ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

บางทีคุณรักใครบางคนจนหมดหัวใจ แต่เขากลับเหยียบย่ำหัวใจคุณ ไม่ว่าจะเพราะเขาบอกเลิกคุณหรือเพราะเขาไม่อยากคบกับคุณตั้งแต่แรก การถูกปฏิเสธนั้นสามารถทำให้คุณเจ็บปวดได้มากๆ เลยล่ะ การเยียวยาหัวใจหลักอกหักอาจต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่คุณจำเป็นต้องทำสิ่งนี้เพื่อตัวเองนะ

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ให้พื้นที่กับตัวเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การที่หัวใจคุณถูกเหยียบย่ำนั้นแน่นอนว่าต้องเจ็บปวดอยู่แล้ว คุณไม่สามารถปฏิเสธได้เลย นี่หมายความว่าคุณต้องให้เวลากับตัวเองเพื่อรับรู้ความรู้สึกทั้งหมดที่เกิดจากการอกหัก สมองของคุณกำลังบอกคุณว่าคุณน่ะบาดเจ็บ ฉะนั้นก็อย่าอดกลั้นความรู้สึกเหล่านั้นไว้เลย [1]
    • สร้างพื้นที่ให้ตัวเองได้เยียวยา คุณต้องการเวลาและพื้นที่ในการทำใจและปล่อยให้ตัวเองเศร้า เมื่อเริ่มรู้สึกเจ็บปวด พยายามหาสถานที่ที่สงบเพื่อไปรับมือกับความรู้สึกที่ถาโถมเข้าใส่คุณ นี่อาจหมายถึง ออกไปเดินเล่นข้างนอก นั่งอยู่ในห้องตัวเอง หรือชงชาให้ตัวเองสักแก้ว
    • คุณจะมีความรู้สึกแบบเดียวกันนั้นวนซ้ำไปซ้ำมา เช่น ความโกรธ ความเจ็บปวด ความเศร้าโศก ความวิตกกังวล ความกลัว และความพร้อมที่จะยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น [2] คุณอาจรู้สึกเหมือนกำลังจมน้ำในหลายๆ ครั้ง แต่คุณจะพบว่าเมื่อคุณผ่านความรู้สึกเหล่านี้ไปได้ในแต่ละครั้ง คุณจะรับมือกับมันได้ง่ายขึ้นและเร็วขึ้นในครั้งต่อๆ ไป
    • อย่าปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความรู้สึกสิ้นหวัง มีเส้นบางๆ คั่นอยู่ระหว่างการให้เวลากับตัวเองเพื่อรับมือกับความรู้สึกและการปล่อยให้ความรู้สึกครอบงำตัวเองโดยสิ้นเชิง ถ้าคุณพบว่าคุณไม่ได้ออกจากบ้านมาหลายสัปดาห์ โดยไม่ได้อาบน้ำและไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรเลย คุณควรไปพบแพทย์ เพราะนี่ไม่ใช่วิธีที่ดีในการรับมือกับการอกหักเลย
  2. ถ้าคุณพยายามจะรับมือกับความรู้สึกและความเจ็บปวดจากการอกหักทั้งหมดไปพร้อมๆ กัน มันจะมากเกินกว่าที่คุณจะรับไหว คุณควรค่อยๆ รับมือกับมันแบบวันต่อวัน และโฟกัสกับปัจจุบันจะดีกว่า
    • วิธีที่ดีที่จะโฟกัสกับปัจจุบันก็คือการฝึกให้จิตอยู่กับตัว เมื่อคุณรู้ตัวว่าคุณกำลังเริ่มคิดถึงอดีต ก็จงหยุดตัวเอง มองไปรอบๆ สิ คุณเห็นอะไรบ้าง? คุณได้กลิ่นอะไร? ข้างนอกท้องฟ้าเป็นอย่างไร? คุณใช้มือสัมผัสอะไรได้บ้าง? คุณสัมผัสได้ถึงสายลมที่พัดโดนใบหน้าคุณหรือเปล่า?
    • ทำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ให้เสร็จ เช่น กวาดพื้น ทำความสะอาด จัดระเบียบ แยกสิ่งของตามประเภท งานง่ายๆ เช่นนี้จะช่วยให้คุณคิดในแง่บวกมากกว่าแง่ลบ แม้ว่าการดูโทรทัศน์ ดูภาพยนตร์ และการอ่านหนังสือก็เป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้ แต่ว่ามันไม่ทำให้คุณรู้สึกว่าคุณได้ทำอะไรสำเร็จเหมือนการทำงานบ้าน พอคุณทำสิ่งเล็กๆ เสร็จแล้ว คุณอาจหันไปทำสิ่งที่ใหญ่ขึ้น เช่น ตกแต่งห้องใหม่ จัดเรียงข้าวของใหม่ และปรับโครงสร้างห้องใหม่ พอคุณได้ทำสิ่งใหญ่ๆ สำเร็จแล้ว คุณจะรู้สึกว่าทัศนคติคุณดีขึ้นและทัศนียภาพคุณสดใสขึ้น
    • อย่าเพิ่งวางแผนจะตัดใจจากคนที่หักอกคุณ ตอนนี้โฟกัสเรื่องรับมือกับความเศร้าก่อนดีกว่า เรื่องที่ว่ามาถึงจุดนี้ได้อย่างไรค่อยไว้ทีหลัง
  3. เมื่อความสัมพันธ์จบลงหรือเมื่อเขาปฏิเสธคุณ คุณคงรู้สึกเหมือนกับว่ามีหลุมดำเกิดขึ้นในตัวคุณ และหลุมดำนี้ต้องการดูดความสุขที่คุณมีให้หมดไป หลายคนก้าวพลาดเพราะพยายามอุดรูโหว่นั้นทันทีที่มันเกิดขึ้นเพราะว่าพวกเขาไม่อาจทนมันได้ แต่แน่นอนว่าพอคุณอกหัก คุณจะต้องรู้สึกเจ็บปวดและว่างเปล่าอยู่แล้ว [3]
    • เว้นระยะห่างจากคนคนนั้น ลบเบอร์เขาออกจากโทรศัพท์มือถือของคุณ คุณจะได้ไม่รู้สึกอยากส่งข้อความหาเขาตอนคุณเมา ซ่อนหรือบล็อคเขาในโซเชียลมีเดีย คุณจะได้ไม่ลงเอยแอบส่องความเป็นไปของเขาเอาตอนตีสอง อย่าถามเพื่อนว่าเขาเป็นอย่างไรบ้างและเขาทำอะไรอยู่ ถ้าคุณสามารถจบได้แบบตัดขาด คุณจะรักษาหัวใจได้ง่ายขึ้นนะ
    • อย่าพยายามหาใครมาแทนเขาโดยทันที นี่เป็นวิธีเยียวยาหัวใจที่ไม่ถูกต้อง การมีแฟนใหม่ในทันทีทันใดอาจช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดและความว่างเปล่าในรูโหว่ในหัวใจคุณ แต่มันไม่ได้ช่วยให้คุณคลี่คลายปมความรู้สึกเหล่านั้นเลย ความรู้สึกเหล่านี้จะยังคงอยู่และจะกลับมาอีกแน่นอน และเมื่อมันกลับมา มันจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นอีก
  4. คุณจำเป็นต้องมีคนคอยสนับสนุนและให้กำลังใจคุณระหว่างเยียวยาหัวใจ กลุ่มคนสนับสนุนนี้อาจประกอบด้วยเพื่อนและครอบครัว และแม้แต่นักบำบัดด้วย พวกเขาสามารถช่วยให้คุณกลับมาลุกขึ้นยืนบนลำแข้งตัวเองได้รวดเร็วกว่าสิ่งอื่นใด ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่ได้เติมเต็มรูโหว่ที่คนที่คุณรักทิ้งไว้ แต่พวกเขาจะช่วยคุณให้รับมือกับความรู้สึกว่างเปล่าได้ง่ายขึ้น [4]
    • มีเพื่อนหรือคนในครอบครับที่คุณไว้ใจและสามารถพูดคุยด้วยได้ โดยเฉพาะตอนดึกๆ ดื่นๆ พยายามหาใครสักคน หรือมากกว่าหนึ่งคน ที่สามารถให้กำลังใจคุณเหมือนที่เขาคนนั้นเคยทำ ถามเพื่อนคุณว่าคุณสามารถยื่นมือขอความช่วยเหลือจากเขาได้ไหมเมื่อคุณรู้สึกต้องการคุยกับคนๆ นั้นที่คุณกำลังพยายามไม่คิดถึง
    • การเขียนบันทึกสามารถช่วยได้มากเลยทีเดียว เพราะไม่เพียงแต่เป็นหนทางที่ดีที่จะระบายความรู้สึก โดยเฉพาะเมื่อคุณไม่อยากรบกวนเพื่อนคุณมากเกินไป แต่ยังเป็นหนทางที่ดีในการติดตามพัฒนาการของคุณด้วย คุณจะเห็นได้ว่าคุณเริ่มคิดถึงเรื่องอกหักน้อยลงเมื่อไร หรือคุณเริ่มรู้สึกอยากเปิดใจคบกับใครอีกเมื่อไร (คบเพราะอยากคบจริงๆ ไม่ใช่แค่เพราะต้องการ "เติมเต็มรูโหว่ที่คนคนนั้นทิ้งไว้")
    • บางทีคุณอาจต้องไปพบนักบำบัดที่มีใบอนุญาต การที่คุณต้องการความช่วยเหลือจากมืออาชีพไม่ใช่เรื่องผิดเลย!
  5. การยึดติดกับสิ่งที่เตือนความทรงจำจะมีแต่ทำให้คุณเยียวยาหัวใจได้ช้าลง ถ้าคุณไม่ได้ต้องการจะเก็บกางเกงขอบยางยืดเก่าๆ เน่าๆ ตัวนั้นที่เขาทิ้งไว้ที่บ้านคุณ ก็ทิ้งมันไปเสียเถอะ
    • คุณไม่ต้องถึงกับเอาทุกอย่างไปเผา โดยเฉพาะถ้าคุณสามารถเอามันไปให้คนอื่นที่ต้องการได้ แต่อย่างไรคุณก็ต้องกำจัดมันออกไปจากชีวิตคุณล่ะ ถ้าความสัมพันธ์จบลงแบบแย่มากๆ การเอาของของเขาไปเผาทิ้งก็ช่วยระบายความรู้สึกที่อัดอั้นตันใจคุณได้นะ
    • นึกถึงความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับของชิ้นนั้น แล้วจินตนาการว่าคุณนำความทรงจำนั้นใส่เข้าไปในบอลลูน พอคุณได้กำจัดของแต่ละชิ้นแล้ว ก็นึกภาพบอลลูนลอยสูงขึ้นไปในอากาศแล้วหายไป มันจะไม่มีวันกลับมากวนใจคุณได้อีกแล้ว
    • ถ้าของชิ้นไหนยังสภาพดีอยู่ เอาไปบริจาคก็ดีเหมือนกันนะ ของชิ้นนั้นจะได้มีความทรงจำใหม่ๆ กับเจ้าของคนใหม่
  6. ช่วยเหลือคนอื่นที่กำลังต่อสู้กับความเจ็บปวด โดยเฉพาะความเจ็บปวดที่ใกล้เคียงกับแบบที่คุณเจอ สามารถช่วยให้คุณลืมเรื่องของตัวเองไปได้สักพักหนึ่ง นี่ยังหมายความว่าคุณไม่ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่ในความเศร้าโศกและความเวทนาตนเองอีกด้วย
    • หาเวลารับฟังและช่วยเหลือเพื่อนของคุณแก้ไขปัญหาของเขา คุณจะได้ไม่คิดถึงแต่เรื่องอกหักของตัวเอง บอกให้พวกเขารู้ว่าคุณพร้อมรับฟังพวกเขาเสมอและพร้อมช่วยเหลือเมื่อพวกเขาต้องการ
    • ทำงานอาสาสักหน่อย อาจที่สถานสงเคราะห์ต่างๆ เช่น สถานสงเคราะห์เด็ก หรือสถานสงเคราะห์คนชรา หรืออะไรทำนองนี้
  7. คุณอาจเพ้อฝันว่าเขาจะกลับมาหาคุณและบอกคุณว่าเขาผิดไปแล้วที่ปล่อยคุณไป คุณอาจเพ้อฝันว่าคุณได้ใกล้ชิดกับเขา ได้จูบเขา และได้อยู่ใกล้เขา นั่นเป็นเรื่องปกติมากเลยล่ะ
    • ยิ่งคุณพยายามผลักไสจินตนาการเพ้อฝันของคุณมากเท่าไร คุณยิ่งจะคิดถึงแต่มัน เมื่อคุณไม่ควรคิดถึงอะไรบางอย่าง โดยเฉพาะสิ่งที่คุณจินตนาการขึ้นมาเอง สิ่งนั้นจะเป็นสิ่งเดียวที่คุณจะคิดถึง
    • แบ่งเวลาส่วนหนึ่งให้ตัวเองเพ้อฝัน จะได้ไม่เพ้อฝันอยู่ตลอดเวลา ยกตัวอย่างเช่น ให้เวลากับตัวเอง 15 นาทีต่อวัน เพื่อจินตนาการว่าแฟนเก่าของคุณอยากกลับมาคืนดีด้วย ถ้าเกิดคุณเริ่มคิดถึงเรื่องนี้นอกช่วงเวลาที่กำหนด ก็เลิกคิดไปก่อนจนกว่าจะถึงเวลาที่กำหนดไว้ แบบนี้ไม่ใช่ว่าคุณเพิกเฉยต่อจินตนาการนะ คุณแค่ต้องการเก็บมันไว้รับมือด้วยทีหลัง แล้วก็ระหว่างที่เพ้อฝัน พยายามคิดถึงแฟนเก่าของคุณในแง่ที่ไม่ทำให้คุณเศร้ามากกว่าเดิม แทนที่จะคิดว่าความสัมพันธ์คุณจะสวยงามเพียงใดถ้ายังไม่เลิกกัน ก็ลองนึกภาพแฟนเก่าของคุณทำสิ่งดีๆ เพื่อสังคม หรือช่วยให้คุณได้งานดูสิ จินตนาการแบบนี้ยังมีความเป็นไปได้มากกว่า และดีกับตัวคุณมากกว่านะ
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

เริ่มเยียวยาหัวใจ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ขั้นตอนกำจัดสิ่งที่เตือนความทรงจำในส่วนก่อนหน้านี้จะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการนึกถึงอดีตได้ อย่างไรก็ตาม ยังมีสิ่งอื่นๆ ที่กระตุ้นความทรงจำได้ที่คุณควรระวังไว้ด้วย คุณไม่อาจหลีกเลี่ยงมันได้ตลอดเวลา แต่การพยายามไม่มองหามันจะช่วยคุณได้ในระยะยาว
    • สิ่งที่กระตุ้นความทรงจำอาจเป็นอะไรก็ได้ ตั้งแต่เพลงที่คุณฟังด้วยกันตอนที่เพิ่งเริ่มคบกัน ไปจนถึงร้านกาแฟที่คุณนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบด้วยกัน และอาจเป็นกลิ่นบางกลิ่นด้วยก็ได้
    • ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้มองหา แต่คุณก็จะได้พบเจอกับสิ่งต่างๆ ที่กระตุ้นความทรงจำอยู่ดี และเมื่อคุณพบ ก็จงยอมรับความทรงจำที่กลับเข้ามาในหัว และปล่อยให้มันผ่านไป อย่าอ้อยอิ่งอยู่กับความรู้สึกและความทรงจำที่เกิดขึ้นชั่วขณะ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเห็นรูปภาพของคุณสองคนตอนที่กำลังเล่นเฟสบุ๊ค ก็ยอมรับความเศร้าที่คุณรู้สึกและเบี่ยงเบนความสนใจไปที่สิ่งอื่นแทน โดยสิ่งนั้นอาจมีแง่บวกหรือเป็นกลางก็ได้ (เช่น ชุดที่คุณจะใส่พรุ่งนี้ หรือลูกแมวตัวใหม่ที่คุณกำลังจะซื้อ)
    • ประเด็นไม่ใช่ว่าคุณควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่กระตุ้นความทรงจำให้หมด เพราะนั่นเป็นไปไม่ได้ สิ่งที่คุณควรทำคือลดจำนวนสิ่งที่ทำร้ายคุณและทำให้คุณนึกถึงเขาให้เหลือน้อยที่สุด คุณจะได้เดินหน้าเยียวยาหัวใจต่อไปได้
  2. เสียงดนตรีนั้นสามารถช่วยบำบัดและเยียวยาหัวใจได้จริงๆ ฉะนั้นก็เปิดเพลงที่มีจังหวะเร็วๆ ที่ฟังแล้วรู้สึกอารมณ์ดี วิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่าการฟังเพลงแบบนี้สามารถช่วยกระตุ้นการหลั่งของฮอร์โมนเอ็นโดรฟิน ซึ่งช่วยทำให้คุณอารมณ์ดีขึ้นและช่วยบรรเทาความเครียดได้ [5]
    • หลีกเลี่ยงเพลงรักน้ำเน่าที่ฟังแล้วเศร้า เพลงแบบนี้ไม่ทำให้สมองคุณหลั่งสารที่ดีเลย แล้วยังเติมไฟให้ความเศร้าและอาการอกหักของคุณอีก
    • เมื่อคุณพบว่าตัวเองกำลังตกลงไปในหลุมแห่งความเศร้าและความโกรธ ก็เป็นเวลาที่ดีที่จะฟังเพลงดีๆ เพื่อทำให้อารมณ์ดีขึ้น เปิดเพลงเต้นมันส์ๆ สิ สมองคุณจะได้หลั่งฮอร์โมนเอ็นโดรฟินสองเท่า ทั้งจากการฟังเพลงและจากการเต้น
  3. หลังจากที่คุณได้ผ่านขั้นตอนแรกโดยการให้พื้นที่กับตัวเองเพื่อรู้สึกเศร้าและรับมือกับความรู้สึกต่างๆ แล้ว คุณควรใช้เวลาสักนิดเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเอง เมื่อความทรงจำที่เกี่ยวกับเขาเริ่มโผล่เข้ามาในหัว ก็เบี่ยงเบนความสนใจตัวเองโดยคิดเรื่องอื่น ทำอย่างอื่น หรืออะไรทำนองนี้
    • โทรหาเพื่อนคนนั้นที่บอกว่าคุณสามารถโทรหาเขาเมื่อไรก็ได้ที่ต้องการ หรืออ่านหนังสือที่คุณอยากอ่านมาสักพักแล้ว หรือดูภาพยนตร์ตลกๆ (จะดีมากเลย เพราะเสียงหัวเราะสามารถช่วยเยียวยาหัวใจได้)
    • ยิ่งคุณคิดถึงแฟนเก่าและการอกหักน้อยลงเท่าไร การเยียวยาหัวใจยิ่งง่ายขึ้นเท่านั้น แต่ของอย่างนี้ต้องใช้ความพยายามนะ สิ่งที่คุณต้องพยายามทำก็คือควบคุมความคิดของตัวเองและเฝ้าดูว่าคุณได้ใช้เวลาคิดถึงการอกหักไปมากเท่าไรแล้ว
    • อย่าใช้ "ยาแก้ปวด" มากเกินไป มันคือสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกชาไปครู่หนึ่ง เข้าใจว่าบางทีคุณแค่ต้องการหยุดพัก แต่ก็ระวังไว้ด้วยว่าต้องไม่พึ่งมันมากเกินไป โดยเฉพาะในตอนแรกๆ เพราะคุณจำเป็นจะต้องเรียนรู้ที่จะรับมือกับความรู้สึกเหล่านั้นจริงๆ "ยาแก้ปวด" ที่ว่านี่อาจเป็นของอย่างเช่นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หรือยาเสพติด แต่ก็อาจรวมถึงการดูโทรทัศน์แบบไม่หลับไม่นอนหรือการเล่นอินเทอร์เน็ตแบบไม่ยอมเลิก หรือการทานอาหารแค่เพราะตามใจปาก
  4. ส่วนหนึ่งของการรับมือกับการอกหักคือการรับมือกับการที่ความเคยชินต่างๆ ที่คุณเคยทำกับคนคนนั้นต้องเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน การทำสิ่งใหม่ๆ และการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำสิ่งต่างๆ จะช่วยปูทางให้คุณได้สร้างนิสัยใหม่ๆ ชีวิตใหม่นี้จะไม่มีพื้นที่เหลือให้กับคนที่หักอกคุณแล้วล่ะ [6]
    • คุณไม่ต้องถึงกับสร้างความเปลี่ยนแปลงอันใหญ่หลวงเลยเพื่อที่จะดึงตัวเองออกมาจากกิจวัตรเก่าๆ คุณก็แค่ทำอะไรเช่น ออกไปเดินตลาดวันเสาร์แทนที่จะนอนอยู่บ้าน ลองฟังเพลงใหม่ๆ เริ่มทำงานอดิเรกใหม่ๆ เช่น เย็บผ้า หรือคาราเต้
    • อย่าเพิ่งทำอะไรที่สุดโต่งจนกว่าจะคิดถึงข้อดีข้อเสียแล้ว โดยเฉพาะตอนที่เพิ่งเริ่มเยียวยาหัวใจ แต่ถ้าคุณรักษาบาดแผลมาได้สักพักแล้วและต้องการแสดงให้คนอื่นเห็นว่าคุณกำลังเปลี่ยนแปลงตัวเอง ก็เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะทำอะไรเช่นสักลายหรือหั่นผมสั้น
    • พยายามหาเวลาว่างเพื่อไปเที่ยวพักผ่อน แม้แต่การไปที่ใหม่ๆ ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ก็สามารถทำให้คุณมองสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดในมุมมองใหม่ได้
  5. ระหว่างที่คุณกำลังรักษาตัวเองนั้น คุณอาจกลับไปทำนิสัยเดิมๆ แต่ไม่เป็นไรนะ มันเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นระหว่างเยียวยานี่ล่ะ! แต่มีบางสิ่งที่คุณสามารถระวังได้ คุณจะได้ไม่ถอยหลังกลับไปไกลเกินไป [7]
    • ระวังภาษาที่คุณใช้ เมื่อคุณใช้คำเช่น "แย่" หรือ "เลวร้าย" หรือ "ฝันร้าย" คุณจะยึดติดกับการมองอะไรๆ ในแง่ลบไปหมด มันจะส่งผลเสียต่อทัศนคติคุณ ถ้าคุณไม่สามารถคิดอะไรในแง่บวกได้ ก็พยายามคิดแบบกลางๆ ให้ได้มากที่สุด ยกตัวอย่างเช่น แทนที่จะพูดว่า "การเลิกราครั้งนี้มันช่างเลวร้าย" ก็พูดว่า "การเลิกราครั้งนี้ยากที่จะทำใจมากๆ แต่ฉันกำลังพยายามอย่างที่สุดแล้ว"
    • อย่าทำอะไรน่าอาย อย่าขับรถผ่านบ้านแฟนเก่าทุกคืนเพื่อสืบว่าเขามีแฟนใหม่หรือยัง อย่าโทรหรือส่งข้อความหาเขาตอนเมา ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จะทำให้การปล่อยวางอดีตนั้นยากขึ้นไปอีก
    • จำไว้ว่าอะไรๆ ก็เปลี่ยนแปลงได้ ทั้งคนและสถานการณ์ สิ่งที่คุณกำลังรู้สึกตอนนี้จะไม่ใช่สิ่งคุณจะรู้สึกในอีกหนึ่งสัปดาห์ หนึ่งเดือน หรือหนึ่งปีหลังจากนี้ ท้ายที่สุดแล้วคุณจะสามารถมองย้อนกลับมาที่เวลานี้ของชีวิตโดยที่ไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรเลย
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ยอมรับให้ได้

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ส่วนหนึ่งของการเยียวยาหัวใจและการทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็คือการตระหนักได้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะโทษตัวเองหรือโทษคนคนนั้นเลย อะไรที่เกิดขึ้นไปแล้วก็เกิดขึ้นไปแล้ว และคุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ ฉะนั้นก็อย่ากล่าวโทษใครเลย
    • พยายามเห็นอกเห็นใจเขาหน่อย ไม่ว่าเขาจะทำอะไรหรือไม่ได้ทำอะไรในตอนนั้น พยายามมีความเห็นอกเห็นใจต่อปัญหาของเขาและสิ่งที่เขากำลังเผชิญอะไรอยู่ นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องยกโทษให้เขา แต่หมายความว่าคุณไม่ควรยึดติดกับความโกรธที่มีต่อเขาอีกต่อไป
    • อย่าโทษตัวเอง คุณควรยอมรับและรับมือกับสิ่งที่คุณได้ทำที่ทำให้ความสัมพันธ์ไปไม่รอด และสัญญาว่าจะปรับปรุงตัวเองและไม่ทำผิดซ้ำเดิมอีก อย่ามัวแต่คิดถึงสิ่งที่คุณทำพลาดไปให้เสียใจเปล่าๆ
  2. คนแต่ละคนล้วนเยียวยาหัวใจได้ช้าเร็วต่างกัน ไม่มีกำหนดช่วงเวลาไว้หรอกว่าคุณจะเยียวยาอาการอกหักหายเมื่อไร แต่จะมีสัญญาณที่บอกคุณว่าสภาพจิตใจคุณกำลังดีขึ้น
    • คุณเลิกคิดว่าเขาโทรมา ทุกครั้งที่มีสายเข้าจากเบอร์ที่คุณไม่รู้จัก
    • คุณเลิกเพ้อฝันว่าเขาจะคิดได้และกลับมาคุกเข่าอ้อนวอนให้คุณยกโทษให้เขา
    • คุณไม่อินเวลาฟังเพลงหรือดูหนังเกี่ยวกับการอกหักแล้ว คุณพบว่าคุณชอบการอ่านหนังสือหรือฟังเพลงที่ไม่เกี่ยวกับการมีแฟนเลยด้วยซ้ำ
  3. สิ่งหนึ่งที่เรามักไม่ให้ความสำคัญเมื่อเรามีแฟนและเมื่อเราเพิ่งอกหักช่วงแรกๆ คือการเป็นตัวของตัวเอง ตลอดเวลาที่ผ่านมา คุณมีคนรักและเป็นส่วนหนึ่งของคู่รัก แต่แล้วตอนนี้ คุณเป็นคนที่สูญเสียคนรัก
    • พัฒนาตัวเองทั้งภายในและภายนอก ฟิตหุ่น หรือเปลี่ยนภาพลักษณ์ไปเลย อาการอกหักคงได้ทำให้ความมั่นใจของคุณสั่นคลอนไปบ้าง แต่สิ่งเหล่านี้สามารถช่วยเพิ่มความมั่นใจให้คุณได้จริงๆ คิดให้ออกว่าคุณต้องปรับปรุงนิสัยอะไรบ้าง ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจเป็นคนอารมณ์ร้อน คุณเลยชอบต่อต้านแบบประชดประชัน คุณจึงต้องหาวิธีอื่นที่ดีต่อสุภาพจิตมากกว่านี้ที่จะแสดงออกถึงความโกรธนั้น
    • พัฒนาเอกลักษณ์ของคุณ เมื่อคุณใช้เวลาอยู่กับใครบางคนมากๆ และต้องรับมือกับการอกหักหลังเลิกกัน คุณมักจะใส่ใจในแง่มุมต่างๆ ที่สำคัญของตัวเองน้อยลง สานสัมพันธ์กับคนและทำกิจกรรมที่คุณไม่มีเวลาให้ตอนที่คุณมีแฟนและตอนที่คุณรับมือกับการเลิกรา
    • ลองสิ่งใหม่ๆ นี่จะช่วยทำให้คุณได้พบกับคนใหม่ๆ ที่ไม่ได้รู้จักกับคนที่หักอกคุณ การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จะทำให้ความคิดคุณอยู่กับปัจจุบันและไม่วอกแวกคิดถึงการอกหัก
  4. ถ้าคุณยังอยากเยียวยาหัวใจให้หายดี คุณไม่ควรทำอะไรที่จะทำให้อาการอกหักกำเริบอีก บางครั้งคุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงมันได้ แต่คุณสามารถจำกัดความเสี่ยงให้น้อยที่สุดได้
    • อย่าปล่อยให้เขาคนนั้นกลับเข้ามาในชีวิตคุณเร็วนัก หรือไม่ให้เขากลับมาเลย ถ้าคุณยอมให้เขากลับมา ความทุกข์และความเจ็บปวดใจอาจกลับมาด้วย บางทีการเป็นเพื่อนกับแฟนเก่าก็เป็นไปไม่ได้นะ
    • ถ้าอาการอกหักกำเริบ อย่าตื่นตระหนก ความพยายามที่คุณได้ทำไปทั้งหมดเพื่อเยียวยาหัวใจนั้นจะไม่สูญเปล่า มันจะได้ผล จงอย่ายอมแพ้ ใครๆ ก็ต้องมีถอยหลังบ้าง โดยเฉพาะเมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับหัวใจเช่นนี้
  5. การทำสิ่งที่ทำให้คุณมีความสุขหรือสิ่งที่คุณชอบทำจะช่วยเพิ่มระดับของสารโดพามีนในสมองของคุณ (สารโดพามีนคือสารที่ช่วยเพิ่มความสุขและลดความเครียด ซึ่งความปวดร้าวใจสามารถทำให้ระดับความเครียดคุณเพิ่มถึงระดับ 11 เลยล่ะ) [8]
    • ทำสิ่งที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับแฟนเก่าคุณ ลองทำสิ่งใหม่ๆ หรือทำสิ่งที่คุณได้เลิกทำไปตอนที่คุณคบกับเขา
    • เรียนรู้ที่จะมีความสุข คนเรามักชอบคนที่มีความสุข เพราะคนที่มีความสุขสามารถทำให้คนอื่นมีความสุขได้ จริงอยู่ว่าคุณไม่อาจมีความสุขได้ตลอดเวลา แต่คุณก็ควรทำสิ่งที่คุณชอบและใช้ชีวิตแบบที่ทำให้คุณมีความสุข
  6. หลังจากการเลิกราและการเยียวยารักษาหัวใจอันยาวนาน คุณอาจรู้สึกว่าการเปิดใจให้คนอื่นอีกครั้งเป็นสิ่งที่ยาก แต่อย่าปล่อยให้สิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วในอดีตมีผลกระทบในแง่ร้ายต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน และกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตเลย
    • ตระหนักไว้ว่าเมื่อคุณเปิดใจแล้ว อาจมีคนทำให้คุณเจ็บอีกครั้ง แต่คุณก็ควรเปิดใจอยู่ดี การปิดกั้นตัวเองเป็นวิธีที่การันตีได้เลยว่าจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ ทั้งทางกายและทางใจ
  7. จำไว้ว่าการเยียวยาหัวใจหลังอกหักนั้นเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง คุณไม่อาจรักษาหัวใจให้หายดีได้ภายในพริบตา คุณจะต้องถอยหลัง คุณจะต้องเผชิญกับปัญหา และคุณจะประสบกับหลากหลายความรู้สึกที่ไม่ค่อยดีนัก ก็คุณได้เอาส่วนหนึ่งของหัวใจคุณให้เขาไปนี่ ความเจ็บปวดนี้คือหลักฐานว่าคุณเป็นมนุษย์ มีความรู้สึกและข้อบกพร่องเหมือนกับพวกเราทุกคนนี่แหละ
    • ให้กำลังใจตัวเองโดยการเฉลิมฉลองความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ ถ้าวันหนึ่งผ่านไปโดยที่คุณไม่ได้คิดถึงแฟนเก่าคุณเลย ก็ฉลองด้วยเบียร์หรือคุกกี้สักหน่อยสิ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • จงรักตัวเองต่อไปถึงแม้คุณจะรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ คุณจะแข็งแกร่งขึ้นในระยะยาวนะ
  • การช่วยเหลือคนอื่นมักเป็นการช่วยเหลือตัวเอง ให้คำแนะนำดีๆ กับคนอื่น และอย่ามองโลกในแง่ร้าย
  • ฟังเรื่องตลกวันละเรื่อง มันจะทำให้คุณหัวเราะ และในช่วงเวลาอย่างนี้ การหัวเราะจะทำให้คุณมีความสุข แม้ว่าคุณจะรู้สึกว่าคุณไม่ควรมีความสุขก็ตาม
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าพึ่งแค่คำแนะนำเหล่านี้ ถ้าสถานการณ์แย่ลงเรื่อยๆ คุณควรคิดเรื่องไปพบแพทย์
  • อย่าทำร้ายตัวเองหรือพยายามทำร้ายตัวเองเพียงเพราะสูญเสียคนรักเป็นอันขาด
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 48,378 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา