ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
แค่เพียงมีอวัยวะเพศชายไม่ได้หมายความว่าจะเป็นลูกผู้ชายได้ วัฒนธรรมทั่วโลกนั้นมีพิธีกรรมเปลี่ยนผ่านช่วงเวลาของชีวิต (Rite of Passage) เพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์แสดงความเป็นลูกผู้ชาย นอกจากนี้ยังมีจารีตประเพณีที่รักษาความเป็นลูกผู้ชายเอาไว้ ในบทความนี้จะมุ่งเน้นให้เห็นการเปลี่ยนผ่านระหว่างความเป็นเด็กชายและความเป็นลูกผู้ชายมากกว่าความแตกต่างระหว่างเพศหญิงและเพศชาย แม้ว่าจะไม่มีวิธีแยกแยะความเป็นลูกผู้ชายที่ชัดเจน แต่ก็ยังมีคุณลักษณะบางประการที่ทุกคนพิจารณาว่า “เป็นลูกผู้ชาย” คุณลักษณะดังกล่าวมีดังต่อไปนี้
ขั้นตอน
-
รู้จักตัวเอง. ค้นหาว่าตัวเองเป็นใคร และมีความสุขกับการเป็นคนๆ นั้น ในโลกนี้ไม่มีวิธีที่จะเป็นผู้ชาย ลูกผู้ชายตัวจริงอาจจะเป็นคนตัดไม้ที่ใส่เสื้อลายสก๊อตและไม่อาบน้ำมากว่า 10 วัน ลูกผู้ชายตัวจริงอาจจะเป็นศาสตราจารย์ที่พูดถึงกวีชื่อดังอย่างจอห์น มิลตันและวิลเลียม เชกสเปียร์ อย่างไรก็ตาม ผู้ชายทุกคนรู้ว่าตัวเองเป็นใครและเคารพตัวเองอยู่เสมอ
-
รอบรู้ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง. ไม่สำคัญว่าสิ่งนั้นคืออะไร อย่างไรก็ตาม คุณควรจะพิจารณาว่าตัวคุณค่อนข้างคุ้นเคยกับสายงานสายหนึ่งพอสมควร ผู้ชายอาจจะไม่สามารถหรือไม่ต้องการใช้คำพูดที่หรูหราหรือฟุ่มเฟือย แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องทำงานให้สำเร็จ พวกเขาจะรู้ว่าควรจะปฏิบัติตัวอย่างไร และจะใช้ความชาญฉลาดของตัวเองเพื่อทำงานให้สำเร็จ ลองถามตัวเองดูว่าคุณเชี่ยวชาญสายงานไหนบ้าง ตัวอย่างต่อไปนี้เป็นสิ่งที่คุณควรที่จะเรียนรู้อย่างลึกซึ้ง
- ความรู้ทั่วไป คุณอาจจะรู้แบบเป็ด ถ้าคุณสนใจที่จะออกรายการโทรทัศน์ คุณอาจจะได้เงินจากการเข้าร่วมรายการตอบคำถาม คุณรู้ถึงความแตกต่างระหว่างคำกริยาช่วยกับคำแท้ต่างๆ คุณรู้ถึงความแตกต่างระหว่างเทอร์โรแดคไทล์และเทอร์โรไรซัส และรู้ความแตกต่างระหว่างชุดสูทราคา 3000 บาทกับ 200,000 บาท
- รถ ผู้ชายมักจะคลั่งไคล้เรื่องรถยนต์ด้วยเหตุผลเดียวกับที่พวกเขาคลั่งไคล้ผู้หญิง เพราะทั้งสองอย่างนั้นสวยงาม น่าสนใจ และซับซ้อน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมผู้ชายถึงกล่าวถึงรถในเชิงสตรีเพศ ไม่แน่นะคุณอาจจะเป็นผู้ชายประเภทที่ว่ามีเพื่อนที่นำรถยนต์ของเขามาเพื่อให้คุณเปลี่ยนคลัชท์หรือน้ำมันก็เป็นได้
- ประวัติศาสตร์ จัดเป็นกลุ่มผู้ชายที่หาได้ยากมาก ผู้ชายที่เป็นนักศึกษาประวัติศาสตร์นั้นจะได้ประโยชน์จากการมองโลกในมุมกว้างเวลาที่เขาต้องจัดการกับปัญหา เขาสามารถวางกลยุทธ์การยิงปืนใหญ่โรมัน วางแผนเจรจาต่อรองในสงครามเย็น และปิดบังคนอื่นเรื่องนโยบายทางเศรษฐกิจของประเทศฝรั่งเศสได้ เขารู้ว่าประวัติศาสตร์นั้นไม่เพียงแค่ช่วยป้องกันความผิดพลาดไม่ให้เกิดซ้ำรอยในอนาคต
- ผู้หญิง ผู้ชายบางคนยกให้เพศตรงข้ามเป็นเหมือนศาสตร์ที่ต้องเรียนรู้ ถ้าคุณต้องการที่จะรอบรู้ในเรื่องผู้หญิง ให้เตรียมตัวที่จะทำความผิดเพื่อเรียนรู้เอาไว้ได้เลย ไม่มีอะไรที่แย่ไปกว่าผู้ชายที่คิดว่าตัวเองเป็นของขวัญที่พระเจ้าประทานให้ผู้หญิง แต่จริงๆ กลับเป็นคนที่ชอบด่าว่าเสียหาย เย่อหยิ่ง และไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย
-
รู้ตัวเมื่อคุณทำความผิดและเรียนรู้ที่จะพูดว่า “ฉันขอโทษ. " การทำผิดไม่ได้มีอะไรเสียหาย คนที่มีใจไม่มั่นคงเท่านั้นที่จะคิดว่าการทำความผิดเป็นเรื่องที่แย่ เพราะเขาจะรู้สึกอึดอัดกับสิ่งที่เขาเป็นในตอนแรก ผู้ชายที่มั่นใจจะรู้ตัวเมื่อพวกเขาทำผิดและไม่รู้สึกกลัวที่จะยอมรับความผิดนั้นๆ
- เรียนรู้ที่จะพูดว่า “ฉันขอโทษ” ในวิธีที่แตกต่างกัน ผู้ชายรู้ว่าการพูด “ขอโทษ” นั้นไม่จำเป็นต้องเป็นคำพูดเสมอไป การให้ตั๋วดูการแข่งขันเบสบอล ตั๋วดูคอนเสิร์ต และตั๋วออกค่ายท่องเที่ยวล้วนเป็นวิธีที่จะพูดว่า “ฉันขอโทษ” โดยที่ไม่ต้องใช้คำพูดเลยแม้แต่น้อย ผู้ชายมักจะรู้ว่าสิ่งเหล่านี้ได้ผลมากกว่าการแสดงความเสียใจผ่านคำพูดสองคำสั้นๆ
-
รู้ถึงข้อปฏิบัติของลูกผู้ชาย. ข้อปฏิบัติของลูกผู้ชายคืออะไร มันก็คือข้อปฏิบัติที่ไม่ได้บัญญัติอย่างเป็นทางการ แต่ผู้ชายจะยึดถือและปฏิบัติตามข้อเหล่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ชายมักจะทำหรือไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง ดังนั้น ให้ปฏิบัติตามข้อปฏิบัติของลูกผู้ชายอย่างจริงจังเมื่อคุณทำได้ เพราะมันจะช่วยบอกผู้ชายคนอื่นๆ ว่าคุณเคารพพวกเขาพอๆ กับที่คุณเคารพตัวเอง ตัวอย่างข้อปฏิบัติของลูกผู้ชายมีดังนี้
- สิ่งที่ไม่ควรทำตอนออกเดท คุณจะไม่ออกเดทกับน้องสาวหรือพี่สาวของเพื่อน นอกเสียจากว่าคุณตั้งใจที่จะแต่งงานกับเธอ คุณจะไม่ออกเดทกับแฟนเก่าของเพื่อนนอกเสียจากว่าคุณได้รับอนุญาตจากเพื่อนแล้ว การได้รับอนุญาตก็คือไปขอเขาตรงๆ
- แบ่งปันสิ่งที่คุณมีเมื่อมีโอกาส ถ้าเพื่อนขอยืมรองเท้าบูทสำหรับทำงาน สว่าน หรือหม้อล่วงหน้าหนึ่งวัน คุณควรจะมีน้ำใจให้เขายืมไปใช้ได้ แต่ว่ารถยนต์ เครื่องรางนำโชค หรือผู้หญิงนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องให้ยืม
- ของขวัญวันเกิดให้กับผู้ชายคนอื่นก็เป็นทางเลือกที่ดี ถ้าคุณถูกถามถึงรายละเอียดว่าทำไปทำไม คุณอาจจะโกหกแล้วบอกเขาไปว่าคุณถูกสั่งให้ทำ
- อย่าเปิดบทสนทนากับผู้ชายคนอื่นในห้องน้ำชาย การเลือกบริเวณโถปัสสาวะแบบเปิดหรือติดตั้งชั่วคราวในการเปิดบทสนทนากับผู้ชายอื่นๆ นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเด็ดขาด
- อย่าทำสัญลักษณ์หน้ายิ้มหรือสัญลักษณ์แสดงอารมณ์ (Emoticon) เมื่อพิมพ์ข้อความพูดคุยกับคนอื่น แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ (แต่ไม่ชอบให้ทำ) ถ้าหากทำกับผู้หญิง แต่ก็ควรทำให้น้อยที่สุด
-
ละทิ้งความคิดหรือประเพณีที่บ่อนทำลายตัวเอง. เข้าใจว่าผู้ชายทุกคนในทุกวัฒนธรรมนั้นอาจจะเข้าสังคมด้วยวิธีที่มีแนวโน้มที่จะทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ นำมาซึ่งความไม่เป็นสุข ในกรณีนี้ ขั้นตอนแรกที่จะช่วยให้คุณรู้สึกถึงความเป็นชายในตัวเองได้คือการตรวจสอบสภาพแวดล้อมที่คุณเติบโตมาโดยปราศจากอคติเท่าที่เป็นไปได้
- คุณเติบโตในวัฒนธรรมที่การทำร้ายผู้อื่นที่ไม่เข้าพวกไม่ว่าจะเป็นทางกายหรือทางคำพูดเป็นสิ่งที่ยอมรับได้หรือไม่ ความรุนแรงนั้นมักจะเป็นผลมาจากความขี้ขลาดมากกว่าแรงขับเคลื่อนที่จะแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง การใช้ความรุนแรงหรือการคุมคามกับเพื่อนหรือครอบครัวเพื่อ “แสดงความมีอำนาจ” นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดีและทำให้ผู้อื่นเจ็บปวด
- คุณถูกสอนมาว่าการเป็นคน “แข็งแกร่ง” หมายถึงการเก็บอารมณ์ ข่มน้ำตา และไม่เคยระเบิดอารมณ์หรือไม่ ปัญหาก็คือคุณสามารถเรียนรู้ที่จะข่มอารมณ์หรือเก็บอารมณ์เอาไว้ในใจ ซึ่งการทำแบบนี้จะทำให้ทุกอย่างแย่ลง ให้สนใจกับความแข็งแกร่งในรูปแบบที่แตกต่างออกไป เช่น เป็นคนที่น่าเชื่อถือ แสดงออกอย่างน่าเกรงขามเพื่อให้คนอื่นเห็นว่าเราสามารถจัดการกับความทุกข์ได้
- คุณถูกสอนให้เกลียดหรือกลัวคนที่เป็นเพศทางเลือกหรือไม่ ให้เข้าใจว่ามีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้คุณเป็นชายรักชายได้ คือ มีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งและมีรสนิยมทางเพศกับคนที่เป็นเพศเดียวกัน แต่ประเภทของเพลงที่คุณชอบฟัง เสื้อผ้าที่คุณชอบใส่ แม้แต่การที่คุณร้องให้ไปกับภาพยนตร์เศร้า การซื้อดอกไม้ให้ภรรยา การเป็นคนอ่อนไหวหรือเป็นคนดีต่อคนอื่น สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้คุณเป็นชายรักชายได้ การแสดงออกถึงอาการกลัวเพศทางเลือกนั้นแสดงให้เห็นว่าเป็นผู้ชายที่ไม่มั่นคงทางเพศ ไม่ใช่เป็นการแสดงความกล้าหาญของตัวเอง
โฆษณา
-
ทำตัวให้สะอาด แม้ว่าคุณจะอาศัยอยู่ในป่าก็ตาม. ผู้ชายนั้นรู้ว่าการทำความสะอาดร่างกายเป็นสิ่งที่จำเป็น แม้แต่สัตว์ทุกชนิดก็ทำความสะอาดร่างกายตัวเอง แต่อย่าตกอยู่ในกับดักที่ว่า “การดูแลตัวเอง” นั้นเป็นเหมือนกับส่วนหนึ่งของกระแสสังคมสมัยใหม่ การดูแลตัวเองกลายเป็นธุรกิจ องค์กร และบริษัทที่คอยโน้มน้าวใจคุณไม่หยุดไม่หย่อน เพื่อให้คุณต้องการผลิตภัณฑ์ที่ไม่จำเป็นโดยไม่รู้จบ ธุรกิจ “ดูแลตัวเอง” สมัยใหม่และ “การจัดแต่งร่างกาย” นั้นมีมาเพื่อสร้างรายได้ ไม่ใช่ว่าเพราะมันสูงส่ง ดีต่อสุขภาพ และมีศีลธรรม
- คุณไม่จำเป็นต้องโกนขนทุกวัน โดยเฉพาะถ้าคุณอยากจะไว้หนวด ผู้ชายบางคนจำเป็นต้องโกนหนวดเพราะไม่สามารถไว้หนวดได้ แต่หนวดของผู้ชายส่วนใหญ่จะขึ้นเร็วมาก ซึ่งเป็นธรรมชาติของพวกเขาที่จะไว้หนวดเครา ผู้ชายมีแนวโน้มที่จะกังวลว่าผู้หญิงจะคิดอย่างไรกับหนวดบนใบหน้าของพวกเขา แต่ความจริงก็คือผู้ชายนั้นไม่ใช่ทาสของผู้หญิง ไม่มีผู้หญิงคนไหนบังคับให้คุณโกนหนวดเมื่อคุณไม่ต้องการได้ ดังนั้น เป็นตัวของตัวเองให้สมกับที่ธรรมชาติสร้างคุณมา และเป็นนายของตัวเอง
- อย่าโกนขนหน้าอกหรือขนบนร่างกายทั่วๆ ไป คุณไม่ต้องใช้ชีวิตยึดติดกับความคิดที่ไร้สาระว่าภาพลักษณ์ของผู้ชายควรจะ “เรียบเนียน ได้รูป (เหมือนปั้นมา)” ที่แฟชั่นสมัยใหม่นั้นสร้างขึ้นผ่านโฆษณาและอุตสาหกรรมภาพยนตร์ พวกเขาทำก็เพื่อสร้างรายได้เช่นกัน ดังนั้น จงภูมิใจว่าอะไรที่ทำให้คุณเป็นผู้ชาย และคุณลักษณะทางกายที่ธรรมชาติสร้างมาก็เพื่อให้ลักษณะความเป็นผู้ชายให้กับคุณ
- อาบน้ำในยามที่จำเป็น ผู้ชายนั้นได้ประโยชน์จากการอาบน้ำเมื่อพวกเขาสกปรกและมีกลิ่นตัว แต่ก็ไม่จำเป็นต้องอาบน้ำทุกวันเหมือนที่ผู้หญิงทำ ผู้ชายที่เลือกที่จะสกปรกและมีกลิ่นตัวมักจะทำเพราะมีเหตุผลที่ดี (เช่น พวกเขาทำงานกับรถยนต์ หรือชอบออกกำลังกาย)
- ตัดผมและเล็บมือเป็นประจำ แม้ว่าผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ชอบการตัดผมแบบไม่มีเหตุผล แต่ผู้ชายบางคนก็ชอบไว้ผมยาวขึ้นมานิดหน่อยหรือเป็นสไตล์ผมยาว
- คุณไม่จำเป็นต้องโกนขนทุกวัน โดยเฉพาะถ้าคุณอยากจะไว้หนวด ผู้ชายบางคนจำเป็นต้องโกนหนวดเพราะไม่สามารถไว้หนวดได้ แต่หนวดของผู้ชายส่วนใหญ่จะขึ้นเร็วมาก ซึ่งเป็นธรรมชาติของพวกเขาที่จะไว้หนวดเครา ผู้ชายมีแนวโน้มที่จะกังวลว่าผู้หญิงจะคิดอย่างไรกับหนวดบนใบหน้าของพวกเขา แต่ความจริงก็คือผู้ชายนั้นไม่ใช่ทาสของผู้หญิง ไม่มีผู้หญิงคนไหนบังคับให้คุณโกนหนวดเมื่อคุณไม่ต้องการได้ ดังนั้น เป็นตัวของตัวเองให้สมกับที่ธรรมชาติสร้างคุณมา และเป็นนายของตัวเอง
-
ออกกำลังกาย. การเป็นลูกผู้ชายไม่ได้หมายความว่าคุณต้องมีกล้ามโต แต่มันหมายความว่าคุณต้องดูแลหุ่นของตัวเอง (ผู้ชายบางคน อาจจะหมายถึงการเพิ่มน้ำหนัก) ปรับเปลี่ยนชีวิตให้มีความรับผิดชอบต่อการเป็นผู้ชายด้วยดูแลร่างกายให้สมบูรณ์ โดยการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เล่นโยคะ และทำกายบริหารแบบพิลาทีส (ไม่ได้มีไว้แค่ผู้หญิงเท่านั้น) ฝึกเสริมสร้างความแข็งแรง หรือเล่นกีฬา ประกอบกับการคุมอาหารเพื่อสุขภาพ หรือเดินอย่างน้อย 30 นาทีต่อวันเพื่อเผาผลาญไขมันและสร้างกล้ามเนื้อ
-
สวมเสื้อผ้าที่พอดีกับร่างกาย. เสื้อผ้าของคุณไม่จำเป็นต้องออกแบบโดยเฉพาะหรือมีราคาแพงมาก อย่างไรก็ตาม เสื้อผ้าเหล่านั้นควรพอดีกับตัวคุณ เพราะผู้ชายทุกคนไม่ดีมีกล้ามโตและกำยำ ดังนั้น การแต่งตัวที่ดูรัดติ้วหรือหลวมเกินไปจะทำให้ดูไม่ดี แม้ว่ากางเกงขาลีบนั้นได้รับความนิยมในปัจจุบัน แต่ก็เลือกเสื้อผ้าให้ห่างจากความเป็นหญิงให้มากที่สุด ผู้ชายทุกคนมักจะต้องเสื้อผ้าดังต่อไปนี้
- กางเกงยีนส์ตัวเก่ง ในตู้เสื้อผ้าของคุณควรจะมีกางเกงยีนส์ทั่วไป 1 ตัว กางเกงยีนส์สำหรับทำงาน 1 ตัว และกางเกงยีนส์เป็นทางการอีก 1 ตัว ให้พยายามทำตามพื้นฐานนี้เอาไว้
- เสื้อเชิ้ตมีกระดุม เหมือนกับข้อข้างต้น ผู้ชายโดยเฉลี่ยจะมีเสื้อเชิ้ตทั่วไป 2 ตัว เสื้อเชิ้ตทำงาน 2 ตัว และเสื้อเชิ้ตเป็นทางการอีก 2 ตัว
- รองเท้าที่เหมาะกับสถานการณ์ ผู้ชายมักจะต้องการรองเท้าประมาณ 3 ถึง 5 คู่ที่ใช้ใส่ตามสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป เช่น รองเท้าสำหรับใส่เป็นทางการ (ใส่ไปทำงานหรือโอกาสสำคัญ) รองเท้าสำหรับเล่นเทนนิส รองเท้าบูทสำหรับทำงาน รองเท้าใส่ทั่วไป (รองเท้าหุ้มข้อ ร้องเท้ามีเชือก รองเท้าผ้าใบ และอื่นๆ) หรือ รองเท้ากึ่งทางการ (รองเท้าแบบผูกเชือกบริเวณหลังเท้า (Oxford) รองเท้าโบ้ทชู (Top-sider) รองเท้าส้นเตี้ยใช้สวมโดยไม่มีเชือกผูก (Loafer) และอื่นๆ) ให้ผสมผสานการแต่งตัวให้เข้ากันกับความต้องการและนิสัยของคุณ
-
อย่าใช้ยาเป็นตัวช่วย. ผู้ชายเกิดมาเพื่อผจญภัย ทำให้ถูกล่อลวงให้ใช้ยาเพื่อเสริมสร้างตัวเอง ผู้ชายที่รู้สึกสบายๆ กับตัวเองนั้นมีแนวโน้มที่จะไม่ยึดติดกับการใช้ยาเป็นตัวช่วย แม้ว่าตอนนั้นชีวิตเขาจะเต็มไปด้วยภาระ เช่นใบแจ้งหนี้ งานที่กองเป็นภูเขา และการกิจกรรมส่วนตัวอื่นๆ ที่คอยขัดขวาง (นี่ยังไม่รวมถึงฟุตบอลนะ) ผู้ชายมักจะค้นพบวิธีที่จะชื่นชมความสวยงามในชีวิตได้โดยไม่ต้องทำให้ตัวเองติดยาโฆษณา
-
เสริมสร้างจริยธรรมในตัวเอง. ผู้ชายนั้นไม่รู้สึกดีกับการถูกตัดสินหรือบังคับ พวกเขาเข้าใจถึงจุดนี้และคาดหวังว่าคนอื่นๆ จะเคารพกฎนี้ด้วยเช่นกัน ให้มองตัวเองจากภายใน แล้วถามว่า “ฉันต้องการให้คนอื่นมาทำแบบนี้กับฉันไหม” การทำแบบนี้จะช่วยคุณพัฒนาจริยธรรมเพื่อใช้ชีวิตต่อไป
- ผู้ชายไม่เคยขโมยของจากใคร แม้ว่าเขาจะสิ้นหวังก็ตาม ผู้ชายที่สิ้นหวังนั้นจะเรียนรู้เพื่อขอความช่วยเหลือจากคนอื่นแทนที่จะช่วยตัวเองด้วยวิธีที่เขาไม่มีสิทธิทำ
- ลูกผู้ชายจะช่วยเหลือผู้อื่นยามที่พวกเขาต้องการความช่วยเหลือ เขารู้ตัวเมื่อคนอื่นรู้สึกแย่ในโชคชะตาของตัวเอง และต้องการความช่วยเหลือ แม้ว่าความช่วยเหลือนั้นจะอยู่ตรงหน้าแล้วก็ตาม
- ลูกผู้ชายจะเชื่อใจเพื่อน คนที่สำคัญ และครอบครัว เขาจะทำตามสิ่งที่เขาพูดว่าจะทำและคาดหวังให้คนอื่นทำเหมือนกัน
- ลูกผู้ชายไม่เคยโกหกกับตัวเองและผู้อื่น เขามักจะรักษาสติของตัวเองที่ช่วยให้เกิดความรู้สึกดีและช่วยให้เขารู้สึกสบายใจกับความเป็นจริง แม้ว่าจะเจ็บปวดก็ตาม
-
มีความทะเยอทะยานในวิถีของตัวเอง. ผู้ชายมักจะเป็นคนทะเยอทะยาน พวกเรานั้นอยากจะเป็นผู้นำครอบครัวและได้รับความชื่นชมและความเคารพจากผู้อื่น อย่างไรก็ตาม ผู้ชายทุกคนไม่ได้เลือกที่จะทำงานในสายงานเดียวกัน ดังนั้น ความทะเยอทะยานไม่ได้ให้ผลเหมือนกันเสมอไป ไม่ว่าคุณจะเลือกงานหรือสายอาชีพไหน (คุณอาจจะมีหลายงาน) ตั้งเป้าหมายให้กับตัวเอง ใช้ชีวิตอยู่จนถึงจุดนั้นหรือไปให้ถึงจุดหมาย และสร้างจุดหมายหมายเมื่อใดก็ตามที่คุณต้องการ กำหนดความคิดเพื่อความสำเร็จให้กับตัวเอง
-
มองหาความรับผิดชอบและรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง. ความแตกต่างระหว่างเด็กผู้ชายกับลูกผู้ชายก็คือ ผู้ชายนั้นมีความรับผิดชอบ ผู้ชายนั้นให้ค่ากับความรับผิดชอบ ยอมรับในหน้าที่ และรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง ผู้ชายมักทำความสะอาดตัวเองเสมอ (ในความหมายโดยตรง “และ” ความหมายโดยนัย หมายถึงรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองทำเอาไว้)
- ผู้ชายรู้ว่า “ใครก็ตาม” สามารถเป็นพ่อของลูกได้ แต่ผู้ชายที่เข้าใจและยอมรับความรับผิดชอบของตัวเองสามารถเป็นพ่อที่ดีได้
- ผู้ชายมักปฏิเสธที่จะบังคับใครสักคนให้ทำอะไรที่พวกเขาไม่ต้องการจะทำ ผลที่ได้ก็คือ พวกเขาจะชื่นชมความท้าทายและความเสี่ยงที่คนอื่นได้รับจากการกระทำของตัวเอง
-
เรียนรู้ที่จะเสียสละให้กับคนที่คุณรักและห่วงใย. การเสียสละเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโต ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ก็ตาม ความแตกต่างระหว่างลูกผู้ชายกับเด็กผู้ชายก็คือ ลูกผู้ชายจะลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง แต่เด็กผู้ชายนั้นจะลังเลและคอยบ่นโดยไม่ทำอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่พวกเขารัก ผู้ชายจะเสียสละ แม้ว่าจะเป็นการให้เวลา เงิน หรือสิ่งอื่นๆ ให้กับคนที่ใกล้ชิดกับพวกเขา ผู้ชายจะทำเหมือนกับเป็นหน้าที่ของตัวเอง
-
เป็นผู้ชาย “ที่ดี”. ความซื่อสัตย์นั้นทำให้เราทำสิ่งที่ถูกต้อง ด้วยเหตุผลที่ถูกต้อง “แม้ว่าจะไม่มีใครมองเห็นก็ตาม” การกำหนดความรับผิดชอบในฐานะผู้ชาย เช่น ทำงานให้สำเร็จ อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้คุณอยากจดจ่อกับสิ่งนั้น แต่นั่นไม่ได้ทำให้คุณเป็นคนดีเสมอไป อย่าหยุดที่จะพยายามทำในสิ่งที่ถูกต้อง และให้ประเมินตัวเองและความซื่อสัตย์ใหม่อีกครั้ง ถ้าคุณกำลังจะเป็นลูกผู้ชาย ก็ให้เป็นผู้ชายที่ดี ไม่อย่างนั้นคุณก็เป็นเด็กผู้ชายแบบนี้ไปตลอดโฆษณา
-
ใช้ความเป็นสุภาพบุรุษภายในจิตใจ. ความเป็นสุภาพบุรุษในจิตใจจะช่วยบอกคุณให้ทำสิ่งที่คุณรู้ว่าควรจะทำ แต่บางครั้งคุณก็ขี้เกียจเกินกว่าที่จะทำ
- เป็นคนจ่ายเวลาออกเดท นอกเสียจากว่าผู้หญิงที่คบอยู่มองการกระทำของคุณเหมือนนักเลงที่อยู่ในยุคเหยียดเพศหญิง ให้ดูแลเธออย่างระมัดระวัง
- เปิดประตูให้เธอเข้ามา หาเก้าอี้ให้เธอนั่ง และพูดว่า “นะครับ” และ “ขอบคุณครับ” โดยทั่วไปแล้วนั้น การให้ผู้หญิงเดินนำหน้าตัวเองนั้นเป็นเพราะการเคารพในตัวเธอ
- ทำหน้าที่ภายในบ้าน ผู้ชายบางคนที่มีในความสัมพันธ์ในระยะยาวแล้วนั้นมักจะบ่ายเบี่ยงที่จะทำหน้าที่ในบ้าน เช่น ทำเป็นลืมว่าต้องไปทิ้งขยะ ล้างจาน และเปลี่ยนผ้าอ้อม ผู้ชายตัวจริงจะรู้ว่าพวกเขาต้องแบ่งปันภาระภายในบ้านด้วยกัน แม้ว่างานเหล่านั้นจะไม่พึงประสงค์ที่จะทำก็ตาม
- เป็นผู้แพ้ที่มีเมตตา ธรรมชาติของผู้ชายนั้นชอบการแข่งขัน ทำให้การยอมแพ้เป็นสิ่งที่ทำได้ยากสำหรับบางคน อย่างไรก็ตาม คุณควรยอมรับความพ่ายแพ้ด้วยความเมตตาเหมือนกับคุณยอมรับชัยชนะ แต่คำพูดก็ง่ายกว่าการกระทำ
-
อย่าเปิดเผยเรื่องความสัมพันธ์อย่างโจ่งแจ้ง. ผู้ชายนั้นชอบการเผด็จศึก แต่ก็ถูกล่อลวงให้คุยโวเกี่ยวกับชัยชนะของตัวเอง ดังนั้น อย่าตกเป็นเหยื่อให้กับความคิดที่ว่า ถ้าคุณไม่อวดสิ่งที่ได้มา สิ่งนั้นก็ไม่เคยเกิดขึ้น ความสำเร็จในความรักนั้นสื่อออกมาผ่านตัวมันเอง ความมั่นใจเงียบๆ บางครั้งจะช่วยบอกเพื่อนได้ว่าคุณนั้นเป็นเสือผู้หญิง แม้ว่าคุณจะไม่ได้เป็นจริงๆ ก็ตาม
-
ดูแลคนสำคัญด้วยความเคารพเสมอ. สิ่งที่คุณควรทำและไม่ควรทำมีดังนี้
- ควรทำ
- รับฟังในสิ่งที่พวกเขาพูด
- ให้อภัยพวกเขาเมื่อทำผิด
- ทำตามสิ่งที่คุณพูดและสิ่งที่คุณคิดที่จะทำ
- ปฏิบัติตัวต่อพวกเขาแบบเดียวกับที่คุณอยากให้คนอื่นปฏิบัติกับคุณ
- ไม่ควรทำ
- ทำให้พวกเขาติดอยู่กับความหวังลมๆ แล้งๆ
- ล่อลวงพวกเขาเพื่อให้ได้สิ่งที่คุณต้องการ
- ปฏิบัติตัวต่อเขาเหมือนสิ่งของ
- คิดว่าตัวเองรู้ว่าพวกเขานั้นรู้สึกหรือมีปฏิกิริยาอย่างไร
- ควรทำ
-
อย่าเดินหน้าในความสัมพันธ์อย่างรวดเร็ว. ผู้ชายจำนวนมากรีบเกินไปจนทำให้ผู้หญิงนั้นตกอยู่ในสถาการณ์ที่น่าอึดอัด การทำแบบนี้ไม่เพียงแต่กีดกันผู้หญิงออกไป แต่ยังทำให้พวกเขาไม่ได้สิ่งที่ต้องการอีกด้วย ลูกผู้ชายนั้นจะรู้ว่าเมื่อถึงเวลาที่จะออกเดท ให้ผู้หญิงเดินนำหน้าเสมอ ถ้าผู้หญิงต้องการที่จะมีความสัมพันธ์อย่างรวดเร็ว ผู้ชายก็ต้องคอยรับมือ ถ้าผู้หญิงต้องการเดินหน้าความสัมพันธ์ช้าๆ ผู้ชายก็ต้องยืนยันกับเธอว่าเขาจะอยู่เคียงข้างคุณจนกว่าจะพร้อม การให้ผู้หญิงเดินนำหน้าก่อนนั้นจะช่วยให้สร้างความสัมพันธ์ได้สำเร็จและมักจะครองรักได้ยาวนาน
-
เล่นตัวเล็กน้อย. ผู้ชายนั้นขัดขืนผู้หญิงไม่ได้ เพราะพวกเขาน่าสนใจและน่าค้นหา การเป็นคนน่าค้นหาไม่ได้หมายความว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งและพูดน้อย แต่มันคือการเก็บบางสิ่งเอาไว้บอกในภายหลัง แล้วทำให้เธอตื่นตาตื่นใจไปกับทักษะ นิสัย และท่าทางที่เธอไม่ได้คาดหวังมาก่อนโฆษณา
เคล็ดลับ
- พยายามมองหาแต่ตัวอย่างที่ดี แม้ว่าพวกเขาจะเด็กกว่าคุณก็ตาม มีใครในชีวิตที่คุณคิดว่าเป็นตัวอย่างของผู้ชายที่ดี พวกเขาแสดงออกอย่างไร พวกเขาทำอาชีพอะไร ให้เรียนรู้จากพวกเขา แต่จำไว้ว่าไม่มีใครสมบูรณ์แบบ พวกเขาเองก็ต้องเรียนรู้ เหมือนกับที่คุณทำเช่นกัน
- การเป็นผู้ชายและการเป็นผู้หญิงนั้นมีความหมายเหมือนกัน เมื่อถึงเวลาก็ทำตัวให้เป็นคนใจดี น่าเคารพและจริงใจ การเป็นผู้ชายและการเป็นผู้หญิงไม่ได้ถูกกำหนดด้วยสิ่งอื่นๆ เช่น รสนิยมด้านการแต่งกาย งานอดิเรก หรือรสนิยมทางเพศ
- คุณอาจจะไม่อยากแต่งงาน นั่นเป็นทางเลือกของคุณคุณ การแต่งงานไม่ใช่คุณสมบัติของการเป็นลูกผู้ชาย
- ลองพิจารณาการเป็นคนรักเด็ก ไม่มีอะไรน่าดึงดูดไปกว่าผู้ชายที่รักเด็ก
โฆษณา
คำเตือน
- การพัฒนาคุณสมบัติเพื่อแยกแยะลูกผู้ชายจากเด็กผู้ชายนั้นอาจจะใช้เวลานานเป็นปีๆ พวกเราทุกคนเติบโตด้วยความเร็วที่ต่างกัน ให้พยายามเข้าไว้
โฆษณา
โฆษณา