ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

มันง่ายกว่ามากเวลาที่จะคิดว่าผู้ชายของคุณคือคนที่ใช่ แต่ก็ยังยากที่จะรู้อยู่ดีว่าเขาเป็นผู้ชายคนนั้นจริงหรือไม่ ลองอ่านเคล็ดลับและตรวจสอบจากข้อมูลเหล่านี้ดูว่าคุณจริงจังกับเขาแค่ไหนและเขานั้นควรค่าที่ให้คุณจะให้ความสนใจหรือไม่

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

เขาทำให้คุณรู้สึกอย่างไร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สังเกตว่าเขาทำให้คุณรู้สึกเหมือน “สาวน้อยมหัศจรรย์” เวลาอยู่ใกล้เขา. เขาอาจทำให้คุณรู้สึกเหมือนเป็นยอดมนุษย์ คุณจะรู้สึกเหมือนคุณสามารถเป็นใครและทำอะไรก็ได้เวลาที่คุณอยู่กับเขา คุณจะไม่กลัวสิ่งท้าทายที่เข้ามาในชีวิต นั่นเพราะผู้ชายของคุณทำให้คุณมั่นใจว่า คุณเข้มแข็งพอที่จะฟันฝ่าอุปสรรคเหล่านั้น เวลาที่คุณอยู่กับเขาคุณมีความรู้สึกเหมือนว่า ไม่มีอะไรหยุดคุณได้และคุณสามารถเอาชนะได้ทุกสิ่ง
  2. คุณรู้สึกผ่อนคลายในการเป็นตัวของตัวเองเวลาอยู่ต่อหน้าเขา. นี่ไม่ได้หมายถึงแค่เป็น “คนงี่เง่า” ที่รู้กันแต่ในวงเพื่อนสนิทหรือคนในครอบครัวเท่านั้น แต่หมายความว่าคุณปล่อยตัวตามสบายให้เขาเห็นคุณในแบบที่ทำให้คุณหวั่นไหวได้ ไม่ว่าจะเป็นเห็นคุณตอนไม่ได้แต่งหน้า เห็นคุณในสภาพหลังออกกำลังกายและมีเหงื่อท่วมตัว เห็นคุณหวาดกลัว หรือเห็นคุณร้องไห้
  3. คุณรู้สึกต้องปิดบังบางอย่างจากเขาหรือไม่ ถ้าคุณรู้สึกว่าต้องซ่อนบางอย่างเกี่ยวกับตัวคุณหรือชีวิตคุณ นั่นแปลว่าเขาอาจจะยังไม่ใช่ผู้ชายคนนั้น เขาควรจะรักคุณไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น และถ้าคุณกังวลว่าเขาจะตัดสินคุณจากขนหน้าแข้งดกในช่วงฤดูหนาว นั่นอาจแปลว่า เขายังไม่เป็นคนที่ใช่สำหรับคุณ
  4. คุณจินตนาภาพคุณสองคนสานสัมพันธ์กันในงานวันเกิดหรือวันหยุดในอนาคตข้างหน้าอีกหลายสิบปีหรือไม่ คุณวาดฝันว่าคุณทั้งสองคนอาจมีบ้าน คอนโด สัตว์เลี้ยง หรือแม้แต่ลูกด้วยกันในวันข้างหน้าหรือไม่
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

เขาปฏิบัติต่อคุณอย่างไร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คงจะดีไม่น้อยเวลาเขาพูดว่า “ผมก็รักคุณเหมือนกัน” ต่อจากคุณที่เป็นฝ่ายบอกรักก่อน แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่าคุณไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มพูดอยู่เพียงคนเดียว เขาจำเป็นต้องพูดก่อนบ้างในบางครั้ง นี่จึงจะแสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจคุณมากแค่ไหน และเขาไม่ได้ตอบว่ารักคุณเพียงเพราะนั่นเป็นคำพูดที่คุณอยากได้ยินจากปากของเขา
    • อย่าวิตกกังวลเกินไปถ้าเขาไม่ได้ทำตามนี้ ผู้ชายบางคนเขินอายเกินกว่าที่เริ่มพูดเรื่องความรู้สึกของพวกเขาเองก่อน ถามเขาว่าทำไมเขาไม่เคยเอ่ยปากก่อน และบอกเขาว่าคุณชอบที่จะได้ยินเขาพูด นี่อาจทำให้เขาผ่อนคลายมากขึ้นเวลาพูดบอกรักคุณ
  2. เขาไม่ได้กดดันให้คุณใกล้ชิดสนิทสนมก่อนคุณรู้สึกพร้อม. ผู้ชายบางคนที่ต้องการจะได้ตัวคุณก่อนได้ใจของคุณจะไม่สนใจว่าคุณต้องการอะไร (และถ้าเขาไม่สามารถมองข้ามความต้องการของเขาเองเกี่ยวกับเรื่องเซ็กส์ได้ แน่นอนว่าเขาจะไม่สามารถทำได้เมื่อถึงเวลาต้องผูกมัดหรือเริ่มมีครอบครัว)
  3. ถ้าเขามักบอกให้คุณทำสิ่งนั้น พยายามควบคุมชีวิตคุณ หรือปั่นอารมณ์ของคุณเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่เขาต้องการ ขอให้คุณระวัง! ผู้ชายคนนี้ปราศจากความมั่นคงและรู้สึกว่าการคบกันของพวกคุณเขาเป็นคนเหนือกว่า “คนที่ใช่” จะมั่นคงต่อคุณและปล่อยให้คุณเป็นตัวของตัวเอง
  4. ดูว่าเขาพยายามกันคุณออกห่างจากเพื่อนฝูงเขาหรือไม่. ถ้าเขาปฏิเสธที่จะมีชื่อคุณอยู่ในรายการสังสรรค์และหลีกเลี่ยงที่จะบอกคุณว่าเขากับเพื่อนๆทำอะไรกันมาเมื่อคืน แปลว่าเขาไม่เต็มใจที่จะมีคุณในชีวิตของเขาและเขาอาจทำบางอย่างลับหลังคุณ
  5. สังเกตว่าเขาพูดอย่างมีนัยยะถึงอนาคตของคุณหรือไม่. ถ้าคุณสองคนไม่ได้อยู่ในสถานะที่คุณสามารถพูดเปิดใจถึงสิ่งที่เป็นไปได้ในอนาคต คอยดูว่าเขาส่งสัญญาณอะไรบางอย่างหรือไม่ แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างเช่น คุณสองคนจะทำอะไรสำหรับงานที่จะเกิดขึ้นในอีกเดือนหรือสองเดือนข้างหน้า นี่เป็นสัญญาณที่ดีเลยแหละ
    • ถ้าเขาขอคุณแต่งงานเร็วไป (เช่น ก่อนหนึ่งปี) ลองใช้เวลาวิเคราะห์ว่าทำไมเขาถึงรีบร้อน ถ้าคุณมีแนวโน้มที่จะตอบตกลง ลองเสนอการหมั้นหมายก่อนเพื่อให้แน่ใจ
    • ถ้าเขาไม่เคยพูดถึงอนาคตด้วยกันเลย แม้หลังผ่านช่วงเวลาสำคัญมาแล้ว (เช่น หนึ่งปี) เขาอาจไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลยเป็นได้
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

คุณปฏิบัติต่อเขาอย่างไร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณจำเรื่องวันเกิด วันครบรอบ และวันสำคัญของเขาได้โดยไม่ใช้ความพยายามหรือไม่. นี่เป็นวิธีหนึ่งที่จะตัดสินว่าเขาอยู่ในความคิดของคุณเวลาที่คุณไม่ได้อยู่กับเขา การให้ใครสักคนเข้ามาในชีวิตของคุณก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่การให้คนคนนั้นอยู่ในใจของคุณก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งเหมือนกัน
  2. สังเกตว่าคุณชมเขาเวลาที่เขาไม่ได้ดูดีที่สุด. คุณพบว่าตัวเองถูกดึงดูดโดยเขาแม้ในตอนที่เขามีอาหารติดฟันหรือไม่ หรือความสนใจคุณเพิ่มขึ้นและลดลงขึ้นอยู่กับว่าเขาทำตัวให้ดูดีเพื่อคุณไหม
  3. สังเกตว่าคุณรู้สึกตื่นเต้นที่จะให้เขาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคุณ. การที่คุณอยากเอ่ยชมเขากับเพื่อนๆ และให้เขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวคุณถือเป็นการโหวตให้คนสนับสนุนคุณ ในทางกลับกัน ถ้าคุณรู้สึกไม่มั่นคงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ คุณอาจหาข้ออ้างโดยไม่รู้ตัวที่จะไม่แนะนำหรือพูดเกี่ยวกับเขา
    • คุณให้เขาเป็นส่วนหนึ่งของงานในครอบครัวไหม อย่างเช่น เชิญเขามาในวันหยุดครอบครัว (หรือแค่คิดเอาว่าเขาจะมาร่วมกับครอบครัวคุณโดยไม่ต้องเชิญมา)
    • คุณต้องการช่วยให้เขาเข้ากับครอบครัวของเขาเองไหม (หรือแม้แต่ยืนหยัดเพื่อเขา) เพราะสิ่งสำคัญคือ ครอบครัวเขาชอบคุณ
    • คุณเสนอว่าเขาควรโทรหาแม่ของคุณถ้าเขาต้องการคำแนะนำในเรื่องการทำอาหาร ทำความสะอาด และอื่นๆ หรือไม่
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

คุณสองคนมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างไร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คนเรามักเปลี่ยนเมื่อเราอยู่ใกล้คนคนหนึ่งบ่อยๆ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เราให้ความสำคัญมาก) บางครั้งเราเปลี่ยนกันและกันเพื่อสิ่งที่ดีขึ้น และบางครั้งเราเปลี่ยนตัวเองเพื่อสิ่งที่แย่ลง คุณจะต้องตัดสินใจว่าคุณส่งผลในทางบวกต่อเขาและเขาเองก็เป็นแบบเดียวกันต่อคุณหรือไม่
    • คุณพบว่าคุณสองคนกลายเป็นคนชอบเรียกร้อง ขี้อิจฉา ไม่ไว้ใจคนอื่น ขี้เกียจ หรือมักเครียดจัดเป็นประจำหรือไม่ นี่อาจไม่ใช่คนที่คุณต้องการจะอยู่ใกล้ เขาอาจไม่ใช่คนที่ใช่สำหรับคุณ และคุณจะไม่ชอบคนที่คุณกลายไปเป็นถ้าคุณอยู่ใกล้เขา
    • คุณพบว่าแต่ละคนเป็นแรงบันดาลใจให้กับอีกฝ่ายทำให้เป็นคนที่ดียิ่งขึ้นไหม คุณพยายามมากขึ้นเพื่อชีวิตและตัวคุณเองเวลาอยู่กับเขาไหม และเขาทำแบบเดียวกันไหม คุณทั้งคู่ทำให้อีกฝ่ายเป็นคนจิตใจดีขึ้น มีความสุขมากขึ้นไหม ความสัมพันธ์ที่ดีและคุณจะพัฒนาชีวิตของกันและกัน
  2. แนวทางการใช้ชีวิตของเขาสอดคล้องกับสิ่งที่คุณคาดหวังว่าอนาคตคุณจะเป็นแบบนั้นไหม เขาให้ความสำคัญกับบางสิ่งเหมือนอย่างคุณทำไหม ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณรู้จักการรีไซเคิลแต่เขาโยนขยะทิ้งออกนอกหน้าต่างรถ ความสัมพันธ์ของคุณจะไปได้รอดจริงหรือ
  3. สังเกตลักษณะที่คุณทั้งคู่บอกว่าให้ความสำคัญ. เขาทำตัวตามสบายและปล่อยให้คุณเห็นด้านที่อ่อนไหวของเขาไหม คุณเปิดใจบอกเขาว่าคุณรักเขาจนถึงขึ้นให้คำจำกัดความ อาทิ “ฉันรักคุณมาก” หรือเป็นฝ่ายเริ่มพูด “ฉันรักคุณมากกว่า” หรือเปล่า
    • มองหาความไม่สมกันระหว่างสิ่งที่ถูกพูดกับสิ่งที่ “สื่อสาร” เรามักถูกทำให้ตาบอดโดยคนที่พร่ำพรรณาถึงกลอนเกี่ยวกับความรักของพวกเขาจนเราล้มเหลวที่จะเห็นว่าพวกเขาทำในสิ่งที่สอดคล้องคำพูดของเขาหรือไม่ ในขณะเดียวกัน เรามักหงุดหงิดเพราะคนที่ไม่แสดงออกว่ารักเราจนเรามองข้ามความห่วงใย และความใส่ใจจากท่าทีต่างๆของเขา ไตร่ตรองว่าคุณหรือเขาเข้าข่ายหนึ่งในสองข้อนี้หรือไม่
  4. มีคำพูดบ่อยๆว่า การอยู่ด้วยกันเป็นการพิสูจน์ความเข้ากันได้อย่างแท้จริง ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นแต่ในภัตตาคารและสวนสาธารณะอาจเป็นแค่สิ่งสวยงาม แต่การใช้จานชามร่วมกัน ดูแต่ละฝ่ายโกนขน และเดินสะดุดเสื้อผ้าสกปรกสามารถขจัดภาพลวงตาได้ในเวลาไม่นาน ถ้าพวกคุณอยู่ด้วยกัน คุณจะสามารถพูดคุยต่อรองในเรื่องของแต่ละคนและยังแบ่งปันความรับผิดชอบกันได้ดีแค่ไหนเชียว ถ้าคุณไม่ได้อยู่ด้วยกัน คุณเคยแลกกุญแจเข้าไปยังบ้านของอีกฝ่ายหรือไม่ และถ้าใช่ คุณสองคนรู้สึกยินดีมากน้อยแค่ไหน
  5. ถามตัวเองว่า คุณยังรักษาสมดุลได้ดีเวลาอยู่ร่วมกับเขาหรืออยู่ห่างจากเขาหรือไม่. การมีความสนใจที่แตกต่างออกไปจะทำให้คุณมีความสัมพันธ์ที่น่าสนใจยิ่งขึ้น และช่วยให้คุณสองคนรักษาสัมพันธ์อันดีและเป็นตัวของตัวเองด้วย ถ้าความสัมพันธ์ดำเนินไปในทิศทางที่ถูกต้อง คุณจะรู้สึกปลอดโปร่งและมั่นคงเวลาที่คุณไม่ได้อยู่กับอีกฝ่าย
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • การเป็นเพื่อนสนิทสร้างความสัมพันธ์ที่ดี นี่เป็นสิ่งสำคัญเพราะคุณจะรับฟังอีกฝ่ายและเจรจาพูดคุยเรื่องต่างๆโดยไม่ขัดแย้งกันมากนัก
  • ใช้เวลาเรียนรู้คู่รักของคุณ รู้ว่าเขาชอบหรือไม่ชอบอะไร ทำให้เขารู้สึกว่าเขาคือคนสำคัญลำดับต้นๆของคุณ
  • รู้จักส่วนที่แย่ที่สุดของเขา ถ้าคุณยอมรับได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของเขา นั่นหมายถึง เขาอาจเป็นคนที่ใช่ แต่อย่าตกอยู่ในความสัมพันธ์ที่มีความคิดว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวของเขา นี่จะมีแต่สร้างความเครียดและความร้าวฉานในการคบหากัน
  • ถ้าเขาบอกเรื่องของคุณให้เพื่อนเขารู้นั่นเป็นสัญญาณที่ดีมาก โดยทั่วไปแปลว่าเขาไม่รู้สึกขายหน้าเรื่องของคุณ หรือแม้กระทั่งภูมิใจในตัวคุณ ถ้าเขาเก็บไว้เป็นความลับ นั่นแปลว่าเขาอาจยังไม่ใช่ผู้ชายคนนั้น
  • ที่สำคัญที่สุด เชื่อในสัญชาติญาณของคุณ ดูว่าคุณรู้สึกยังไงและเพราะอะไร คุณกำลังเร่งรีบไปหรือเปล่า มีบางอย่างฉุดรั้งคุณไว้หรือไม่
  • อดทน อย่าปล่อยให้เขาครอบครองร่างกายคุณ ถ้าเขาไม่เคารพคุณ ทุกอย่างอาจจะเริ่มไม่เป็นไปตามที่คุณคิด
  • จับตามองเวลาเขาอยู่กับพ่อแม่ พี่น้อง และคนที่อาวุโสกว่าในชีวิตของเขา เขาให้ความเคารพและยกย่องไหม ดูเวลาเขาอยู่ใกล้กับพ่อ เขารักและให้ความเคารพในการตัดสินใจของพ่อเขาหรือไม่ เขาทำแบบเดียวกันกับผู้หญิงในชีวิตของเขาไหม
  • ทำความรู้จักเขา ลองถามคำถามพื้นๆ ดูว่าคุณสองคนมีอะไรเหมือนกันหลายอย่างหรือไม่
  • อย่าให้ความสนใจของคุณไปกับเขาทั้งหมด ถ้าเขาเรียกร้องความสนใจจากคุณตลอดและมักหงุดหงิดหรือเกาะติดคุณเวลาคุณไม่คอยอยู่ใกล้เขา ขอให้รู้ว่านี่เป็นสัญญาณอันตราย
  • บอกเขาถ้าคุณชอบ/รักเขา และจะซื่อสัตย์ต่อเขาตลอดไป
  • อย่าคาดหวังที่จะพูดคุยหรือเจออีกฝ่ายทุกๆวัน อย่างไรก็ตาม ใช้เวลาไม่กี่นาทีส่งข้อความหรือโทรศัพท์หาซึ่งทำให้อีกฝ่ายมั่นใจว่าคุณนึกถึงอยู่
  • ให้ความสนใจอย่างระมัดระวังถึงปฏิกิริยาตอบโต้ของเขาเวลาที่บางอย่างไม่เป็นใจให้เขา เขาจัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้ดีหรือไม่
  • อย่าออกคำสั่งว่าเขาต้องให้ความสนใจคุณอยู่ตลอดเวลา การทำแบบนั้นเสี่ยงต่อการบีบบังคับและผลักไสเขาออกไป
  • ดูให้แน่ใจคุณเข้ากับครอบครัวของเขาได้เพราะท้ายที่สุดครอบครัวเป็นฝ่ายมีเขามาก่อน
  • ถ้าเขาพยายามควบคุมคุณ ต่อไปสถานการณ์อาจนำไปสู่ความรุนแรงในครอบครัว ดังนั้น คุณควรยุติมันในขณะที่คุณยังทำได้
  • พุ่งความสนใจไปที่ความสัมพันธ์เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ซื่อสัตย์ ภักดี และเป็นที่ไว้วางใจ บอกเขาตามตรงในสิ่งที่คุณรู้สึก และอย่าเก็บความรู้สึกของคุณไม่ว่าจะดีหรือร้าย
  • อย่าโกหกเขา บอกเขาว่าคุณรู้สึกยังไง อะไรทำให้คุณเครียด คุณกำลังเศร้าหรือมีความสุข
  • อย่าเศร้าถ้าเขาไม่ใช่คนที่ใช่
  • ถ้าคุณเพิ่งเริ่มออกเดทกับคนนี้ ดูให้ดีว่าเขาเป็นฝ่ายบอกรักคุณก่อน และห่วงใยคุณ นั่นแปลว่าเขารักคุณโดยไม่มีเงื่อนไข
  • อย่าเร่งความสัมพันธ์และอย่าตัดสินคู่รักของคุณเร็วไป สิ่งสวยงามต้องใช้เวลางอกงาม! คุณอาจเป็นความเปลี่ยนแปลงในตัวคนรักของคุณหลังผ่านช่วงระยะเวลาหนึ่งไป ดังนั้นคอยเปิดใจของคุณและคำตอบว่าความสัมพันธ์ระยะยาวจะเกิดขึ้นหรือไม่จะออกมาเอง


โฆษณา

คำเตือน

  • ถ้าเขารักษาความเป็นเพื่อนกับแฟนเก่า แต่ปฏิเสธที่จะเคารพเส้นแบ่งและความรู้สึกของคุณในเรื่องนี้ เขาไม่เห็นว่าคุณเป็นคนสำคัญพอที่จะต้องเปลี่ยนความสัมพันธ์กับอดีตคนรัก (แต่จำไว้ว่า การยื่นคำขาดไม่ใช่คอบตอบ! ถ้าเขามีความสัมพันธ์ฉันท์มิตรกับแฟนเก่า แต่คุณเรียกร้องอย่างไม่มีเหตุผลเช่นควรพูดกับอีกฝ่ายมากน้อยแค่ไหน คุณอาจเพิ่งทำให้เขาเชื่อว่าเขาเลือกคนผิด)
  • ถ้าเขาทำบางอย่างที่คุณไม่อยากบอกเพื่อนสนิทของคุณให้รู้ ให้คุณตั้งคำถามจริงจังว่าคุณกำลังซื่อสัตย์กับตัวเองหรือไม่ ถ้าเพื่อนสนิทคุณบอกคุณว่าแฟนของเธอก็ทำแบบเดียวกัน คุณจะบอกกับเพื่อนว่ายังไง ทิ้งเขา คุยกับเขา ใจเย็นลง ให้ซื่อสัตย์กับตัวของคุณเองและดูแลตัวเองเหมือนอย่างที่เพื่อนที่ดีทำกัน
  • ถ้าเขาตัดสินใจเรื่องใหญ่ (อย่างเช่น เปลี่ยนอาชีพ หรือย้ายไปอยู่เมืองใหม่) โดยไม่ได้มีคุณอยู่ในการตัดสินใจนั้นด้วย เขาไม่ได้คิดว่าคุณเป็นส่วนถาวรในชีวิตของเขา
  • ถ้าเวลาคุณพูดว่า “ฉันรักคุณมากๆๆ” เขาตอบอย่างลังเลว่า “ใช่ ผมก็รักคุณเหมือนกัน” เขาอาจไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกับที่คุณรู้สึกอย่างหนักแน่นนัก
โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 7,060 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา