ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ยาแบบอมใต้ลิ้น (Sublingual medications) เป็นยาเม็ดที่แตกตัวหรือละลายในช่องปาก เวลากินต้องเอาใส่ไว้ใต้ลิ้น ยาจะละลายผ่านเยื่อเมือกในปากเข้าไปในกระแสเลือด ทำให้ดูดซึมเร็วกว่ายากินทั่วไป แถมออกฤทธิ์ได้เต็มที่เพราะไม่ต้องผ่านระบบเผาผลาญในกระเพาะกับตับก่อน [1] บางโรคคุณหมอจะแนะนำให้ใช้ยาอมใต้ลิ้น เช่น ในกรณีที่คนไข้กลืนหรือย่อยยาลำบาก เป็นต้น [2] ถ้าคุณรู้วิธีกินหรือให้ยาแบบอมใต้ลิ้นอย่างถูกต้อง คุณก็จะได้รับยาเต็มโดสและยาออกฤทธิ์เต็มที่อย่างมีประสิทธิภาพ

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

เตรียมตัวก่อนให้ยา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ต้องล้างมือทั้งก่อน และ หลังให้ยา เพื่อป้องกันการแพร่และติดเชื้อ [3]
    • ขยี้สบู่ล้างมือฆ่าเชื้อให้เป็นฟองทั้งสองมือ อย่าลืมซอกนิ้วกับซอกเล็บด้วย ถูให้นานหน่อย อย่างน้อย 20 วินาที [4]
    • ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำอุ่น อย่าให้มีทั้งสิ่งสกปรกและคราบสบู่ตกค้าง
    • เช็ดมือกับทิชชู่ให้แห้ง
  2. ถุงมือยางหรือถุงมือไนไตรล์ (nitrile gloves) ช่วยป้องกันไม่ให้คุณเอาเชื้อโรคไปแพร่ให้คนป่วย และไม่ติดโรคมาจากคนป่วยซะเอง [5]
    • แต่ต้องเช็คให้ดีว่าคนไข้ไม่แพ้ลาเท็กซ์ที่ใช้ทำถุงมือยาง
  3. เพราะการเอายาเม็ดธรรมดาไปให้คนไข้อมใต้ลิ้นจะลดทอนฤทธิ์ของยาลง ยาแบบอมใต้ลิ้นที่นิยมใช้กันก็เช่น
    • ยาโรคหัวใจ (เช่น nitroglycerin หรือ verapamil)
    • ยาสเตียรอยด์บางตัว
    • ยาโอปิออยด์ (opioids) บางตัว
    • ยากันชัก (barbiturates) บางตัว
    • เอนไซม์
    • วิตามินกับแร่ธาตุบางชนิด
    • ยารักษาโรคทางจิตเวชบางตัว [6]
  4. ต้องรู้ปริมาณยาที่ชัดเจน และรู้ว่าต้องให้ยาบ่อยแค่ไหน. ก่อนให้ยาคนอื่นหรืออมยาใต้ลิ้นเอง ต้องรู้ปริมาณยาและความถี่ในการใช้ยาให้แน่ชัดก่อน
  5. ยากินบางตัวถ้าเป็นแบบอมใต้ลิ้น ก็อาจกินเฉพาะส่วนได้ ถ้าเป็นแบบนั้นคุณก็ต้องหั่นยาก่อนอม [7]
    • ถ้ามีก็ให้ใช้ที่ตัดเม็ดยา (pill cutter) จะได้ปริมาณที่แน่นอนกว่าเอามือบิหรือใช้มีดหั่น
    • สำคัญว่าต้องล้างใบมีดทั้งก่อนและหลังตัดยา เพื่อป้องกันการปนเปื้อนทั้งเชื้อโรคและยาชนิดอื่น
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

ให้ยาแบบอมใต้ลิ้น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คนไข้ต้องนั่งหลังตรงตอนคุณให้ยา [8]
    • ห้ามให้ยาแบบนอนหรือตอนคนไข้ไม่มีสติรู้ตัวเด็ดขาด เพราะเดี๋ยวจะหลุดเข้าหลอดลมได้
  2. ล้างปากให้สะอาดก่อนอมยา ที่ห้ามกินดื่มตอนจะอมยาเพราะจะทำให้เสี่ยงเผลอกลืนยาเข้าไป เดี๋ยวจะไม่เห็นผล [9]
  3. การสูบบุหรี่ทำให้หลอดเลือดและเยื่อเมือกในช่องปากหดตัว ทำให้ระดับการดูดซึมยาน้อยลง [10]
  4. การอมยาใต้ลิ้น ถ้าใครมีร้อนในหรือแผลเปิดอาจเจ็บปวดระคายเคืองได้ [11] ทั้งการกิน ดื่ม และสูบบุหรี่ทำให้การดูดซึมยาลดลงทั้งนั้น และมีคำแนะนำว่ายาแบบอมใต้ลิ้นไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน [12]
  5. จะวางเม็ดยาไว้ที่ข้างไหนของ frenulum ก็ได้ (เนื้อเยื่อหรือเส้นที่เชื่อมใต้ปากกับลิ้นของเรา)
    • อย่าไปเงยหน้า เพราะเดี๋ยวจะเผลอกลืนยาเข้าไป
  6. ปกติยาอมใต้ลิ้นส่วนใหญ่จะละลายหมดใน 1 - 3 นาที [13] ระหว่างนั้นอย่าเพิ่งอ้าปาก กิน/ดื่มอะไร พูดคุย ลุกขึ้น หรือเดินไปมา ยาจะได้ไม่ขยับไปไหน มีเวลาให้ละลายและดูดซึมครบโดส
    • เวลาตั้งแต่ให้ยาจนยาออกฤทธิ์ หรือ onset ของ nitroglycerin แบบอมใต้ลิ้น คือภายใน 5 นาที และอาจยาวไปถึง 30 นาทีได้เหมือนกัน เวลาที่ต้องรอกว่ายาจะละลายจะแตกต่างกันไปตามแต่ละตัวยา ลองปรึกษาเภสัชกรหรือคุณหมอดูก็ได้ ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่ายาจะละลายหมด
    • ถ้า nitroglycerin ออกฤทธิ์เต็มที่ คุณจะรู้สึกจักจี้นิดๆ ที่ลิ้น
  7. ยาอมใต้ลิ้นต้องค่อยๆ ละลายซึมอยู่ใต้ลิ้น
    • ถ้าเผลอกลืนไปอาจทำให้ยาไม่ครบโดสหรือดูดซึมผิดปกติ สรุปแล้วจะไม่เห็นผลเอา [14]
    • ลองปรึกษาคุณหมอหรือเภสัชกรดู ว่าถ้าเผลอกลืนยาเข้าไปแล้วต้องทำยังไงถึงจะได้ยาครบโดส
  8. จะได้แน่ใจว่ายาละลายและซึมลงไปในเยื่อเมือกในปากครบถ้วน
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้าต้องรอนานหน่อยกว่ายาจะละลายหมด ให้หาอะไรทำฆ่าเวลาแบบไม่ใช้ปาก เช่น อ่านหนังสือ นิตยสาร หรือดูทีวี
  • อมลูกอมมินท์ หรือ จิบ น้ำก่อนอมยาทันทีก็ช่วยให้ปากไม่แห้งผากได้ [15]
โฆษณา

คำเตือน

  • ถ้าคุณหมอไม่ได้สั่ง ห้ามเอายาเม็ดปกติมาอมใต้ลิ้นเด็ดขาด ยาบางตัวต้องกินเข้าไปเพื่อย่อยและดูดซึมในกระเพาะ ถ้าเอาไปอมใต้ลิ้นอาจจะไม่ได้ผลหรือเป็นอันตราย [16]
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 30,281 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา