ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การทราบความกว้างของรองเท้าเป็นสิ่งสำคัญเมื่อต้องเลือกซื้อรองเท้าคู่ใหม่ ในการวัดความกว้างรองเท้า ก่อนอื่นจะต้องวัดขนาดเท้าด้วยปากกาและกระดาษก่อน เมื่อวัดเท้าแล้ว จะมีแผ่นขนาดความกว้างเท้าไว้เทียบเพื่อให้เลือกรองเท้าได้ขนาดเหมาะกับคุณ

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

วัดขนาดเท้า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. นั่งหลังตรงบนเก้าอี้ แล้วนำแผ่นกระดาษที่ใหญ่พอสำหรับวางเท้าทั้งเท้าทับได้มาวางไว้ จากนั้นวางเท้าลงบนกระดาษ [1]
    • หากตั้งใจจะสวมถุงเท้าในรองเท้าที่จะซื้อ ให้สวมถุงเท้าขณะทำการวัดเท้าด้วย
  2. ใช้ปากกาหรือดินสอลากเส้นตามขอบเท้า ให้ปากกาหรือดินสออยู่ชิดกับขอบเท้าให้มากที่สุด จะช่วยให้วัดได้แม่นยำและถูกต้อง [2]
    • การวัดจะแม่นยำที่สุดหากมีคนลากเส้นวัดขนาดเท้าให้ขณะที่คุณนั่งอยู่ แต่จะวัดเองก็พอได้
  3. หลังจากวัดเท้าแรกเสร็จแล้ว ให้ทำเช่นเดียวกันกับเท้าอีกข้าง โดยเท้าสองข้างมักจะมีขนาดต่างกันเล็กน้อย ดังนั้นให้เลือกรองเท้าจากเท้าข้างที่ขนาดใหญ่กว่า [3]
  4. เลือกวัดพื้นที่ของเท้าที่มีความกว้างมากที่สุด โดยใช้เทปหรือไม้บรรทัดมาวัดความกว้างของเท้าทั้งสองข้าง [4]
  5. การวัดรอบแรกอาจจะไม่ถูกต้องเป๊ะๆ เพราะดินสอจะทำให้มีช่องว่างเล็กน้อยเพิ่มขึ้นมา ทำให้วัดได้ใหญ่กว่าขนาดเท้าจริง การจะได้ค่าที่ตรงกับความกว้างเท้าจริงมากที่สุด ให้หักออกไป 5 มิลลิเมตรหรือ 1/5 นิ้วจากค่าที่วัดได้ [5]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

เลือกขนาดรองเท้า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ความกว้างของรองเท้าจะแตกต่างกันไปตามรองเท้าแต่ละขนาด การวัดความกว้างของรองเท้าให้วัดระยะระหว่างส่วนที่ยาวที่สุดของเท้าแต่ละข้าง จากนั้นให้หักออก 5 มิลลิเมตรหรือ 1/5 นิ้ว [6]
  2. ในอินเตอร์เน็ตก็มีให้ค้นหาได้ง่ายๆ โดยสามารถหาแผนภาพบอกขนาดรองเท้าโดยทั่วไปได้จากการเทียบความยาวเท้ากับขนาดรองเท้า แต่แผนภาพขนาดจะต่างกันเล็กน้อยในเพศชายกับเพศหญิง
    • ตัวอย่างเช่น ความยาวเท้าประมาณ 8.5 นิ้ว (21.6 เซนติเมตร) อาจต้องเลือกเป็นเบอร์ 5 ตามการวัดขนาดแบบสหรัฐอเมริกา แต่ในทางยุโรปจะวัด 8.5 นิ้ว เทียบเท่ากับเบอร์ 35 หรือ 36
  3. แผนภาพแสดงขนาดรองเท้าควรบอกความกว้างเท้าของรองเท้าด้วย หลังจากเลือกรองเท้าได้แล้ว ให้เทียบกับความกว้างเท้าที่วัดได้ของเท้าข้างที่ใหญ่กว่า แล้วเลือกรองเท้าที่กว้างเหมาะกับขนาดเท้าที่วัดได้ [7]
    • ตัวอย่างเช่น ผู้หญิงที่ใส่รองเท้าเบอร์ 5 ที่มีความกว้างเท้าประมาณ 4 นิ้ว (10.16 เซนติเมตร) อาจจะต้องเลือกรองเท้าแบบกว้างพิเศษ ในร้านค้ามักจะกำหนดให้รองเท้าแบบกว้างพิเศษมีสัญลักษณ์ตัวE
  4. ใช้แผนภาพแสดงขนาดแบบเฉพาะเจาะจงเมื่อจำเป็น. ทุกแผนภาพแสดงขนาดมักจะแตกต่างกันไปบางบริษัทรองเท้า ซึ่งอาจจะเล็กหรือใหญ่กว่าค่าเฉลี่ยเล็กน้อย ดังนั้นเมื่อจะซื้อรองเท้า ให้ดูว่าทางโรงงานมีแผนภาพขนาดที่เฉพาะเจาะจงให้เทียบหรือไม่ ก่อนตัดสินใจเทียบขนาดเท้ากับแผนภาพทั่วๆ ไป สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มความเป็นไปได้ที่จะได้รองเท้าที่พอดีกับเท้า โดยเฉพาะหากซื้อทางออนไลน์
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

เช็คขนาดให้ถูกต้องอีกครั้ง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ขนาดของเท้าทั้งสองข้างจะมีการคลาดเคลื่อนได้ตลอดวัน โดยเท้ามีแนวโน้มจะขยายใหญ่ขึ้นในช่วงกลางคืนเนื่องจากการบวมขึ้นหลังใช้งานมาทั้งวัน การวัดเท้าในตอนกลางคืนจะช่วยให้ได้รองเท้าที่สวมใส่ได้พอดีจนหมดวัน [8]
  2. วัดขนาดเท้าขณะที่สวมถุงเท้าที่ต้องการจะใช้กับรองเท้าคู่นั้น. หากคุณคิดว่าจะสวมถุงเท้ากับรองเท้าคู่นี้ ให้สวมถุงเท้าก่อนวัดขนาดเท้า ตัวอย่างเช่น รองเท้าวิ่งหรือรองเท้าใส่ออกกำลังกายในยิมที่มักจะต้องสวมถุงเท้าด้วย ดังนั้นต้องสวมถุงเท้าคู่ที่สวมเป็นประจำขณะวัดเท้าด้วย [9]
    • รองเท้าบางชนิด อย่างเช่น รองเท้าแตะและรองเท้าไม่มีส้นบางแบบ ก็มักจะไม่สวมคู่กับถุงเท้า ในกรณีนี้ก็ไม่จำเป็นจะต้องสวมถุงเท้าขณะวัดขนาดเท้า
  3. ทั้งขนาดและความกว้างของรองเท้าที่เลือกได้ก็มีโอกาสมากที่จะได้รองเท้าที่สวมใส่พอดีแล้ว แต่อย่างไรก็ตามแม้จะวัดถูกแล้ว แต่ปัจจัยอื่นเช่นรูปทรงเท้าก็มีผลต่อความพอดีกับรองเท้า ทางที่ดีคือควรลองสวมรองเท้าคู่นั้นก่อนจ่ายเงินซื้อ [10]
    • หากคุณสั่งซื้อทางออนไลน์ ให้เลือกซื้อจากบริษัทที่คุณสามารถคืนเงินได้เต็มจำนวน หากสวมใส่ไม่พอดี
  4. ซื้อรองเท้าที่สวมใส่พอดีกับเท้าข้างที่ใหญ่กว่า. โดยปกติแล้วมักจะมีเท้าข้างหนึ่งที่ใหญ่กว่าอีกข้างเล็กน้อย ใช้ค่าที่วัดได้ของเท้าข้างที่ใหญ่กว่าเป็นตัวเลือกขนาดความกว้างรองเท้า วิธีนี้จะทำให้ได้รองเท้าที่สวมใส่ได้สบายทั้งสองข้าง [11]
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 1,955 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา