานอดิเรกที่ชอบหรือแค่เรื่องฆ่าเวลาเพลินๆ งานอดิเรกดีตรงที่เปิดโอกาสให้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ พัฒนาทักษะ ฝึกสมาธิ ความขยันอดทน และมีวินัย แถมยังเป็นอะไรที่คุณชอบ เลยทำได้นานจนลืมเวลา ลองหาเพื่อนใหม่ที่ชอบงานอดิเรกเดียวกัน จะได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น แบ่งปันข่าวสาร กระทั่งแข่งขันกันเล็กๆ งานอดิเรกไม่เหมือนกีฬาตรงที่ไม่ต้องห้ำหั่นกันจริงจัง เป็นเหมือนการโชว์ของในหมู่คนคอเดียวกัน ถึงจะหมั่นไส้นิดๆ แต่ก็คุยกันถูกคอกว่าใคร
- งานอดิเรกเดียวให้คุณต่อยอดได้หลายด้าน เช่น ศิลปะและงานฝีมือก็แตกแขนงได้เป็นหลากหลายวิธีการและชิ้นงาน อย่าง "งานจิตรกรรม" ยังแบ่งออกเป็นหลายเทคนิค เช่น ใช้สีอะคริลิค ลงยา ขี้ผึ้งร้อน วาดบนผนังปูนปลาสเตอร์เปียก ใช้สีโปสเตอร์ (gouache) หมึก สีน้ำมัน สีน้ำมันที่ต้องใช้ความร้อน สีระบายน้ำ สีชอล์ค และสีฝุ่น สีเทียน ไปจนถึงสีสเปรย์ (กราฟฟิตี้) สีฝุ่นเทมเพอรา สีน้ำ กระทั่งวาดด้วยดินสอเฉยๆ
-
มองการทำอาหารและการทำสวนเป็นงานอดิเรก. ปกติหลายคนมองว่าเป็นงานบ้าน เป็นภาระหน้าที่ แต่บางคนทำแล้วก็ผ่อนคลาย รู้สึกสงบและสนุก ถ้าคุณสนใจด้านนี้ ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องทำ ก็ลองลงมือจริงๆ จังๆ ซะเลย จะได้กลายเป็นกิจกรรมที่ทั้งสนุกและมีประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
- เปิดตำราแล้วลองทำอาหารเมนูใหม่ หรือสำรวจของเหลือในครัวและตู้เย็น จากนั้นหาสูตรอาหารที่ใช้วัตถุดิบที่มี (เช่น "พิซซ่าทำเองจากขนมปัง แฮม ชีส และซอสมะเขือเทศ") ใช้เวลาช่วงบ่าย ทำขนม โดยลองใช้เทคนิคต่างๆ ที่เคยเห็นแต่ในทีวี หรือชวนเพื่อนและครอบครัวมากินข้าวเย็นฝีมือคุณซะเลย
- ออกแบบสนามหรือสวนหลังบ้านซะใหม่ หรือเปลี่ยนชนิดต้นไม้ดอกไม้ที่เคยปลูกซะเลย พวกต้นกระบองเพชรหรือพืชอวบน้ำกระถางเล็กๆ มีหลายพันธุ์เลยที่ออกดอกสวย แถมดูแลง่ายปลูกยังไงก็ไม่ตาย หรือเปลี่ยนไปปลูกพืชผักสวนครัว แป๊บเดียวก็งอกงามให้คุณได้ตัดหรือเด็ดไปใช้ทำอาหาร พวกนี้ปลูกวนไปได้ตลอดปี นอกจากนี้อาจแปลงโฉมสนามหลังบ้านเป็นสวนเซนแบบญี่ปุ่น หรือติดตั้งน้ำพุให้อลังการก็ได้
-
ใช้เวลากับน้องหมาน้องแมว. ถ้าไม่มีสัตว์เลี้ยง ก็ลองหามาสักตัว มีสัตว์เลี้ยงแล้วต้องคอยดูแล แถมเป็นข้ออ้างให้ได้พักผ่อนหย่อนใจจากหน้าที่การงานไปในตัว เพราะต้องคอยแวบมาให้อาหารหรือเล่นกับมัน เหมาะมากสำหรับคนบ้างาน! จะรับมาเลี้ยงจากมูลนิธิ/ศูนย์ช่วยเหลือ หรือซื้อจากฟาร์มก็แล้วแต่ ขอแค่รู้ว่าเลี้ยงแล้วเลี้ยงเลย เพราะสัตว์เลี้ยงจะผูกพันกับคุณ
-
เข้าทางธรรม. ยามว่างเป็นโอกาสดีให้ได้ฝึกสมาธิหรือศึกษาธรรมะ เพราะไม่ต้องรีบเร่ง ผ่อนคลายและขบคิดพิจารณาไปเรื่อยๆ ได้ เผื่อจะเห็นสัจธรรมและพบเป้าหมายของชีวิต ไม่ว่าคุณจะศาสนาไหน หรือเคร่งศาสนาไหม การสงบจิตใจก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ดีต่อทั้งความคิด จิตใจ และสุขภาพกาย วิธีฝึกจิตหรือเข้าทางธรรมมีหลายแบบ อาจเริ่มจากการศึกษาหลักธรรมคำสอนด้วยตัวเอง แล้วค่อยตามมาด้วยกิจกรรมด้านล่าง
- ฝึกสมาธิ เริ่มจากนั่งนิ่งๆ 20 นาที แล้วหายใจเข้าออกยาวๆ นับลมหายใจให้ได้ถึง 10 จากนั้นเริ่มนับใหม่อีกครั้ง นี่เป็นกุศโลบายให้คุณมีหลักยึด ให้รู้ตัวตื่น อยู่กับปัจจุบัน ไม่ใจลอยไปถึงไหนต่อไหน (แรกๆ ก็ใจลอยแน่นอน แต่พยายามดึงกลับมาให้ได้ก็พอ!) ง่ายสุดในการดึงสติคือภาวนาพุทโธสลับกันไปตอนหายใจเข้าออก ฝึกสมาธิทุกวันไปได้หลายอาทิตย์ จะเริ่มเห็นผล คือ ใจเย็น ขึ้น มีสมาธิขึ้น จดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำได้นานขึ้น และรู้ซึ้งถึงผลเสียเวลาจิตใจฟุ้งซ่าน
- เข้าวัดเข้าวา หรือเข้าศาสนสถานตามศาสนาที่นับถือ เป็นโอกาสให้ได้พบปะกับผู้คนใหม่ๆ ที่น่าสนใจ ซึ่งก็มักจะเป็นเพื่อนร่วมชุมชนของคุณ (ไม่ต้องถึงกับเป็นคนเคร่งศาสนามากก็เข้าวัดได้ บางชุมชนก็มีหลายศาสนารวมกัน ถือเป็นโอกาสให้ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เพื่อความเข้าใจลึกซึ้งกว่าเดิม)
-
เข้าสังคม . สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด อุตส่าห์ว่างแล้ว อย่าเอาแต่ใช้เวลากับตัวเอง พบปะพูดคุยกับเพื่อนใหม่และเพื่อนเก่าบ้าง หรือกระทั่งคนในครอบครัว อาจจะชวนกันไปกินข้าว ดูหนัง หรือไปต่างจังหวัด เป็นโอกาสให้ได้กลับไปติดต่อและต่อติดกับญาติห่างๆ หรือเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน ถ้าคุณเป็น introvert เข้าสังคมนานๆ แล้วเหนื่อยและเบื่อ อย่างน้อยก็ขอสัก 1 วันใน 1 อาทิตย์ ที่ได้พบปะพูดคุยกับใครสักคนแบบสบายๆ ไม่ต้องห่วงเรื่องเวลาหรือข้อจำกัดต่างๆ บอกเลยว่าจะได้ไอเดียใหม่ๆ บางทีจะสนุกกว่าที่คิดโฆษณา
เคล็ดลับ
- ถ้าอยากเห็นคุณค่าของชีวิตให้มากขึ้น ก่อนนอนแต่ละวัน ให้เขียน 5 อย่างที่คุณซาบซึ้งรู้สึกดีในวันนั้น แรกๆ อาจจะคิดไม่ค่อยออก จะเขียนซ้ำกับวันก่อนหน้าบ้างก็ไม่เป็นไร รู้ตัวอีกทีคุณก็มองหาสิ่งดีๆ ระหว่างวัน แม้มันจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม วิธีนี้ช่วยให้คุณมองโลกในแง่ดีขึ้น เวลาเขียนก็ปล่อยฟรีไปเลย อย่ากังวลเรื่องวรรคตอน ลายมือ กระทั่งวันไหนลืมก็ช่างมัน ขอให้เป็นกิจกรรมที่ทำให้คุณรู้สึกดี ไม่ใช่เป็นอีกภาระหน้าที่ จะเขียนอะไร เมื่อไหร่ ยังไงก็แล้วแต่คุณเลย (แต่ถ้าเป้าหมายคือพัฒนาทักษะการเขียนด้วยก็ใส่ใจรายละเอียดหน่อย)
- อย่าทำกิจกรรมเยอะจนล้นมือ เดี๋ยวจะกลายเป็นทุกข์มากกว่าสนุก วันว่างควรจะสบายๆ ตามสไตล์คุณ เน้นคุณภาพอย่าเน้นปริมาณ
- ดูแลสุขภาพร่างกายหน่อย นี่แหละเวลาให้ได้ออกกำลังกายตามใจชอบ จะเดินทุกเช้า หรือเข้าฟิตเนสก็แล้วแต่ ขอแค่ทำด้วยความสนุกสนาน จะเปิดเพลงด้วยก็ยิ่งมันส์!
- การอ่านช่วยฝึกสมอง นอกจากสนุกเพลิดเพลินแล้วยังได้ความรู้ใหม่ๆ ด้วย
- เขียนจดหมายหาคนนู้นคนนี้ จะได้เพิ่มคลังคำศัพท์ในสมอง!
- ลองทำกิจกรรมแปลกใหม่ อะไรที่ดูว่ายาก จะช่วยพัฒนาด้านต่างๆ ของคุณ แถมได้ภูมิใจเมื่อเก่งขึ้นผิดหูผิดตา
- สุดท้ายแล้วมันก็คือวันว่างของคุณ ถ้าไม่อยากไปวัดหรือเป็นจิตอาสาแล้ว หรือเบื่องานอดิเรกที่ทำ ก็ไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใด คุณคือคนเดียวที่รู้ว่าอะไรสำคัญและทำให้วันของตัวเองสดใส ใครจะพูดอะไรยังไงก็พูดไป แต่ขอให้ใช้ชีวิตให้เต็มที่อย่างที่ใจอยาก! คนมีความสุขชีวิตไม่อับจนหรอก
- เขียนจดหมายหาหรือติดต่อเพื่อนฝูงครอบครัวบ้าง
โฆษณา
คำเตือน
- ปรึกษาคุณหมอประจำตัวก่อนหันมาออกกำลังกายด้วยวิธีใหม่ๆ หรือทำกิจกรรมหนักๆ ถ้าไม่อันตรายจนเกินไป ยังไงคุณหมอก็แค่บอกให้ระวังตัว ไม่ใช่อุปสรรคของการเริ่มต้นลองอะไรใหม่ๆ หรอก
โฆษณา
สิ่งของที่ใช้
- สมุดแพลนเนอร์ หรือ visualization board (ฟิวเจอร์บอร์ดติดภาพ)
- ไดอารี่
- โครงการจิตอาสาต่างๆ
- งานอดิเรกและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง
โฆษณา