ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เต่าเป็นสัตว์ที่ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกนี้มานานกว่า 200 ล้านปี ซึ่งหมายความว่าพวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในยุคเดียวกับไดโนเสาร์เลยทีเดียว เต่าเป็นสัตว์เลี้ยงชวนหลงใหลที่ทำให้ใครหลายๆ คนต่างเพลิดเพลินไปกับการเลี้ยงดูและเฝ้ามองการเจริญเติบโต อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเต่าดำรงเผ่าพันธุ์มาอย่างยาวนาน เมื่อเวลาผ่านไปพวกมันจึงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปเรื่อยๆ จนส่งผลให้ความต้องการในการดูแลเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ซึ่งหมายความว่าการเลี้ยงเต่าสักตัวจึงเป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่กว่าที่คุณคิดและจำเป็นต้องใช้เวลาและความทุ่มเทมากมายเพื่อให้แน่ใจว่าเต่าของคุณมีสุขภาพที่สมบูรณ์และแข็งแรง หากคุณต้องการเรียนรู้วิธีการดูแลสิ่งมีชีวิตสุดน่าทึ่งนี้ ลองเริ่มต้นจากขั้นตอนที่ 1 ได้เลย

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 5:

เลือกซื้อเต่า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เต่ามีอยู่มากมายหลายสายพันธุ์ และมีหลากหลายปัจจัยที่คุณควรพิจารณาเมื่อเลือกซื้อเต่าสักตัวหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ภายนอก สภาพแวดล้อมที่เต่าชื่นชอบ และงบประมาณที่คุณเตรียมไว้ ไม่ว่าคุณจะเลือกเลี้ยงเต่าสายพันธุ์ใด พวกมันล้วนสามารถเป็นสัตว์เลี้ยงที่สร้างความเพลิดเพลินในครอบครัวได้อย่างดีตราบเท่าที่คุณดูแลเอาใจใส่พวกมันอย่างเสมอต้นเสมอปลาย สายพันธุ์ของเต่าที่นิยมเลี้ยงโดยทั่วไปได้แก่ ซูลคาต้า (Sulcata) เสือดาว (Leopard) เรดฟุต (Redfoot) เยลโล่วฟุต (Yellowfoot) กรีก (Greek) รัสเซีย (Russian) เฮอร์แมน (Hermanns) และดาวอินเดีย (Indian Star) สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนเริ่มต้นเลี้ยงเต่ามีดังนี้: [1]
    • แม้ว่าเต่าที่คุณเลือกซื้อและพากลับบ้านจะยังตัวเล็กและน่ารักในช่วงแรก แต่จำไว้ว่าเต่าบางสายพันธุ์อาจเจริญเติบโตจนมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่า 2 ฟุตหลังจากผ่านไป 5-10 ปี ดังนั้นหากคุณตั้งใจว่าจะเลี้ยงดูพวกมันในระยะยาว พยายามอย่าให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอก และมองหาพันธุ์เต่าที่เหมาะกับความชื่นชอบ สถานะทางการเงิน สภาพแวดล้อมของคุณมากที่สุดรวมทั้งพิจารณาว่าคุณมีความพร้อมในการดูแลเต่าสายพันธุ์นั้นมากพอหรือไม่
  2. สิ่งสำคัญคือการเลือกซื้อเต่าจากผู้ขายที่มีประวัติการซื้อขายที่โปร่งใสและรับประกันว่าจะส่งมอบเต่าให้กับคุณในสภาพที่แข็งแรง หลีกเลี่ยงการเลือกซื้อเต่าจากงานแสดงสัตว์เลื้อนคลาน เนื่องจากเป็นไปได้ว่าคุณอาจไม่ได้ติดต่อผู้ขายได้อีกหลังจากที่ซื้อเต่าไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถติดตามได้ว่าการดูแลเต่าของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นดีหรือไม่
    • ไม่ว่าจะต้องการซื้อเต่าจากร้านขายสัตว์เลี้ยงหรือตามร้านค้าออนไลน์ คุณควรมองหาผู้ขายที่ให้ความสำคัญในการดูแลลูกค้า หากผู้ขายแจ้งว่าคุณสามารถติดต่อพวกเขาได้เสมอหลังจากที่คุณซื้อเต่าไปแล้ว แสดงว่าผู้ขายของคุณสามารถไว้วางใจได้
    • มีข้อจำกัดด้านกฎหมายเล็กน้อยเกี่ยวกับการครอบครองและเพาะพันธุ์เต่าบางสายพันธุ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายพันธุ์เมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean) ดังนั้นหากต้องการซื้อเต่าสายพันธุ์ดังกล่าว คุณควรแน่ใจว่าผู้ขายของคุณได้รับใบรับรองจาก C.I.T.E.S. (Convention on International Trade in Endangered Species) หรือไซเตส [2]
  3. ควรแน่ใจว่าคุณสามารถเลี้ยงดูเต่าได้ในระยะยาว. เต่าอาจไม่ใช่สัตว์เลี้ยงที่เหมาะสมกับคุณนักหากคุณสามารถเลี้ยงดูพวกมันได้เพียง 1-2 ปี จำไว้ว่าเต่าเป็นสัตว์ที่มีอายุยาวนานถึง 30-100 ปี ซึ่งหมายความว่าอาจมีโอกาสที่พวกมันจะอยู่ได้นานกว่าคุณ อย่างไรก็ตาม อย่ากังวลกับเรื่องนี้จนเกินไป เพียงแค่แน่ใจว่าคุณเริ่มต้นเลี้ยงเต่าเมื่อคุณมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคงและมั่นใจว่าสามารถมองหาผู้เลี้ยงคนใหม่ให้กับพวกมันได้เมื่อคุณจำเป็นต้องย้ายที่อยู่ใหม่
    • คุณไม่จำเป็นต้องอาศัยอยู่ที่เดิมนานถึง 50 ปี แต่ควรมีความพร้อมมากพอสำหรับการดูแลสมาชิกใหม่ในครอบครัวนี้เป็นเวลานานหลายปี
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 5:

บำรุงและดูแลเต่า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. โดยหลักๆ แล้วประเภทอาหารที่เหมาะสำหรับเต่าจะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของพวกมัน คุณจึงควรสอบถามผู้ขายเกี่ยวกับการให้อาหารพวกมันอย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตาม เต่าสายพันธุ์ส่วนใหญ่มักชื่นชอบการทานผักใบเขียวต่างๆ เช่น ผักสลัดรวมที่หาซื้อได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป และสำหรับลูกเต่าจะต้องทานอาหารที่นุ่มและกรอบยิ่งขึ้น เนื่องจากขากรรไกรเล็กๆ ของพวกมันอาจไม่สามารถฉีกอาหารให้ขาดออกได้ง่ายนัก นอกจากนี้เต่ายังสามารถทานผักประเภทอื่นๆ ได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบรอกโคลี่ ถั่วแขก และผักเคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนำไปผสมรวมกับผักใบเขียว อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือคุณควรรู้ดีว่าอาหารโปรดต่างๆ ของสายพันธุ์เต่าที่คุณเลี้ยงมีอะไรบ้าง
    • เต่าของคุณอาจจำเป็นต้องทานอาหารเสริมเพิ่มเติมเพื่อการเจริญเติบโตที่สมบูรณ์และแข็งแรง ซึ่งอาหารเสริมที่ขาดไม่ได้สำหรับพวกมันคือแคลเซียม รวมถึงวิตามินเอและวิตามินดี 3 ซึ่งสำคัญไม่แพ้กันหากเต่าของคุณถูกเลี้ยงในที่ร่มซึ่งปราศจากแสงยูวี
    • เต่าบางตัวอาจชื่นชอบการทานใบแดนดิไลออน คื่นช่าย ผักกาดหอม หรือแม้กระทั่งผลไม้ด้วยเช่นกัน
  2. เต่าของคุณควรได้รับน้ำในปริมาณที่เพียงพอเพื่อสุขภาพที่ดีและป้องกันการเกิดภาวะขาดน้ำ ดังนั้น86I07'8;iเตรียมน้ำให้พร้อมโดยเติมน้ำเปล่าลงไปในถาดทรงตื้นหรือจานรองแก้วซึ่งติดกับพื้นจนแน่นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการพลิกคว่ำ ซึ่งภาชนะที่ใช้ใส่น้ำจะต้องตื้นพอให้พวกมันสามารถเข้าไปยืนข้างในและจุ่มหัวลงไปดื่มน้ำได้โดยไม่จมอยู่ใต้น้ำทั้งหมด [3]
    • เปลี่ยนน้ำเป็นประจำทุกวันและเตรียมน้ำให้พร้อมอยู่เสมอไม่ว่าเต่าจะถูกเลี้ยงกลางแจ้งหรือในที่ร่ม
  3. ห้ามทำเต่าร่วงหลุดจากมือจนกระแทกพื้นโดยเด็ดขาด เพราะหากกระดองของพวกมักแตกออก เต่าของคุณอาจเกิดการติดเชื้อจนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ แม้ว่าคุณจะต้องการอุ้มเต่าของคุณมากเพียงใด แต่คุณควรค่อยๆ จับพวกมันขึ้นมาอย่างเบามือหรือให้ผู้ที่มีความชำนาญมากกว่าเป็นคนจับพวกมันแทนเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เต่าเกิดความเครียดได้
    • หากบ้านของคุณมีเด็กเล็ก อย่าลืมอธิบายให้เข้าใจว่าพวกเขาควรชมเชยเต่าด้วยการเฝ้ามองและสัมผัสเฉพาะเมื่อจำเป็นเท่านั้น
  4. ผิวหนังของเต่าจำเป็นต้องชุ่มชื้นอยู่เสมอโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเต่าที่ยังคงเล็กอยู่ ดังนั้นหลังจากที่คุณพาเต่ากลับบ้านเป็นครั้งแรก ให้คุณนำพวกมันแช่ในน้ำสัก 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อให้ผิวหนังของพวกมันได้รับความชุ่มชื้นอย่างเต็มที่ โดยควรแน่ใจว่าหัวของพวกมันโผล่พ้นขึ้นมาจากน้ำอยู่ตลอดเวลา โดยส่วนใหญ่แล้วหลังจากที่เต่าถูกแช่ลงในน้ำ พวกมันมักจะเริ่มดื่มน้ำโดยทันทีซึ่งเป็นสัญญาณว่าทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น อย่างไรก็ตาม จำไว้ว่าการแช่เต่าในน้ำอย่างบ่อยครั้งอาจไม่ใช่เรื่องที่ดีเสมอไปและควรทำเพียงวันเว้นวันเท่านั้นก็เพียงพอ อุณหภูมิของน้ำสำหรับการแช่เต่าที่เหมาะสมควรเท่าๆ กับอุณหภูมิสำหรับอาบน้ำเด็กทารก
  5. โดยหลักการแล้วคุณควรจัดเตรียมสถานที่เลี้ยงเต่าของคุณในบริเวณนอกบ้าน เนื่องจากหลายคนเห็นว่าการเลี้ยงเต่าภายในบ้านเพียงอย่างเดียวอาจดูเป็นการทรมานพวกมันไปสักนิด ดังนั้นหากคุณตั้งใจเลี้ยงเต่าสักตัวหนึ่ง คุณควรมีพื้นที่บริเวณนอกบ้านที่พร้อมสำหรับการจัดเตรียมบ้านให้กับพวกมัน เว้นเสียแต่ว่าเต่าของคุณยังคงเล็กอยู่หรือเป็นสายพันธุ์ที่สามารถอาศัยอยู่ในที่ร่มได้เท่านั้น หรือหากคุณต้องการเลี้ยงเต่าที่อาศัยในที่ร่มโดยเฉพาะ อย่าลืมหาข้อมูลอย่างละเอียดและเลือกพันธุ์เต่าที่เหมาะสมที่สุด [4]
    • คุณยังสามารถเลี้ยงเต่าสลับระหว่างกลางแจ้งและในร่มได้เช่นเดียวกัน โดยเลี้ยงไว้ภายในบ้านในเดือนที่มีอากาศหนาวและปล่อยให้พวกมันอยู่ในบริเวณนอกบ้านในเดือนที่มีอากาศอุ่น คุณควรจัดเตรียมบ้านทั้งสองประเภทให้พร้อมเพื่อให้เต่าของคุณอารมณ์ดีและมีสุขภาพสมบูรณ์อยู่เสมอ
    • ลองดูหัวข้อด้านล่างเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการดูแลเต่าอย่างเหมาะสมในการเลี้ยงทั้งแบบกลางแจ้งและแบบในร่ม
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 5:

ดูแลเต่าที่อาศัยในร่ม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากคุณต้องการจัดเตรียมบ้านสำหรับเต่าของคุณไว้ภายในบ้าน เริ่มต้นจากพิจารณาเลือกประเภทของคอกเลี้ยงระหว่างแบบบ่อน้ำหรือแบบสวนจำลอง จำไว้ว่าพื้นที่สำหรับการเลี้ยงลูกเต่าควรมีความกว้างอย่างน้อย 3 ตารางฟุต ดังนั้นคอกเลี้ยงที่มีขนาด 100-200 แกลลอนจึงมีขนาดที่พอเหมาะสำหรับลูกเต่า อย่างไรก็ตาม พวกมันสามารถเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว คุณจึงควรแน่ใจว่าเต่าของคุณมีพื้นที่ที่เพียงพอสำหรับขนาดตัวที่ใหญ่ขึ้นของพวกมัน
    • คุณสามารถเลี้ยงเต่าในตู้กระจกได้เช่นเดียวกัน แต่พวกมันอาจรู้สึกหงุดหงิดเมื่อพยายามเดินทะลุผ่านกระจกได้ คุณอาจใช้วิธีปิดทับด้วยกระดาษที่ด้านนอกของตู้กระจกเพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันเกิดความสับสน
    • คุณยังสามารถเลือกใช้กล่องเก็บของพลาสติกหรืออ่างผสมปูนซีเมนต์สำหรับลูกเต่าได้อีกด้วย ซึ่งข้อดีของอุปกรณ์เหล่านี้คือผนังที่ขุ่นซึ่งจะไม่ก่อให้เกิดความหงุดหงิดให้กับเต่าได้มากเท่าแบบกระจกใส
    • คอกเลี้ยงจะต้องมีความสูงพอเพื่อไม่ให้เต่าปีนหลบหนีออกไปได้
  2. คุณไม่จำเป็นต้องกังวลใดๆ เกี่ยวกับระดับของแสงสว่างหากเต่าของคุณอาศัยอยู่ในบริเวณนอกบ้าน แต่หากคุณเลี้ยงเต่าไว้ภายในบ้าน คุณจะต้องแน่ใจว่าบ้านของพวกมันมีแสงสว่างที่พอเหมาะเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายมีการสังเคราะห์วิตามินดีในปริมาณที่เพียงพอ ปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อการจัดแสงสว่างที่เหมาะสมให้กับเต่าของคุณ: [5]
    • คุณควรจัดเตรียมทั้งโคมไฟตั้งโต๊ะที่มีกำลังไฟอย่างน้อย 100 วัตต์เพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับเต่าและหลอดไฟยูวีสำหรับให้พวกมันได้อาบแดดให้พร้อมทั้งสองประเภท หรือจะเลือกใช้หลอดไฟไอปรอทหรือที่เรียกว่าหลอดแสงจันทร์ที่สามารถให้ทั้งความอบอุ่นและแสงยูวีให้กับเต่าได้ในเวลาเดียวกัน
    • อุณหภูมิของโคมไฟควรอยู่ที่ 30-35 องศาเซลเซียส แต่อาจเปลี่ยนแปลงบ้างขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของเต่า
    • ควรแน่ใจว่าคุณจัดวางโคมไฟอย่างเหมาะสมเพื่อให้เต่าของคุณสามารถอบอุ่นร่างกายได้ที่จุดหนึ่งของคอกเลี้ยงและหลบไปยังบริเวณอื่นๆ เมื่อต้องการให้ร่างกายเย็นลง
    • การจัดเตรียมความอบอุ่นและแสงยูวีอย่างเหมาะสมไม่เพียงมีความสำคัญต่อสุขภาพของเต่าเท่านั้น แต่ยังช่วยให้พวกมันอารมณ์ดียิ่งขึ้นได้อีกด้วย เนื่องจากการอาบแดดเป็นสิ่งที่เต่าโปรดปรานเป็นอย่างยิ่ง
  3. วัสดุปูพื้นที่คุณเลือกใช้สำหรับรองพื้นคอกเลี้ยงจะต้องประกอบด้วยส่วนประกอบที่เหมาะสมเพื่อสุขภาพและความปลอดภัยของเต่าของคุณ ไม่ว่าคุณจะเลี้ยงเต่าทั้งแบบกลางแจ้งหรือแบบในร่ม สิ่งสำคัญคือคุณจะต้องแน่ใจว่าวัสดุปูพื้นที่ใช้ไม่เปียกชื้นจนเกินไปเพื่อป้องกันความเสี่ยงในการเกิดการติดเชื้อเมื่อพวกมันได้รับบาดแผลหรือยังคงลอกคราบไม่สมบูรณ์ พยายามเลือกใช้วัสดุปูพื้นที่เหมาะกับสายพันธุ์เต่าของคุณโดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้: [6]
    • หากเต่าของคุณเป็นสายพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีความชื้นปานกลางถึงสูง วัสดุปูพื้นที่คุณเลือกใช้จะต้องกักเก็บความชื้นได้ดี เช่น ขุยมะพร้าว สแฟกนั่มมอส หรือพีทมอส
    • หากเต่าของคุณเป็นสายพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในสภาพอากาศที่แห้ง วัสดุที่คุณเลือกใช้ควรเป็นขุยมะพร้าวแห้งหรือเศษหญ้าที่ตัดออกมาจากต้น
    • หลีกเลี่ยงการใช้ทรายเป็นวัสดุรองพื้น เนื่องจากเต่าอาจทานเข้าไปจนเกิดอันตรายได้
    • หากคุณเลี้ยงเต่าในบริเวณนอกบ้าน วัสดุที่เลือกใช้อาจไม่สำคัญเท่าไรนักเพราะสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติเพียงอย่างเดียวก็มีความเหมาะสมเพียงพอสำหรับเต่าของคุณ หรือคุณอาจเพิ่มพีทมอสในคอกเลี้ยงบางส่วนเพื่อเพิ่มความสนอกสนใจของพวกมันมากยิ่งขึ้น เพียงแน่ใจว่าวัสดุปูพื้นที่คุณเลือกใช้จะต้องปราศจากสารเคมีและยาฆ่าแมลง
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 5:

ดูแลเต่าที่อาศัยกลางแจ้ง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เต่าโดยส่วนใหญ่มักมีความสุขเมื่อได้อยู่ในที่กลางแจ้งในช่วงที่มีอุณหภูมิเหมาะสม อย่างไรก็ตาม อย่าปล่อยให้พวกมันเดินเตร่ไปมาไปรอบๆ สนามบ้านของคุณ ดังนั้นคุณจึงควรกั้นกำแพงป้องกันการหลบหนีเพื่อให้พวกมันยังคงอยู่ในอาณาเขตที่กำหนดไว้ โดยคุณอาจใช้อิฐก่อขึ้นมาหรือกั้นด้วยแผ่นไม้เพื่อสร้างกำแพงขึ้นมา
    • เต่าของคุณอาจพยายามขุดโพรงหรือหลุมลงไปตามมุมของคอกเลี้ยง ดังนั้นคุณจึงควรแน่ใจว่ากำแพงที่กั้นมีความแน่นหนาพอ โดยคุณสามารถใช้ตาข่ายลวดปูที่พื้นผิวกำแพงอีกชั้นเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับพวกมัน
    • เต่าไม่สามารถปรับตัวได้ดีมากนักในช่วงอากาศหนาว ดังนั้นหากพวกมันไม่ได้ถูกเลี้ยงแบบในร่มเพียงอย่างเดียวมาตั้งแต่ทีแรก คุณจะต้องนำเต่าของคุณเข้ามาเลี้ยงภายในบ้านชั่วคราวหากพื้นที่ที่คุณอาศัยมีอุณหภูมิต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียสในเดือนที่มีอากาศหนาวที่สุด อย่างไรก็ตาม หากคุณอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีสภาพอากาศร้อน การเลี้ยงเต่าแบบกลางแจ้งอาจไม่ใช่เรื่องยากมากนัก แต่คุณควรจัดเตรียมบริเวณที่มีร่มเงาให้พร้อมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณที่ชื้นหรือเป็นแหล่งน้ำ
  2. สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับเต่าของคุณคือที่กำบังที่จะช่วยให้พวกมันรู้สึกปลอดภัยรวมทั้งเป็นสถานที่สำหรับหลบจากความร้อน ฝน หรือภัยธรรมชาติอื่นๆ การจัดเตรียมที่กำบังให้พร้อมจะช่วยให้เต่าของคุณรู้สึกอบอุ่นและสะดวกสบายพร้อมทั้งปกป้องพวกมันจากอากาศที่ร้อนจัดได้ในเวลาเดียวกัน ที่กำบังที่เหมาะสมสำหรับเต่าควรมีลักษณะเป็นโพรงเพื่อให้พวกมันสามารถเข้าไปข้างในเพื่อนอนหลับพักผ่อนและหลบจากภัยธรรมชาติต่างๆ ได้ ซึ่งคุณสามารถสร้างที่กำบังขึ้นจากไม้และปกคลุมด้วยดิน รวมทั้งติดตั้งลวดความร้อนเพิ่มเติมเพื่อสร้างความอบอุ่นในช่วงฤดูหนาวตามต้องการ
    • เริ่มจากขุดหลุมขนาดใหญ่ คุณสามารถใช้ไม้อัดวางรองที่ก้นหลุมไว้ได้
    • วางกล่องซ่อนตัวสำหรับสัตว์เลื้อยคลานครอบลงไปเพื่อเป็นที่กำบังสำหรับเต่าของคุณ
    • คลุมด้วยดินให้ทั่วถึง
  3. เพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในคอกเลี้ยงให้เพียงพอสำหรับให้เต่าของคุณเด็ดทานและสร้างความปลอดภัยให้กับพวกมันตลอดทั้งวัน ลองพิจารณาจากประเภทของอาหารสำหรับสายพันธุ์เต่าของคุณเพื่อดูว่าพืชชนิดใดบ้างที่ปลอดภัยหรือเป็นพิษต่อพวกมัน โดยทั่วไปแล้วสายพันธุ์เต่าโดยส่วนใหญ่จะเลือกทานวัชพืชใบกว้างต่างๆ อย่างแดนดิไลออน หญ้าทุกชนิด หรือโคลเวอร์
    • ต้นไม้ยังมีส่วนช่วยในการดูดซึมแอมโมเนียและไนเตรตในดินได้เช่นเดียวกัน คุณจึงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนวัสดุรองพื้นอยู่บ่อยๆ สำหรับคอกเลี้ยงในร่ม
  4. เต่าเป็นสัตว์ที่ชื่นชอบสภาพแวดล้อมที่ชวนให้รู้สึกตื่นเต้นและเพิ่มความกระฉับกระเฉง คุณสามารถเพิ่มกอหญ้าเล็กน้อยในคอกเลี้ยงสำหรับให้พวกมันขุดโพรงรวมทั้งสร้างร่มเงาสำหรับหลบจากแดดร้อนๆ นอกจากนี้คุณยังสามารถจัดวางหินก้อนใหญ่ที่ไม่สูงชันจนเกินไปเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับเต่าของคุณ หรือจะเพิ่มต้นไม้เล็กๆ เพื่อสร้างร่มเงาและที่กำบังรวมถึงเพิ่มความสวยงามให้กับบรรยากาศภายในคอกเลี้ยงก็ได้เช่นกัน
    โฆษณา
ส่วน 5
ส่วน 5 ของ 5:

บำรุงเต่าให้แข็งแรง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากคุณเลี้ยงเต่าในบริเวณนอกบ้าน คุณจะต้องคอยสอดส่องเพื่อให้แน่ใจว่าพวกมันปลอดภัยจากสัตว์อื่นๆ อย่างเช่นแมว และหากคุณเลี้ยงสุนัขด้วย คุณจะต้องห้ามให้สุนัขเข้าใกล้เต่าของคุณโดยเด็ดขาด เพราะเคยมีกรณีที่แม้กระทั่งสุนัขที่ดูอ่อนโยนที่จู่ๆ เกิดเข้าทำร้ายเต่าอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยมาแล้ว แม้จะเป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะสามารถป้องกันเต่าของคุณให้ปลอดภัยได้อย่างสิ้นเชิงจากนก สุนัขจิ้งจอก หรือสัตว์นักล่าอื่นๆ แต่คุณควรพยายามปกป้องพวกมันให้ปลอดภัยได้มากที่สุดด้วยการจัดเตรียมที่กำบังและบริเวณสำหรับซ่อนตัวให้มากพอ รักษาคอกเลี้ยงไม่ให้มีส่วนชำรุด และคอยจับตามองไปรอบๆ บริเวณภายนอกของคอกเลี้ยงอย่างสม่ำเสมอ [7]
    • หลายคนแนะนำให้ใช้วิธีล้อมคอกเลี้ยงเต่าของคุณด้วยตาข่ายลวดเพื่อปกป้องการรบกวนจากสัตว์อื่น
  2. บำรุงเต่าให้แข็งแรงดีในระหว่างที่พวกมันปิดตา. หลายคนเข้าใจว่าอาจมีความผิดปกติเกิดขึ้นที่ตาของเต่าเมื่อพวกมันเริ่มปิดตาอยู่ตลอดเวลา แต่ที่จริงแล้วอาการเช่นนี้แทบไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลใดๆ หากเต่าของคุณปิดตาค้างไว้เป็นเวลานาน ให้คุณนำพวกมันจุ่มลงในน้ำเล็กน้อยและหาอะไรปกคลุมที่กำบังของพวกมันไว้เพื่อเพิ่มความชื้นหากคุณเลี้ยงเต่าแบบในร่ม แต่หากอาการดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างเรื้อรัง แสดงว่านี่อาจเป็นสัญญาณเตือนของการติดเชื้อได้การติดเชื้อที่ดวงตามักเกิดขึ้นที่บริเวณภายนอกซึ่งสามารถบรรเทาได้ด้วยการแช่ดวงตาของพวกมันในน้ำเกลือวันละ 1-2 ครั้งจนกระทั่งพวกมันเปิดตาขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นให้พวกมันทานผักโขมซึ่งเป็นแหล่งของวิตามินเอเพิ่มเติมเล็กน้อยเป็นประจำทุกๆ 2 วัน ทั้งนี้เนื่องจากการติดเชื้อที่ดวงตามักมีสาเหตุมาจากการขาดวิตามินเอและการขาดน้ำ อย่างไรก็ตาม หากอาการที่เกิดขึ้นยังคงไม่หายดีหลังการรักษาเบื้องต้นที่บ้านนานกว่าสัปดาห์ คุณอาจจำเป็นพาเต่าของคุณเข้ารับการรักษาจากสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์เลื้อยคลานโดยเฉพาะ
  3. กระตุ้นให้เต่ารู้สึกกระฉับกระเฉงด้วยการตอบสนองความต้องการพื้นฐานให้ครบถ้วน. แม้ว่าการที่ลูกเต่านอนหลับเกือบตลอดทั้งวันจะเป็นเรื่องปกติ แต่หากพวกมันดูเฉื่อยชาและไม่กระฉับกระเฉง ให้คุณลองหมั่นสังเกตอย่างต่อเนื่องเพื่อค้นหาสาเหตุที่เกิดขึ้น ซึ่งสาเหตุหลักๆ ที่อาจส่งผลให้เต่าของคุณไม่กระฉับกระเฉงนักมีดังนี้:
    • สาเหตุที่เกิดขึ้นได้บ่อยที่สุดคือเต่าของคุณรู้สึกหนาวเกินไป ดังนั้นให้คุณเพิ่มความอบอุ่นภายในคอกเลี้ยงให้สูงกว่าบรรยากาศโดยรอบ
    • หากคุณเลี้ยงเต่าภายในบ้าน ควรแน่ใจว่าพวกมันได้รับแสงสว่างอย่างเพียงพอเพื่อช่วยกระตุ้นให้พวกมันรู้สึกกระฉับกระเฉงขึ้น
    • อย่าลืมนำลูกเต่าแช่ในน้ำตลอดทั้งวันเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการไม่ได้รับความชุ่มชื้นในปริมาณที่เหมาะสมเป็นสาเหตุหนึ่งที่อาจทำให้พวกมันดูเฉื่อยชาได้
    • พยายามลดการสัมผัสเต่าของคุณเพื่อป้องกันการเกิดความเครียดจนอาจนำไปสู่ความเฉื่อยชาได้
    • ให้อาหารกับเต่าของคุณอย่างสมดุล โดยควรแน่ใจว่าคุณได้จัดเตรียมผักใบเขียวต่างๆ และ/หรืออาหารเสริมให้กับพวกมันอย่างครบถ้วนตามความต้องการ
  4. หากกระดองของเต่าเริ่มเปราะนิ่ม อาจเป็นเพราะว่าพวกมันได้รับแสงสว่างและแคลเซียมในปริมาณที่ไม่เพียงพอ ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นไม่บ่อยนักกับเต่าที่เลี้ยงในบริเวณนอกบ้าน แต่สำหรับเต่าที่เลี้ยงแบบในร่มอาจประสบปัญหาดังกล่าวได้เนื่องจากการเข้าถึงแสงสว่างอย่างสม่ำเสมอได้ยากกว่า หากเต่าที่เลี้ยงภายในบ้านของคุณมีภาวะกระดองนิ่ม ให้คุณจัดเตรียมโคมไฟแสงยูวีโดยเว้นระยะห่างจากตัวพวกมันอย่างน้อย 8-10 นิ้วและเปลี่ยนหลอดไฟทุกๆ 9-12 เดือนเพื่อให้แสงสว่างยังคงสดใสและมีประสิทธิภาพดังเดิม
    โฆษณา

คำเตือน

  • ระมัดระวังเกี่ยวกับปริมาณของออกซาเลตในผักใบเขียวที่เต่าของคุณทานเข้าไป เพราะเมื่อไรก็ตามที่ร่างกายของพวกมันได้รับกรดออกซาลิกพร้อมกับแคลเซียม แคลเซียมบางส่วนจะไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายและแปรสภาพเป็นกรดยูริกแทน การได้รับออกซาเลตจากผักใบเขียวบางประเภทในปริมาณที่มากเกินไปจะส่งผลให้เกิดการสะสมของกรดยูริกในร่างกายเร็วเกินกว่าที่เต่าจะสามารถขับออกมาได้จนนำไปสู่การเกิดนิ่วในกระเพาะอาหารในที่สุด รวมทั้งยังอาจก่อให้เกิดภาวะขาดแคลเซียมเมื่อร่างกายได้รับออกซาเลตในปริมาณที่มากกว่าอีกด้วย
  • เต่าบางสายพันธุ์ (เช่น รัสเซีย) มักถูกลักลอบจับมาจากป่าจนสร้างความเครียดและความบอบช้ำให้กับพวกมันได้เป็นอย่างมาก ดังนั้นห้ามสนับสนุนการกระทำเช่นนี้โดยเด็ดขาด! ยังมีเต่าเพาะเลี้ยงสายพันธุ์อื่นๆ อีกมากมายที่เหมาะสมยิ่งกว่าและมีราคาไม่แพง
  • ห้ามทำเต่าร่วงหลุดจากมือจนกระแทกพื้นโดยเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้ออย่างรุนแรงได้หากกระดองเกิดแตกออก
  • หากคุณไม่ให้อาหารเสริมแคลเซียมกับเต่าของคุณ สิ่งสำคัญคือคุณจะต้องรู้สัดส่วนของแคลเซียมและฟอสฟอรัสในอาหารที่พวกมันทานเพื่อการเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดองอย่างเหมาะสม
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • คอกเลี้ยงที่มีขนาดกว้างพอ
  • โคมไฟสำหรับสร้างความอบอุ่นและแสงยูวี (สำหรับคอกเลี้ยงในที่ร่ม)
  • อาหารที่สมดุล
  • น้ำเปล่าสำหรับจุ่มหรือแช่เต่า สำหรับรักษาความชื้นในคอกเลี้ยง และสำหรับเพิ่มความหมาดให้กับวัสดุรองพื้น
  • ที่กำบังสำหรับนอนหลับหรือหลบซ่อนตัว
  • ภาชนะใส่น้ำ
  • วัสดุรองพื้น

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 4,423 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา