ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์อันน่าตื่นเต้น ทั้งยังเป็นผู้นำของโลกในหลายๆ ด้าน ผู้ที่ต้องการขอสัญชาติญี่ปุ่นควรทราบว่ากระบวนอาจต้องใช้เวลานานเป็นปี หรือมากกว่า คุณต้องพำนักอาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลาห้าปีก่อนที่จะเริ่มยื่นคำร้องขอสัญชาติอย่างเป็นทางการได้ อย่างไรก็ตาม เปอร์เซ็นต์ของผู้ยื่นคำร้องที่ได้รับสัญชาตินั้นสูงมาก ประมาณ 90% ของผู้ยื่นคำร้องได้รับสัญชาติญี่ปุ่น [1] นอกจากนี้ ยังมีวิธีการอื่นๆ ในการขอสัญชาติญี่ปุ่นสำหรับผู้ที่สามารถแสดงหลักฐานการเกิดในประเทศญี่ปุ่น หรือสำหรับผู้ที่มีบิดาหรือมารดาเป็นชาวญี่ปุ่น

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

การได้สัญชาติญี่ปุ่นสำหรับชาวต่างชาติ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. มีถิ่นพำนักอยู่ในประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลาอย่างน้อยห้าปีติดต่อกัน. ก่อนที่คุณจะสามารถยื่นคำร้องขอสัญชาติญี่ปุ่นได้ คุณต้องมีถิ่นพำนักอาศัยในประเทศญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่องมาแล้วเป็นเวลาอย่างน้อยห้าปี คุณอาจได้รับสัญชาติญี่ปุ่นโดยที่ไม่ต้องทำตามเงื่อนไขนี้ได้ ถ้าหากเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้: [2]
    • คุณเป็นผู้มีถิ่นพำนักในประเทศญี่ปุ่นมาแล้วสามปี หรือมากกว่า และเป็นบุตรของชาวญี่ปุ่น
    • คุณเกิดในประเทศญี่ปุ่น และได้อาศัยหรือมีถิ่นพำนักในประเทศญี่ปุ่นมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาสามปี และมีบิดาหรือมารดาที่เกิดในประเทศญี่ปุ่น
    • คุณมีที่อยู่อาศัยในประเทศญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาสิบปี หรือมากกว่า
    • สิ่งที่คุณต้องพิสูจน์ ไม่ใช่แค่จำนวนวันที่คุณมีถิ่นพำนักหรืออาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น แต่คุณยังต้องแจ้งวันที่ทั้งหมดที่คุณได้เดินทางออกนอกประเทศญี่ปุ่น รวมถึงวันที่คุณเดินทางกลับเข้าประเทศญี่ปุ่นในช่วงระยะเวลาที่เกี่ยวข้องอีกด้วย คุณสามารถพิสูจน์ได้ผ่านสำเนาหนังสือเดินทาง วีซ่า หรือเอกสารทางการอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน [3]
  2. คุณต้องมีอายุถึงเกณฑ์ขั้นต่ำนี้ และคุณต้องสามารถแสดงให้เห็นได้ว่าเป็นผู้บรรลุนิติภาวะตามกฎหมายของประเทศบ้านเกิดของคุณ บางประเทศอาจกำหนดเอาไว้ที่ 18 ปี 21 ปี หรืออื่นๆ ถ้าหากคุณไม่แน่ใจ ก็ควรตรวจสอบกับทนายความในประเทศบ้านเกิดของคุณ [4]
  3. แสดงให้เห็นว่าคุณเป็นบุคคลที่ “มีความประพฤติดี”. คุณต้องยื่นขอหนังสือรับรองความประพฤติ หนังสือรับรองนั้นต้องยืนยันว่าคุณเป็นผู้ที่ไม่มีประวัติอาชญากรรม [5] อย่างไรก็ตาม การพิจารณาจะทำเป็นกรณีไป ดังนั้น การมีประวัติอาชญากรรมมาบ้างอาจจะไม่ได้ทำให้คุณหมดสิทธิในการได้รับสัญชาติญี่ปุ่น [6]
  4. แสดงให้เห็นว่าคุณมีเงินมากพอสำหรับการดำรงชีวิตในประเทศญี่ปุ่น. ตามมาตรฐานทางกฎหมาย คุณต้องสามารถที่จะ “ดำรงชีวิตได้” ไม่ว่าจะด้วยรายได้จากการทำงาน หรือจากทรัพย์สินที่คุณเป็นเจ้าของ ถ้าคุณเป็นผู้ที่สมรสแล้ว และคู่ครองของคุณหารายได้ให้กับครอบครัว ก็จะถือว่าคุณมีคุณสมบัติในข้อนี้ [7]
    • ถ้าคุณเป็นลูกจ้าง และได้รายงานเกี่ยวกับที่ทำงานของคุณไปในการยื่นคำร้อง เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองก็อาจจะไปเยี่ยมดูที่ทำงานของคุณเพื่อยืนยันข้อมูลใดๆ ก็ตามที่คุณได้ให้เอาไว้ [8]
  5. คุณต้องสละสัญชาติที่คุณมีในประเทศอื่นอย่างเป็นทางการเมื่อยื่นคำร้อง เพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนใดๆ ที่อาจเกิดขึ้น ประเทศญี่ปุ่นจึงไม่ยินยอมให้มีการถือสองสัญชาติ [9] หลังจากที่คุณได้แปลงสัญชาติแล้ว คุณจะต้องแสดงหลักฐานการสละสัญชาติเดิมของคุณ หรือคุณอาจถูกขอให้กรอกใบเลือกสัญชาติ (国籍選択)ที่สำนักงานเทศบาล พึงทราบว่า ถ้าหากคุณเลือกประเทศญี่ปุ่น กระบวนการนี้เป็นกระบวนการภายในของรัฐบาลประเทศญี่ปุ่น และไม่มีผลใดๆ ต่อสัญชาติอื่นที่คุณถืออยู่ ดังนั้น โดยหลักการแล้ว คุณสามารถถือสองสัญชาติได้ ณ ปัจจุบันที่บทความนี้ได้ถูกเขียนขึ้น ประเทศญี่ปุ่นเพิกเฉยต่อการถือสองสัญชาติ อย่างไรก็ตาม:
    • การได้สัญชาติญี่ปุ่นโดยไม่สละสัญชาติของประเทศอื่นนั้นเป็นไปได้ ถ้าคุณสามารถชี้แจงให้เห็นถึงพฤติการณ์พิเศษที่ทำให้การถือสองสัญชาติเป็นสิ่งที่พึงกระทำสำหรับคุณ
    • บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี สามารถถือสองสัญชาติได้ ก่อนที่จะครบวัย 20 ปี บุคคลนั้นต้องตัดสินใจว่าจะรักษาสัญชาติญี่ปุ่นเอาไว้และสละอีกสัญชาติหนึ่งไป หรือว่าจะสละสัญชาติญี่ปุ่น (国籍選択 ดังที่ได้กล่าวเอาไว้ข้างต้น)
  6. เมื่อคุณคิดว่ามีคุณสมบัติตามที่กำหนดเอาไว้ของความเป็นพลเมืองในประเทศญี่ปุ่นครบทุกประการ หรือเกือบครบทุกประการแล้ว คุณก็ควรติดต่อไปยังสำนักกฎหมายแห่งกระทรวงยุติธรรม ณ อำเภอท้องถิ่นที่คุณอาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น สำนักงานกระทรวงจะจัดสัมภาษณ์ การสัมภาษณ์เบื้องต้น ซึ่งอาจจะเป็นการผ่านโทรศัพท์หรือไปเข้ารับการสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง มีเพื่อคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้น เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณมีคุณสมบัติครบตามที่ถูกกำหนดเอาไว้สำหรับความเป็นพลเมืองทุกประการ หรือเกือบครบทุกประการแล้ว [10]
    • ถ้าเจ้าหน้าที่เห็นว่าคุณมีความพร้อมที่จะดำเนินการยื่นคำร้องแล้ว ก็จะมีการนัดสัมภาษณ์ครั้งที่สอง
  7. ในการสัมภาษณ์ครั้งถัดมานี้ คุณจะได้ทราบเกี่ยวกับเอกสารที่ต้องใช้เพื่อพิสูจน์ความเหมาะสมของคุณในการรับสัญชาติ ซึ่งจะไม่มีข้อกำหนดที่ตายตัว เจ้าหน้าที่จะพิจารณาผู้ยื่นคำร้องแต่ละคน และกำหนดข้อเรียกร้องอย่างเป็นกรณีไป โดยทั่วไป คุณมักจะต้องเตรียมเอกสารดังต่อไปนี้: [11]
    • สูติบัตร
    • ทะเบียนสมรส
    • หนังสือเดินทาง
    • หลักฐานการเดินทางระหว่างประเทศ
    • หนังสือรับรองการจ้างงาน
    • หลักฐานแสดงทรัพย์สิน
    • หลักฐานยืนยันถิ่นที่พักอาศัย หรือภูมิลำเนา
    • หลักฐานทางการศึกษา (เช่น ใบแสดงผลการศึกษา หรือ ปริญญาบัตร)
    • ใบรับรองแพทย์และใบรับรองสุขภาพจิต
    • หนังสือรับรองความประพฤติ
  8. ในการสัมภาษณ์ครั้งที่สอง คุณจะได้รับชมวิดีโอเกี่ยวกับกระบวนการและความคาดหวังของการแปลงสัญชาติในประเทศญี่ปุ่น วิดีโอนี้จะมีความยาวประมาณหนึ่งชั่วโมง [12]
  9. หลังจากที่เสร็จการสัมภาษณ์ครั้งที่สองแล้ว คุณจะได้รับรายการเอกสารที่คุณต้องเตรียม พร้อมกับคู่มือที่อธิบายข้อกำหนดต่างๆ ของการแปลงสัญชาติ คุณต้องศึกษาคู่มือนี้และเริ่มรวบรวมเอกสาร ขั้นตอนนี้อาจต้องใช้เวลานานเป็นเดือนกว่าจะเสร็จอย่างสมบูรณ์ เมื่อคุณพร้อมแล้ว ก็ติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลกรณีของคุณ และนัดหมายเพื่อยื่นคำร้อง [13]
    • ในช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ครั้งก่อน คุณจะได้รับชื่อของผู้ติดต่อและหมายเลขสำหรับการยื่นคำร้องของคุณ
  10. เข้าพบเจ้าหน้าที่เพื่อยื่นคำร้องอีกหนึ่งครั้ง หรือมากกว่า. เมื่อคุณคิดว่าได้ทำตามเงื่อนไขที่กำหนดเอาไว้อย่างครบถ้วนแล้ว ให้ติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลกรณีของคุณและนัดหมายเพื่อยื่นคำร้อง (ทุกสิ่งที่คุณได้ทำมาก่อนหน้านี้ถือว่าเป็นขั้นตอนก่อนการยื่นคำร้อง) คุณจะได้เข้าพบเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองหนึ่งคน หรือมากกว่า พวกเขาจะตรวจการสมัครยื่นคำร้องของคุณอย่างละเอียดถี่ถ้วน ถ้ามีเอกสารชิ้นใดขาดไป หรือไม่สมบูรณ์ คุณจะต้องหามาให้ครบ ยังเป็นไปได้ด้วยว่า คุณอาจถูกขอเอกสารเพิ่มเติมตามที่เจ้าหน้าที่เห็นสมควร [14]
  11. รอคอยระหว่างที่เอกสารของคุณกำลังได้รับการตรวจสอบ. หลังจากที่คุณได้ยื่นคำร้องไปเรียบร้อยแล้ว คุณก็จะต้องกลับไปรอที่บ้าน ในระหว่างนี้ เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดของการยื่นคำร้องของคุณ การตรวจสอบนี้อาจมีการไปพบคุณที่บ้าน นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่อาจทำการสัมภาษณ์บุคคลอ้างอิงที่คุณได้แจ้งเอาไว้ว่าเป็นบุคคลรู้จักหรือนายจ้างด้วย [15]
    • ในช่วงเวลาของขั้นตอนนี้ คุณอาจจะได้รับการติดต่อมาเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องใดๆ ก็ตาม
    • ขั้นตอนนี้อาจใช้เวลานานหลายเดือน
  12. เมื่อการยื่นคำร้องของคุณเป็นที่น่าพอใจแล้ว คุณก็จะได้รับการติดต่อมาเพื่อนัดหมายเป็นครั้งสุดท้าย ในการนัดหมายครั้งสุดท้ายนี้ คุณจะได้ลงนามคำสาบานที่กำหนดเอาไว้ และการยื่นคำร้องของคุณก็จะได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการโดยสำนักกฎหมายท้องถิ่น สำนักกฎหมายจะส่งต่อการยื่นคำร้องที่เสร็จสมบูรณ์แล้วของคุณ รวมทั้งข้อมูลต่างๆ ที่คุณได้ลงนามแล้ว ไปยังกระทรวงยุติธรรม เมื่อกระทรวงยุติธรรมได้รับและอนุมัติเอกสารเหล่านั้นแล้ว คุณก็จะได้รับสัญชาติญี่ปุ่นในที่สุด [16]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ได้สัญชาติญี่ปุ่นโดยการรับรอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. มีคุณสมบัติขั้นต่ำของการเป็นพลเมืองญี่ปุ่น. ถ้าหากคุณมีบิดาหรือมารดาเป็นชาวญี่ปุ่น แต่ท่านทั้งสองไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน คุณก็ยังมีสิทธิ์ได้รับสัญชาติญี่ปุ่น ถ้าหากคุณมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้: [17]
    • คุณต้องมีอายุต่ำกว่า 20 ปี
    • คุณต้องไม่เคยถือสัญชาติญี่ปุ่นมาก่อน
    • คุณต้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของมารดา หรือบิดา
    • ผู้ที่จดทะเบียนรับรองคุณเป็นบุตรจะต้องเป็นผู้ที่ถือสัญชาติญี่ปุ่น ณ เวลาที่คุณเกิด
    • ผู้ที่จดทะเบียนรับรองคุณเป็นบุตรจะต้องถือสัญชาติญี่ปุ่น ณ เวลาที่จดทะเบียนรับรอง
  2. ถ้าคุณต้องการได้รับสัญชาติญี่ปุ่น คุณก็ต้องไปที่สำนักงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงยุติธรรมด้วยตัวเอง ถ้าคุณอาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น คุณก็ควรไปแจ้งที่สำนักกฎหมายของเขตที่คุณอยู่ ถ้าคุณอาศัยอยู่นอกประเทศญี่ปุ่น คุณก็สามารถไปที่สถานทูตหรือสถานกงสุลได้ [18]
    • คุณต้องแสดงตนเพื่อขอรับสัญชาติ. ข้อยกเว้นประการเดียวคือ บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี ถ้าคุณมีอายุต่ำกว่า 15 ปี ผู้ปกครองที่ชอบด้วยกฎหมายหรือผู้แทนที่ชอบธรรมท่านอื่นจะสามารถไปแสดงตนในนามของคุณได้
  3. คุณต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรที่สำนักงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงยุติธรรม ทางกระทรวงจะมีแบบฟอร์มที่คุณต้องใช้ ให้กรอกอย่างครบถ้วนและยื่นแบบฟอร์มนั้น [19]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ได้สัญชาติญี่ปุ่นโดยการเกิด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าบิดาหรือมารดาของคุณเป็นพลเมืองของประเทศญี่ปุ่นในเวลาที่คุณเกิด คุณก็จะได้รับสัญชาติญี่ปุ่นโดยอัตโนมัติ [20]
  2. ตามมาตรา 2(2) ของกฎหมายสัญชาติญี่ปุ่น ถ้าคุณเป็นบุตรของบิดาชาวญี่ปุ่น แต่บิดาของคุณเสียชีวิตก่อนคุณเกิด คุณก็จะได้รับสัญชาติญี่ปุ่นทันที [21]
  3. ถ้าคุณเกิดในประเทศญี่ปุ่น โดยไม่มีบิดาหรือมารดา คุณก็มีสิทธิ์ในสัญชาติญี่ปุ่นโดยอัตโนมัติ เงื่อนไขนี้เกิดขึ้นได้ในกรณีที่ทารกถูกทอดทิ้ง ได้รับการแจ้งว่าถูกทอดทิ้ง หรือได้รับการนำตัวไปส่งให้กับสถานพยาบาล หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ [22]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ใช้เวลาให้มีความสุข ถ้าคุณยังไม่ได้เริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่น ก็ลองเรียนดูระหว่างช่วงเวลาห้าปีที่คุณรอคอย และทำความรู้จักกับคนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียง
  • ไม่ต้องรู้สึกท้อใจไปกับเงื่อนไขเรื่องเวลา! ถ้าคุณอยากจะเป็นพลเมืองของประเทศญี่ปุ่นจริงๆ มันก็จะคุ้มค่าอย่างแน่นอน
โฆษณา

คำเตือน

  • คุณควรแน่ใจว่า นี่คือสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ แม้ว่าระยะเวลาขั้นต่ำของการอาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นจะคือห้าปี แต่ทางรัฐก็อาจใช้เวลาอีกเป็นปีในการพิจารณาการยื่นคำร้องของคุณ
  • คุณต้องให้ข้อมูลที่เป็นจริงทุกประการในการยื่นคำร้องขอสัญชาติญี่ปุ่น การให้ข้อมูลใดที่เป็นเท็จอาจนำไปสู่โทษจำคุก ปรับ หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
  • ถ้าคุณมีอายุมากกว่า 20 ปี คุณจะต้องแจ้งการถือสัญชาติใดสัญชาติหนึ่งกับประเทศที่คุณตัดสินใจเลือก คุณจึงควรแน่ใจว่าต้องการถือสัญชาติญี่ปุ่นจริงๆ กระนั้นก็ตาม ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น การเลือกสัญชาติญี่ปุ่นของคุณในใบเลือกสัญชาติ(国籍選択)เป็นกระบวนการภายในของรัฐบาลญี่ปุ่นเท่านั้น
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 3,455 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา