ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การสูดไอน้ำเป็นวิธีที่ใช้กันมาอย่างยาวนานในการบรรเทาอาการปวดไซนัสโดยไม่ต้องใช้สารเคมีหรือยาใดๆ เนื่องจากไอน้ำจะช่วยเปิดโพรงจมูกให้กว้างขึ้น และละลายน้ำมูกที่เหนียวที่ค้างอยู่ข้างใน จึงทำให้น้ำมูกสามารถระบายออกมาจากโพรงจมูกได้ การรักษาด้วยไอน้ำสามารถทำไปพร้อมกับการใช้ยาที่แพทย์ได้สั่งจ่ายให้คุณ ทั้งยาบรรเทาปวด ยาปฏิชีวนะ และยาต้านเชื้อรา ดังนั้น หากคุณกำลังได้รับการรักษาด้วยยา ให้คุณใช้ยาต่อไปควบคู่ไปกับการรักษาด้วยไอน้ำ อย่างไรก็ตาม หากคุณยังไม่ได้ปรึกษาแพทย์ ให้ลองใช้วิธีการรักษาด้วยไอน้ำดูก่อน และหากอาการยังคงไม่ดีขึ้นภายใน 5-7 วัน จึงไปพบแพทย์โดยทันที

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ใช้ไอน้ำเพียงอย่างเดียว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ต้มน้ำ 1-2 นาที หรือจนกว่าไอน้ำจะพุ่งขึ้นมา แล้วจึงยกหม้อออกจากเตา [1]
    • วางหม้อที่ร้อนบนแผ่นรองกันความร้อน
    • พยายามให้เด็กอยู่ห่างจากหม้อในขณะที่น้ำกำลังเดือดหรือมีไอน้ำพุ่งออกมา โดยคุณควรทำวิธีนี้ในขณะที่ไม่มีเด็กอยู่ในบริเวณนั้น
  2. คลุมศีรษะด้วยผ้าขนหนูสะอาดผืนใหญ่ แล้วนำใบหน้าไปอังไว้เหนือหม้อ
    • หลับตาลงและให้ใบหน้าอยู่ห่างจากน้ำอย่างน้อย 12 นิ้ว ปล่อยให้ความร้อนผ่านเข้าไปในจมูกและลำคอ แต่ควรระวังอย่าให้ถูกน้ำร้อนลวก
  3. หายใจเข้าผ่านทางจมูกและผ่อนลมออกทางปากพร้อมกับนับ 1-5 แล้วจึงหายใจเข้าออกอีกครั้งโดยนับเพียง 1-2 เท่านั้น [2]
    • ทำซ้ำไปเรื่อยๆ เป็นเวลา 10 นาที หรือจนกว่าไอน้ำจะหมดไป
    • พยายามสั่งน้ำมูกในระหว่างและหลังการสูดไอน้ำ
  4. คุณสามารถสูดไอน้ำได้ทุกๆ 2 ชั่วโมงหรือบ่อยครั้งตามต้องการ
  5. หากคุณยุ่งจนไม่มีเวลาต้มน้ำในหม้อและนั่งสูดไอน้ำ คุณสามารถอังใบหน้าไว้เหนือชาร้อนหรือซุปในขณะที่กำลังทำงานหรืออยู่ข้างนอกแทนได้ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้นั้นยังคงเหมือนเดิมแม้ว่าแหล่งที่เกิดไอน้ำจะแตกต่างกัน [3]
    • คุณยังสามารถใช้เครื่องทำความชื้นในการผ่อนคลายไซนัสได้เช่นกัน
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ใช้ไอน้ำที่ผสมสมุนไพร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ต้มน้ำ 1-2 นาที หรือจนกว่าไอน้ำจะพุ่งขึ้นมา แล้วจึงยกหม้อออกจากเตา
  2. เริ่มจากการใช้น้ำมันหอมระเหย 1 หยดต่อน้ำ 1 ควอร์ต น้ำมันหอมระเหยต่อไปนี้มีสรรพคุณมากมาย ทั้งช่วยต้านแบคทีเรีย ต้านเชื้อรา และฆ่าเชื้อโรค ซึ่งแปลว่าน้ำมันเหล่านี้สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียเชื้อจุลินทรีย์อื่นๆ ที่ทำให้เกิดการติดเชื้อที่ไซนัสได้
    • สเปียร์มินต์หรือเปปเปอร์มินต์ - สมุนไพรทั้งสองชนิดนี้ประกอบด้วยเมนทอลที่มีสรรพคุณช่วยฆ่าเชื้อโรคและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน [4]
    • ไธม์ เสจ และออริกาโน - สมุนไพรเหล่านี้มีสรรพคุณช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและต้านแบคทีเรีย และยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตโดยการขยายหลอดเลือดให้กว้างขึ้น [5] [6]
    • ลาเวนเดอร์ - เป็นที่รู้กันดีว่าลาเวนเดอร์เป็นสมุนไพรที่ช่วยในการผ่อนคลาย ทั้งยังมีสรรพคุณช่วยต้านแบคทีเรีย ลาเวนเดอร์จะช่วยให้คุณรู้สึกสงบและผ่อนคลาย และยังสามารถบรรเทาความวิตกกังวลและความหดหู่ได้อีกด้วย [7] [8]
    • แบล็ควอลนัท - หากคุณมีอาการไซนัสอักเสบจากเชื้อรา ให้ใช้น้ำมันแบล็ควอลนัทที่มีสรรพคุณช่วยต้านเชื้อรา ต้านจุลชีพ และฆ่าเชื้อโรค [9]
    • ทีทรี - น้ำมันทีทรีมีสรรพคุณช่วยต้านไวรัส ต้านเชื้อรา และฆ่าเชื้อโรค และช่วยเพิ่มความผ่อนคลายให้กับผู้ที่มีอาการไซนัสอักเสบ [10] [11]
  3. หากไม่สามารถหาน้ำมันหอมระเหยข้างต้นได้ คุณสามารถใช้สมุนไพรอบแห้งแทนได้ในอัตราส่วน ½ ช้อนชาต่อน้ำ 1 ควอร์ต
    • เมื่อเติมสมุนไพรลงไปแล้ว ให้ต้มต่อไปอีก 1 นาที จากนั้นจึงปิดเตาและยกหม้อออกมาไว้บริเวณที่ต้องการ แล้วจึงเริ่มสูดไอน้ำ
  4. ในแต่ละครั้งที่คุณลองใช้สมุนไพรชนิดใหม่ ควรทดสอบเพื่อให้แน่ใจว่าคุณไม่มีปฏิกิริยาข้างเคียงใดๆ เช่น การจามหรือการระคายเคืองบนผิวหนัง ต้มสมุนไพรชนิดใหม่นี้และอังใบหน้ากับไอน้ำประมาณ 1 นาที จากนั้นนำใบหน้าออกจากไอน้ำประมาณ 10 นาทีแล้วรอดูว่าเกิดปฏิกิริยาใดๆ หรือไม่
    • หากไม่พบการระคายเคืองหรือปฏิกิริยาใดๆ ให้ต้มน้ำให้ร้อนอีกครั้งและสูดไอน้ำอย่างเต็มที่
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ใช้วิธีการรักษาอื่นๆ เพื่อบรรเทาอาการปวดไซนัส

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เพื่อให้ไซนัสมีสุขภาพที่ดี ให้วางเครื่องทำความชื้นไว้ในห้องนอนในขณะที่คุณนอนหลับ เครื่องทำความชื้นจะสร้างไอน้ำและเพิ่มความชื้นในอากาศ ซึ่งจะช่วยในการกำจัดสิ่งที่อุดตันในโพรงจมูก [12]
    • พยายามทำให้โพรงจมูกและไซนัสชุ่มชื้นอยู่เสมอเพื่อไม่ให้โพรงจมูกอุดตัน หลายคนมักคิดว่าควรสั่งน้ำมูกออกจนแห้งเมื่อมีน้ำมูกไหล แต่จริงๆ แล้วการทำให้แห้งจะก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุผิวในโพรงจมูกยิ่งขึ้น
    • เครื่องทำความชื้นมีประโยชน์เป็นอย่างมากในช่วงฤดูหนาว เพราะอากาศในหลายๆ บ้านจะแห้งมากเนื่องจากการใช้เครื่องทำความร้อน [13]
    • การนำกระเป๋าน้ำร้อนไปไว้ใกล้ๆ หูนั้นสามารถให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกัน และช่วยระบายของเหลวในหูได้
  2. การอาบน้ำร้อนเป็นเวลานานสามารถให้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกับการใช้ไอน้ำตามที่อธิบายไว้ด้านบน น้ำร้อนที่ไหลออกมาจากฝักบัวจะสร้างไอน้ำและเพิ่มความชื้นในอากาศ ซึ่งจะช่วยในการกำจัดสิ่งที่อุดตันในโพรงจมูกและบรรเทาอาการปวดไซนัส [14]
    • คุณยังสามารถได้รับผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกันนี้โดยการประคบร้อนบนใบหน้า ซึ่งจะช่วยเปิดโพรงจมูกให้กว้างขึ้นและบรรเทาอาการปวดที่เกิดขึ้นในโพรงจมูก [15]
  3. ควรดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอ (อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว) เนื่องจากการดื่มน้ำจะช่วยละลายน้ำมูกและป้องกันการอุดตันในไซนัส จึงสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดไซนัสได้ [16]
    • น้ำมูกที่เหลวจะสามารถระบายออกมาได้ง่ายขึ้น ดังนั้น เมื่อไรก็ตามที่คุณเริ่มรู้สึกปวดไซนัส ให้พยายามดื่มน้ำเยอะๆ [17]
  4. ในขณะที่นอนหลับในเวลากลางคืน ให้วางหมอน 2 ใบหนุนไว้ใต้ศีรษะเพื่อยกศีรษะให้สูงขึ้น ซึ่งจะช่วยให้หายใจง่ายขึ้นและบรรเทาอาการปวดไซนัส [18]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • การรักษาด้วยไอน้ำสามารถทำควบคู่กับการรักษาด้วยยารับประทาน เช่น ยาปฏิชีวนะหรือยาต้านเชื้อรา แต่หากกำลังใช้ยาพ่นจมูก การสูดไอน้ำก็อาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้วิธีการรักษาด้วยไอน้ำหากคุณกำลังใช้ยาพ่นจมูกอยู่
  • หากการรักษาด้วยไอน้ำไม่ทำให้อาการดีขึ้นภายใน 5-7 วัน ให้ไปพบแพทย์โดยทันที
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าสูดไอน้ำในขณะที่น้ำกำลังเดือด เพราะอาจทำให้ถูกลวกได้
  • หลีกเลี่ยงการยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้หม้อจนเกินไป โดยควรให้ใบหน้าอยู่ห่างจากน้ำร้อนอย่างน้อย 12 นิ้ว
  • ป้องกันให้เด็กอยู่ห่างจากน้ำเดือดเสมอ
โฆษณา

ข้อมูลอ้างอิง

  1. http://www.emedicinehealth.com/sinus_infection/page6_em.htm
  2. http://www.emedicinehealth.com/sinus_infection/page6_em.htm
  3. http://www.sudafed.com/know/sinus-pain-headache-pressure
  4. Kamatou GP, Vermaak I, Viljoen AM, Lawrence BM., Menthol: a simple monoterpene with remarkable biological properties.Phytochemistry. 2013 Dec;96:15-25.
  5. Fournomiti M, Kimbaris A, Mantzourani I, Plessas S, Theodoridou I, Papaemmanouil V, Kapsiotis I, Panopoulou M, Stavropoulou E, Bezirtzoglou EE, Alexopoulos A. Antimicrobial activity of essential oils of cultivated oregano (Origanum vulgare), sage (Salvia officinalis), and thyme (Thymus vulgaris) against clinical isolates of Escherichia coli, Klebsiella oxytoca, and Klebsiella pneumoniae. Microb Ecol Health Dis. 2015 Apr 15;26:23289.
  6. Sienkiewicz, M.,Łysakowska, M., Ciećwierz, J.,Denys, P.,Kowalczyk, E.Antibacterial activity of thyme and lavender essential oils. Med Chem. (UAE); 7(6): 674-689, 2011.
  7. Ait Said L, Zahlane K, Ghalbane I, El Messoussi S, Romane A, Cavaleiro C, Salgueiro L.Chemical composition and antibacterial activity of Lavandula coronopifolia essential oil against antibiotic-resistant bacteria. Nat Prod Res. 2015;29(6):582-5.
  8. Sienkiewicz, M.,Łysakowska, M., Ciećwierz, J.,Denys, P.,Kowalczyk, E.Antibacterial activity of thyme and lavender essential oils. Med Chem. (UAE); 7(6): 674-689, 2011.
  9. Rathi,P. Ahmad, M., Tomar,A. Study on Antimicrobial and antioxidant properties of WALNUT (Juglans nigra) OIL.Int.J.Curr.Res.Chem.Pharma.Sci.1(7):51-55. 2014.

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 7,255 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา