PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

นักพากย์เสียงคือคนที่พากย์เสียงภาพยนตร์เอนิเมะชันและละครทีวี พากย์สารคดี และพากย์สื่อโฆษณาทางโทรทัศน์และวิทยุ ถ้าคุณหลงรักการแสดงและมีเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ คุณก็อาจจะเหมาะกับอาชีพนักพากย์ก็ได้! การเป็นนักพากย์ต้องหมั่นฝึกฝนทักษะ เปิดโอกาสให้คนอื่นได้ยินเสียงของคุณ และไปออดิชันบ่อยๆ และเนื่องจากว่าการพากย์เสียงเป็นอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูง การเป็นนักพากย์จึงไม่ใช่อาชีพที่เหมาะกับคนใจเสาะ แต่ถ้าคุณมีความมุ่งมั่น อุตสาหะ และทักษะ คุณก็จะก้าวสู่การเป็นนักพากย์เสียงได้ไม่ยาก

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

สั่งสมพรสวรรค์

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ความสามารถในการอ่านออกเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นทักษะที่จำเป็นในการพากย์เสียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณต้องอ่านจากเครื่องเทเลพรอมพ์เตอร์หรือสคริปต์ อ่านหนังสือ นิตยสาร หรือข่าวออกเสียงเป็นประจำเพื่อเพิ่มความคล่องแคล่ว อ่านออกเสียงอย่างน้อยวันละ 30 นาที ฝึกการเปล่งเสียงแต่ละคำและการออกเสียงสูงต่ำ เพิ่มความท้าทายด้วยการลองเปลี่ยนเสียงขณะอ่าน
    • ฝึกอ่านหนังสือหลายๆ ประเภทเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านออกเสียง คุณอาจจะเริ่มจากหนังสือของดร.ซูสส์ จากนั้นก็ไปอ่าน ฮอบบิท และอ่านบทกวีเพื่อเพิ่มความท้าทาย คุณไม่ควรจะอ่านเหมือนอ่านหนังสือ แต่ควรอ่านเหมือนเป็นการแสดง เพราะหน้าที่ของคุณคือการทำให้ตัวหนังสือเหล่านี้มีชีวิตขึ้นมา [1]
  2. ลองท่องบทพูดเดี่ยวหรืออ่านจากสคริปต์แล้วบันทึกเสียงเอาไว้ กลับไปเปิดฟังใหม่เพื่อฟังว่าเสียงตัวเองเป็นอย่างไร และจดไว้ว่าต้องปรับปรุงตรงไหนบ้าง ไม่แน่ว่าคุณอาจจะแปลกใจกับเสียงของตัวเองก็ได้นะ! เพราะเสียงที่คุณบันทึกเอาไว้อาจจะไม่เหมือนกับเสียงที่คุณได้ยินอยู่ทุกวัน จดความแตกต่างและฟังเสียงที่บันทึกเอาไว้เพื่อให้เกิดความเคยชิน แล้วคุณจะสามารถออกเสียงผ่านทางไมโครโฟนได้อย่างที่ต้องการ
  3. เวลาที่คุณฟังเสียงตัวเอง ให้จับสังเกตว่าเสียงมาจากจมูก ปาก หน้าอก หรือกะบังลม เสียงที่ออกมาจากจมูกจะไม่น่าฟังและอู้อี้ เสียงที่ออกมาจากปากจะเบามาก เสียงที่ออกมาจากหน้าอกจะน่าฟัง แต่เสียงที่ออกมาจากกะบังลมจะทรงพลังและไพเราะที่สุด ในการเปล่งเสียงออกมาจากกะบังลมนั้น ให้ฝึกหายใจลึกๆ และสังเกตหน้าท้องขณะพองตัวและยุบตัว เปล่งเสียงออกมาจากกะบังลม เช่น เสียงหัวเราะหรือหาว พอคุณทำได้แล้ว มันก็จะเป็นเรื่องของการรักษาความสม่ำเสมอของเสียงเท่านั้นเอง ครูสอนการใช้เสียงสามารถช่วยฝึกให้คุณเปล่งเสียงก้องกังวานจากกะบังลมได้ [2]
  4. การฝึกวอร์มเสียงช่วยให้คุณควบคุมและปรับเสียงให้ดีขึ้นได้ ซึ่งการฝึกหลายแบบจะอยู่บนพื้นฐานของการหายใจ คุณอาจจะฝึกการไล่เสียงฮัมด้วยการเปล่าหลอดเพื่อควบคุมลมหายใจ [3] หรือนอนหงายบนพื้น หายใจเข้าและออกลึกๆ ทำเสียง “ชู่” เวลาหายใจออก [4] แม้แต่การนั่งตัวตรงแล้วยักไหล่ไปด้านหลังก็ทำให้เสียงของคุณเปลี่ยนไปได้ นอกจากนี้คุณก็อาจจะฝึกออกเสียงคำพูดลิ้นพัน เช่น “ยักษ์รักลิง ลิงรักยักษ์ ลิงน่ารัก ยักษ์รักลิง” [5]
  5. การเลียนเสียงช่วยสร้างความยืดหยุ่น สังเกตเห็นระดับเสียงและลักษณะเสียง และทำให้คุณมีผลงานใส่ไว้ในเดโมผลงาน การเป็นศิลปินนักพากย์ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องเลียนเสียงได้เหมือนเป๊ะ แต่การที่คุณสามารถเปลี่ยนเสียงได้นั้นถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะมันทำให้เสียงของคุณมีความหลากหลายและช่วยฝึกทักษะการแสดง อย่าแค่พยายามเลียนเสียงคนๆ นั้นให้เหมือน แต่ให้เลียนแบบบุคลิกเขาด้วย เพื่อให้ตัวละครมีชีวิตขึ้นมาแทนที่จะแค่เลียนเสียงเขาเพียงอย่างเดียว [6]
    • ลองเริ่มจากการพากย์เสียงคนดังเหล่านี้ แซม ยุรนันท์, ค่อม ชวนชื่น, ชินจัง, โดเรมอน, ไพโรจน์ ใจสิงห์ และน้าต๋อย เซมเบ้
  6. การแสดงเป็นตัวละครออกมาได้โดยไม่เตรียมตัวล่วงหน้าเป็นทักษะการพากย์เสียงที่สำคัญ เพราะผู้กำกับคาดหวังว่าคุณจะต้องทำได้ ทักษะนี้จะทำให้คุณสามารถเป็นและคิดอย่างที่ตัวละคนนั้นคิดจริงๆ หลังจากที่คุณได้ตัวละครมาแล้ว ลองเล่าเรื่องตลกแบบที่ตัวละครตัวนั้นจะเล่าออกมาทันที ถ้าคุณต้องการคนช่วย ให้เพื่อนช่วยถามคำถามแล้วตอบตามที่คุณคิดว่าตัวละครตัวนั้นน่าจะตอบแบบ เช่น ถ้าคุณได้รับบทเป็นวอแวจากเรื่องเจ้าขุนทอง คุณก็อาจจะแต่งเรื่องขึ้นมาว่าคุณจะไปก่อเรื่องที่ไหนดี [7]
  7. วิธีนี้จะช่วยให้คุณได้พัฒนาพรสวรรค์ในการแสดง แม้ว่านักพากย์จะไม่ได้อยู่หน้าจอ แต่คุณก็ต้องเป็นนักแสดงที่มีพรสวรรค์มากๆ จึงจะสามารถพูดบทของตัวเองได้อย่างสมจริง อย่าลืมว่าในบางแง่มุมแล้วนั้นการพากย์เสียงยากกว่าการแสดงแบบอื่นๆ เพราะคุณไม่ได้เริ่มแสดงกับนักแสดงคนอื่นๆ และผู้ชมก็ไม่เห็นสีหน้า การทำไม้ทำมือ หรือการเคลื่อนไหวของคุณ คุณไม่มีอุปกรณ์เสริมหรือตัวช่วยในการพูดบทออกมา คุณจึงต้องท่ายถอดอารมณ์และบุคลิกผ่านเสียงอย่างเดียว [8]
    • ถ้าคุณยังเป็นนักศึกษาอยู่ ให้ลงเรียนสาขาศิลปะการแสดงและไปออดิชันเพื่อเล่นละครเวทีหรือละครสั้นที่กำลังจะมีการแสดง แต่ถ้าคุณไม่ได้กำลังเรียนอยู่ ให้เข้าร่วมกลุ่มละครในชุมชน [9]
  8. การเรียนร้องเพลงเป็นประจำ (อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง) จะช่วยขยายความกว้างของช่วงเสียงและสอนให้คุณควบคุมความดังและเสียงของน้ำเสียงได้ดีขึ้น คุณอาจจะต้องลองเรียนกับครูสอนร้องเพลงหลายๆ คนเพื่อให้เจอคนที่เหมาะกับคุณมากที่สุด ครูสอนร้องเพลงที่ดีไม่เพียงแต่ช่วยพัฒนาเทคนิคและการควบคุมให้ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยให้คุณเจอเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของคุณด้วย
    • ครูสอนร้องเพลงที่ดีจะช่วยคุณวอร์มเสียงก่อน การวอร์มเสียงสามารถทำได้หลายแบบ คุณอาจจะเริ่มจากการกระพือริมฝีปากขณะเป่าลมออกมาเป็นเสียง “บรื้อ” จากนั้นก็หาวกว้างๆ และถอนหายใจขณะยิ้มเพื่อขยายขากรรไกร [10]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

โฆษณาตัวเอง

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. วิธีนี้เป็นวิธีที่นักพากย์ใช้แสดงพรสวรรค์เวลาหางาน เดโมผลงานอาจประกอบด้วยผลงานต้นฉบับหรือการเลียนแบบตัวละคร/สคริปต์ที่มีอยู่แล้วก็ได้ เดโมผลงานของคุณต้องมีคุณภาพมากพอที่จะบ่งบอกและแสดงให้เห็นถึงขอบเขตและกลุ่มทักษะที่คุณมี คุณอาจจะบันทึกเสียงเองหรือจะทำแบบมืออาชีพเลยก็ได้ ถ้าคุณบันทึกเสียงเอง ระวังเรื่องคุณภาพเสียงและต้องทำในสถานที่ที่ไม่มีเสียงรบกวน เพราะมันอาจจะทำให้คุณไม่สามารถจดจ่ออยู่กับเสียงของตัวเองได้ [11]
    • การทำเดโมผลงานแบบมืออาชีพนั้นอาจมีค่าใช้จ่ายหลายพันบาท ซึ่งมันไม่ได้รับประกันว่าเดโมของคุณจะออกมาดี เพียงแต่มันทำให้การบันทึกเสียงมีคุณภาพ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือสิ่งที่อยู่ในเดโม เพราะฉะนั้นแค่มีไมโครโฟนดีๆ สักตัวและห้องเงียบๆ ที่บ้าน คุณก็สามารถบันทึกเสียงอย่างมีคุณภาพได้แล้ว
    • เริ่มจากผลงานที่โดดเด่นและดีที่สุดในช่วง 30 วินาทีแรกของเดโม เพราะผู้ว่าจ้างมักจะดูแค่ 30 วินาทีแรก คุณจึงต้องใช้ช่วงเวลานี้ให้คุ้มค่าที่สุด เดโมผลงานไม่ควรยาวมากนัก ไม่เกิน 1-2 นาที แสดงผลงานได้อย่างตรงจุด และให้คนอื่นเห็นว่าคุณทำเสียงต่างๆ ได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ [12]
    • ถ้าคุณทำเดโมผลงานสำหรับบทใดบทหนึ่งโดยเฉพาะ สิ่งที่อยู่ในเดโมจะต้องเกี่ยวข้องกับงานที่คุณออดิชัน เช่น ถ้าคุณออดิชันในบทตัวละครชาย คุณก็ไม่จำเป็นต้องใส่เสียงที่คุณเลียนเสียงหญิงชราเข้าไป
  2. สร้างเรซูเม่ . คุณมักจะต้องเคยผ่านงานมาก่อนถึงจะได้งาน ซึ่งก็อาจเป็นเรื่องที่ท้าทายในตอนเริ่มต้น พยายามหาประสบการณ์ที่คุณพอจะหาได้เพื่อสร้างเรซูเม่ ไปเรียนการแสดง เข้าเวิร์กช็อป ทำช่อง YouTube ของตัวเอง แสดงผลงานต้นฉบับของตัวเอง เข้าร่วมการแสดงละครในชุมชน เสนอตัวเป็นผู้ประกาศข่าวของโรงเรียน อ่านอีบุ๊ก หรือแค่ทำอะไรก็ได้ที่เกี่ยวข้องกับการพากย์เสียงเพื่อให้คุณได้เริ่มงาน วิธีนี้จะทำให้ผู้กำกับการคัดเลือกนักแสดงมองว่า คุณมีประสบการณ์และช่วยให้คุณได้พัฒนาทักษะด้วย [13]
    • สำหรับงานพากย์เสียงนั้นเรซูเม่สำคัญกว่าภาพถ่ายใบหน้ามากๆ การถ่ายภาพใบหน้าโดยผู้เชี่ยวชาญช่วยให้คุณดูดีก็จริง แต่มันก็มีค่าใช้จ่ายหลักพันและไม่ได้เพิ่มโอกาสที่คุณจะได้รับเลือกมากขึ้น เพราะงานพากย์เสียงไม่ได้ใช้รูปร่างหน้าตา
  3. เช่นเดียวกับงานแสดงอื่นๆ อาชีพนักพากย์ก็ต้องมีตัวแทนรับงานคอยช่วยเช่นเดียวกัน [14] ตัวแทนจะแจ้งว่ามีการรับสมัครออดิชันในพื้นที่ใกล้เคียงและช่วยหางานที่เหมาะกับคุณ เขาจะช่วยโฆษณาและวางแผนด้านอาชีพให้คุณ ช่วยต่อรองค่าจ้างและได้รับค่านายหน้าจากงานที่คุณทำ เขาจะรู้จักงานที่คุณไม่สามารถเข้าถึงเองได้ ส่งเดโมสะสมผลงานและเรซูเม่ไปให้ตัวแทนที่อยู่ในพื้นที่ เลือกเจ้าที่คุณไว้ใจและสบายใจที่จะร่วมงานด้วย [15]
    • การมีตัวแทนจะช่วยยกระดับอาชีพของคุณไปอีกขั้นหนึ่ง แต่คุณต้องพัฒนาทักษะด้านการพากย์เสียงและรู้ว่าการพากย์เสียงแบบไหนที่คุณอยากทำก่อนหาตัวแทน
    • หาตัวแทนที่เชี่ยวชาญด้านการพากย์เสียง พิจารณาว่าคุณอยากทำงานในสาขาโทรทัศน์ ภาพยนตร์ หรือวิทยุ แล้วหาตัวแทนที่กว้างขวางในอุตสาหกรรมนั้นๆ
  4. ดูว่าในพื้นที่ของคุณมีสตูดิโอไหนบ้างและส่งเดโมกับเรซูเม่ไปให้เขา และถ้าคุณสามารถเดินทางได้ คุณก็อาจจะส่งเดโมและเรซูเม่ไปทั่วประเทศเลยก็ได้ เตรียมตัวรอคำตอบและเผชิญหน้ากับการถูกปฏิเสธได้เลย สตูดิโอมีเดโมของหลายร้อยคนที่ต้องฟัง ซึ่งคุณก็อาจจะเป็นคนที่ใช่หรือไม่ใช่ก็ได้ แต่แค่เพราะว่าเขาไม่ได้ตอบรับทันทีก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่มีวันสนใจคุณเลย เขาอาจจะแค่ยังไม่มีบทที่เหมาะกับคุณในตอนนี้ แต่เขาชอบเดโมของคุณและอาจจะพิจารณาคุณในอนาคต [16]
  5. การมีภาพลักษณ์ในโลกออนไลน์ช่วยให้คุณไปได้ไกลในหน้าที่การงาน คุณสามารถ สร้างเว็บไซต์ส่วนตัว โดยใช้บริการอย่าง Wordpress แสดงทักษะบน YouTube หรือใช้เว็บไซต์โซเชียลมีเดียด้วยการสร้างบัญชีผู้ใช้สำหรับการทำงานโดยเฉพาะ ปัจจุบันผู้กำกับการคัดเลือกนักแสดงมองหาคนที่มีพรสวรรค์ในอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ถ้ามีใครได้ยินผลงานของคุณ คุณก็ต้องทำให้เขาหาตัวคุณได้ง่ายและรู้ว่าคุณทำอะไรได้บ้าง การมีเพจออนไลน์สำหรับการทำงานด้านเสียงโดยเฉพาะจะช่วยให้คุณได้ประชาสัมพันธ์ตัวเองไปในตัว
  6. ถ้าคุณมุ่งมั่นที่จะทำอาชีพนักพากย์จริงๆ คุณก็อาจจะต้องย้ายไปอยู่ในเมืองที่มีอุตสาหกรรมการพากย์เสียงขนาดใหญ่ แม้ว่าอินเทอร์เน็ตจะลดความจำเป็นในเรื่องนี้ แต่การอาศัยอยู่ที่ใจกลางของสิ่งต่างๆ ก็ช่วยคุณได้มาก ซึ่งในประเทศไทยก็หนีไม่พ้นกรุงเทพฯ อย่างแน่นอน [17]
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ไปออดิชัน

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. แม้ว่าคุณจะไม่มีตัวแทนและยังไม่ได้การตอบรับจากสตูดิโอ แต่คุณก็สามารถเริ่มไปออดิชันเวลาที่เขาเปิดรับสมัครทั่วไปได้ การเปิดรับสมัครทั่วไปก็คือการที่ใครก็ได้สามารถเข้าไปสมัคร เตรียมใจไว้ได้เลยว่าคนจะเยอะและคุณอาจจะได้แสดงความสามารถแค่แป๊บเดียว แม้ว่าคุณมักจะไม่สามารถเลือกบทในการคัดเลือกทั่วไปได้ แต่มันก็ยังเป็นโอกาสที่ดีที่คุณจะได้ฝึกฝน ช่วยให้คุณเคยชินกับการออดิชัน และให้ผู้กำกับการแสดงได้เห็นหน้าค่าตาคุณบ้าง [18]
    • คอยติดตามข่าวสารการรับคัดเลือกทั่วไปในอินเทอร์เน็ต [19]
  2. เนื่องจากว่าการพากย์เสียงนั้นแค่มีไมโครโฟนก็ทำได้แล้ว คุณจึงสามารถออดิชันที่บ้านได้ ซึ่งงานต่างๆ ก็ประชาสัมพันธ์อยู่ในอินเทอร์เน็ต ตลาดหางานออนไลน์ได้เข้ามาเปลี่ยนวิธีการคัดเลือกนักแสดง และการออดิชันออนไลน์ก็เป็นตัวเลือกที่ดีถ้าคุณไม่ได้อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ [20]
  3. มีคนพูดว่าจริงๆ แล้วงานของนักแสดงคือการไปออดิชัน ซึ่งเป็นเพราะว่าการแสดงเป็นงานที่มีการแข่งขันสูง คุณต้องไปออดิชันหลายรอบกว่าจะได้งานสักงาน แล้วพอคุณทำงานชิ้นนั้นเสร็จแล้วคุณก็ต้องเริ่มไปออดิชันใหม่อีกครั้ง เพราะฉะนั้นคุณต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับกระบวนการออดิชันและไปออดิชันให้ได้มากที่สุด วิธีนี้จะช่วยให้คุณชำนาญและพากย์เสียงได้ไม่ฝืดเวลาที่คุณได้งาน ยิ่งคุณไปออดิชันมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งมีโอกาสได้งานมากขึ้นเท่านั้น
    • จำไว้ว่าต้องพักเสียงระหว่างการออดิชัน เพื่อที่จะไม่ใช้มันหนักเกินไป
  4. อย่าลืมวอร์มเสียงและดื่มน้ำ เตรียมสคริปต์และรู้ล่วงหน้าว่าจะอ่านอย่างไร ในการออดิชันบางครั้งคุณก็ได้พูดแค่บรรทัดเดียว เพราะฉะนั้นคุณต้องรู้ว่าตัวเองจะต้องเอาบทนี้อยู่ล่วงหน้า นอกจากนี้วิธีนี้ยังช่วยให้คุณเครียดน้อยลงท่ามกลางสภาพแวดล้อมของการออดิชันที่กดดันด้วย และนอกจากสคริปต์แล้วคุณก็ควรเตรียมบทพูดอื่นไว้ด้วย เผื่อว่าผู้กำกับการคัดเลือกนักแสดงเขาอาจจะอยากรู้ว่าคุณทำอะไรได้อีกบ้าง [21]
    • พยายามเป็นตัวละครตัวนั้นจริงๆ มากกว่าแค่อ่านคำพูดบนหน้ากระดาษ ตัวละครตัวนี้เป็นใคร อะไรที่สำคัญกับเขา ทำไมเขาถึงพูดคำนี้ออกมา คุณอาจจะเขียนความคิดที่มีต่อตัวละครเพื่อสำรวจมุมมองที่สำคัญเกี่ยวกับตัวละครนั้นๆ วิธีนี้จะทำให้ตัวละครมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ
  5. เวลาที่ไปออดิชัน การตรงต่อเวลาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ในการไปให้ตรงเวลานั้น คุณควรไปถึงล่วงหน้า 10-15 นาทีเพื่อให้คุณมีโอกาสเตรียมตัวและอ่านสคริปต์ได้อย่างละเอียด [22]
  6. แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกจะไม่เกี่ยวข้องกับการพากย์เสียง แต่ภาพลักษณ์โดยรวมบอกอะไรเกี่ยวกับตัวคุณได้มาก เพราะฉะนั้นคุณต้องแต่งกายให้ถูกกาลเทศะ ไม่ใช่ใส่เสื้อยืดเก่าๆ ย้วยๆ ไปออดิชัน คุณควรดูเป็นมืออาชีพและนึกถึงตัวละครที่คุณไปออดิชันด้วย [23]
    • เช่น ถ้าคุณออดิชันบทนินจา คุณก็ไม่ต้องถึงขั้นลงทุนใส่ชุดนินจา แต่การใส่เสื้อเชิ้ตติดกระดุมสีดำถือเป็นการตีความตัวละครผ่านการแต่งกายที่เป็นมืออาชีพ
    โฆษณา

คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

ใช้เทคนิคนี้ในการถนอมเสียงเวลาที่คุณต้องไปออดิชันหลายงาน

  • เก็บเสียงไว้สำหรับการออดิชันครั้งถัดไปบ้าง มองว่าเสียงก็เหมือนกับแคลอรี ถ้าคุณกำจัดไม่ให้ตัวเองได้รับพลังงานมากกว่าวันละ 1,500 แคลอรี คุณก็จะไม่รับประทานเค้กช็อกโกแลตในมื้อเช้า กลางวัน เย็น เพราะฉะนั้นถ้าคุณต้องไปออดิชันติดๆ กันหลายๆ งาน ให้ขยักเสียงไว้เล็กน้อยในบางงานแทนที่จะจัดเต็มทุกชิ้น
  • พักเสียง ก่อนถึงการออดิชันครั้งถัดไปให้พักเสียงไปเลย นอกจากนี้คุณก็ยังสามารถใช้วิธีผ่อนคลายเล็กน้อยได้ ซึ่งก็คือการกระพือปากหรือฮัมเพลงหลังการออดิชันครั้งใหญ่ในแต่ละรอบ คุณจะได้ไม่จู่ๆ ก็หยุดใช้เสียงไปเลย
  • หายใจรับไอน้ำ การหายใจรับไอน้ำจะช่วยให้เส้นเสียงของคุณชุ่มชื้นในระหว่างการออดิชันแต่ละครั้ง คุณอาจจะใช้ห้องอบไอน้ำ ใช้เครื่องทำไอน้ำ หรือตมน้ำบนเตาและพันผ้าขนหนูรอบศีรษะ แม้แต่การเปิดน้ำฝักบัวให้ร้อนจัดและปิดหน้าต่างกับประตูห้องน้ำให้หมดก็ช่วยได้ แต่อย่าใช้วิธีนี้ก่อนไปแสดง

เคล็ดลับ

  • รักษาคุณภาพเสียงด้วยการดื่มน้ำให้พอเหมาะและไม่สูบบุหรี่
  • พักเสียงบ้างเป็นครั้งคราวเพื่อรักษาสุขภาพเสียง
  • อย่าลืมพิจารณาข้อตกลงเรื่องค่านายหน้ากับตัวแทนหางาน เพราะตัวแทน/เอเจนซีบางที่ก็คิดค่านายหน้าสูงกว่าที่อื่น
  • การพากย์เสียงเป็นอาชีพที่มีการแข่งขันดุเดือดมาก เพราะฉะนั้นคุณต้องมีเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ และต้องเป็นนักแสดงที่มีพรสวรรค์อย่างยิ่งยวดหากคุณต้องการเติบโตในอาชีพนี้
  • ถ้าคุณเริ่มงานนี้เร็ว (เช่น ตั้งแต่เด็กๆ) คุณก็จะยิ่งมีโอกาสได้งานในสาขานี้มากขึ้น
โฆษณา

คำเตือน

  • กว่าจะเป็นนักพากย์ที่เป็นที่รู้จักต้องใช้เวลา อย่ายอมแพ้ถ้าคุณไม่ได้งานในทันที เพราะมันเป็นวงการที่มีการแข่งขันสูงมาก
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 16,461 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา