ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

หากคุณต่อสู้ดิ้นรนที่จะไม่ยอมแพ้ ก็เป็นไปได้ว่าคุณได้เคยมีส่วนเกี่ยวข้องมามากพอสมควร กับความท้าทาย ความทุกข์ยาก และการถูกปฏิเสธ คุณอาจเบื่อหน่ายที่คนอื่นคอยบอกกับคุณว่า “อุปสรรคสอนให้คุณแข็งแกร่งขึ้น” และคุณอยากรู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะยังคงมองโลกในแง่ดีอยู่ได้ และสานต่อแรงผลักดันไปสู่ความสำเร็จ อย่างแรกก็คือ คุณสมควรจะภูมิใจที่ตัวเองยังคงเพียรพยายามอยู่ หลังจากนั้น คุณสามารถพัฒนาความเชื่อที่มีผลต่อพฤติกรรม และจริยธรรมในการทำงาน ซึ่งจะช่วยรับประกันความสำเร็จ หากว่าคุณยังคงไล่ตามความฝันของคุณอยู่

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

พัฒนาความเชื่อที่มีผลต่อพฤติกรรมแบบยืดหยุ่น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แม้คุณอาจพบว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะยังมองโลกในแง่บวก หากกำลังรู้สึกว่าได้ลองทำทุกอย่างแล้ว แต่ไม่มีอะไรดีเลย มีความสำคัญที่คุณจะยังคงมองโลกในแง่ดีเท่าที่จะทำได้ หากต้องการที่จะไม่ยอมแพ้ การมองโลกในแง่บวกทำให้คุณมองเห็นทุกสิ่งดีๆ ในชีวิต ที่คุณอาจไม่ได้สนใจ เพราะมัวแต่ให้ความสนใจกับแง่ลบ คุณยังอาจจะเปิดกว้างรับโอกาส และความเป็นไปได้มากขึ้นกว่าเดิม เพราะจะกำลังมองดูชีวิตด้วยทัศนคติที่ว่า”เราทำได้” [1]
    • เป็นความจริงที่ว่าการมองโลกแง่บวกมากขึ้น ไม่เพียงทำให้คุณรับมือได้ง่ายมากขึ้นกับความท้าทาย แต่ยังจะช่วยให้คุณอ้าแขนรับความท้าทายใหม่ๆ ได้อีกด้วย หากมัวแต่ขมขื่นใจหรือเอาแต่สนใจเรื่องทั้งหมดที่เคยล้มเหลว คุณจะไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้
    • หากพบว่าตัวเองกำลังบ่นหรือคร่ำครวญ จงพยายามต่อสู้กับหนึ่งคำพูดในแง่ลบ ด้วยสองคำพูดในแง่บวก
    • แม้ว่าคุณไม่สมควรจะรู้สึกว่ากำลังหลอกตัวเอง ที่ทำท่ามองโลกในแง่บวก ทั้งที่ข้างในรู้สึกเศร้า คุณสมควรรู้ว่ายิ่งหลอกตัวเองมากยิ่งขึ้นเท่าไร คุณจะยิ่งเริ่มมองเห็นด้านที่สว่างมากขึ้นของชีวิตอย่างช้าๆ
    • วิธีหนึ่งที่จะมองโลกในแง่บวกมากขึ้นคือ ต้องอยู่ท่ามกลางผู้คนที่มีความสุขมากกว่าคุณ พวกเขาจะทำให้คุณรู้สึกถึงคุณค่าของชีวิตมากขึ้น หากเพื่อนทั้งหมดมองโลกในแง่ลบ และทำให้คุณเสียกำลังใจ ก็แน่นอนว่าจะยิ่งทำได้ยากที่คุณจะมีความเชื่อในแง่บวกซึ่งจะมีผลต่อพฤติกรรม และยากที่คุณจะรู้สึกว่าไม่สมควรจะยอมแพ้
  2. หากต้องการจะทำงานเพื่อพัฒนาความเชื่อที่มีผลต่อพฤติกรรมอย่างถูกต้อง เพื่อไม่ให้คุณยอมแพ้ คุณต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวยามเผชิญกับความยากลำบาก และไม่เพียงแค่ยอมรับความเปลี่ยนแปลง คุณยังต้องเติบโตขึ้นจากความเปลี่ยนแปลงได้ด้วย แน่นอนว่า คุณอาจจะไม่ได้คาดฝันมาก่อน ตอนที่จู่ๆ แฟนหนุ่มก็บอกเลิกราโดยไม่รู้สาเหตุ หรือเมื่อครอบครัวประกาศว่ากำลังจะย้ายไปอยู่เมืองอื่น แต่คุณต้องเรียนรู้เพื่อปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่ เพ่งความสนใจไปยังไม่ว่าแง่มุมใด ๆ ที่มีอยู่ และจัดทำแผนการอย่างละเอียดรอบคอบเพื่อประสบความสำเร็จในสถานการณ์ใหม่ [2]
    • และอย่างที่ครั้งหนึ่ง นักร้องสาว เชอริล โครว์ เคยพูดไว้ว่า บางครั้ง “การเปลี่ยนแปลงจะทำให้คุณดีขึ้น” แม้หากคุณจะรู้สึกช็อก หรือล้มเพราะยังไม่ทันระวังตัว ก็จงบอกกับตัวเองว่านี่อาจเป็นสิ่งดีที่สุดสำหรับคุณ
    • มองดูการเปลี่ยนแปลงว่าเป็นโอกาสเรียนรู้บางสิ่งใหม่ เพื่อพบกับคนใหม่ ๆ และเพื่อกลายเป็นผู้มีความสามารถรอบด้านมากขึ้น แม้คุณอาจจะยังมองไม่เห็นมุมมองในแง่บวกใด ๆ ของสถานการณ์ คุณก็ยังสมควรจะภูมิใจที่ตัวเองรับมือกับเรื่องนี้อย่างสง่างามและได้ก้าวไปข้างหน้า
  3. หากต้องการที่จะไม่ยอมแพ้ คุณจะต้องมีความเชื่อที่มีผลต่อพฤติกรรม ซึ่งเปิดโอกาสให้คุณเริ่มทำใจยอมรับความผิดพลาดต่างๆ ที่ได้ทำลงไป และเรียนรู้จากความผิดพลาดนั้น เพื่อไม่ทำผิดซ้ำเดิมอีก แม้ว่าคุณอาจจะรู้สึกเพียงหมดกำลังใจ หรือตะขิดตะขวงใจในตอนแรกที่ทำพลาด คุณสมควรถอยหลังหนึ่งก้าวเพื่อเข้าใจว่าคุณได้ทำอะไรผิด และวางแผนไม่ให้ทำผิดซ้ำเดิมในคราวหน้า
    • แม้ว่าจะไม่มีใครอยากจะทำพลาด แต่ความผิดพลาดช่วยให้คุณเรียนรู้วิธีหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคต ตัวอย่างเช่น คุณอาจจะรู้สึกเหมือนกับว่าคุณสูญเสียโดยประมาท เพราะออกเดทกับแฟนหนุ่มขี้หวงผู้จบลงด้วยการหักอกคุณ แต่ความผิดพลาดแบบนี้ในช่วงต้นของชีวิต อาจช่วยคุณไม่ให้เลือกสามีผิดในอนาคตได้
    • จงเต็มใจยอมรับความจริงว่า คุณอาจจะได้ทำสิ่งที่แตกต่างไป หากไม่ได้มุ่งมั่นเสียเหลือเกินที่จะดูสมบูรณ์แบบอยู่ตลอดเวลา หากไม่ยอมรับ คุณจะไม่มีวันได้เรียนรู้
  4. จงตระหนักว่ามีโอกาสเพิ่มเสมอที่จะประสบความสำเร็จ. หากต้องการทำงานเพื่อให้ตัวเองไม่ยอมแพ้ คุณจะต้องคิดว่ามีหนทางมากกว่าเดิมเสมอที่จะประสบความสำเร็จในอนาคต แม้การที่คุณอยู่กับปัจจุบันจะมีความสำคัญ แต่ก็สมควรจะทำงานเพื่อให้ตัวเองตื่นเต้นกับอนาคตด้วย แทนที่จะคิดว่าไม่มีอะไรดีรออยู่เลยในอนาคต หากคุณมีทัศนคติว่า ไม่ว่าด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง คุณได้พลาดโอกาสไปแล้วเพราะลงมือล่าช้าเกินไป โอกาสดี ๆ ก็จะไม่มีวันมาถึง เพราะคุณจะไม่อาจมองเห็นโอกาสเหล่านี้ได้
    • คุณอาจจะรู้สึกว่า การไม่สามารถคว้างานในฝันมาได้ หลังจากเข้าสัมภาษณ์มาแล้วสามรอบ ทำให้คุณไม่มีวันจะหาอาชีพที่เหมาะสมกับตัวเองได้ แต่ในระยะยาว คุณจะพบว่ามีงานอีกมากมาย ที่คุณอาจจะรู้สึกเช่นกันว่าเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับคุณ แม้จะต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะไปถึงจุดนั้นก็ตาม
    • คุณจะสามารถทำงานเพื่อปรับเปลี่ยนนิยามคำว่าประสบความสำเร็จ ของคุณได้เช่นกัน ตอนอายุ 25 ปี คุณอาจคิดว่าความสำเร็จที่แท้จริงคือสามารถขายนิยายที่คุณแต่งได้ แต่พออายุ 30 ปี คุณอาจมองว่าสามารถประสบความสำเร็จได้เช่นกัน จากการสอนวรรณคดีให้กับเหล่านักเรียนมัธยมผู้กระตือรือร้น
  5. หากต้องการมีความเชื่อที่มีผลต่อพฤติกรรมชนิดยืดหยุ่นได้ว่า คุณประสบความสำเร็จจริงๆ และจะไม่ยอมแพ้ คุณจะต้องสานต่อการค้นคว้าหาความรู้ และเรียนรู้เรื่องชีวิตให้มากขึ้น เช่นเดียวกับความรู้เรื่องสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ หากคุณกระหายที่จะเรียนรู้ และตื่นเต้นเรื่องโลก คุณจะมองเห็นว่ายังมีความรู้อีกมากให้ได้เรียนรู้ และมีโอกาสเพิ่มเสมอที่จะแสวงหาความรู้ คุณจะสามารถหาความรู้ไม่ว่าในเรื่องใดที่กำลังพยายามจะทำอยู่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย การหางานใหม่ หรือการขายนิยายของคุณ ยิ่งมีความรู้มากขึ้น ก็จะยิ่งมีความสามารถที่จะจัดการกับเรื่องท้าทายใด ๆ ที่เข้ามาหาคุณ
    • แน่นอนว่าการอ่านให้มากเท่าที่คุณจะทำได้ คือวิธีหาความรู้ซึ่งเวลาจะเป็นตัวพิสูจน์ อาจหมายถึงการอ่านนิยาย การอ่านข่าว หรือการอ่านในแนวที่คุณเลือกทางอินเตอร์เน็ต อย่างไรก็ตาม คุณจะหาความรู้ได้เช่นกัน ด้วยการพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ ด้วยการพยายามมีเครือข่ายชุมชนออนไลน์ หรือด้วยการขอคำแนะนำจากผู้คนซึ่งรู้ในสิ่งที่พวกเขาสมควรจะรู้
    • ตราบใดที่คุณตระหนักว่ามีสิ่งมากกว่านี้ให้เรียนรู้อยู่ที่ข้างนอกนั่น คุณจะไม่อาจยอมแพ้ได้อย่างแท้จริง
  6. —สิ่งดี ๆ จะเกิดขึ้นหากว่าคุณยังคงพยายามต่อไป เหตุผลอีกประการหนึ่งที่คุณอาจจะกำลังคิดเรื่องยอมแพ้ก็คือ คุณต้องการให้เกิดสิ่งที่ยิ่งใหญ่ต่างๆ ขึ้นกับคุณในวินาทีนั้นเลย คุณอาจคิดว่าเพียงแค่เพราะได้ยื่นสมัครงานไป 10 แห่ง ได้ส่งต้นฉบับนิยายไปให้บริษัทตัวแทน 5 แห่ง หรือได้ออกเดทกับผู้ชายที่แตกต่างกัน 4 คน จึงสมควรจะเกิดบางสิ่งที่ใช่สำหรับคุณ แต่ถนนไปสู่ความสำเร็จมักเต็มไปด้วยอุปสรรค และคุณไม่สมควรจะยอมแพ้ก่อนที่จะได้เริ่มต้นอย่างแท้จริงเสียด้วยซ้ำ
    • บางครั้ง การได้พูดคุยกับคนอื่น ๆ ผู้กำลังผ่านกระบวนการเดียวกันจะช่วยคุณได้. ตัวอย่างเช่น คุณอาจจะรู้สึกท้อแท้เพราะสมัครงานไป 20 แห่งแล้ว ยังไม่เคยได้ยินสัญญาณตอบกลับใด ๆ จากพวกผู้จัดการฝ่ายที่ต้องการพนักงานตำแหน่งนั้น ๆ เอาล่ะ เพื่อนของคุณผู้เพิ่งจะได้งานใหม่ อาจบอกกับคุณว่า เธอได้ส่งใบสมัครไป 70 แห่งกว่าจะมีสักแห่งหนึ่งเรียกเธอไปสัมภาษณ์เสียด้วยซ้ำ คุณต้องมุ่งมั่นและทำงานเพื่อตามหาชีวิตที่คุณต้องการ
    • แน่นอนว่าคุณอาจคิดว่าคุณฉลาด มีพรสวรรค์ และทำงานหนัก ดังนั้น ไม่ว่ามหาวิทยาลัยแห่งใด นายจ้างคนไหน หรือผู้มีศักยภาพจะเป็นเนื้อคู่คนใดได้ตัวคุณไป ก็นับว่าพวกเขาโชคดี สิ่งที่คุณคิดอาจจะเป็นความจริง แต่คุณไม่อาจคาดหวังให้ใครเลือกคุณ เพียงแค่เพราะคุณกับผู้ที่รู้จักคุณรู้ว่าคุณดีเลิศเพียงใด ต้องใช้การทำงานและเวลาที่จะพิสูจน์ตัวคุณเอง
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

รับมือกับความทุกข์ยาก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. อย่าตกเป็นเหยื่อของความสิ้นหวังอันเกิดจากการเรียนรู้ (learned helplessness). หากคุณตกเป็นเหยื่อของความสิ้นหวังประเภทนี้ คุณจะเชื่อว่าตัวเองไม่มีวันจะประสบความสำเร็จได้เลย เพราะโลกไม่ได้เข้าข้างคุณ ผู้คนที่ตกเป็นเหยื่อของความสิ้นหวังประเภทนี้เชื่อว่า พวกเขาไม่มีวันได้ก้าวหน้าไปถึงไหน เพราะไม่เคยได้ผลลัพธ์ดี ๆ เลยในอดีตที่ผ่านมา หากคุณต้องการจะสามารถรับมือกับความทุกข์ยากได้ แสดงว่าคุณได้เรียนรู้ที่จะอ้าแขนรับโอกาสใหม่ ๆ แทนที่จะคิดว่าคุณกำลังจะล้มเหลว เพราะชะตากรรมได้ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วให้เป็นเช่นนั้น [3]
    • คนที่ตกเป็นเหยื่อของความสิ้นหวังอันเกิดจากการเรียนรู้ จะเชื่อในบางสิ่ง เช่น “เอาล่ะ ฉันไม่ได้งานจากการสัมภาษณ์ล่าสุดห้าแห่ง จึงต้องหมายความแน่ๆ ว่าฉันไม่มีวันจะได้งาน ต้องมีบางสิ่งที่ผิดพลาดในตัวฉัน หรือการได้งานเป็นเรื่องของเส้นสายอยู่ดี ดังนั้น ฉันจึงไม่ต้องทุกข์ร้อนมากนักหากจะยังคงล้มเหลวต่อไป”
    • คนที่ต้องการควบคุมชะตากรรมของตน จะทำงานเพื่อให้ตัวเองคิดในแง่บวก และรู้สึกเหมือนกับว่าตนมีพลังอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ คนๆ นี้จะเชื่อในบางสิ่ง เช่น “แม้การสัมภาษณ์งานห้าครั้งล่าสุดของฉันจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ฉันก็ยังสมควรได้กำลังใจจากข้อเท็จจริงที่ว่า พวกผู้จัดการฝ่ายที่ต้องการจ้างงานสนใจในตัวฉัน หากฉันยังคอยส่งประวัติย่อ และเข้ารับการสัมภาษณ์ต่อไป ฉันรู้ว่าในที่สุด จะได้พบกับงานยิ่งใหญ่ที่สุด”
  2. อีกวิธีหนึ่งที่จะรับมือกับความทุกข์ยาก คือหาที่ปรึกษาสักคนที่คุณไว้วางใจ ผู้สามารถช่วยให้คุณรับมือกับความท้าทายที่ยากมากขึ้นในชีวิต การมีบุคคลผู้เคยผ่านสิ่งที่คุณกำลังผ่าน หรือผู้ที่เคยพบวิธีที่จะประสบความสำเร็จในสาขาเดียวกับคุณ สามารถช่วยให้คุณรู้สึกมั่นใจมากขึ้นที่จะยังคงไล่ล่าสิ่งที่ต้องการ การได้คุยกับคนอื่นอาจช่วยให้คุณได้คำแนะนำ หรือได้มุมมองเพิ่มขึ้นต่อสถานการณ์ของคุณ และยังสามารถช่วยให้คุณรู้สึกมีกำลังใจอีกด้วย [4]
    • ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ มีความเป็นไปได้ว่าที่ปรึกษาของคุณ ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือเธอ ได้เคยพบเจอมามากพอใช้กับการท้าทายและความล้มเหลว การได้รับฟังเรื่องเหล่านั้นจะช่วยให้คุณต้องการที่จะเดินหน้าต่อไปเช่นกัน
  3. รักษาไว้ซึ่งเครือข่ายชุมชนออนไลน์อันแข็งแกร่ง. นอกเหนือจากการมีที่ปรึกษาซึ่งคุณไว้วางใจ การมีเครือข่ายชุมชนออนไลน์ที่แข็งแกร่ง จะช่วยให้คุณยังคงเข้มแข็งในช่วงเวลาที่คุณต้องการเป็นอย่างยิ่ง การมีเพื่อนๆ ที่เชื่อใจได้ มีสมาชิกครอบครัวที่รักและห่วงใยคุณ กับการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนอันแข็งแกร่ง ผู้ซึ่งห่วงใยกันและกันอย่างแท้จริง สามารถช่วยคุณให้รู้สึกโดดเดี่ยวน้อยลง และดูเหมือนว่าคุณจะสามารถรับมือกับความท้าทายที่อยู่ตรงหน้าได้ หากคุณรู้สึกว่าต้องรับมือกับสถานการณ์นี้แต่เพียงลำพัง ก็น่าจะรู้สึกสิ้นหวังเพิ่มขึ้นมาก และดูเหมือนว่าจะต้องยอมแพ้
    • มีใครบางคนให้พูดคุยด้วยเรื่องความล้มเหลวของคุณ แม้คนนั้นจะไม่อาจให้คำแนะนำดีที่สุดกับคุณเสมอไป แต่ก็สามารถช่วยให้รู้สึกโดดเดี่ยวน้อยลง เพียงแค่มีใครสักคนให้พูดคุยด้วย สามารถทำให้คุณรู้สึกเหมือนมีความหวังสำหรับอนาคต
    • การพูดคุยเรื่องการต่อสู้ดิ้นรนของคุณกับคนอื่นผู้ห่วงใยคุณ สามารถช่วยบรรเทาความเครียดได้เช่นกัน คุณอาจจะรู้สึกท้อแท้เพิ่มขึ้นมาก หากต้องเก็บความรู้สึกทั้งหมดไว้ในใจ
  4. หากคุณกำลังผ่านช่วงเลวร้ายของความทุกข์ยาก ก็แล้วแต่กรณีว่าสิ่งสุดท้ายที่คุณอยากจะทำ คือ กินอาหารสามมื้อ/วัน อาบน้ำฝักบัวเป็นประจำ หรือพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการจะก้าวต่อไป แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่คุณต้องทำ เพื่อยังคงแข็งแกร่งทั้งทางร่างกายและจิตใจ เพราะหากคุณเหนื่อย กินอาหารไม่ค่อยลง หรือไม่ได้อาบน้ำฝักบัวมาสี่ห้าวันแล้ว จะทำได้ง่ายขึ้นมากที่จะอยากยอมแพ้ [5]
    • พยายามกินอาหารที่สมดุลและดีต่อสุขภาพให้ได้สามมื้อต่อวัน ประกอบด้วยเนื้อแดง ผลไม้หรือผัก และคาร์โบไฮเดรตชนิดที่ดีต่อสุขภาพ คุณจะได้รู้สึกมีพลังงานมากขึ้น และพร้อมรับมือกับการท้าทายใดๆ ที่เข้าหาคุณ
    • พยายามนอนอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง/คืน โดยให้เข้านอนและตื่นนอนในเวลาเดียวกัน จะช่วยให้คุณรู้สึกว่าสามารถจะรับมือกับไม่ว่าอะไรที่โลกเหวี่ยงเข้าใส่คุณ
  5. หากไม่ต้องการจะยอมแพ้ คุณไม่อาจเอาแต่นั่งบ่นเรื่องความล้มเหลวทั้งหมด นอนซึมเศร้าอยู่บนเตียง หรือเพียงกำลังหาข้อแก้ตัวสำหรับเหตุผลทั้งหมดที่คุณล้มเหลว คุณต้องกระฉับกระเฉง และวางแผนย่างละเอียดรอบคอบเพื่อทำต่อ หมายถึงการนำตัวคุณเองออกไปข้างนอก ไปสมัครงาน สมัครเล่นชุมชนออนไลน์ ออกไปตามนัด หรือทำอะไรก็ตามที่ต้องทำเพื่อบรรลุเป้าหมาย หากคุณเอาแต่นั่งคร่ำครวญถึงความล้มเหลวที่ได้เผชิญ และรู้สึกเสียใจสำหรับตัวคุณเอง สิ่งดี ๆ จะไม่เกิดกับคุณ
    • แน่นอนว่ามีบางครั้งบางคราวที่เราทั้งหมดจำเป็นที่จะต้องนั่งลง จัดงานปาร์ตี้แสดงความเวทนาเป็นการส่วนตัว และแสดงความรู้สึกเสียใจให้กับตัวเอง แต่คุณไม่อาจปล่อยให้ความรู้สึกนี้ทำให้รู้สึกไม่ค่อยดีจนไม่อาจพยายามอีกครั้งหนึ่ง
    • จงนั่งลงเป็นอย่างแรก แล้วเขียนแผนการเป็นลายลักษณ์อักษรสำหรับความสำเร็จ การที่คุณได้เขียนรายการลงบนกระดาษ จะช่วยให้รู้สึกเพิ่มขึ้นมากว่าสามารถจะบรรลุเป้าหมายให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ
  6. เป็นความจริงที่ว่าความมั่นใจในตัวเองของคุณจะสั่นคลอน หากใช้เวลานานหลายปีเสียเหลือเกิน ทำงานเดิม ๆ ซึ่งมีรายได้ต่ำและคุณไม่รู้สึกว่ามีคุณค่าใด ๆ แต่คุณไม่อาจปล่อยให้สิ่งนั้นขัดขวางคุณ จากความรู้สึกว่าคุณมีค่าพอสำหรับบางสิ่งที่ดีกว่าเดิม คุณสมควรพยายามโอบกอดทุกสิ่งที่คุณรักเกี่ยวกับตัวเอง เพื่อจัดการกับข้อบกพร่องที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และเพื่อมีความสุขที่ได้เป็นคนที่คุณเป็น แม้ว่าการสร้างความมั่นใจในตัวเองอย่างแท้จริงต้องใช้เวลานาน ยิ่งคุณเริ่มต้นเร็วมากขึ้นเท่าไร ก็จะสามารถรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ได้เร็วมากขึ้นเท่านั้น
    • จงทำงานเพื่อขจัดข้อกังขาในตัวเอง และรู้สึกเหมือนกับว่าคุณสามารถทำสำเร็จในทุกสิ่งที่ตั้งใจจะทำ หากคุณเป็นคนแรกที่มีข้อกังขาในตัวเอง ใครก็ตามที่คุณพบปะด้วย ก็จะกังขาในตัวคุณเช่นกัน
    • จงใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับคนที่ทำให้คุณรู้สึกดีกับตัวคุณ แทนที่จะทำให้คุณรู้สึกต่ำต้อย
    • จงเสแสร้งแกล้งทำจนกระทั่งคุณทำมันได้ด้วยภาษาท่าทางในแง่บวก จงยืนตัวตรง อย่ายืนหลังโกง และอย่ากอดอก จงมองดูมีความสุข และเปิดรับสิ่งที่โลกมานำมาสู่คุณ
  7. จงเติบโตอย่างแข็งแกร่งมากขึ้นจากความล้มเหลว. คุณอาจจะได้ยินสำนวนแบบคนมองโลกในแง่ดีที่ว่า “ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ไม่ได้ฆ่าคุณ จะทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้น” หากพูดจริง ๆ ละก็ สำนวนนี้ไม่ได้ถูกเสมอไป อันที่จริง หากคุณเผชิญกับความล้มเหลวบ่อยครั้ง และปล่อยให้ตัวเองหมดกำลังใจจริงๆ เพราะความล้มเหลว จะทำให้ถูกโน้มน้าวใจให้คิดว่าตัวเองไร้ค่าอย่างแท้จริง แทนที่จะพัฒนาให้หนังหนามากขึ้น คุณจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะโอบกอดความล้มเหลว และมองดูสิ่งที่คุณสามารถเรียนรู้จากความล้มเหลว แทนที่จะปล่อยให้ตัวเองรู้สึกว่าไม่มีค่าพอที่จะประสบความสำเร็จ
    • ทุกครั้งที่ล้มเหลว อย่าเพียงปล่อยให้คุณรู้สึกเลวร้ายมากขึ้น แต่จงนั่งลง และคิดเรื่องที่ว่าคุณได้เรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้ คิดว่าอะไรคือสิ่งที่คุณสามารถจะทำให้แตกต่างออกไป เพื่อจะได้ประสบความสำเร็จในครั้งหน้า
    • จงภูมิใจในตัวคุณเองที่ล้มเหลว เพราะมีคนจำนวนมากที่ไม่เคยผลักดันตัวเองให้ออกไปที่จุดนั้นเพื่อเริ่มต้นเลย แน่นอนว่า ไม่ใช่เรืองสนุกที่คุณล้มเหลว แต่ก็เป็นหนทางเดียวที่จะได้สิ่งที่คุณต้องการ
  8. คุณอาจคิดว่าเป็นเพราะคุณล้มเหลวบ่อยครั้งเหลือเกินในอดีต ไม่มีโชคในการที่จะขายนิยายเรื่องแรก ในการออกเดทกับหนุ่ม ๆ หรือในการลดน้ำหนัก คุณจึงจะไม่มีวันที่จะสามารถทำสิ่งใดให้เป็นจริงได้ อย่างไรก็ตาม คนหลายคนที่ประสบความสำเร็จเคยมีกำเนิดที่ต่ำต้อย ถูกเลี้ยงดูมาอย่างยากจน หรือเคยถูกประตูปิดใส่หน้าครั้งแล้วครั้งเล่า จงปล่อยให้อดีตเพิ่มพลังให้กับคุณ และผลักดันคุณไปสู่ความสำเร็จ แทนที่จะทำให้คิดว่าตัวเองไร้ค่า
    • แน่นอนว่า คุณอาจรู้สึกเหมือนกับว่า จนถึงปัจจุบัน งานทั้งหมดของคุณมีแต่ทำให้คุณค่าของคุณลดต่ำลง และทำให้รู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอ แต่ไม่ได้หมายความว่าอาชีพในอนาคตของคุณจะต้องเป็นเช่นนั้น อันที่จริง สิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้คุณค้นพบบางสิ่งที่ดีกว่าสำหรับตัวเอง
    • หากคุณคิดว่าประวัติศาสตร์กำลังจะซ้ำรอยเดิม คุณกำลังบ่อนทำลายตัวเอง ตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังมีความสัมพันธ์อันยอดเยี่ยม แต่ทั้งหมดที่คุณคิดถึงคือความสัมพันธ์ที่เคยล้มเหลวทั้งหมด เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ใช่เลย คุณกำลังจะสูญเสียความสัมพันธ์ครั้งนี้ด้วยเช่นกัน เพราะคุณไม่คิดว่าตัวเองสมควรจะได้รับสิ่งใดที่ดีกว่าเดิม
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

จงอยู่อย่างเข้มแข็ง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ตั้งเป้าหมายและทำให้บรรลุเป้าหมายอย่างสมเหตุสมผล. อีกวิธีหนึ่งที่คุณจะยังคงอยู่อย่างแข็งแกร่งคือ ทำให้แน่ใจว่ากำลังตั้งเป้าหมายที่สมเหตุสมผล ซึ่งคุณสามารถบรรลุเป้าหมายได้จริง แน่นอนว่า เป็นเรื่องดีเยี่ยมหากคุณจะเล็งเป้าหมายที่ดวงจันทร์ เพราะถึงล้มเหลว คุณก็ยังร่วงหล่นอยู่ระหว่างดวงดาว แต่ความจริงก็คือ คุณสมควรตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ แล้วค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอย่างมั่นคงจนบรรลุเป้าหมายสูงสุด เพื่อที่คุณจะได้ภาคภูมิใจต่อสิ่งที่ได้ทำสำเร็จระหว่างทาง การทำให้ตัวเองรู้สึกว่าสามารถจัดการกับชีวิตได้มากขึ้น จะเป็นแรงผลักดันไม่ให้คุณยอมแพ้
    • ตัวอย่างเช่น หากเป้าหมายของคุณคือจัดพิมพ์นิยายสักเล่มหนึ่ง ก็ใช่เลย มั่นใจได้ว่าคุณมีแนวโน้มจะผิดหวังสำหรับทุกๆ ปีที่คุณไม่สามารถจะบรรลุเป้าหมาย เพราะคุณกำลังจะทำให้ตัวเองรู้สึกว่าล้มเหลว
    • อย่างไรก็ตาม หากคุณตั้งเป้าหมายต่างๆ ที่เล็กลง เช่น ตั้งเป้าให้ได้มีเรื่องสั้นลงพิมพ์ในวารสารเล่มเล็กๆ สักเล่มหนึ่ง ถัดจากนั้น จึงตั้งเป้าให้ได้มีเรื่องสั้นตีพิมพ์ในวารสารเล่มที่ประสบความสำเร็จมากขึ้น ถัดจากนั้น จึงเขียนพิมพ์เขียวของนิยายเรื่องหนึ่ง และตั้งเป้าหมายให้ได้จัดพิมพ์ หากทำแบบนี้ คุณจะมีความสามารถเพิ่มขึ้นมากที่จะบรรลุเป้าหมายเล็ก ๆ หลายประการในระหว่างทาง และจะรู้สึกมั่นใจเพิ่มมากขึ้นในระหว่างที่ก้าวไปข้างหน้า
  2. ดูว่าจำเป็นหรือไม่ที่จะค้นหาวิธีใหม่เพื่อทำให้ฝันเป็นจริง. โอเค ไม่มีใครอยากจะได้ยินเรื่องนี้ แต่บางครั้ง คุณอาจต้องการจะกลับมานั่งลง และคิดว่าคุณเพียงกำลังทรมานตัวเองหรือไม่ ด้วยการตั้งเป้าหมายที่ยากเข๊็ญเสียจนน่าขันสำหรับตัวเอง แน่นอนว่า คุณอาจจะอยากเป็นนักแสดงสาวบนบรอดเวย์ ในขณะที่ สิ่งนี้เป็นเรื่องของฝันที่เป็นจริง แต่คุณก็อาจพบวิธีทำสิ่งที่คุณรัก พร้อมกับเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นด้วยวิธีอื่น เช่น เป็นครูสอนการละคร เข้าร่วมการแสดงสดในระดับที่เล็กกว่าบรอดเวย์ หรือแม้แต่เริ่มเขียนบล็อกเรื่องความพยายามของคุณที่จะเข้าสู่วงการศิลปิน
    • คุณไม่สมควรมองเรื่องนี้ ว่าเป็นวิธีหนึ่งที่จะลดความคาดหวังของคุณให้ต่ำลง แต่สมควรมองว่าเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ง่ายขึ้นที่คุณจะสนุกกับชีวิต
    • คุณไม่ต้องการจะใช้ทั้งชีวิตรู้สึกเหมือนเป็นคนขี้แพ้ เพราะไม่เคยได้ก้าวขึ้นเป็นคนดัง หรือว่าคุณต้องการล่ะ ความรู้สึกแบบนั้นจะทำให้คุณรู้สึกไม่พอใจกับเป้าหมายทั้งหมดที่ตนเองได้ทำสำเร็จมา
  3. อีกวิธีหนึ่งที่คุณจะอยู่ได้อย่างเข้มแข็งเมื่อเผชิญหน้ากับความล้มเหลว คือเรียนรู้วิธีรับมือกับความเครียดทั้งหมด ที่คุณอาจจะกำลังรู้สึกเพราะอยากยอมแพ้ ไม่ว่าจะเพียงแค่ไม่อาจหางานที่จะช่วยให้ได้ผลประโยชน์ด้านสุขภาพ ที่คุณจำเป็นต้องได้มากเหลือเกิน หรือว่าคุณไม่อาจรับมือกับการจัดสรรเวลาให้กับครอบครัว ขณะพยายามจะเขียนบทภาพยนตร์ คุณจำเป็นต้องหาวิธีจัดการกับความเครียด เพื่อช่วยเพิ่มความเป็นไปได้มากขึ้นที่คุณจะประสบความสำเร็จ นี่คือบางสิ่งที่คุณทำได้เพื่อจัดการกับความเครียด
    • ใช้เวลาอยู่กับคนที่ช่วยให้คุณรู้สึกสงบ
    • ละทิ้งปัจจัยที่ทำให้ชีวิตคุณเครียดให้มากที่สุดที่จะทำได้
    • ลดปริมาณงานของคุณลง ตรงที่ทำได้
    • เล่นโยคะ หรือนั่งสมาธิ
    • ดื่มคาเฟอีนให้น้อยลง
    • หลีกเลี่ยงการใช้แอลกอฮอล์เป็นกลไกในการรับมือกับปัญหา
    • คุยปัญหาของคุณกับเพื่อนสักคนหนึ่ง กับคนที่คุณรัก หรือกับนักบำบัด
    • เขียนบันทึกประจำวัน
  4. เลิกทำสิ่งเดิม ๆ และคาดหวังผลลัพธ์ที่แตกต่าง. หากคุณต้องการที่จะยังคงแข็งแกร่ง และไม่ยอมแพ้ อีกสิ่งหนึ่งที่คุณสามารถทำได้ คือหาวิธีใหม่ที่จะมองสถานการณ์ของคุณ โอเค หากว่าคุณส่งจดหมายสมัครงานไป 70 ฉบับ แต่ยังไม่เคยได้รับการตอบรับ หนทางแก้ปัญหาดีที่สุด อาจไม่ใช่ส่งจดหมายสมัครงานเพิ่มอีก 70 ฉบับ แต่ขอให้ใครสักคนช่วยดูจดหมายสมัครงานหรือประวัติย่อของคุณ เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นข้อมูลล่าสุด คุณอาจทำงานอาสาสมัครเพื่อหาประสบการณ์เพิ่ม หรือใช้เวลามากขึ้นกับเครือข่ายออนไลน์ หากคุณคอยแต่ทำสิ่งเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทำให้คุณเริ่มรู้สึกเหมือนกับเอาหัวกระแทกกำแพง
    • หรือตัวอย่าง ที่ว่าหากคุณได้เคยออกเดทครั้งแรกมาแล้ว 25 ครั้ง แต่การออกเดทครั้งที่สองเป็น 0 ครั้ง คุณสมควรถามตัวเองว่า สามารถจะทำอะไรที่แตกต่างออกไปหรือไม่ เพื่อเชื่อมต่อกับคนจำนวนมากขึ้น สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าคุณมีบางสิ่งที่ผิดพลาด แต่คุณจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงทัศนคติของคุณ
    • บางครั้ง คุณอาจจะพบว่าทั้งหมดที่คุณต้องการคือการเปลี่ยนแปลง ตัวอย่างเช่น หากคุณได้เพียรร้องขอให้เจ้านายขึ้นเงินเดือนให้ หรือขอให้เพิ่มความรับผิดชอบในการทำงานของคุณ แต่ไม่เคยได้รับการตอบสนอง หากเป็นเช่นนั้น คุณอาจสามารถจะได้สิ่งที่คุณต้องการ หากคุณค้นหางานใหม่
  5. คุณจะอยากยอมแพ้ได้ง่ายๆ หากคนรอบข้างกำลังทำให้คุณรู้สึกเหมือนกับว่า การยอมแพ้คือทางเลือกที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม คุณไม่อาจปล่อยให้คนอื่นบอกกับคุณว่าคุณคือใคร ไม่ว่าคน ๆ นั้น จะเป็นผู้แทนของบริษัทตัวแทนวรรณกรรม เป็นผู้จัดการฝ่ายที่ต้องการจ้างงาน หรือเป็นหนุ่มคนรักของคุณ คุณต้องทำงานมาจากข้างในตัวเอง เพื่อให้ตัวคุณรู้สึกว่าตัวเองมีค่า และไม่ยอมให้คนอื่นมาทำให้คุณรู้สึกว่ามีความเป็นคนลดน้อยลง [6]
    • แน่นอนว่าหากผู้คนกำลังให้ผลป้อนกลับในเชิงสร้างสรรค์กับคุณ คุณสมควรรับฟังแทนที่จะกล่าวหาพวกเขาว่าเกลียดชังคุณ หากผู้คนต้องการจริง ๆ ให้คุณปรับปรุงตัวเอง คุณสมควรรับฟังพวกเขา และมองว่าคุณจะสามารถทำให้ดีขึ้นได้อย่างไรในครั้งต่อไป
    • ตระหนักว่าที่ข้างนอกนั้นคือโลกที่หนาวเหน็บ และผู้คนส่วนใหญ่ใช้เวลาส่วนใหญ่ของชีวิต รับมือกับการถูกปฏิเสธ อย่าคิดว่าคุณคือคนเพียงคนเดียวที่ถูกปฏิเสธมากมายขนาดนั้น และจงเพ่งความสนใจที่การปรับเปลี่ยนทัศนคติของคุณต่อมุมมองของชีวิตที่อับโชคนี้
  6. หากคุณต้องการจะมีแรงขับดันและแรงจูงใจที่จะไปต่อ คุณต้องเรียนรู้ที่จะถอยหลังเพื่อมองดูภาพรวมว่า ชีวิตแย่มากโดยสิ้นเชิงอย่างที่คุณคิดว่าเป็นจริงหรือไม่ แน่นอนว่า ในตอนนี้ คุณอาจยังไม่ได้งานในฝัน แต่คุณก็โชคดีแล้วที่หางานทำได้ในเศรษฐกิจแบบนี้ โอเค ชีวิตคนโสดอาจห่วยแตกในบางครั้ง แต่อย่างน้อย คุณก็มีสุขภาพดี และยังมีเพื่อนหลายคนผู้ปรารถนาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณ จงเตือนใจคุณเองถึงทุกสิ่งดี ๆ ในชีวิต และใช้เป็นแรงจูงใจให้คุณบรรลุสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า [7]
    • จัดทำรายชื่อสิ่งต่างๆ ที่คุณรู้สึกซาบซึ้งใจ. จดบันทึกทุกสิ่งที่ทำให้ชีวิตของคุณคุ้มค่าที่จะมีชีวิตอยู่ และมองดูรายชื่อเหล่านี้บ่อย ๆ สิ่งนี้จะทำให้คุณเห็นว่าสิ่งต่าง ๆ ไม่ได้เลวร้ายมากเท่าที่ดูเหมือนจะเป็น
    • ใช้เวลาขอบคุณเพื่อน ๆ และคนที่คุณรัก สำหรับทุกสิ่งที่พวกเขาได้เคยทำให้กับคุณ สิ่งนี้จะช่วยให้คุณมองเห็นว่าชีวิตของคุณไม่ได้อยู่ในสถานการณ์เลวร้ายและสิ้นหวัง
  7. เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในชุมชนของผู้ที่ต้องการสิ่งเดียวกัน. อีกวิธีหนึ่งที่จะไม่ยอมแพ้คือเข้าร่วมในกลุ่มของผู้ที่กำลังเจอปัญหาเดียวกัน หากคุณกำลังรับมือกับโรคพิษสุราเรื้อรัง จงเข้าร่วมกับสมาคมกลุ่มผู้ติดสุรานิรนาม (กลุ่ม AA) หากคุณกำลังพยายามจะให้นิยายได้จัดพิมพ์ จงเข้าร่วมกลุ่มนักเขียน หากกำลังพยายามจะหาคู่สร้างคู่สมให้พบ จงไปงานชุมนุมคนโสด คุณอาจรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นเพียงคนเดียวในโลก ผู้กำลังรับมือกับการต่อสู้ดิ้นรนเฉพาะอย่างของคุณเอง แต่หากพยายาม คุณจะจะพบว่าตัวเองอยู่ห่างไกลจากการอยู่เพียงลำพังมาก
    • ชุมชนของคนหัวอกเดียวกันอาจช่วยให้คุณได้คำแนะนำอันยอดเยี่ยม การให้กำลังใจ และความรู้สึกว่าตนเป็นส่วนหนึ่ง
    โฆษณา


เคล็ดลับ

  • หากคุณประสบกับชั่วขณะของความสิ้นหวังอย่างรุนแรง ณ จุดซึ่งหมิ่นเหม่ที่คุณจะปล่อยตามยถากรรม หากจำเป็นจงแผดเสียงว่า “ไม่! ฉันจะเอาชนะสิ่งนี้ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้!"
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 7,349 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา