ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ไม่ว่าจะอยู่ประเทศไหน พูดภาษาอะไร ใครๆ ก็ชอบดูหนัง แต่สำหรับบางคน คงเสียอรรถรสไปเยอะ เวลาเจอหนังต่างประเทศที่อยากดู แล้วดันไม่มีซับไตเติลหรือคำบรรยายซะอย่างนั้น หรือบางทีก็เป็นหนังดังหนังดีที่ไม่ได้เข้าฉายในประเทศไทย เลยไม่มีพากย์ไทยหรือบรรยายไทย ไม่ว่าคุณจะอยากใส่ซับไตเติลให้หนัง หรือทำซับไตเติลเองซะเลย ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถ แค่ต้องใช้เวลาและใจเย็นหน่อยเท่านั้น

บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการใส่ซับไตเติลให้หนังที่ไม่มีซับ ส่วนใครไม่รู้วิธีเปิดซับไตเติลระหว่างดูหนัง ก็เข้าไปอ่าน บทความนี้ ได้เลย

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

ดาวน์โหลดซับไตเติลใหม่

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้า DVD หนังที่มี ไม่มีซับไตเติลภาษาที่ต้องการ ในหัวข้อ "Settings" หรือ "Language" ในเมนูของ DVD ก็จะใส่ซับไม่ได้ ถ้าไม่ใช้โปรแกรมหรืออุปกรณ์มืออาชีพ เพราะ DVD นั้นมีการเข้ารหัสป้องกันไว้ เซฟทับไม่ได้ และเครื่องเล่น DVD เพิ่มภาษาใหม่ไม่ได้ แต่คอมเป็นอีกเรื่องเลย ตรงที่คุณเพิ่มซับภาษาใหม่ให้หนังที่ดูในคอมได้
    • ถ้าดูหนังโดยใช้เครื่องเล่น DVD ให้มองหาปุ่ม "titles" หรือ "subtitle" ที่รีโมทของเครื่องเล่น DVD
  2. หาโฟลเดอร์หรือไฟล์หนังใน Finder หรือ Windows Explorer ปกติจะเป็นไฟล์ .mov, .avi หรือ .mp4 สะดวกตรงที่ไม่ต้องแก้ไขไฟล์หนัง แค่หาแล้วเชื่อมโยงกับไฟล์ซับไตเติลใหม่ ซับไตเติลส่วนใหญ่เป็นไฟล์ที่ลงท้ายด้วย .SRT และมีแค่ข้อความกับเวลาที่ซับนั้นจะปรากฏในหนัง
    • ต้องมีไฟล์หนังแยกออกมา และมีไฟล์ซับ .SRT ถึงจะมีซับไตเติล
    • บางไฟล์ซับไตเติลเก่าๆ จะลงท้ายด้วย .SUB [1]
  3. ค้นคำว่า "Your Movie + Language + Subtitles" ในเน็ต แล้วหาไฟล์ที่ใช้ได้. เปิด search engine ที่ถนัด แล้วค้นหาซับไตเติลภาษาที่ต้องการ เช่น ถ้าอยากได้ซับไตเติลภาษาไทยของหนังเรื่อง Avengers ก็ให้ค้นว่า "Avengers Thai Subtitles" เว็บแรกที่เจอส่วนใหญ่จะใช้ได้ เพราะไฟล์ซับจะมีขนาดเล็ก ไม่ค่อยมีไวรัสติดมาด้วย [2]
  4. ดาวน์โหลดไฟล์ .SRT จากในเว็บอย่าง Subscene, MovieSubtitles หรือ YiFiSubtitles อย่าไปคลิก pop-up ต่างๆ ให้ดาวน์โหลดเฉพาะไฟล์ .SRT หรือ .SUB ถ้ารู้สึกว่าเว็บนั้นแปลกๆ ก็ให้เลือกเว็บอื่นแทน
  5. ถ้าไฟล์หนังชื่อ BestMovieEver.AVI ไฟล์ซับก็ต้องชื่อ BestMovieEver.SRT ให้หาไฟล์ที่เพิ่งดาวน์โหลดมา ในตำแหน่งที่เซฟไว้ (ส่วนใหญ่จะอยู่ในโฟลเดอร์ "Downloads") อย่าลืมเปลี่ยนชื่อไฟล์ให้ถูกต้องด้วย ย้ำอีกทีว่าชื่อไฟล์ .SRT ต้องตรงกับชื่อหนัง [3]
  6. สร้างโฟลเดอร์ใหม่สำหรับหนังเรื่องนั้นโดยเฉพาะ ถ้ายังไม่ได้สร้าง จากนั้นเอาไฟล์ .SRT ใส่ในโฟลเดอร์เดียวกับหนัง เพื่อพ่วงไฟล์กันใน video player ส่วนใหญ่โดยอัตโนมัติ
    • video player ที่ใช้ง่ายที่สุดคือ VLC player ที่ดาวน์โหลดมาใช้ได้ฟรี เพราะรองรับไฟล์แทบทุกฟอร์แมต
  7. เพิ่มไฟล์ .SRT ในหนัง YouTube ที่โพสต์ โดยคลิก "Captions" ระหว่างอัพโหลด . พอคลิก Captions แล้ว ให้คลิก "Add a Caption Track" แล้วหาไฟล์ .SRT อย่าลืมเปิด "Caption Track" ไว้ ไม่ใช่ "Transcript Track" ให้คลิกปุ่ม "CC" เวลาดูวิดีโอ เพื่อเปิด captions
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

ทำซับไตเติลของตัวเอง (3 วิธี)

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ซับไตเติลก็คือบทแปล จากภาษาหนึ่งไปเป็นอีกภาษา ไม่ใช่ว่าจับโยนเข้า Google Translate อย่างเดียว แต่ศาสตร์การแปลนั้นนอกจากต้องเป๊ะตามหลักภาษาแล้ว ยังต้องสละสลวยด้วยความคิดสร้างสรรค์ด้วย ถ้าจะแปลซับใส่ซับเอง ก็อย่าลืมคำนึงถึงจุดสำคัญต่อไปนี้ด้วย
    • ประโยคนี้ตัวละครพูดเพื่ออะไร? นอกจากแปลบทพูดแล้ว ต้องดูด้วยว่าตัวละครพยายามจะสื่อความรู้สึกอะไร ถือเป็นแนวทางหลักในการแปลซับเลย
    • จะแปลยังไงให้อ่านทันเวลาซับขึ้นตอนตัวละครพูดแค่ไม่กี่วินาที? นักแปลหลายคนนิยมใส่ซับเป็นบทพูด 2 - 3 ประโยคในคราวเดียว โดยเริ่มเร็วกว่าที่ตัวละครพูดเล็กน้อย และจบหลังตัวละครพูด เพื่อให้คนดูมีโอกาสอ่านจบครบถ้วน
    • จะแปลศัพท์สแลงและอุปมาอุปไมยยังไงให้เข้าใจ? ถ้าแปลตรงไปจะอ่านไม่รู้เรื่อง ให้ปรับเป็นสแลงหรืออุปมาอุปไมยในภาษาไทยแทน แต่ก็ต้องเข้าใจความหมายของสแลงและอุปมาอุปไมยนั้นในภาษาต่างประเทศให้ถ่องแท้ซะก่อน [4]
  2. ใช้เว็บทำซับ เพื่อให้ใส่ซับกับไฟล์หนังไหนก็ได้. เว็บอย่าง DotSub, Amara และ Universal Subtitler ใช้ใส่ซับไตเติลระหว่างเปิดหนังได้ สุดท้ายก็จะได้ไฟล์ .SRT ที่ใช้กันกับหนังได้ออกมา ถึงแต่ละเว็บจะทำงานแตกต่างกันไป แต่ขั้นตอนหลักๆ คือ
    • เลือกจุดที่เริ่มซับ
    • พิมพ์ซับตามต้องการ
    • เลือกจุดที่ซับจะหายไป
    • ทำซ้ำตามขั้นตอนจนจบเรื่อง โดยกำหนดว่า "Complete" เมื่อใส่ซับครบแล้ว
    • ดาวน์โหลดไฟล์ .SRT มาใส่ในโฟลเดอร์เดียวกับที่มีไฟล์หนัง [5]
  3. คุณจะพิมพ์ซับไตเติลเองทั้งหมดก็ได้ แต่ถ้าใช้โปรแกรมจะเร็วกว่ามาก คุณพิมพ์ซับได้โดยเปิด Text editor อย่าง Notepad ของ Window หรือ TextEdit (ทั้งแบบฟรีและที่ติดมากับเครื่อง) ของ Apple และต้องรู้ฟอร์แมตไฟล์ซับที่เหมาะสมด้วย ก่อนอื่นให้คลิก "Save As" แล้วตั้งชื่อว่า "YourMovie.SRT" จากนั้นเลือก encoding เป็น "ANSI" ถ้าเป็นซับอังกฤษ และ "UTF-8" ถ้าเป็นซับภาษาอื่น เสร็จแล้วพิมพ์ซับไตเติล แต่ละส่วนจะอยู่ในบรรทัดของตัวเอง โดยกด "enter" ทุกครั้งที่พิมพ์ซับแต่ละส่วนเสร็จ
    • จำนวนซับไตเติล 1 คือซับไตเติลแรก 2 คือซับไตเติลส่วนที่ 2 เป็นต้น
    • ระยะเวลาที่แสดงซับไตเติล รูปแบบจะเป็น hours:minutes:seconds:milliseconds --> hours:minutes:seconds:milliseconds (ชั่วโมง:นาที:วินาที:มิลลิวินาที)
      • เช่น 00:01:20:003 --> 00:01:27:592
    • ข้อความของซับไตเติล ให้พิมพ์ซับตามต้องการ
    • บรรทัดว่าง ให้เว้น 1 บรรทัด ก่อนหมายเลขบอกซับไตเติลถัดไป
  4. ทำซับใน movie editor ที่ถนัด จะได้ไม่ต้องจัดการไฟล์ .SRT เอง. วิธีนี้จะเห็นซับระหว่างพิมพ์ ปรับตำแหน่ง ใส่สี และสไตล์ได้ตอนที่พิมพ์เลย ให้เปิดไฟล์หนังใน film editor ที่ถนัด ไม่ว่าจะเป็น Premier, iMovie หรือ Windows Movie Maker แล้วดึงหนังเข้า timeline (ส่วนที่ใช้พิมพ์ซับ) ต่อไปก็คลิกเมนู "Titles" ในโปรแกรม แล้วเลือกสไตล์ที่ต้องการได้เลย พอพิมพ์ซับ ให้ลากไปไว้ด้านบนของหนังส่วนที่อยากใส่ซับ แล้วทำซ้ำตามขั้นตอน
    • คุณคลิกขวาที่ซับ แล้ว copy/paste ได้เลย จะได้ใช้ settings เดียวกันทุกส่วน ประหยัดเวลาไปได้เยอะ
    • แต่ข้อเสียของไฟล์ประเภทนี้ คือต้องเซฟไฟล์หนังแยกจากไฟล์ซับไตเติล ที่สำคัญคือปิดซับไม่ได้ เพราะเป็นส่วนหนึ่งของหนังไปแล้ว
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • เวลาค้นหาไฟล์ .SRT ต้องเลือกที่ชื่อเดียวกับหนัง ถ้าไม่ตรงกัน ให้เปลี่ยนชื่อไฟล์หลังดาวน์โหลด.
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าดาวน์โหลดไฟล์ .SRT ถ้าชื่อไฟล์ไม่ตรงกับชื่อหนัง หรือใกล้เคียงมาก
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 7,574 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา