PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

การลงแช่ตัวในน้ำเย็นๆ อาจฟังดูไม่น่าอภิรมย์มากนัก แต่รู้หรือไม่ว่าการแช่ในน้ำแข็งมีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด ไม่ว่าจะเป็นการบรรเทาอาการเจ็บปวดหลังการออกกำลังกายและลดการอักเสบตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย อย่างไรก็ตาม ควรระวังไว้ว่าการแช่ในน้ำแข็งอาจส่งผลข้างเคียงทำให้มวลกล้ามเนื้อของคุณลดลงได้ [1] นอกจากนี้การแช่ในน้ำแข็งยังมีส่วนช่วยในการเรียกพลังให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่ายิ่งขึ้นหรือช่วยขจัดความเครียดและความกังวลให้หมดไปได้อีกด้วย [2] แม้ว่าการแช่ในน้ำแข็งจะแทบไม่มีอันตรายใดๆ ต่อร่างกาย แต่จำไว้ว่าคุณควรหลีกเลี่ยงการแช่ตัวในน้ำนานเกิน 5-10 นาที

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

แช่ในน้ำแข็งเพื่อเสริมสร้างสุขภาพกายและผ่อนคลายสุขภาพจิต

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. แม้ว่าการแช่ในน้ำแข็งอาจช่วยสร้างความสดชื่นให้ร่างกายหรือผ่อนคลายให้คุณอารมณ์ดียิ่งขึ้น แต่การแช่ในน้ำแข็งนี้อาจไม่ใช่วิธีที่เหมาะสมสำหรับทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวต่างๆ ดังนั้นคุณจึงควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับเหตุผลที่คุณต้องการทดลองการบำบัดด้วยความเย็นและดูว่าวิธีนี้เหมาะสมกับคุณหรือไม่ [3]
    • ยกตัวอย่างเช่น การแช่ในน้ำแข็งอาจเป็นอันตรายสำหรับผู้ที่มีความผิดปกติของหัวใจได้ ดังนั้นแพทย์จึงจำเป็นต้องตรวจสอบว่ามีความเสี่ยงใดๆ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อคุณจากการแช่ในน้ำแข็งหรือไม่

    รู้หรือไม่? การแช่ในน้ำแข็งเป็นตัวก่อความเครียดเชิงบวกซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายหลั่งสารอะดรีนาลีนออกมา ดังนั้นการลงแช่ตัวในน้ำแข็งอย่างรวดเร็วจึงอาจช่วยให้คุณรู้สึกตื่นตัวและกระปรี้กระเปร่ายิ่งขึ้น นอกจากนี้น้ำเย็นยังส่งผลให้เส้นเลือดตามแขนขาของคุณเกิดการหดตัว จึงช่วยลดการสูญเสียความร้อนและกระตุ้นให้เลือดถูกลำเลียงไปที่สมองแทน ซึ่งการไหลเวียนของเลือดไปยังสมองจะช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนและสารอาหารที่ถูกส่งไปเลี้ยงที่สมองของคุณและส่งผลให้คุณรู้สึกอารมณ์ดีขึ้น [4]

  2. ไม่จำเป็นต้องเปิดน้ำเติมใส่อ่างอาบน้ำจนเต็มเนื่องจากน้ำแข็งและตัวของคุณจะแทนที่ปริมาตรของน้ำและทำให้ระดับน้ำสูงยิ่งขึ้น เปิดน้ำเย็นเติมใส่อ่างอาบน้ำและรอสักพักให้ระดับน้ำสูงขึ้นมาถึงครึ่งหนึ่งก่อนปิดก๊อกน้ำ [5]
    • เลือกใช้น้ำเย็นเติมใส่อ่างอาบน้ำ เนื่องจากน้ำอุ่นอาจทำให้น้ำแข็งละลายได้อย่างรวดเร็ว
  3. เติมน้ำแข็งลงไปเพื่อลดอุณหภูมิของน้ำลงมาจนถึง 20 °C. คุณสามารถหาซื้อน้ำแข็งสำเร็จรูปหรือเลือกใช้น้ำแข็งจากตู้เย็นตามความสะดวกของคุณ เติมน้ำแข็งลงไปในอ่างอาบน้ำสัก 2-3 กำมือแล้วลองเช็คอุณหภูมิของน้ำด้วยเทอร์โมมิเตอร์ว่าพอดีแล้วหรือไม่ เติมน้ำแข็งเพิ่มลงไปจนกระทั่งอุณหภูมิของน้ำอยู่ที่ 20 °C [6]
    • คุณสามารถลดอุณหภูมิของน้ำให้ต่ำลงกว่านี้ได้หากต้องการ อย่างไรก็ตาม อย่าให้น้ำมีอุณหภูมิต่ำกว่า 13 °C ไม่เช่นนั้นอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผิวหนังหรือสุขภาพของคุณได้ [7]
  4. ลงแช่ตัวในอ่างอาบน้ำประมาณ 5 นาทีพร้อมค่อยๆ สูดหายใจลึก. เอนตัวในท่าสบายๆ และเริ่มผ่อนคลาย หายใจเข้าและออกอย่างช้าๆ เพื่อดึงอากาศเข้าสู่ปอดให้มากขึ้นและอาจนับจำนวนครั้งการหายใจเพื่อช่วยบรรเทาความตึงเครียดตามร่างกาย ตั้งเวลาไว้ 5 นาทีและพยายามแช่ตัวในน้ำจนครบตามเวลาที่กำหนด [8]
    • หยุดแช่ตัวในน้ำแข็งโดยทันทีหากคุณมีอาการไม่สบายตัวหรือรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรง พยายามอย่าฝืนมากเกินกว่าที่ร่างกายของคุณสามารถรับไหว
  5. อาบน้ำเย็นจากผักบัวนาน 1-3 นาทีซึ่งเป็นตัวเลือกที่ง่ายกว่า. คุณยังสามารถบำบัดด้วยความเย็นได้โดยไม่จำเป็นต้องลงแช่ตัวในน้ำแข็งด้วยการอาบน้ำเย็นจากฝักบัวนานอย่างน้อย 1 นาที หรือหากคุณสามารถทนได้ ให้คุณยืนต่อไปเรื่อยๆ จนครบเวลา 3 นาที [9]
    • คุณสามารถปิดท้ายการอาบน้ำในตอนเช้าด้วยการเปิดน้ำเย็นให้ไหลผ่านร่างกายเพื่อปลุกพลังสำหรับเริ่มต้นวันใหม่

    เคล็ดลับ: คุณสามารถปรับอุณหภูมิของร่างกายเพื่อให้คุ้นชินกับน้ำเย็นก่อนได้หากต้องการ เริ่มจากอาบน้ำด้วยน้ำอุ่นก่อนค่อยๆ ลดอุณหภูมิของน้ำลงเรื่อยๆ ในช่วงเวลา 5 นาที จากนั้นจึงปิดท้ายด้วยการเปิดน้ำเย็นให้ไหลผ่านร่างกายนาน 1-3 นาที [10]

  6. บำบัดด้วยความเย็น 1-2 ครั้งต่อวันเพื่อช่วยผ่อนคลายให้อารมณ์ดียิ่งขึ้น. การแช่ตัวในอ่างอาบน้ำหรือการอาบน้ำจากฝักบัวในตอนเช้าสามารถช่วยผ่อนคลายให้คุณมีอารมณ์ดีได้ตลอดทั้งวัน และหากต้องการ คุณยังสามารถแช่ตัวในอ่างอาบน้ำหรืออาบน้ำจากฝักบัวอีกครั้งหลังจากหมดวันแล้ว คุณสามารถบำบัดด้วยความเย็นต่อไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่คุณรู้สึกว่าวิธีนี้มีส่วนช่วยทำให้คุณรู้สึกสดชื่นยิ่งขึ้นหรือสามารถจัดการกับความกังวลหรือภาวะซึมเศร้าได้ [11]
    • การบำบัดด้วยความเย็นไม่สามารถชดเชยการพูดคุยกับนักบำบัดโรคหรือการทานยาต้านความกังวลหรือภาวะซึมเศร้าได้ ดังนั้นอย่าหยุดการรักษาใดๆ ตามที่แพทย์กำหนดจนกว่าจะได้รับอนุญาตจากแพทย์ของคุณ

    เคล็ดลับ: การบำบัดด้วยน้ำเย็นจะได้ผลดีที่สุดเมื่อทำอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นลองแช่ตัวหรืออาบน้ำด้วยน้ำเย็นเป็นประจำทุกวันเพื่อดูว่าการบำบัดด้วยน้ำเย็นจะสามารถช่วยให้คุณได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการหรือไม่ [12]

    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

แช่ในน้ำแข็งหลังการออกกำลังกาย

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. การแช่ในน้ำแข็งจะมีผลดีต่อร่างกายก็ต่อเมื่อคุณเริ่มทำหลังการออกกำลังกายเสร็จใหม่ๆ เท่านั้น ดังนั้นพยายามอาบน้ำโดยทันทีหลังจากที่คุณเพิ่งเสร็จจากการออกกำลังกายทั้งแบบคาร์ดิโอหรือแบบฝึกกล้ามเนื้อหรือการเล่นกีฬา [13]
    • งดการแช่ในน้ำแข็งก่อนการออกกำลังกายหรือการเล่นกีฬาเพราะจะทำให้กล้ามเนื้อเกิดการตึงจนอาจส่งผลให้สมรรถภาพทางกายของคุณลดลงได้

    รู้หรือไม่? การแช่ในน้ำแข็งมีส่วนช่วยในเรื่องของการขจัดของเสียที่ร่างกายสร้างขึ้นในระหว่างการออกกำลังกายอย่างกรดแลคติก จึงช่วยให้ร่างกายของคุณฟื้นฟูหลังการออกกำลังกายได้เร็วยิ่งขึ้นและลดอาการบวมเจ็บที่กล้ามเนื้อตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมทั้งยังอาจส่งผลให้ร่างกายของคุณรู้สึกเหนื่อยล้าน้อยลงเนื่องจากระดับกรดแลคติกที่เป็นสาเหตุของอาการเหนื่อยล้าลดลง [14]

  2. อาบน้ำฝักบัวก่อนเริ่มแช่ในน้ำแข็งเพื่อป้องกันอันตรายต่อผิวหนัง. ในระหว่างการออกกำลังกาย ร่างกายของคุณมีการขับเหงื่อออกมาเพื่อลดอุณหภูมิของร่างกายให้ต่ำลง นอกจากนี้ ผิวหนังของคุณยังอาจสัมผัสกับอุปกรณ์ พื้นภายในยิม หรือพื้นสนามที่เต็มไปด้วยเชื้อแบคทีเรียและสิ่งสกปรก ซึ่งแม้ว่าจะเกิดขึ้นได้ไม่บ่อยนัก แต่การแช่ในน้ำแข็งในขณะที่ผิวหนังของคุณยังคงมีเชื้อแบคทีเรียหรือสิ่งสกปรกตกค้างอยู่อาจนำไปสู่การเกิดความผิดปกติทางผิวหนังได้ ดังนั้นก่อนเริ่มต้นแช่ในน้ำแข็ง อย่าลืมอาบน้ำอุ่นในเวลาสั้นๆ และฟอกสบู่ตามร่างกายให้สะอาดเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการลงแช่ในอ่างอาบน้ำ [15]
    • หากคุณลงแช่ตัวในน้ำแข็งร่วมกับเพื่อนนักกีฬาคนอื่นๆ สิ่งสำคัญคือการชำระล้างร่างกายให้สะอาดก่อนเป็นอันดับแรก จำไว้ว่าการลงแช่ในอ่างอาบน้ำทันทีโดยไม่ทำความสะอาดร่างกายก่อนอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดการติดเชื้อต่อทุกคนที่ใช้อ่างอาบน้ำได้
  3. สวมกางเกงขาสั้นและถุงเท้าว่ายน้ำเพื่อปกป้องผิวที่บอบบาง. เนื่องจากน้ำเย็นอาจเป็นอันตรายต่อผิวที่บอบบาง คุณจึงควรสวมเครื่องแต่งกายปกปิดบางส่วนของร่างกายของคุณเอาไว้ คุณสามารถสวมกางเกงว่ายน้ำ กางเกงขาสั้น หรือกางเกงในเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้บริเวณอวัยวะเพศของคุณ รวมทั้งสวมปลอกหุ้มนิ้วเท้าเพิ่มความอบอุ่นหรือถุงเท้าว่ายน้ำที่ทำจากวัสดุชุดดำน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้เท้าเย็นจัดจนแข็งตัวได้ [16]
    • คุณสามารถมองหาถุงเท้าว่ายน้ำได้จากร้านขายอุปกรณ์กีฬา ร้านขายอุปกรณ์โต้คลื่น หรือร้านค้าออกไลน์ หรือหากไม่สามารถหาซื้อได้ คุณสามารถสวมถุงเท้าธรรมดาแทนก็ได้เช่นกัน
    • หากคุณต้องการแช่เพียงครึ่งล่างของร่างกายในน้ำแข็ง คุณอาจสวมเสื้อกันหนาวไว้เพื่อสร้างความอบอุ่นให้ร่างกายส่วนบนของคุณอยู่ตลอดเวลา
  4. เนื่องจากน้ำแข็งและตัวของคุณจะแทนที่ปริมาตรของน้ำและทำให้ระดับน้ำสูงยิ่งขึ้น คุณจึงไม่จำเป็นต้องเปิดน้ำเติมใส่อ่างอาบน้ำจนเต็ม เปิดน้ำเย็นเติมใส่อ่างอาบน้ำและรอสักพักให้ระดับน้ำสูงขึ้นมาถึงครึ่งหนึ่งก่อนปิดก๊อกน้ำ [17]
    • เลือกใช้น้ำเย็นเติมใส่อ่างอาบน้ำ เนื่องจากน้ำอุ่นอาจทำให้น้ำแข็งละลายได้อย่างรวดเร็ว
    • หากรู้สึกว่าระดับน้ำยังคงต่ำเกินไป คุณสามารถเปิดน้ำเย็นเติมเพิ่มลงไปได้ตลอดเวลา
    • หากไม่มีอ่างอาบน้ำ ให้คุณใช้สระน้ำสำหรับเด็กหรืออ่างพลาสติกขนาดใหญ่และเติมน้ำลงไปด้วยสายยางรดน้ำ
  5. เติมน้ำแข็งลงไป 7 กิโลกรัมเพื่อลดอุณหภูมิของน้ำลงมาจนถึง 13-16 °C. คุณสามารถหาซื้อน้ำแข็งสำเร็จรูปหรือเลือกใช้น้ำแข็งจากตู้เย็นตามความสะดวกของคุณ [18] ค่อยๆ เติมน้ำแข็งลงไปในอ่างอาบน้ำทีละน้อยเพื่อลดอุณหภูมิให้ต่ำลง เช็คอุณหภูมิของน้ำด้วยเทอร์โมมิเตอร์และหยุดเติมน้ำแข็งเมื่ออุณหภูมิของน้ำอยู่ที่ 13-16 °C [19]
    • หากไม่มีเทอร์โมมิเตอร์ คุณสามารถกะอุณหภูมิของน้ำคร่าวๆ ได้ด้วยการจุ่มข้อศอกของคุณลงไปในน้ำ หากคุณรู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อยแต่ไม่มีอาการแสบผิวแสดงว่าอุณหภูมิของน้ำเหมาะสมดีแล้ว
    • ในช่วงแรกคุณอาจปรับให้น้ำอุ่นขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อป้องกันการเกิดภาวะช็อกจากอุณหภูมิของน้ำที่เย็นจนเกินไป เริ่มจากเติมน้ำแข็งลงไปพอประมาณเพื่อลดอุณหภูมิของน้ำให้อยู่ที่ประมาณ 16-21 °C เพื่อให้คุณเริ่มคุ้นเคยกับการแช่ในน้ำแข็งมากยิ่งขึ้น แล้วจึงค่อยๆ ลดอุณหภูมิของน้ำลงทีละ 1-2 °C ในการแช่ในน้ำแข็งแต่ละครั้งจนกระทั่งคุณสามารถแช่ตัวในน้ำที่มีอุณหภูมิอยู่ที่ 13 °C ได้อย่างสบายๆ
  6. ค่อยๆ จุ่มส่วนล่างของร่างกายลงในน้ำที่เติมน้ำแข็งไว้. การลงแช่ตัวในน้ำเย็นเร็วจนเกินไปอาจทำให้ร่างกายของคุณเกิดภาวะช็อคจนส่งผลให้หัวใจเต้นเร็วผิดจังหวะ ดังนั้นคุณจึงควรให้เวลาร่างกายของคุณในการปรับตัวเข้ากับอุณหภูมิของน้ำด้วยการค่อยๆ ลงแช่ตัวในน้ำพร้อมสูดลมหายใจลึกอย่างช้าๆ เพื่อให้รู้สึกสงบและผ่อนคลายยิ่งขึ้น โดยเริ่มจากจุ่มเท้าทั้งสองข้างลงไปในน้ำก่อนค่อยๆ แช่ตัวลงไปเรื่อยๆ จนถึงช่วงเอว [20]
    • หากคุณยังคงรู้สึกว่าน้ำเย็นเกินไปจนทำให้คุณไม่สบายตัว ให้คุณนั่งบนขอบอ่างอาบน้ำโดยจุ่มเพียงเท้าทั้งสองข้างลงไปในน้ำและใช้เวลานานเท่าที่ต้องการเพื่อให้ร่างกายของคุณปรับตัวเข้ากับอุณหภูมิของน้ำมากยิ่งขึ้น
  7. เมื่อร่างกายของคุณคุ้นชินกับความเย็นของน้ำดีแล้ว ให้คุณค่อยๆ จุ่มแขน หัวไหล่ และหน้าอกลงไปในน้ำเพิ่มขึ้น พยายามแช่ตัวในน้ำเท่าที่คุณรู้สึกทนไหวและขึ้นจากน้ำโดยทันทีหากคุณรู้สึกหนาวจัดหรือมีอาการหนาวสั่น [21]
    • พยายามทำเท่าที่ร่างกายสามารถรับไหวและอย่าฝืนตัวเองมากจนเกินไป จำไว้ว่าน้ำเย็นอาจส่งผลให้เกิดภาวะช็อคต่อร่างกายของคุณได้และคุณจำเป็นต้องทำแต่ละขั้นตอนอย่างค่อยเป็นค่อยไป
    • คุณไม่จำเป็นต้องจุ่มส่วนบนของร่างกายลงไปในน้ำหากคุณเพียงต้องการผ่อนคลายกล้ามเนื้อขาและสะโพกเท่านั้น พยายามปรับเปลี่ยนการแช่ในน้ำแข็งให้เหมาะกับความต้องการของคุณมากที่สุด
  8. แช่ตัวในน้ำ 5-10 นาทีเพื่อช่วยฟื้นฟูร่างกายของคุณ. เอนตัวในท่าสบายๆ และสูดหายใจลึกๆ เพื่อช่วยให้คุณรู้สึกสงบและผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น คุณอาจลองนับจำนวนครั้งการหายใจไปด้วยเพื่อช่วยไม่ให้จิตใจของคุณจดจ่ออยู่ที่ความเย็นของน้ำ ตั้งเวลาไว้ 5-10 นาทีและพยายามแช่ตัวในน้ำจนครบตามเวลาที่กำหนด
    • หากคุณไม่สามารถทนต่อความเย็นของน้ำได้อีก คุณสามารถขึ้นจากน้ำก่อนเวลาที่กำหนดได้ตลอดเวลา จำไว้ว่าอย่าฝืนมากเกินกว่าที่ร่างกายของคุณสามารถรับไหว
    • วางผ้าขนหนูเตรียมไว้ข้างๆ อ่างอาบน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้คุณลื่นล้มเมื่อก้าวเท้าออกจากอ่างอาบน้ำ

    ปรับเปลี่ยน: หลังจากที่เริ่มคุ้นเคยกับการแช่ในน้ำแข็งแล้ว คุณอาจเพิ่มระยะเวลาการแช่ตัวในน้ำให้นานขึ้นเป็น 20 นาที อย่างไรก็ตาม ห้ามแช่ในน้ำแข็งนานเกิน 20 นาทีเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายต่อผิวหนังหรือปัญหาสุขภาพต่างๆ ได้

    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

เพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายหลังการแช่ในน้ำแข็ง

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. เช็ดตัวไว้ด้วยผ้าขนหนูแห้งหลังขึ้นจากอ่างอาบน้ำ. ใช้ผ้าขนหนูพันรอบตัวทันทีหลังขึ้นจากอ่างอาบน้ำและตบเบาๆ เพื่อซับน้ำเย็นที่ติดบนผิวให้แห้งสนิท [22]
    • หากเป็นไปได้ ให้คุณใช้ผ้าขนหนูที่เพิ่งนำออกจากเครื่องอบผ้าและยังคงอุ่นๆ อยู่
  2. สวมชุดผ้าสเวตหรือคลุมด้วยผ้าห่มเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย. หลังจากที่เช็ดตัวจนแห้งสนิทแล้ว ให้คุณสวมเสื้อผ้าเนื้อหนาเพื่อเพิ่มอุณหภูมิของร่างกายให้สูงขึ้น โดยเลือกสวมชุดผ้าสเวตหรือเสื้อผ้าอื่นๆ ที่ดูใกล้เคียงกัน เช่น ผ้าคลุมอาบน้ำเนื้อหนา นอกจากนี้คุณอาจใช้วิธีคลุมตัวด้วยผ้าห่มก็ได้เช่นกัน [23]
    • หากมีอาการหนาวสั่น ให้คุณสวมเสื้อผ้าหลายชั้นขึ้นเพื่อช่วยให้คุณรู้สึกอุ่นเร็วยิ่งขึ้น
  3. เพิ่มอุณหภูมิของร่างกายด้วยการจิบเครื่องดื่มร้อน. กาแฟ ชา หรือน้ำซุปร้อนๆ สามารถช่วยให้ร่างกายของคุณอุ่นได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ชงกาแฟหรือชาไว้แก้วหนึ่งหรืออุ่นน้ำซุปให้ร้อนก่อนค่อยๆ จิบลงไปทีละน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายของคุณเกิดภาวะช็อคได้ [24]
    • หากต้องการเพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย คุณอาจเลือกดื่มเครื่องดื่มที่ผสมคาเฟอีนก็ได้เช่นกัน
    • หากต้องการให้ร่างกายผ่อนคลายลง ให้คุณเลือกดื่มกาแฟที่ไม่มีคาเฟอีน ชาสมุนไพร หรือน้ำซุป
  4. รอ 2 ชั่วโมงก่อนเริ่มแช่ตัวหรืออาบน้ำด้วยน้ำอุ่นหากเป็นไปได้. การอาบน้ำหรือแช่ตัวด้วยน้ำอุ่นหลังการแช่ในน้ำแข็งเร็วจนเกินไปอาจทำให้ประสิทธิภาพของการบำบัดด้วยความเย็นลดลงได้ไม่ว่าผลลัพธ์ที่คุณต้องการจะเป็นอะไรก็ตาม เพราะฉะนั้นหากวิธีข้างต้นสามารถทำให้คุณรู้สึกอุ่นขึ้นได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ ให้คุณรอสัก 2 ชั่วโมงก่อนเริ่มอาบน้ำหรือแช่ตัวด้วยน้ำอุ่น [25]
    • คุณสามารถแช่ตัวหรืออาบน้ำด้วยน้ำอุ่นได้ทันทีหากคุณยังคงมีอาการหนาวสั่นและรู้สึกหนาวแม้จะสวมเสื้อผ้าเนื้อหนาหรือดื่มเครื่องดื่มอุ่นๆ แล้ว เนื่องจากน้ำอุ่นสามารถช่วยให้ร่างกายของคุณอุ่นขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • การแช่ในน้ำแข็งเป็นวิธีบำบัดที่นิยมใช้หลังการออกกำลังกายอย่างเข้มข้นหรือการแข่งกีฬาเพื่อช่วยในการระงับอาการเจ็บปวดตามร่างกายจากการขจัดกรดแลคติกออกไปจากกล้ามเนื้อ ดังนั้นคุณอาจเก็บแผนการแช่ในน้ำแข็งไว้สำหรับวันที่คุณออกกำลังกายอย่างหนักหรือมีการแข่งกีฬานัดสำคัญ เช่น การวิ่งมาราธอน [26]
  • ยิม สปา และสนามกีฬาบางแห่งอาจมีอ่างน้ำเย็นจัดเตรียมไว้ให้สำหรับผู้เข้าใช้บริการ ซึ่งมีลักษณะเหมือนอ่างน้ำร้อนแต่ถูกจัดเตรียมไว้สำหรับการแช่น้ำเย็นโดยเฉพาะ [27]
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าแช่ตัวในน้ำที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 13 °C เพื่อป้องกันการเกิดภาวะไข้สูงจัดหรืออันตรายใดๆ ต่อกล้ามเนื้อ [28]
  • หลีกเลี่ยงการแช่ในน้ำแข็งนานเกิน 20 นาทีเพราะอาจเป็นอันตรายต่อกล้ามเนื้อของคุณได้ และหากคุณรู้สึกหนาวจัด ไม่สบายตัว หรือปวดแสบปวดร้อน ให้คุณขึ้นจากน้ำโดยทันที [29]
  • การแช่ในน้ำแข็งไม่มีส่วนช่วยในการสร้างกล้ามเนื้อหรือพัฒนาความแข็งแรง ซึ่งในหลายๆ กรณียังอาจส่งผลให้การเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อลดลงอีกด้วย ดังนั้นคุณจึงควรทำการแช่ในน้ำเย็นเฉพาะเมื่อคุณต้องการลดอาการเจ็บปวดตามร่างกายเท่านั้น [30]
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 12,501 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา