ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

พอเอา notification bar หรือแถบแจ้งเตือนด้านบนของหน้าจอมือถือออกแล้ว จะมีที่เพิ่มขึ้นให้แอพต่างๆ เยอะเลย แถมดูน่าใช้ขึ้นด้วย ถ้าคุณใช้มือถือ stock Android ก็เอาแถบแจ้งเตือนออกได้ ด้วย System UI Tuner ส่วนมือถือ Android รุ่นอื่นๆ ก็ต้องใช้แอพ third-party แทน แต่จะได้ผล ต้องปรับ settings อนุญาตให้แอพ write หรือบันทึกข้อมูลได้ซะก่อน และทำได้เฉพาะใน Android Debug Bridge (ABD) ของ PC หรือ Mac เท่านั้น บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการซ่อนแถบแจ้งเตือน ทางด้านบนของมือถือ Android ให้คุณเอง

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

ใช้ System UI Tuner ใน Stock Android

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เป็นการดึง notification drawer ลงมา แล้วดึงต่อลงมาอีก ให้เห็นช่อง Quick Settings ต่างๆ
  2. จะเป็นไอคอนรูปฟันเฟือง ด้านขวาบนของ notification drawer พอแตะค้างไว้ 2 - 3 วินาที ไอคอนฟันเฟืองจะหมุนออกจากหน้าจอไป แล้วมีไอคอนประแจเล็กๆ โผล่มาข้างไอคอนฟันเฟือง แปลว่าเปิดใช้ System UI Tuner แล้ว
    • ถ้าไม่โผล่มา แสดงว่า Android เวอร์ชั่นที่คุณใช้ ไม่รองรับ System UI Tuner
  3. เพื่อเปิดเมนู Settings ของ Android คุณเปิดเมนู Settings ได้โดยแตะไอคอนฟันเฟือง ในเมนู Quick Access หรือเมนู Apps
  4. ที่เป็นตัวเลือกทางด้านล่างของหน้า Settings
    • ถ้าเพิ่งเคยเปิด System UI Tuner ครั้งแรก ให้แตะ GOT IT
  5. ที่เป็นหนึ่งในตัวเลือกของเมนู System UI Tuner
  6. เลื่อนสวิตช์ทุกตัวเลือกที่จะเอาออกจากแถบแจ้งเตือน ไปที่ "OFF" . แตะสวิตช์ไหนก็ได้ ที่จะปิดหรือเปิด ถ้าปิด ตัวเลือกนั้นก็จะหายไปจากแถบแจ้งเตือน
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

ใช้แอพ Third-Party

ดาวน์โหลดบทความ
  1. . ดาวน์โหลดแอพนี้ได้ฟรีจากใน Google Play Store คุณดาวน์โหลดและติดตั้ง Fullscreen: The One Immersive Mode ได้ด้วยขั้นตอนต่อไปนี้:
    • เปิด Google Play Store
    • พิมพ์ "Fullscreen: The One Immersive Mode" ในแถบค้นหา
    • แตะ Install ข้างแอพ Fullscreen
  2. เพื่อให้เชื่อมต่ออุปกรณ์ Android กับคอม และสั่งการได้ด้วย Command Line ใน Windows หรือ Terminal ใน Mac เป็นขั้นตอนบังคับ ถ้าจะอนุญาตให้แอพ Fullscreen บันทึกข้อมูลได้ เพื่อปรับแต่ง user interface คลิกหนึ่งในลิงค์ด้านล่าง เพื่อดาวน์โหลดไฟล์ zip ที่มี Android SDK Platform Tools ตามระบบปฏิบัติการ จากนั้น unzip ไฟล์ในโฟลเดอร์ แล้วเซฟไว้ในตำแหน่งที่หาง่าย เช่น desktop ลิงค์ที่ต้องคลิกก็ดังต่อไปนี้ [1]
  3. ใช้ File Explorer ของ Windows หรือ Finder ของ Mac เพื่อไปยังโฟลเดอร์ "platform-tools" ที่เพิ่งดาวน์โหลดและ unzip จากนั้นทำตามหนึ่งในขั้นตอนต่อไปนี้ เพื่อ copy address ของโฟลเดอร์
    • Windows: เปิดโฟลเดอร์ "platform-tools" คลิกขวาที่ platform-tools ในแถบ address ด้านบน แล้วคลิก Copy address as text
    • Mac: คลิกขวาที่โฟลเดอร์ "platform-tools" (โดยไม่เปิด) แล้วคลิก Get Info เลือกแล้ว copy address ข้าง "Where" ใน "General" จากนั้นกด Command + C เพื่อ copy
  4. ทำตามหนึ่งในขั้นตอนต่อไปนี้ เพื่อเปิด Command Prompt หรือ Terminal
    • Windows: คลิกเมนู Windows Start แล้วพิมพ์ "CMD" จากนั้นคลิกไอคอน Command Prompt
    • Mac: คลิกไอคอนแว่นขยาย มุมขวาบน แล้วพิมพ์ "Terminal" ในแถบค้นหา จากนั้นคลิกไอคอน Terminal
  5. ง่ายที่สุดคือ copy แล้ว paste ตำแหน่งในโฟลเดอร์ ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ เพื่อไปยังโฟลเดอร์ Platform Tools ที่เพิ่ง copy ตำแหน่งมา แล้ว paste ลงใน Command Prompt หรือ Terminal
    • พิมพ์ cd ตามด้วยเว้นวรรค
    • กด Ctrl + V ถ้าใช้ Windows และ Command + V ถ้าใช้ Mac เพื่อ paste ตำแหน่งของโฟลเดอร์
    • กด Enter
  6. คอมจะสั่งการมือถือ Android ผ่าน Terminal หรือ Command Prompt ได้ มือถือต้องอยู่ในโหมด USB debugging ซะก่อน ซึ่งจะเปิดใช้ USB debugging ได้ ต้องเปิดใช้ Developer Options ก่อน ตามขั้นตอนต่อไปนี้
    • เปิดเมนู Settings
    • เลื่อนลงไปแตะ About Phone
    • แตะ Build number 7 ครั้ง
      • ถ้าไม่เจอ "Build number" ใน "About phone" ให้แตะ Software information แล้วเช็คในนั้น
    • กลับไปที่เมนู root settings
  7. พอเปิดใช้ Developer Options แล้ว จะเห็นเมนูนี้ทางด้านล่างของเมนู Settings หน้าแรก จากนั้นกลับไปที่เมนู Settings แรกสุด แล้วแตะ Developer Options จากนั้นแตะสวิตช์ข้าง "USB Debugging"
  8. ใช้สายที่ติดมากับอุปกรณ์ Android เสียบพอร์ท USB ว่างของคอม
    • ถ้ามีให้เลือกว่าจะทำอะไรกับมือถือ ก็เลือกโหมด File Transfer หรือตัวเลือกอื่นสำหรับค้นหาแล้วส่งไฟล์จากคอมไปยังอุปกรณ์
  9. ตอนแรกคำสั่งอาจจะขึ้นว่าอุปกรณ์ Android ของคุณไม่ได้รับอนุญาต แบบนี้ต้องอนุญาตให้คอมเข้าถึงส่วนนี้ในมือถือ Android ก่อน
  10. พอป้อนคำสั่ง "adb devices" แล้ว จะมีให้อนุญาตคอมเข้าถึงมือถือ ก็แตะ Allow ไปในอุปกรณ์ Android
  11. คราวนี้จะมีเลขรุ่นอุปกรณ์ Android โผล่มา
  12. ให้พิมพ์คำสั่งต่อไปนี้ เพื่ออนุญาตให้ "Fullscreen: The One Immersive Mode" บันทึกข้อมูลได้ แล้วกด Enter [2]
    • Windows: adb shell pm grant com.duna.immersive android.permission.WRITE_SECURE_SETTINGS
    • Mac: ./adb shell pm grant immersive.duna.com.immersive android.permission.WRITE_SECURE_SETTINGS
  13. . ที่ไอคอนเป็นสีฟ้าและม่วง พร้อมแถบที่มีสามเหลี่ยม วงกลม และสี่เหลี่ยม แตะไอคอนแล้วแอพจะเปิดขึ้นมา
    • อาจจะมีให้ดูโฆษณา หรือซื้อแอพด้วย ตอนเปิดขึ้นมา ก็แตะ Watch ad แล้วดูโฆษณา 30 วินาทีจนจบ หลังจากนี้ก็ใช้แอพได้แล้ว ให้แตะไอคอน "X" เพื่อปิดแถบโฆษณา แล้วกลับไปที่แอพ
  14. ที่เป็นตัวเลือกที่ 4 ในหน้าหลัก เพื่อซ่อนแถบแจ้งเตือน ถ้าจะเปิดแถบแจ้งเตือนกลับมา ให้เปิด Fullscreen: The One Immersive Mode อีกรอบ แล้วแตะ "Hide Nothing"
    • หรือจะแตะตัวเลือกข้าง "Fullscreen" เพื่อซ่อนทั้งแถบแจ้งเตือนและแถบนำทางก็ได้
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 14,682 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา