จริงๆ แล้วเวอร์ชั่นล่าสุดคือ Microsoft Word 2019 แต่หลายคนก็ยังนิยมใช้ Microsoft Word 2013 กันอยู่ เพราะเป็นเวอร์ชั่นที่เสถียรแล้ว และเป็นเวอร์ชั่นแรกที่ให้คุณเปิดและแก้ไขไฟล์ PDF ได้ในตัว ไม่ต้องดาวน์โหลดโปรแกรมอื่นให้ยุ่งยาก แถม Microsoft Word 2013 ใช้ง่ายด้วย ส่วนใครไม่ได้ใช้เวอร์ชั่นนี้ ก็อาจจะต้องดาวน์โหลดโปรแกรมอื่นมาแปลงไฟล์เพิ่มเติม
ขั้นตอน
-
เปิด Microsoft Word. กดปุ่ม Windows (ทางซ้ายของปุ่ม Alt) พิมพ์ "word" แล้วกด ↵ Enter
-
คลิกเอกสารว่าง. ถ้าเปิด Word ครั้งแรก จะมีหลายตัวเลือกเทมเพลต รวมถึงฟอร์แมตพิเศษต่างๆ สำหรับวิธีการในบทความวิกิฮาวนี้ ให้เลือก "blank document"
-
คลิก "File". ให้คลิก tab File ที่มุมซ้ายบนของหน้าต่าง แล้วเมนูที่มีตัวเลือกต่างๆ จะขยายลงมาทางซ้ายของหน้าต่าง
-
คลิก "Open". หาแล้วคลิกตัวเลือก Open ที่เป็นตัวเลือกแรก เพื่อเปิดเมนูเพิ่มเติมสำหรับเลือกว่าจะเปิดไฟล์จากที่ไหน
-
คลิกต้นทางของไฟล์. ถ้าไฟล์ PDF อยู่ในคอม ก็ให้คลิก Computer ถ้าไฟล์ PDF อยู่ในแฟลชไดรฟ์หรือ external drive อื่นๆ ก็ให้คลิกไดรฟ์นั้น
-
เลือกไฟล์ PDF. หาแล้วเปิดไฟล์ PDF ที่ต้องการจากโฟลเดอร์ที่ต้องการในคอม
-
คลิก "OK" ใน dialog box. พอเปิดไฟล์ PDF แล้ว จะมีขึ้นเตือนว่าอาจใช้เวลาหน่อยกว่าจะโหลดเสร็จ จะนานแค่ไหนก็แล้วแต่ขนาดไฟล์ PDF รวมถึงจำนวนกราฟิกต่างๆ ใน File ยิ่งขนาดใหญ่ กราฟิกเยอะ ก็ยิ่งโหลดนาน
- ถ้ากราฟิกเยอะเป็นพิเศษ เป็นไปได้ว่า Word อาจจะแสดงฟอร์แมตไม่ถูกต้อง 100% คือเปิดได้ แต่หน้าตาไม่เหมือนกันเป๊ะๆ
-
อนุญาตการแก้ไขไฟล์. ถ้าดาวน์โหลดไฟล์มาจากในเน็ต จะมีขึ้นเตือนว่ายังแก้ไขไฟล์ไม่ได้ เป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ Word ใช้ป้องกันไม่ให้คอมติดไวรัส
- ถ้าแน่ใจว่าไฟล์นั้นปลอดภัยดี ให้คลิก File มุมซ้ายบนของหน้าต่าง แล้วคลิก "Enable Editing" ในช่องสีเหลือง
-
แก้ไขเอกสาร. เท่านี้ก็แก้ไขเอกสารนั้นได้เหมือนไฟล์ Word ทั่วไป
-
เลื่อนเอกสารไปมา. ให้กดลูกศรทางซ้ายและขวาของหน้าต่าง ถ้าจะไปยังหน้าอื่นๆ ของเอกสาร หรือเลื่อน (scroll) ตามปกติโฆษณา
-
ดาวน์โหลด Adobe Acrobat reader. มีหลายเว็บให้คุณแปลงไฟล์ได้ แต่ข้อเสียคือเช็คยากว่าปลอดภัยไร้ไวรัส โปรแกรมที่มี tool แปลงไฟล์ดีๆ ก็เช่น Adobe Acrobat รวมถึงมีฟีเจอร์ใช้ markup เอกสารได้ด้วย Adobe Acrobat Reader เป็นโปรแกรมแบบเสียเงิน แต่คุณสามารถดาวน์โหลดแบบทดลองใช้ฟรี 30 วันได้ที่ https://www.acrobat.com/en_us/free-trial-download.html?promoid=KQZBU# โดยติดตั้งโปรแกรมไปตามขั้นตอน
- ต้องกรอกข้อมูลต่างๆ เช่น ชื่อ-นามสกุล อีเมล และวันเดือนปีเกิดด้วย อย่าลืมเอาติ๊กออกจากตัวเลือกรับอีเมลแจ้งเตือนเวลามีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของ Adobe รวมถึงข่าวสารต่างๆ เพราะเดี๋ยวจะเต็ม inbox ไม่รู้ตัว
- ถ้าไม่อยากสมัครบัญชีเพื่อดาวน์โหลดโปรแกรม หรือใช้ฟรีครบ 30 วันแล้ว ก็ยังมีเว็บต่างๆ ที่ใช้แปลงไฟล์เอกสารได้ฟรี เช่น https://www.pdftoword.com/ หรือ http://www.pdfonline.com/pdf-to-word-converter/ ให้ทำตามขั้นตอนที่ปรากฏ แต่สำคัญว่าต้องเช็คให้ดีว่าเว็บนั้นเชื่อถือได้ ปลอดภัยดี
-
เปิด Acrobat Reader. ขั้นตอนจะต่างกันไปบ้าง แล้วแต่ว่าคุณใช้ Mac หรือ PC
- PC: คลิกปุ่ม Windows พิมพ์ "Acrobat Reader" แล้วกด ↵ Enter
- Mac: เปิด Finder จากใน dashboard ค้นหา "Acrobat Reader" ในช่องค้นหา แล้วเปิดโปรแกรม
-
อัพโหลดไฟล์. ถ้าจะแปลงไฟล์ PDF ให้เปิดไฟล์ PDF ใน Acrobat Reader ซะก่อน ทางซ้ายของหน้าต่าง ให้หาแล้วคลิก "Computer" ในหัวข้อ "Storage" จากนั้นคลิกปุ่ม "Browse" สีฟ้า แล้วเปิดไฟล์ PDF
-
แปลงไฟล์. ทำได้ 2 วิธีด้วยกัน โดยทั้ง 2 วิธีจะสร้างไฟล์ Word ขึ้นมาจากไฟล์ PDF
- วิธีที่ 1:
คลิก File ที่ด้านซ้ายบนของหน้าต่าง แล้วคลิก "Save as Other" จากในเมนูที่ขยายลงมา สุดท้ายคลิก "Word or Excel Online" จากใน 2 ตัวเลือก
- ในหน้าใหม่ที่เปิดขึ้นมา ให้เลือก "Convert to" กับ "Document Language" เช็คให้ดีว่าแปลงไฟล์เป็น Word เวอร์ชั่นที่คุณใช้ และในภาษาที่ต้องการ เสร็จแล้วคลิกปุ่ม "Export to Word" สีฟ้า
- วิธีที่ 2: คลิกปุ่ม "Export PDF" ทางขวาของหน้าต่าง เลือก Word เวอร์ชั่นที่ใช้ แล้วคลิกปุ่ม "Convert" สีฟ้า
- วิธีที่ 1:
คลิก File ที่ด้านซ้ายบนของหน้าต่าง แล้วคลิก "Save as Other" จากในเมนูที่ขยายลงมา สุดท้ายคลิก "Word or Excel Online" จากใน 2 ตัวเลือก
-
เปิดเอกสาร Word ที่ได้. หาแล้วเปิดเอกสาร Word ที่เพิ่งแปลงเสร็จ จากในโฟลเดอร์ที่เซฟไฟล์ไว้โฆษณา
เคล็ดลับ
- เช็คว่าไฟล์ Word ที่ได้ ฟอร์แมตถูกต้องดีแล้ว และใช้งานได้กับคอมและโปรแกรมเวอร์ชั่นคุณ ถ้าเป็นไฟล์ Word เวอร์ชั่นเก่าๆ (ก่อนปี 2007 (2550)) จะเป็นไฟล์ DOC ส่วนเวอร์ชั่นใหม่ๆ จะเป็นไฟล์ DOCX
โฆษณา
โฆษณา