ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การเป็นพลเมืองของประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นความใฝ่ฝันของใครหลายๆ คน และมีวิธีการหลายทางที่คุณสามารถใช้เพื่อทำฝันให้เป็นจริง คนส่วนใหญ่จะต้องสมัครเพื่อเป็นผู้เข้ามามีถิ่นพำนักถาวรอย่างถูกกฎหมายก่อน แล้วถึงค่อยเป็นพลเมืองโดยการแปลงสัญชาติ อย่างไรก็ดี คุณยังสามารถได้สิทธิการเป็นพลเมืองผ่านทางการแต่งงาน ผ่านทางบุพการี หรือการรับใช้ทางทหาร หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเข้าเป็นพลเมืองสหรัฐ ให้ติดต่อทนายความที่มีความเชี่ยวชาญในกฎหมายผู้อพยพของสหรัฐ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

กลายเป็นพลเมืองโดยการแปลงสัญชาติ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สมัคร กรีนการ์ด . ก่อนที่คุณจะกลายเป็นพลเมืองโดยการแปลงสัญชาติ คุณจำเป็นต้องเป็นผู้มีถิ่นพำนักถาวรโดยถูกกฎหมายก่อน นั่นคือสิ่งที่เรียกว่าการได้ “กรีนการ์ด” คุณสามารถได้กรีนการ์ดหลายทาง: [1]
    • ได้กรีนการ์ดผ่านทางครอบครัว สมาชิกของครอบครัวในสหรัฐสามารถอุปถัมภ์คุณ หากคุณมีสมาชิกในครอบครัวเป็นพลเมืองสหรัฐ พวกเขาก็สามารถรับประกันคู่ครอง บุตรที่ยังไม่แต่งงานที่มีอายุต่ำกว่ายี่สิบเอ็ดปี และบุพการีได้ พวกเขายังสามารถรับประกันพี่น้องร่วมอุทร บุตรที่แต่งงานแล้วและบุตรที่ยังไม่แต่งงานที่อายุเกินยี่สิบเอ็ดปี [2]
    • ได้กรีนการ์ดผ่านทางการทำงาน หากคุณได้รับข้อเสนอว่าจ้างทำงานตำแหน่งถาวร คุณก็มีสิทธิยื่นคำร้องรับกรีนการ์ด ผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นจนเป็นที่ประจักษ์สามารถยื่นคำร้องได้เองโดยไม่ต้องมีนายจ้างคอยรับประกัน [3]
    • กรีนการ์ดในฐานะผู้อพยพหรือผู้ลี้ภัย ผู้อพยพหรือผู้ลี้ภัยในสหรัฐถึงหนึ่งปีสามารถยื่นคำร้องขอกรีนการ์ดได้ [4]
  2. คุณจำเป็นต้องอาศัยอยู่ในสหรัฐเป็นระยะเวลานานตามที่กำหนดก่อนจะยื่นขอแปลงสัญชาติได้ ให้ตรวจสอบว่าคุณผ่านหลักเกณฑ์ต่อไปนี้หรือไม่: [5]
    • คุณจะต้องผ่านการเข้าประเทศสหรัฐอย่างถูกกฎหมาย
    • คุณจะต้องแสดงหลักฐานการพำนักอยู่ในสหรัฐอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อยห้าปีในทันทีก่อนที่คุณจะยื่นขอแปลงสัญชาติ เช่น หากคุณต้องการจะสมัครในเดือนมกราคม 2018 คุณจะต้องพำนักอยู่ในประเทศตั้งแต่เดือนมกราคม 2013
    • คุณจะต้องมีหลักฐานปรากฏกายอยู่ในสหรัฐอย่างน้อยสามสิบเดือนระหว่างช่วงห้าปีนั้น
    • คุณจะต้องพิสูจน์ว่าคุณได้อาศัยอยู่ในสหรัฐหรือในเขตของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติ (USCIS) ที่คุณสมัคร
  3. คุณจะต้องเข้าเกณฑ์ส่วนบุคคลที่ตั้งเอาไว้ดังต่อไปนี้: [6]
    • คุณจะต้องมีอายุอย่างน้อยสิบแปดปีบริบูรณ์ในเวลาที่คุณยื่นคำร้องขอแปลงสัญชาติ
    • คุณควรจะต้องสามารถพูด อ่าน และเขียนภาษาอังกฤษได้ คุณจะต้องเข้าทดสอบความสามารถในการใช้ภาษา
    • คุณจะต้องเป็นบุคคลที่มีจริยธรรมอันดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งนั่นหมายถึงคุณต้องเป็นสมาชิกของสังคมที่ทำงาน เสียภาษี และไม่กระทำผิดกฎหมาย [7]
  4. ดาวน์โหลดแบบฟอร์ม N-400 ซึ่งเป็นโปรแกรมสำหรับการแปลงสัญชาติ โดยสามารถพิมพ์ข้อมูลลงไปหรือพิมพ์แบบฟอร์มด้วยหมึกดำ ให้แน่ใจว่าได้ดาวน์โหลดและอ่านคำแนะนำก่อนล่วงหน้า [8]
    • คุณจะต้องส่งเอกสารแนบไปกับใบสมัคร อ่านคำแนะนำดูว่าต้องใช้อะไรบ้าง เช่น คุณจะต้องแนบสำเนาการ์ดผู้มีที่พำนักถาวรของคุณ
    • นับถึงเดือนมิถุนายน 2017 ค่าสมัครจะอยู่ที่ $640 (22,400 บาท) คุณยังจะต้องจ่ายค่าบริการจัดเก็บลักษณะส่วนบุคคลอีก $85 (2,900 บาท) ให้ทำเช็คหรือใบสั่งจ่ายไปที่ “U.S. Department of Homeland Security” อย่าใช้ตัวย่อใดๆ
    • หาข้อมูลว่าต้องยื่นเอกสารที่ไหน โทรไปที่ 1-800-375-5283
  5. ผู้สมัครส่วนใหญ่จำเป็นต้องมอบลายนิ้วมือ ภาพถ่าย และลายเซ็นต์ USCIS จะแจ้งให้ทราบถึงวันเวลากับสถานที่ซึ่งคุณต้องเข้าไปพบ [9]
    • ลายนิ้วมือของคุณจะถูกส่งไปให้ FBI เพื่อตรวจสอบประวัติ
    • ให้แน่ใจว่าได้หยิบคู่มือการศึกษาเพื่อเตรียมตัวเข้ารับการทดสอบภาษาอังกฤษกับหน้าที่พลเมือง
  6. คุณจะต้องเข้ารับการสอบสัมภาษณ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ USCIS จะสอบถามภูมิหลังกับใบสมัครของคุณ นอกจากนี้ยังต้องเข้าทดสอบภาษาอังกฤษกับหน้าที่พลเมือง คุณควรเตรียมตัวให้พร้อม
    • ลองคิดเข้าเรียนคลาสเตรียมตัวทางภาษาหรือหน้าที่พลเมือง ในการหาชั้นเรียนที่ใกล้ที่สุด เข้าไปที่เว็บไซต์: https://my.uscis.gov/findaclass
    • คุณยังสามารถทดสอบแบบฝึกหัดหน้าที่พลเมือง ซึ่งมีให้ลองออนไลน์ [10]
  7. คุณจะได้รับใบแจ้งทางไปรษณีย์บอกวันเวลาและสถานที่สอบสัมภาษณ์ ในระหว่างการสัมภาษณ์นั้น คุณจะต้องรับการทดสอบภาษาอังกฤษกับหน้าที่พลเมือง หากคุณพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วระหว่างสัมภาษณ์ ก็อาจไม่จำเป็นต้องมานั่งสอบภาษาอังกฤษก็ได้ [11]
    • รวบรวมเอกสารที่ต้องใช้ล่วงหน้า สามารถให้ส่งรายการตรวจสอบมาให้คุณได้ (แบบฟอร์ม 477) [12]
  8. ขั้นตอนสุดท้ายคือการเข้ารับพิธีการสาบานตน คุณจะได้รับแบบฟอร์ม 455 ซึ่งจะบอกเวลาและสถานที่เข้าสาบานตน คุณจะต้องตอบคำถามทางด้านหลังของแบบฟอร์มนี้และให้เจ้าหน้าที่ตรวจเวลาเข้าร่วมพิธีสาบานตน
    • ในตอนท้ายของพิธีสาบานตน คุณจะได้รับหนังสือรับรองการแปลงสัญชาติ [13]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

ได้รับสัญชาติผ่านทางการแต่งงาน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คู่สมรสของคุณจะต้องยื่นแบบฟอร์มคำร้อง I-130 อันเป็นคำร้องสำหรับญาติต่างด้าวให้กับ USCIS คู่สมรสของคุณยังจำเป็นต้องส่งเอกสารพิสูจน์การสมรส เช่น ใบทะเบียนสมรส
    • หากคุณอาศัยอยู่ในสหรัฐเรียบร้อยแล้วหลังผ่านเข้าเมืองอย่างถูกกฎหมาย คุณก็สามารถเปลี่ยนสถานะสมรสในเวลาเดียวกันเลย ให้กรอกและส่งแบบฟอร์ม I-485 อันเป็นใบสมัครสำหรับการลงทะเบียนเป็นผู้อยู่อาศัยถาวรหรือเปลี่ยนสถานะสมรส คู่สมรสของคุณควรส่งแบบฟอร์มนี้ควบคู่ไปกับแบบฟอร์ม I-130
    • หากขณะนี้คุณอาศัยอยู่นอกประเทศสหรัฐอเมริกา คุณจำต้องรอจนกว่าวีซ่าจะได้รับอนุมัติ โดยคุณจะต้องเข้าสัมภาษณ์ในสถานทูตหรือสถานกงสุลที่อยู่ใกล้ที่สุด [14] หลังจากได้รับการอนุญาตผ่านเข้าประเทศแล้ว คุณถึงค่อยปรับเปลี่ยนสถานะสมรสโดยการกรอกแบบฟอร์ม I-485
  2. รัฐบาลสหรัฐนั้นเป็นกังวลในเรื่องการแต่งงานปลอม ดังนั้นคาดไว้ก่อนได้เลยว่าเจ้าหน้าที่จะต้องถามคำถามส่วนตัวในระหว่างสัมภาษณ์ คำถามโดยทั่วไปที่พบมีดังนี้: [15]
    • คุณพบกับคู่สมรสของคุณที่ไหน
    • มีแขกเหรื่อเข้าร่วมงานแต่งงานของคุณกี่คน
    • ใครรับผิดชอบด้านอาหารและใครเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย
    • คุณให้อะไรเป็นของขวัญวันเกิดคู่สมรส
    • คุณใช้การคุมกำเนิดวิธีใด
  3. คุณไม่สามารถยื่นคำร้องขอแปลงสัญชาติทันทีที่ได้รับกรีนการ์ด คุณจะต้องทำตามข้อกำหนดของการเป็นผู้อยู่อาศัยถาวรดังต่อไปนี้: [16]
    • คุณจะต้องเป็นผู้ถือใบกรีนการ์ดเป็นเวลาสามปีถึงจะยื่นขอแปลงสัญชาติได้
    • คุณจะต้องเป็นผู้อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาสามปีก่อนจะสามารถยื่นคำร้องและจะต้องปรากฏกายอยู่ในสหรัฐเป็นเวลาอย่างน้อยสิบแปดเดือน
    • คุณจะต้องใช้ชีวิตร่วมกับคู่สมรสที่เป็นพลเมืองสหรัฐระหว่างสามปีนี้ คู่สมรสของคุณจะต้องเป็นพลเมืองสหรัฐตลอดช่วงเวลานี้
    • คุณจะต้องอาศัยอยู่ภายในรัฐหรือแขวงของ USCIS เป็นเวลาอย่างน้อยสามเดือนก่อนจะยื่นคำร้อง
  4. นอกเหนือจากการอาศัยถาวรแล้ว คุณยังต้องแสดงว่าคุณมีคุณสมบัติส่วนตัวอื่นๆ ที่มีความเหมาะสม ตรวจดูตามนี้: [17]
    • คุณจะต้องมีอายุอย่างน้อยสิบแปดปีบริบูรณ์
    • คุณจะต้องสามารถพูด อ่าน และเขียนภาษาอังกฤษได้
    • คุณจะต้องเป็นผู้ที่มีจริยธรรมอันดีงาม นั่นหมายถึงคุณไม่ทำผิดกฎหมายร้ายแรงและคุณทำตามข้อกำหนดทางกฎหมายอื่นๆ เช่น เสียภาษีและเลี้ยงดูบุตร [18]
    • คุณจะต้องผ่านเข้าเมืองมาอย่างถูกกฎหมาย เช่น คุณไม่สามารถเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายและได้รับสิทธิความเป็นพลเมืองแค่จากการที่คุณแต่งงานกับพลเมืองสหรัฐ
  5. เมื่อคุณผ่านข้อกำหนดการเป็นผู้อยู่อาศัยถาวรแล้ว คุณสามารถส่งแบบฟอร์ม 400 ซึ่งเป็นคำร้องขอแปลงสัญชาติ ดาวน์โหลดแบบฟอร์มและอ่านคำแนะนำก่อนกรอกให้เสร็จจากที่นี่: https://www.uscis.gov/n-400 เมื่อคุณพร้อมยื่นคำร้อง โทรไปที่ 1-800-375-5283 เพื่อถามที่อยู่จัดส่ง
    • อ่านคำแนะนำว่าคุณต้องใช้เอกสารใดแนบไปพร้อมใบสมัคร
    • ชำระเงินที่ “U.S. Department of Homeland Security” นับถึงเดือนมิถุนายน 2017 นั้น ค่าสมัครคือ $640 (22,400 บาท) และค่าบริการเก็บลักษณะส่วนบุคคลอีก $85 (2,900 บาท) โดยจ่ายได้ทั้งเช็คหรือใบสั่งจ่ายเงิน
  6. USCIS จะแจ้งให้ทราบถึงวันเวลากับสถานที่ซึ่งคุณต้องเข้าไปพบ [19] USCIS ต้องการลายนิ้วมือเพื่อส่งให้ทาง FBI ทำการเช็คประวัติ
  7. คุณจะต้องเข้าพบเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเพื่อดูใบคำร้อง USCIS จะดูเพื่อให้แน่ใจว่าใบคำร้องของคุณถูกต้องและไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหลังส่ง คุณจะได้รับลิสต์เอกสารที่ต้องนำไปในวันสัมภาษณ์ ดังนั้นรวบรวมทุกอย่างให้พร้อมล่วงหน้า
  8. คุณจะต้องผ่านการสอบวิชาภาษาอังกฤษกับหน้าที่พลเมือง และจะต้องนำผลไปในวันสัมภาษณ์ด้วย คุณควรเตรียมตัวให้พร้อม เช่น ดูว่าคลาสสอนทั้งสองวิชาใกล้บ้านมีที่ไหนบ้างที่: https://my.uscis.gov/findaclass ให้ใส่รหัสไปรษณีย์ของคุณลงไป
  9. ขั้นตอนสุดท้ายคือการสาบานตนในพิธีสาบานตน แบบฟอร์ม 455 จะบอกคุณว่าพิธีจะมีขึ้นที่ไหนเมื่อไหร่ ในตอนท้ายของพิธี คุณจะได้รับหนังสือรับรองการแปลงสัญชาติ [20]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

ได้รับสัญชาติผ่านทางบุพการี

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณจะกลายเป็นพลเมืองสหรัฐโดยอัตโนมัติแม้จะเกิดนอกประเทศสหรัฐก็ตาม หากบุพการีของคุณเป็นพลเมืองสหรัฐในเวลาที่คุณถือกำเนิดและทั้งคู่แต่งงานกัน อย่างน้อยบุพการีคนใดคนหนึ่งจะต้องอาศัยอยู่ในสหรัฐหรือดินแดนในการปกครองของสหรัฐก่อนที่คุณจะถือกำเนิด [21]
  2. บุตรที่มีบุพการีคนใดคนหนึ่งเป็นพลเมืองสหรัฐจะมีคุณสมบัติเป็นพลเมืองสหรัฐโดยอัตโนมัติหากถือกำเนิดในระหว่างที่ทั้งสองแต่งงานกัน บุพการีทั้งสองจะต้องอยู่ในรัฐหรือดินแดนใต้การปกครองด้วยกันอย่างน้อยห้าปีก่อนที่บุตรจะถือกำเนิด
    • บุพการียังจะต้องใช้ชีวิตอย่างน้อยสองปีในรัฐ/ดินแดนใต้ปกครองหลังจากมีอายุได้สิบสี่ปี [22]
    • เด็กจะต้องกำเนิดตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 1986 เป็นต้นมา
    • ยังมีสภาพการณ์อื่นๆ ซึ่งคุณต้องอ่านจากเว็บไซต์ของ USCIS
  3. ยังคงมีคุณสมบัติแม้บุพการีของคุณจะไม่ได้แต่งงานกัน. บุตรยังสามารถมีคุณสมบัติเป็นพลเมืองสหรัฐแต่กำเนิดโดยอัตโนมัติแม้บุพการีจะไม่ได้แต่งงานกัน โปรดดูตามสถานการณ์ดังต่อไปนี้: [23]
    • มารดาเป็นพลเมืองสหรัฐในเวลาที่ให้กำเนิด และมารดาได้ปรากฏกายอยู่ในสหรัฐหรือดินแดนใต้การปกครองอย่างน้อยหนึ่งปี
    • บิดาผู้ให้กำเนิดเป็นพลเมืองสหรัฐในเวลาที่ถือกำเนิด มารดาของเด็กสามารถเป็นคนต่างด้าวได้ อย่างไรก็ตาม คุณจะต้องมีข้อพิสูจน์อย่างชัดเจนว่าพ่อของเด็กเป็นบิดาโดยสายเลือดอย่างแท้จริง และเขาจะต้องยินยอมให้การอุปถัมภ์ทางการเงินเป็นลายลักษณ์อักษรจวบจนกระทั่งบุตรมีอายุสิบแปดปีบริบูรณ์ บิดายังต้องอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาเป็นระยะเวลาหนึ่งด้วย
  4. เด็กสามารถมีคุณสมบัติเป็นพลเมืองสหรัฐโดยอัตโนมัติหากถือกำเนิดหลังวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2001 และมีคุณสมบัติตามข้อกำหนดต่อไปนี้: [24]
    • บุพการีคนใดคนหนึ่งเป็นพลเมืองสหรัฐ
    • เด็กจะต้องมีอายุต่ำกว่าสิบแปดปี
    • เด็กจะต้องอาศัยอยู่ในสหรัฐ
    • บุพการีคนที่เป็นพลเมืองสหรัฐจะต้องเป็นผู้ดูแลเด็กทั้งในทางพฤตินัยและนิตินัย
    • หากเด็กเกิดก่อนวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2001 ข้อกำหนดจะแตกต่างออกไปจากนี้
  5. เด็กที่อาศัยอย่างถูกกฎหมายในสหรัฐกับผู้ปกครองที่เป็นผู้ดูแลทั้งในทางพฤตินัยและนิตินัย สามารถเป็นพลเมืองสหรัฐได้ผ่านทางการเป็นบุตรบุญธรรม โดยจะต้องเป็นไปตามสภาพการณ์ใดสภาพการณ์หนึ่งต่อไปนี้: [25]
    • ผู้ปกครองดูแลเด็กเป็นบุตรบุญธรรมก่อนเด็กจะมีอายุครบสิบหกปีบริบูรณ์ และอาศัยอยู่กับเด็กในสหรัฐเป็นเวลาอย่างน้อยสองปี
    • อีกทางหนึ่ง เด็กจะต้องถูกรับเข้ามาในสหรัฐในฐานะเด็กกำพร้า (IR-3) หรือ บุตรบุญธรรมที่ได้รับการรับรอง (IH-3) และการเลี้ยงดูเป็นบุตรบุญธรรมนั้นเกิดขึ้นโดยสมบูรณ์นอกสหรัฐ เด็กจะต้องถูกเลี้ยงดูก่อนมีอายุครบสิบแปดปี
    • เด็กที่ถูกรับเข้ามาในสหรัฐในฐานะเด็กกำพร้า (IR-4) หรือ บุตรบุญธรรมที่ได้รับการรับรอง(IH-4) ผู้ซึ่งถูกเลี้ยงดูก่อนจะเข้ามาในประเทศ เด็กจะต้องถูกเลี้ยงดูเป็นบุตรบุญธรรมก่อนอายุครบสิบแปดปี
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

ได้รับสัญชาติผ่านทางการรับใช้ทางทหาร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. บุคลิกของผู้มีจริยธรรมอันดีงามหมายถึงคุณไม่ฝ่าฝืนกฎหมายและคุณมีคุณสมบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายทุกอย่าง เช่น จ่ายภาษีและจ่ายค่าดูแลบุตร หากคุณเคยมีประวัติอาชญากรรม ควรปรึกษาทนายด้านผู้อพยพเข้าเมือง
  2. แสดงความรู้ในภาษาอังกฤษและ หน้าที่พลเมืองสหรัฐ . ผู้ที่เข้าร่วมทางทหารจะต้องแสดงว่าเขาสามารถพูด อ่าน เขียนภาษาอังกฤษได้ และยังต้องมีความรู้ในประวัติศาสตร์และการเมืองการปกครองของสหรัฐที่เรียกว่า หน้าที่พลเมือง [26]
    • คุณจะต้องสอบผ่านทั้งภาษาอังกฤษและหน้าที่พลเมือง สามารถหาข้อมูลการสอบได้ออนไลน์
  3. หากคุณรับใช้ทางทหารในช่วงเวลาสงบ คุณสามารถยื่นคำร้องขอแปลงสัญชาติได้หากคุณมีคุณสมบัติครบตามข้อกำหนดต่อไปนี้: [27]
    • เข้ารับใช้อย่างมีเกียรติอย่างน้อยหนึ่งปี
    • ได้รับ กรีนการ์ด
    • ยื่นคำร้องในขณะที่ยังรับใช้ทางทหารหรือภายในหกเดือนหลังลาออกมาแล้ว
  4. ข้อกำหนดนั้นจะแตกต่างออกไปในช่วงเวลาเกิดสงคราม สหรัฐอยู่ในช่วงเวลาเช่นว่านี้นับตั้งแต่ปี 2002 และจะดำเนินต่อไปจนกว่าประธานาธิบดีสหรัฐจะมีคำสั่งยุติ ในสถานการณ์เช่นนี้ ทหารทุกคนสามารถยื่นคำร้องแปลงสัญชาติได้ทันที [28]
  5. ในทุกการรับเข้าประจำการในตำแหน่งจะต้องมีชื่อบุคคลติดต่อ พวกเขามักจะเป็นบุคคลที่อยู่ในเจ้ากรมรัฐธรรมนูญ คุณจะต้องกรอกแบบฟอร์ม N-400 กับแบบฟอร์ม N-426 [29] ติดต่อที่นั่นและจะได้รับข้อมูลที่ต้องการ คุณจะได้รับการยกเว้นค่ายื่นคำร้อง
    • USCIS มีผู้เชี่ยวชาญด้านการบริการลูกค้าที่สามารถตอบคำถามต่างๆ ของทหารกับครอบครัว ให้โทรไปที่ 1-877-247-4645 ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ในเวลา 8:00 น. ถึง 16:00 น.
    • คุณสามารถส่งอีเมลไปที่ militaryinfo.nsc@dhs.gov.
  6. ก่อนจะกลายเป็นพลเมือง คุณจะต้องกล่าวสาบานตนต่อรัฐธรรมนูญสหรัฐโดยการกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณ [30]
    โฆษณา

คำเตือน

  • หากคุณมีประวัติความผิดทางอาชญากร ให้ปรึกษาทนายด้านผู้อพยพเข้าเมืองดูว่าคุณสามารถยื่นขอแปลงสัญชาติได้หรือไม่
โฆษณา
  1. https://my.uscis.gov/prep/test/civics
  2. http://blogs.findlaw.com/law_and_life/2013/03/how-to-become-a-us-citizen-by-marriage.html
  3. https://my.uscis.gov/citizenship/what_to_expect
  4. https://my.uscis.gov/citizenship/what_to_expect
  5. http://www.alllaw.com/articles/nolo/us-immigration/how-get-green-card-after-marriage-citizen.html
  6. http://www.alllaw.com/articles/nolo/us-immigration/what-happens-green-card-marriage-interview.html
  7. https://www.uscis.gov/us-citizenship/citizenship-through-naturalization/naturalization-spouses-us-citizens
  8. https://www.uscis.gov/us-citizenship/citizenship-through-naturalization/naturalization-spouses-us-citizens
  9. https://www.illinoislegalaid.org/legal-information/good-moral-character-and-immigration-status
  10. https://my.uscis.gov/citizenship/what_to_expect
  11. https://my.uscis.gov/citizenship/what_to_expect
  12. https://www.uscis.gov/us-citizenship/citizenship-through-parents
  13. https://www.uscis.gov/us-citizenship/citizenship-through-parents
  14. https://www.uscis.gov/us-citizenship/citizenship-through-parents
  15. https://www.uscis.gov/us-citizenship/citizenship-through-parents
  16. https://www.uscis.gov/us-citizenship/citizenship-through-parents
  17. https://www.uscis.gov/news/fact-sheets/naturalization-through-military-service-fact-sheet
  18. https://www.uscis.gov/news/fact-sheets/naturalization-through-military-service-fact-sheet
  19. https://www.uscis.gov/news/fact-sheets/naturalization-through-military-service-fact-sheet
  20. https://www.uscis.gov/news/fact-sheets/naturalization-through-military-service-fact-sheet
  21. http://www.alllaw.com/articles/nolo/us-immigration/how-get-citizenship-through-military-service.html

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 5,111 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา