PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

"Photoshop" โปรแกรมนี้ดังและฮิตขนาดไหน ก็ถึงขนาดกลายเป็น "กริยา" เลยว่า "ไหน Photoshop รูปนี้ให้หน่อยซิ" ถือเป็นหนึ่งในโปรแกรมที่คนรู้จักกันมากที่สุดในโลกก็ว่าได้ แต่ก็ขึ้นชื่อเรื่องหัดใช้ได้ยากเช่นกัน แต่เราจะมาลบล้างความเชื่อนี้กัน โปรแกรม Photoshop มีมานานประมาณ 20 ปีแล้ว ทั้งๆ ที่แต่งรูปได้เทพมาก แต่เมนูกลับชัดเจน ใช้ง่าย ไม่ยากที่จะทำความเข้าใจ บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการใช้งาน Photoshop CS6 เบื้องต้นให้คุณเอง รวมถึงวิธีใช้เครื่องขั้นสูงหลังคุณคล่องขึ้นแล้ว เลื่อนลงไปอ่านขั้นตอนที่ 1 กันเลย!

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

เครื่องมือพื้นฐาน (Basic Tools) ของ Photoshop

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้ายังไม่มีโปรแกรม Photoshop ให้ดาวน์โหลดเวอร์ชั่นฟรีจาก Adobe.com มาใช้ก่อน ทางขวาของหน้าเว็บ ให้คลิกปุ่ม Try It จากนั้นจะใช้เต็มรูปแบบได้ฟรี 30 วัน เพื่อทดสอบว่าโปรแกรม Photoshop นั้นตรงตามจุดประสงค์ของคุณหรือเปล่า
  2. ให้กด Command + คลิก (Windows: Ctrl +คลิก ) ตรงนี้ เพื่อเปิดรูปตัวอย่างใน tab ใหม่ เพื่อใช้ทดลองแต่งรูปตามขั้นตอนในบทความวิกิฮาวนี้ พอลากรูปไปที่หน้า desktop แล้ว ให้เปิดรูปขึ้นมาใน Photoshop
  3. โดยคลิกไอคอน หรือพิมพ์ตัว M (ทุกขั้นตอนในบทความนี้ จะมีคีย์ลัดแนะนำไว้หลังชื่อ tool) Marquee tool คือเครื่องมือพื้นฐานที่สุดในบรรดาเครื่องมือทั้งหมด เรียกว่าเป็นอะไรที่คุณน่าจะคุ้นเคยอยู่แล้ว เพราะทุกโปรแกรมและระบบปฏิบัติการก็เลือกวัตถุด้วยวิธีเดียวกัน คือคลิกแล้วลากคลุมบริเวณที่ต้องการในหน้าจอ Photoshop ก็เหมือนกัน
  4. เครื่องมือต่อมาที่ใกล้เคียงกันกับ Marquee tool มาก ก็คือ Lasso tool นี่แหละ ที่ว่าเหมือนกันก็เพราะ Lasso tool ใช้เลือกบริเวณที่ต้องการในรูป แต่ต่างกันตรงที่ Lasso tool สามารถเลือกแบบ freeform หรือลากกรอบเป็นรูปร่างใดก็ได้ เครื่องมือย่อยลงไปอีกก็มี Polygonal Lasso tool และ Magnetic Lasso tool ตอนนี้ให้เลือก Lasso tool ธรรมดาก่อน แล้วลองใช้ดู
    • คลิกเมาส์ค้างไว้ แล้วลากเส้นกรอบรอบเรือใบสีขาวเล็กๆ ตรงกลางทางซ้ายของหน้าต่าง พอถึงด้านล่างแล้ว ให้ปล่อยเมาส์ เท่านี้ก็จะมีกรอบเลือกขึ้นมาอัตโนมัติ ต่อมาให้กด Command-D (Control-D ถ้าใช้ PC) เพื่อยกเลิกการเลือก วิธีนี้ใช้ได้ ทุกครั้ง เวลาใช้กรอบเลือก
    • กด Shift-L เพื่อเปลี่ยนเคอร์เซอร์เป็น Polygonal Lasso Tool (กด Shift + คีย์ลัดของเครื่องมือ จะทำให้เลื่อนไปตามเครื่องมืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง) ให้สังเกตลูกศรสีดำที่ด้านซ้ายบนของเคอร์เซอร์ Polygonal Lasso นั่นแหละคือจุดคลิก ( click point)
    • คลิก 1 ครั้งตรงไหนก็ได้ของรูป ให้สังเกตว่าเวลาขยับเมาส์ จุดเริ่มต้นจะอยู่ที่เดิม แล้วมีเส้นประยืดตามออกมาถึงเคอร์เซอร์ ให้คลิกอีกรอบ แล้วจุดที่ 2 จะโผล่ขึ้นมา ให้คลิกแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนลากกรอบเลือกเสร็จ จะเป็นสามเหลี่ยมหรือรูปอะไรก็ตามสะดวก พอถึง click point สุดท้าย ให้ดับเบิลคลิกแทนการคลิกครั้งเดียว เพื่อปิด polygon อัตโนมัติ
    • กดปุ่ม Escape ตอนไหนก็ได้ ถ้าอยากยกเลิกกรอบที่ทำอยู่
    • กด Shift-L อีกรอบ เพื่อเลือก Magnetic Lasso จะเหมือน lasso tools ตรงที่ click point เป็นลูกศรสีดำที่ด้านซ้ายบนของเคอร์เซอร์
    • แนะนำให้ลอง: คลิกเมาส์ค้างไว้ โดยจ่อเคอร์เซอร์ที่ขอบน้ำปริ่มหัวเรือ แล้วลากไปรอบๆ เรือช้าๆ จะสังเกตว่าตอนลาก กรอบจะดีดเข้าไปตามรูปเรือเอง!
    • ที่ด้านบนของหน้าต่าง Photoshop จะเห็น tool modifiers อย่าง Feather, Anti-alias, Width, Contrast และ Frequency อันนี้ให้รอจนเข้าขั้น advance แล้วค่อยลองใช้แต่ละอันดู ว่าส่งผลต่อกรอบเลือกยังไง ถ้าเลื่อนเคอร์เซอร์ไปจ่อแต่ละตัวเลือก จะมี tool tips แนะนำการใช้งาน tool หรือ setting นั้นขึ้นมาให้
  5. นี่คือ Magic Wand tool ขั้นสูง (advanced) ที่ยังมีให้ใช้ในฐานเครื่องมือทางเลือก
  6. ตามข้อมูลอ้างอิงจาก Adobe เขาว่านี่แหละคือ tool ที่คนนิยมใช้กันมากที่สุดใน Photoshop เป็นหนึ่งใน tool ที่ใช้ตัดอย่างอื่นออกจากรูปได้ ทำให้ composition หรือองค์ประกอบของรูปนั้นสวยหรูดูดีขึ้นอีกเยอะ พอเลือก Crop tool แล้ว จะเห็นปุ่มจับเล็กๆ ที่มุม และตามขอบกลางรูป
    • ถ้าจะ crop รูป ให้ลากปุ่มจับนี้ปรับกรอบให้ครอบเฉพาะส่วนของรูปที่คุณต้องการ หรือคลิกแล้วลากในรูปเพื่อกำหนดบริเวณที่จะ crop ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน จะเห็นว่าส่วนของรูปที่จะเก็บไว้จะชัดตามปกติ ส่วนบริเวณที่จะตัดออกจะกลายเป็นสีทึมขึ้น ไปเลือกรูปได้แล้ว ให้กด Enter
    • จะเห็นว่าโฟกัสของรูปเปลี่ยนไป ก่อนจะทำอะไรต่อ ให้คลิก Undo (Command-Z ถ้าใช้ Mac และ Control-Z ถ้าใช้ PC) เพื่อให้รูปกลับเป็นเหมือนเก่า แต่ถ้าทำอะไรต่อไปแล้ว ก็ย้อนขั้นตอนการตัดต่อได้โดยกด Command-Option-Z (Control-Alt-Z)
    • Perspective crop แทนที่จะแค่ crop เป็นสี่เหลี่ยมธรรมดา ถ้าใช้ Perspective Crop จะสามารถปรับ perspective ของรูปตอน crop ได้ด้วย ถือว่าเป็น tool เทพๆ ที่น่าสนใจ ควรฝึกใช้ไว้ แต่เก็บไว้ก่อนเพราะเป็นฟีเจอร์ขั้นสูง เอาไว้โอกาสหน้าค่อยมาพูดถึงกัน
    • Slice tools ก็เป็นส่วนหนึ่งของเมนู Crop เอาไว้กรีดบางส่วนของรูปเพื่อเอาไปใช้ในหน้าเว็บ จะเหมือน Perspective crop ตรงที่เป็นฟีเจอร์ขั้นสูง เอาไว้แนะนำกันโอกาสหน้า
  7. ถึงจะมีคำกล่าวที่ว่า "ภาพหนึ่งแทนคำพูดนับพัน" แต่บางทีแค่รูปอย่างเดียวก็ธรรมดาไปหน่อย มาเพิ่มเติมข้อความเด็ดๆ กันดีกว่า! text tool ของ Photoshop จะมี 2 - 3 ตัวเลือกด้วยกัน
    • พอเลือก Text tool แล้ว ให้คลิกทางซ้ายล่างของรูป จะเห็นเคอร์เซอร์สำหรับพิมพ์ข้อความกะพริบขึ้นมา ก็ลองพิมพ์ว่า "Boats in the Bay" (เรือในอ่าว) ดู อันนี้แล้วแต่ settings บางทีข้อความอาจจะใหญ่ไปหรือเล็กไป บางทีก็สีอ่านยาก ตัว editor ปรับค่าของข้อความจะอยู่ด้านบนของหน้าต่าง Photoshop
    • Font family เมนูนี้ก็เหมือนเมนู font อื่นๆ คือใช้เลือกฟอนต์ที่ต้องการ คุณเลือกได้จากรายชื่อฟอนต์ หรือจะพิมพ์ชื่อฟอนต์ที่ต้องการก็ได้ เพราะจะมีชื่อฟอนต์โผล่มาอัตโนมัติ สำหรับการทดลองใช้งานตามบทความนี้ ให้คุณเลือกฟอนต์ Helvetica
    • Font style ถ้ามีฟอนต์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในตระกูลฟอนต์นี้ (เช่น Bold, Italic, Light, Medium และอื่นๆ) ก็จะโผล่มาในเมนู pop-up นี้ด้วย ถ้าเมนูนี้จาง เลือกไม่ได้ แสดงว่าไม่มีฟอนต์แยกย่อยเพิ่มเติม สำหรับวิธีการในบทความนี้ ให้เลือก "Regular"
    • Font size ใช้ปรับขนาดของฟอนต์ จะมีตัวเลือกให้ใส่ขนาดฟอนต์ที่ต้องการ หรือเลือกขนาดจากรายการสั้นๆ ถ้าอยากเปลี่ยนขนาดฟอนต์แบบง่าย รวดเร็วทันใจ ไม่ยุ่งยาก ให้คลิกไอคอนตัว T ทางซ้ายของช่องค้างไว้ แล้วลากไปทางซ้ายหรือขวา รับรองขนาดฟอนต์จะเปลี่ยนไปแบบชัดเจน
    • Antialiasing ใช้กำหนดความชัดหรือเบลอของขอบฟอนต์ ถ้าเลือก "None" เท่ากับปิด antialiasing ฟอนต์จะดูเป็นบล็อกเหลี่ยมๆ ทื่อๆ ย้อนยุคไปหลายสิบปี ข้างล่างเป็นตัวอย่างเปรียบเทียบ antialiasing settings ต่างๆ
    • Justification ไอคอนชัดเจนมาก ว่าใช้จัดย่อหน้าข้อความใน layer ที่เลือก ว่าจะชิดซ้าย อยู่ตรงกลาง หรือชิดขวา
    • Color ปกติสีในช่องตามค่า defaults จะเป็นสี foreground ตอนเลือก Text tool ตั้งแต่แรก ถ้าจะเปลี่ยนสีนี้ ให้เลือก layer ของ text หรือใช้เคอร์เซอร์ของ Text เปลี่ยนสีของข้อความส่วนไหนในช่องก็ได้ คลิกช่องสี เลือกสี แล้วข้อความไหนที่เลือกไว้ รวมถึงข้อความที่จะพิมพ์ต่อไป จะกลายเป็นสีใหม่ หมายเหตุ: ถ้าเลือกสีในช่องข้อความไว้หลายสี ช่องสีจะขึ้นเป็นเครื่องหมายคำถาม (?) ส่วนคุณสมบัติอื่นของข้อความจะว่างไว้
    • Warp ใช้ bends หรือ "warps" คือทำให้ข้อความบิดโค้ง แนวตั้งหรือแนวนอนก็ตาม วิธีใช้คือเลือก text layer คลิกปุ่ม Warp แล้วเลือก Style กับปรับแถบเลื่อนจนได้หน้าตาตามต้องการ ในบทความนี้เราขอยกตัวอย่าง Flag style โดยตั้งค่า bend ไว้ที่ 100%
    • Panels คลิกปุ่ม Panels แล้วจะมีเพิ่มมา 2 palettes คือ Character กับ Paragraph สำหรับปรับแต่งหน้าตาข้อความแบบละเอียด
  8. โดยคลิกแล้วลากจากมุมซ้ายบนของบริเวณที่อยากให้มีช่องพิมพ์ข้อความโผล่มา ไปยังมุมขวาล่างของช่อง จะมีช่องสี่เหลี่ยมโผล่มาในหน้าจอ พร้อมปุ่มจับตามมุมและกรอบข้างๆ
  9. จะเซฟไฟล์หรือยกเลิกการเปลี่ยนแปลงก็ได้ เพราะยังไงก็กลับมาเซฟรูปต้นฉบับในบทความนี้เมื่อไหร่ก็ได้
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

เครื่องมือลงสี (Painting Tools)

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ในหน้าต่าง New ให้กำหนด Width (ความกว้าง) เป็น 1024 พิกเซล และ Height (ความสูง) เป็น 768 พิกเซล ส่วนสี background หรือพื้นหลังให้เป็นสีขาว
  2. มีใน Photoshop มาตั้งแต่เวอร์ชั่น 1.0 แต่จริงๆ ก็มีให้ใช้กันในแทบทุกโปรแกรม paint นั่นแหละ!
    • เมนู Brush จะแยกย่อยออกเป็น Pencil tool, Color Replace tool และ Mixer Brush ด้วย
      • Pencil tool ใช้ลากเส้นตามความหนาต่างๆ ถ้าเป็น brush จะเลือกพู่กัน/แปรงได้หลายหัว แต่ Pencil tool ปรับ antialiasing ไม่ได้ เส้นจะออกมาเป็น bitmap มากๆ
      • Color Replacement tool เหมาะมากสำหรับเปลี่ยนสีเดียว (หรือช่วงสี) ไปเป็นอีกสี
      • Mixer Brush ใช้ผสมสีต่างๆ เข้าด้วยกัน ประมาณเดียวกับเวลาศิลปินผสมสีในจานสี
    • เลือกสีให้ brush คลิกช่อง Foreground Color ท้าย tool list หน้าต่างหลอดดูดสี (color picker) จะโผล่มา ก็เลือกสีที่ต้องการได้เลย อย่างในบทความนี้ ให้เลือกสีแดง พอได้สีที่ต้องการแล้ว ให้คลิก OK เพื่อปิดหน้าต่าง
    • เลือก brush วิธีเลือกพู่กัน/แปรงได้ง่ายที่สุด ก็คือใช้ brush picker ที่ด้านซ้ายบนของหน้าต่าง Photoshop จะเลือก brush ไหนก็ได้ทั้งนั้น โดยสังเกตค่า Size และ Hardness โดย Size จะเป็นตัวกำหนดเส้นผ่านศูนย์กลางของหัวแปรง ส่วน Hardness หมายถึงขอบชัดแข็งหรือเบลอฟุ้ง ถ้า 100% brush ก็จะขอบชัด ถ้า 0% brush ก็จะจางๆ ฟุ้งๆ ในบทความนี้ให้คุณกำหนด brush size เป็น 30 และ Hardness เป็น 50% จะใช้แถบเลื่อนหรือพิมพ์เลขลงไปเองก็ได้
    • ลองขีดเขียนเช็คสีที่เลือกไป จะได้พอรู้แนวทางว่า brush ใช้ทำอะไร จะปรับ Opacity กับ Flow ที่ด้านบนด้วยก็ได้ Opacity จะเป็นตัวกำหนดความโปร่งใสของสี ส่วน Flow กำหนดว่าลากแปรงแต่ละครั้งสีจะติดผ้าใบไปมากแค่ไหน
    • ถ้าอยากรู้ว่า Opacity กับ Flow ต่างกันยังไง ให้ลองตั้งค่า Opacity เป็น 50% แล้วระบายที่เดิมซ้ำๆ อย่าหยุดและอย่าคลิกหลายๆ ที ถ้าใช้สีแดง จะออกมาเป็นก้อนสีชมพู ถ้ายกเคอร์เซอร์ แล้วเริ่มระบายสีใหม่ จะเห็นเลยว่าตรงที่ระบายทับจุดเก่า สีจะเข้มขึ้น ส่วนที่ระบายลงไปใหม่จะสีอ่อนกว่า Opacity จะเพิ่มขึ้นทุกฝีแปรงที่ซ้ำลงไป แต่ถ้าลากครั้งเดียวจะเท่ากัน เสร็จแล้วก็ปรับ Opacity กลับเป็น 100% ได้เลย
    • ตั้ง Flow เป็น 25% และ Opacity เป็น 100% จากนั้นลองระบายดูอีกรอบ จะสังเกตว่าพอระบายทับ สีจะทึบขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นสีแดง เพราะความทึบเพิ่มเป็น 100% อย่างรวดเร็ว ส่วนถ้า Flow เป็น 100% สีที่ระบายลงผ้าใบจะทึบทันที
    • พอทดลองจนพอใจแล้ว ให้ลบทุกอย่างในผ้าใบ โดยกด Command-Delete (Control-Delete) เท่านี้ผ้าใบก็จะกลับมามีสี background ตามเดิม ส่วนถ้ากด Option-Delete (Alt-Delete) จะเปลี่ยนผ้าใบเป็นสี foreground
  3. ตามค่า default จะเลือก Rectangle Tool ไว้ ให้คลิกเมนู Shape แล้วเลือก Polygon Tool เพื่อกำหนดจำนวนด้าน แล้วสร้างรูปทรงออกมาตามต้องการโดยอัตโนมัติ
  4. เพราะเป็น tool ที่ 2 ในเมนูนี้ เลยต้องคลิกที่ไอคอน tool palette ตามที่เห็น แล้วเลือก Paint Bucket Tool
  5. ถ้าเลือก Paint Bucket Tool หรือ 3D Material Drop Tool ไว้ ให้กด Shift-G จนเลือก Gradient tool โดย Gradient Tool นั้นใช้ใส่สีแบบเหลือบ 2 สีขึ้นไป
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

เครื่องมือรีทัช (Retouching Tools)

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. เปิดไฟล์รูปตัวอย่างชื่อ SamplePic.jpg ถ้าทดลองแต่งรูปตามวิธีการที่แล้วไปก่อนหน้านี้ และเซฟงานไว้แล้ว น่าจะมีช่องพิมพ์ข้อความอยู่ 1 - 2 ช่อง ใต้ tab Layers ทางขวา (หรือถ้าไม่มี ให้เลือก Layers จากในเมนู Windows ) ให้คลิกไอคอนลูกตาของทุก layers ยกเว้น layer ของตัวรูป พอ layer ที่เป็นข้อความไม่ถูกเลือกแล้ว ให้คลิก layer รูปเพื่อใช้งาน
  2. clone stamp ใช้เลือกบางส่วนของรูป แล้ว copy ไปไว้ส่วนอื่นของรูป
  3. History Brush ใช้ย้อนเวอร์ชั่นรูปกลับไปก่อนที่คุณจะแต่งรูป แต่ต่างจากการเซฟ copy แล้วเปิดขึ้นมาใหม่ History Brush ให้คุณระบายรูปเวอร์ชั่นก่อนลงไปได้
  4. ก็เหมือนกับ Clone Stamp คือ Spot Healing Brush เอาส่วนอื่นของรูปมาระบายทับในรูป แต่คราวนี้จะเป็นบริเวณรอบๆ ที่เรากำลังระบายแทน จะออกมาเป็นธรรมชาติน่าดู
  5. dodging และ burning เป็นเทคนิคที่ต้องย้อนไปสมัยช่างภาพยังล้างฟิล์มเองในห้องมืด masking (dodging) คือการที่ตากล้องบล็อกแสงไม่ให้โดนรูป ส่วนนั้นเลยสีจางกว่าปกติ ส่วน burning คือการเพิ่มแสงที่ตกกระทบ ทำให้บริเวณนั้นของรูปสีเข้ม ดูไหม้ๆ Dodge tool และ Burn tool ของ Photoshop ก็ทำงานแบบเดียวกัน แต่เป๊ะกว่าสมัยยังเจาะรูกระดาษลังแน่นอน!
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

เครื่องมือขั้นสูง (Advanced Tools)

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. pen tool ใช้เลือกรูปเพื่อแก้ไขได้อย่างยอดเยี่ยมแม่นยำ ถือเป็น advanced tool หรือเครื่องมือขั้นสูง จะใช้ดีมีประสิทธิภาพต้องฝึกฝน รับรองคุ้มค่า ให้เลือกโดยคลิกไอคอน หรือกด P เคอร์เซอร์จะกลายเป็นคอแร้งของปากกาหมึกซึม
  2. เช็คดีๆ ว่าเคอร์เซอร์เป็น สีขาว ไม่ใช่สีดำ ถ้าเป็นสีดำ ให้กด Shift-A หรือใช้เมนู Selection Tool เพื่อเลือก Direct Selection tool
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 11,607 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา