ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

คุณต้องการเรียนรู้ คุณต้องการรับฟังคุณครูและคุณต้องการซึมซับข้อมูลในห้องเรียนแต่มันน่าเบื่อเหลือเกิน มันยากที่ต้องจำหลักตรีโกณมิติเมื่อคุณอยากเจอเพื่อนร่วมห้องสาวผู้น่ารักหลังเลิกเรียนมากกว่าแต่คุณสามารถตั้งใจเรียนได้ด้วยเคล็ดลับสำหรับร่างกายและจิตใจ มันต้องใช้ความพยายามและความตั้งใจเช่นเดียวกับทุกสิ่งในโรงเรียนแต่เมื่อคุณสร้างทักษะได้แล้ว คุณจะมีความสุขที่คุณได้ใช้ความพยายาม

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ควบคุมความคิดของตนเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สิ่งที่ง่ายที่สุดที่คุณสามารถทำเพื่อช่วยให้คุณตั้งใจเรียนคือการกำจัดสิ่งรบกวนสมาธิที่ทำให้คุณเสียสมาธิ มีหลายสิ่งที่อาจจะทำให้คุณเสียสมาธิไปจากการเรียน พยายามตระหนักถึงสิ่งที่คุณกำลังทำเมื่อคุณหยุดให้ความสนใจให้มากขึ้น เมื่อคุณรู้ว่ามันคืออะไร คุณจะสามารถหาวิธีกำจัดมันได้
    • สิ่งรบกวนสมาธิ ได้แก่ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์และสิ่งของชิ้นเล็กที่คุณเล่นด้วยได้ สิ่งรบกวนสมาธิคือสิ่งที่อยู่รอบตัวคุณ เช่น เพื่อน เพื่อนร่วมห้องที่น่ารำคาญหรือหน้าต่าง
    • การกำจัดทางกายภาพคือวิธีที่ดีที่สุดในการรับมือกับสิ่งรบกวนสมาธิ เช่น ถ้าหากคุณรู้ว่าเพื่อนร่วมห้องกำลังทำให้คุณเสียสมาธิ คุณต้องย้ายไปนั่งที่อื่น คุณครูจะเข้าใจและน่าจะยินดีมากขึ้นในการช่วยคุณย้ายที่นั่ง
  2. คุณต้องไม่ให้สมองแล่นออกไปนอกห้องเรียน ห้ามฝันกลางวัน ทำสติให้อยู่ตรงนี้ อยู่กับปัจจุบันและเก็บความคิดเกี่ยวกับสิ่งอื่นไว้ภายหลัง สิ่งนี้ทำยากแต่ถ้าหากคุณสามารถเปลี่ยนแปลงได้ มันจะช่วยคุณได้มาก
    • สิ่งต่างๆ ที่คุณอาจจะนึกถึง ได้แก่ เกม สิ่งที่คุณทำหลังเลิกเรียน แฟนหนุ่มหรือแฟนสาว (หรือการไม่มีแฟน) เพื่อน ครอบครัว หรือแม้แต่เรื่องเพ้อฝัน เช่น หนังสือที่คุณอยากอ่านหรือสถานที่ที่คุณอยากไป
    • คุณจะต้องเรียนรู้ในการใช้สมาธิจดจ่อ ดึงตัวเองและทำให้ตัวเองนึกถึงบทเรียนอีกครั้ง ไม่นานมันจะกลายเป็นนิสัยที่คุณฝันกลางวันน้อยลง
    • สิ่งนี้แปลว่าถึงแม้ว่าคุณกำลังนึกถึงด้านอื่นของห้องเรียน เช่น การสอบที่จะมาถึง คุณก็ต้องหยุดและกลับมาจดจ่อกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน คุณต้องนึกถึงการสอบแต่ถ้าหากจิตใจของคุณล่องลอย คุณก็จะไม่ซึมซับข้อมูลที่คุณต้องเรียนรู้ในปัจจุบัน
  3. ใส่ใจกับสิ่งที่จิตใจกำลังทำอยู่ ถ้าคุณกำลังนึกถึงสิ่งอื่นนอกเหนือจากสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในชั้นเรียน คุณต้องดึงตัวเองกลับมาจดจ่อ ลองพูดทบทวนสิ่งที่คุณครูพูดในหัวและเน้นย้ำส่วนที่สำคัญ
    • สิ่งหนึ่งที่คุณต้องฝึกฝนคือการสร้างความสามารถในการจดจ่อ ทดสอบตัวเองด้วยการลองทำแบบทดสอบที่ท้าทายในขณะที่ฟังเพลงที่ดังรบกวน การจดจ่อคือทักษะที่ต้องถูกปรับใช้และพัฒนาเช่นเดียวกับทักษะอื่น
  4. ทุกคนเรียนรู้ในวิธีที่แตกต่างกัน วิธีที่คุณครูสอนอาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดสำหรับคุณหรือมันอาจจะมีวิธีในการทำให้คาบเรียนดีขึ้นสำหรับคุณ หาเวลาคุยกับคุณครูเกี่ยวกับวิธีที่พวกเขาจะสามารถช่วยคุณให้ได้ประโยชน์จากชั้นเรียนมากขึ้นได้
    • ถามเกี่ยวกับสไตล์การเรียนรู้ บางคนเรียนรู้ได้ดีกว่าโดยการใช้รูปภาพในขณะที่บางคนต้องใช้เสียง สิ่งเหล่านี้เรียกว่าสไตล์การเรียนรู้และมันมีหลายสไตล์ ขอให้คุณครูช่วยหาว่าสไตล์ไหนที่จะสามารถช่วยคุณได้มากที่สุดและจะสามารถใส่บทเรียนเหล่านี้ลงในคาบเรียนได้อย่างไร
    • ลองทำบทเรียนหรือรายงานที่น่าสนใจมากขึ้นสำหรับให้คุณเรียนรู้ คุณสามารถขอหน่วยกิตหรือชิ้นงานเพิ่มจากคุณครูที่จะสามารถช่วยให้คุณเรียนรู้บทเรียนเดิมในวิธีที่ได้ผลดีกว่าสำหรับคุณ ถ้าหากคุณจริงจังเกี่ยวกับการเรียนรู้และคุณพร้อมที่จะพยายามมากขึ้น คุณครูจะสามารถช่วยคิดค้นบางอย่างให้คุณได้
  5. คุณจะสามารถจดจ่อได้มากขึ้นเมื่อคุณถูกกระตุ้นมากขึ้น แน่นอนว่าถ้าหากคุณครูเเละชั้นเรียนของคุณไม่สามารถหรือจะไม่ทำให้คุณรู้สึกถูกกระตุ้นได้ คุณจะต้องสร้างแรงกระตุ้นนั้นสำหรับตัวเอง สิ่งนี้อาจจะน่ารำคาญแต่มันจะคุ้มค่า คุณจะได้ประโยชน์ของการศึกษาไม่ว่าผู้คนต้องการช่วยเหลือคุณหรือไม่ก็ตาม มันมีหลายวิธีในการทำให้ตัวเองรู้สึกกระตุ้นและสนใจในการเรียนรู้และสิ่งที่คุณจะทำขึ้นอยู่กับตัวตนของคุณ
    • คุณสามารถลองหาด้านอื่นของวิชาที่น่าสนใจสำหรับคุณ วิธีนี้สามารถทำให้สิ่งอื่นดูน่าสนใจมากขึ้นเพราะคุณจะรู้สึกว่าคุณกำลังสร้างรากฐานสำหรับสิ่งที่คุณต้องการเรียนรู้ เช่น บางทีคุณอาจจะไม่ชอบวิชาประวัติศาสตร์แต่คุณชอบอัศวินแห่งยุคกลาง คุณสามารถลองจินตนาการประวัติศาสตร์ว่ามันเกี่ยวข้องกับอัศวินแห่งยุคกลางอย่างไรแล้วคุณจะพบว่ามันง่ายขึ้นในการจดจ่อกับสิ่งที่คุณกำลังเรียนรู้
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

เปลี่ยนแปลงการกระทำ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. บางครั้งคุณเพียงแค่ต้องปรับกรอบความคิดให้ถูกต้องก่อนที่จะตั้งใจเรียน ลองทบทวนการบ้าน อ่านหนังสือหรือดูเนื้อหาที่คุณจดไว้ของเมื่อวานก่อนที่จะเข้าเรียน วิธีนี้จะช่วยให้สมองของคุณปรับเข้าสู่โหมดการเรียนรู้เพื่อที่คุณจะสามารถตั้งใจเรียนได้ง่ายขึ้น
    • การเตรียมตัวโดยการรวบรวมทุกสิ่งที่คุณต้องการและจัดเตรียมโต๊ะเรียนสามารถช่วยให้คุณจดจ่อได้ วิธีนี้จะช่วยกำจัดสิ่งรบกวนสมาธิ เช่น การต้องยืมดินสอจากเพื่อนเพราะคุณทำของคุณหาย
  2. คุณสามารถช่วยให้ตัวเองตั้งใจเรียนได้ด้วยการเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมหรือสิ่งต่างๆ รอบตัวคุณ สิ่งนี้ไม่ได้หมายถึงการกำจัดสิ่งรบกวนสมาธิถึงแม้ว่าวิธีนั้นสามารถช่วยได้เช่นกัน การเปลี่ยนที่นั่งสามารถช่วยให้คุณตั้งใจเรียนได้โดยการเปลี่ยนสิ่งที่คุณสามารถทำได้จากเก้าอี้ที่คุณนั่ง เช่น การนั่งหน้าชั้นเรียนสามารถช่วยให้คุณตั้งใจเรียนได้เพราะคุณรู้ว่าคุณครูกำลังมองคุณอยู่ การนั่งห่างจากเพื่อนสามารถช่วยได้เช่นกันเพราะคุณจะไม่สามารถพูดกับเพื่อนได้มากเท่าที่ควร
  3. การมีส่วนร่วมในชั้นเรียนสามารถช่วยคุณตั้งใจเรียนได้ การมีส่วนร่วมทำให้คุณจดจ่ออยู่กับบทเรียนเพราะคุณไม่สามารถคิดเกี่ยวกับเรื่องอื่นได้ ทุกอย่างที่คุณสามารถทำเพื่อมีส่วนร่วมตั้งแต่การถามคำถามไปจนถึงการเข้าร่วมชิ้นงานหรือการประชุมกลุ่มจะสามารถช่วยคุณได้
    • ถามคำถาม วิธีที่ดีในการเข้าร่วมในชั้นเรียนคือการถามคำถาม เมื่อคุณมีคำถามเกี่ยวกับบางอย่างที่คุณไม่เข้าใจหรือคุณครูพูดบางอย่างและคุณต้องการรู้มากขึ้น คุณก็สามารถยกมือและถามได้ แม้แต่การตั้งใจเรียนมากพอที่จะรับฟังสิ่งต่างๆ ที่คุณสามารถตั้งคำถามได้ก็สามารถช่วยให้คุณตั้งใจเรียนได้
  4. การจดโน้ตสามารถช่วยคุณตั้งใจเรียนสิ่งที่คุณครูกำลังพูดได้ถึงแม้ว่าคุณไม่คิดว่าคุณจะต้องใช้โน๊ตนั้นในภายหลัง ถ้าหากคุณสามารถใช้โน๊ตนั้นได้ก็ยิ่งดี เขียนโครงร่างพร้อมจดโน๊ตเกี่ยวกับหัวข้อที่ซับซ้อนในขณะที่คุณครูพูด
    • ถ้าหากคุณไม่รู้วิธีการจดโน๊ต เราสามารถช่วยคุณได้
  5. บางครั้งคุณเสียสมาธิในห้องเรียนเพราะคุณไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่คุณครูกำลังพูด สิ่งนี้เป็นเรื่องธรรมดาและเข้าใจได้ ถ้าหากคุณค้นคว้ามากขึ้นเพื่อที่คุณจะสามารถเข้าใจบทเรียนได้มากขึ้น คุณจะสามารถตั้งใจเรียนได้มากขึ้น การเรียนรู้นอกห้องเรียนสามารถชดเชยได้ในสิ่งที่คุณไม่สามารถตั้งใจเรียนได้ คุณสามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับหัวข้ออะไรก็ได้บนโลกออนไลน์ คุณสามารถหาข้อมูลเหล่านี้ได้บนเว็บไซต์ของวิกิฮาว
    • เช่น ถ้าหากคุณกำลังประสบปัญหากับคณิตศาสตร์ ลองอ่านหนังสือที่ศาสตร์เพื่อขอความช่วยเหลือ
  6. การไม่ตั้งใจเรียนเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดี คุณสามารถกำจัดพฤติกรรมนี้ได้โดยการแทนที่มันด้วยพฤติกรรมอื่นเช่นเดียวกับพฤติกรรมใดๆ ก็ตาม พยายามสร้างระบบที่คุณสามารถตั้งใจเรียนโดยหาเวลาสำหรับโรงเรียนและการเรียนรู้แต่ให้เวลาหรือการพักผ่อนกับตัวเองเพื่อทำสิ่งที่สนุก คุณสามารถฝึกสมองให้ตั้งใจเรียนได้ด้วยการสอนให้สมองของคุณรับรู้ว่าเวลาไหนของวันมีไว้ทำอะไร
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

เตรียมร่างกายให้พร้อม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การนอนคือสิ่งที่จำเป็นในการตั้งใจเรียนเมื่ออยู่ที่โรงเรียน ถ้าหากคุณนอนดึกบ่อยครั้งหรือคุณนอนในวิธีที่ไม่สามารถพักผ่อนสมองได้เต็มที่ คุณก็ไม่สามารถตั้งใจเรียนระหว่างวันได้ ทบทวนตารางการนอนและดูว่าคุณสามารถเปลี่ยนแปลงบางอย่างได้หรือไม่
    • สำหรับเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 12 ปี แพทย์แนะนำให้นอนหลับประมาณ 10 ชั่วโมงต่อคืน สำหรับคนที่มีอายุมากกว่านั้น คุณต้องนอนหลับ 8-9 ชั่วโมงต่อคืน อย่างไรก็ตาม บางคนต้องการการพักผ่อนมากขึ้นและบางคนต้องการการพักผ่อนน้อยลง คุณต้องทำการทดลอง
    • จำไว้ว่าการนอนหลับมากเกินไปสามารถทำให้คุณรู้สึกเพลียได้ คุณอาจจะนอนหลับมากเกินไปถ้าหากคุณเพิ่มการนอนหลับแล้วยังรู้สึกเหนื่อยช่วงครึ่งหลังของวัน
  2. ถ้าหากคุณรับประทานอาหารไม่เพียงพอหรือขาดสารอาหารที่จําเป็นเป็นเวลานาน สมองของคุณจะเริ่มมีผลกระทบ ถ้าหากคุณทานอาหารผิดประเภทหรือไม่เพียงพอ คุณก็ไม่สามารถทำให้ตัวเองตั้งใจเรียนได้เช่นเดียวกับการพักผ่อนไม่เพียงพอ พิจารณาอาหารและตัดสินใจว่าคุณต้องเปลี่ยนอาหารอย่างไร
    • คุณต้องรับประทานผัก ผลไม้ ธัญพืชและโปรตีนที่ปราศจากไขมันจำนวนมาก ตัวเลือกที่ดี ได้แก่ เคล บล็อกโคลี่ ผักโขม แอปเปิ้ล ผลไม้รสเปรี้ยว กล้วย ข้าวกล้อง กินัว ข้าวโอ๊ต ปลา ไก่ที่ไม่มีหนังและไก่งวง
    • หลีกเลี่ยงคาเฟอีนหรือใช้อย่างระมัดระวัง คาเฟอีนสามารถช่วยให้บางคนจดจ่อได้แต่มันอาจทำให้บางคนไม่สามารถจดจ่อได้เป็นเวลานาน คุณเสี่ยงต่อการบริโภคคาเฟอีนมากเกินไป
  3. ร่างกายของคุณต้องการน้ำปริมาณมากเพื่อทำงานได้เต็มที่ เมื่อคุณดื่มน้ำไม่เพียงพอ คุณจะปวดหัวและไม่สามารถจดจ่อได้ ปริมาณน้ำที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคนเพราะแต่ละคนแตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีในการดูว่าคุณดื่มน้ำเพียงพอหรือไม่คือการสำรวจปัสสาวะ ถ้าปัสสาวะมีสีจางแปลว่าคุณดื่มน้ำเพียงพอ ถ้าปัสสาวะมีสีเข้ม คุณต้องดื่มน้ำให้มากขึ้น
    • การดื่มน้ำปกติคือความคิดที่ดี น้ำอัดลม น้ำผลไม้และนมไม่ค่อยดีสำหรับคุณและน้ำตาลในน้ำอัดลมและน้ำผลไม้สามารถทำให้คุณมีปัญหากับการจดจ่อมากกว่าเดิม
  4. บางคนเป็นธรรมชาติมาก ร่างกายของพวกเขาต้องการกิจกรรมมากกว่าเพื่อมีความสุข อีกทั้งการพยายามตั้งใจเรียนสามารถทำให้สมองและร่างกายของคุณเหนื่อยล้า ถ้าหากคุณรู้สึกอ่อนล้าในห้องเรียน ลองหากิจกรรมทางร่างกายทำระหว่างคาบเรียนหรือในช่วงพัก สิ่งนี้สามารถช่วยให้ร่างกายและสมองของคุณสงบลงเพื่อที่คุณจะสามารถตั้งใจเรียนได้ มันยังสามารถช่วยให้คุณตื่นถ้าหากคุณรู้สึกเพลีย
    • ลองกระโดดขึ้นลงหรือวิ่งไปรอบๆ คุณสามารถวิ่งจ๊อกกิ้งรอบตึกหรือเล่นเกมกับเพื่อนถ้าหากคุณมีเวลา
  5. การใส่ใจต้องใช้การฝึกฝนเพราะมันเป็นแบบนั้น สมองของคุณเป็นเหมือนกล้ามเนื้อที่ต้องใช้การบริหารเพื่อทำให้มันแข็งแกร่งในบริเวณที่คุณต้องการให้มันทำงานได้ดี คุณจะต้องฝึกการใส่ใจถ้าหากคุณต้องการเพิ่มความสามารถในการตั้งใจเรียน
    • อีกหนึ่งวิธีในการฝึกคือการทำสมาธิ นั่งลงและทำให้สมองปลอดโปร่งในขณะที่จดจ่อกับสิ่งที่เรียบง่าย เช่น การหายใจเข้าและหายใจออก
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำให้มากขึ้นจะป้องกันการขาดน้ำ กำจัดสารพิษออกจากร่างกาย ป้องกันการรับประทานอาหารมากเกินไปและภาวะเบาหวานและช่วยให้คุณตั้งใจเรียน พยายามพกขวดน้ำไปด้วยทุกที่
  • ทำความสนใจในวิชาที่คุณครูกำลังสอน ถ้าหากวิชาน่าสนใจ คุณก็จะตั้งใจเรียนได้ไม่ยาก
  • การ ออกกำลังกาย ในตอนเช้าสามารถช่วยให้คุณตื่นตัวและมีพลังเมื่อไปโรงเรียน
  • การนั่งใกล้หน้าฉันเรียนจะทำให้คุณมีมุมมองที่ดีที่สุดและช่วยให้คุณตั้งใจเรียน
  • การจดโน๊ตจะเป็นประโยชน์เมื่อคุณทบทวนบทเรียนและจะทำให้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วในวิชาที่น่าเบื่อ
  • การทำให้โต๊ะเรียนโล่งสะอาดสามารถช่วยให้คุณตั้งแต่เรียนได้
  • ถ้าหากคุณสามารถเคี้ยวหมากฝรั่งในห้องเรียนได้ คุณควรลองเคี้ยวหมากฝรั่งรสเปปเปอร์มินต์เพราะมันจะทำให้คุณตื่นตัวถ้าคุณรู้สึกง่วง
  • เพื่อนของคุณอาจจะรบกวนคุณแต่อย่าสนใจเพื่อน
  • ถ้าหากอากาศนอกห้องเย็นสดชื่น ลองขอคุณครูว่าคุณสามารถเปิดหน้าต่างได้หรือไม่ อากาศสดชื่นจะช่วยให้คุณตื่นตัวได้
โฆษณา

คำเตือน

  • พยายาม ตั้งใจเรียนวิชาที่น่าเบื่อ ให้มากกว่าเดิมเพราะคุณอาจจะตั้งใจเรียนได้ยากขึ้น เพราะฉะนั้นคุณต้องเตรียมตัวพยายาม
  • การหลับในห้องเรียนไม่ดีต่อการเรียนและสามารถทำให้คุณโดนลงโทษหรือแย่กว่านั้น
  • คาเฟอีนสามารถช่วยคุณตื่นตัวและมีพลังในช่วงเวลาอันสั้นแต่จะทำให้คุณรู้สึกเพลียหลังจากนั้น เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่ความคิดที่ดี คุณต้องรู้ว่ามันมีผลต่อร่างกายของคุณอย่างไรก่อนที่คุณจะใช้สปริงในห้องเรียน
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 42,762 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา