PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

การแอบพาแฟนเข้าบ้านอาจเป็นภารกิจที่ทั้งน่าตื่นเต้นและอันตรายมากได้เช่นกัน คุณต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบ ระมัดระวัง ตื่นตัว และสามารถคิดหาทางออกได้อย่างรวดเร็วเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะแอบพาแฟนเข้าบ้านได้โดยไม่มีใครเอะใจ แต่ไม่ว่าคุณจะวางแผนแก้ไขปัญหาไว้มากแค่ไหน มันก็ยังมีความเสี่ยงที่คุณคาดคิดไม่ถึงเกิดขึ้นได้เสมอ

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

วางแผน

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณอยู่บ้านหลังนี้ก็จริง แต่คุณก็ต้องสำรวจบ้านของตัวเองในมุมมองใหม่อีกครั้งเพื่อให้รู้จุดเข้าออก จุดบอด จุดที่มองเห็นได้กว้าง และพื้นกระดานเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดทั้งหมด ได้โอกาสอยู่คนเดียวเมื่อไหร่ให้ลองสำรวจบ้านดูสักทีเพื่อให้ตัวเองคุ้นเคยกับบ้านมากขึ้น
    • ประเมินประตูและหน้าต่างทุกบานว่าสามารถเป็นทางเข้าหรือทางออกได้หรือไม่
    • ลองดูตรงหน้าต่างทุกบานที่มองเห็นสนามหน้าบ้าน ถ้าคนในบ้านเห็นคนเข้ามาในสนามหน้าบ้านตอนตี 1 รับรองว่าเขาต้องโทรเรียกตำรวจ หรือไม่ก็รู้ว่าเป็นแฟนคุณและรู้ว่าเขามาอะไร
    • บ้านคุณเก่าแค่ไหน บ้านหลังเก่าจะเสียงดังกว่าบ้านใหม่ การเดินใกล้ๆ กับกำแพงหรือราวกั้นตรงบันไดจะช่วยลดเสียงลงได้ เพราะไม่มีวิธีที่จะทำให้ไม้กระดานไม่ร้องเอี๊ยดอ๊าด การโรยแป้งฝุ่นลงบนรอยแยกของไม้กระดานอาจจะช่วยลดเสียงได้ชั่วคราว แต่พ่อแม่คงแปลกใจว่าคุณทำอะไร [1]
    • คุณจะต้องปิดระบบแจ้งเตือนก่อนเปิดหน้าต่างหรือประตู เพราะฉะนั้นคุณต้องรู้รหัส (และรู้ว่าเสียงเตือนจะดังแค่ไหนระหว่างที่คุณกดรหัส) และอย่าลืมเปิดระบบเหมือนเดิมหลังจากที่แฟนกลับออกไปในตอนเช้า
    • สัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะอย่างยิ่งหมาจะเป็นปัญหามากที่สุด ลองดูว่ามันมีปฏิกิริยาอย่างไรเวลาที่มีคนเข้าบ้านมา และคุณต้องทำยังไงมันถึงสงบลงได้ การขังสัตว์เลี้ยงไว้อีกห้องเพื่อไม่ให้มันเข้ามาป่วนเป็นวิธีที่ไม่ค่อยได้ผล ลองฝึกให้หมาเชื่อมโยงแฟนของคุณกับรางวัลด้วยการให้รางวัลตอนที่มันเจอแฟนของคุณล่วงหน้าหลายๆ วัน [2]
  2. คุณควรตัดสินใจก่อนล่วงหน้าว่าจะให้เข้าทางหน้าต่างหรือประตูเพื่อที่คุณจะได้ทดสอบและเตรียมตัวก่อนได้ ลองดูว่าคนสามารถมองเห็นหน้าต่างได้มากแค่ไหน ใกล้กับห้องนอนของพ่อแม่แค่ไหน และเขาต้องเดินไกลแค่ไหนกว่าจะถึงจุดที่ค่อนข้างปลอดภัย ซึ่งก็คือห้องนอนของคุณนั่นเอง
    • คิดดูว่าในแต่ละจุดทางเข้าคุณจะต้องขยับ เปิด และปลดล็อกแค่ไหนเพื่อให้แฟนของคุณเข้ามาได้ จริงอยู่ว่าคุณอาจจะต้องเตรียมสถานที่ที่เลือกเอาไว้ให้เรียบร้อย แต่การจัดตำแหน่งกระถางต้นไม้นอกห้องนอนเสียใหม่เร็วเกินไปก็อาจทำให้คนในบ้านสงสัยได้
    • คิดดูว่าเสียงมันดังแค่ไหนเวลาที่คุณเปิดหน้าต่าง เปิดมูลี่ หรือไขลูกบิดที่เป็นระบบล็อกสองชั้น และลดความเสี่ยงนี้ให้ได้มากที่สุดในจุดที่ทำได้
    • ถ้าเป็นประตูบานเลื่อน ต้องเปิดเบาๆ เพราะเวลาเลื่อนประตูมันอาจจะมีเสียงและทำให้พ่อแม่ตื่น
    • ถ้าหน้าต่างมีมุ้งลวด คุณต้องเอามุ้งลวดออก ซึ่งจะง่ายหรือยากก็ขึ้นอยู่กับการติดตั้งมุ้งลวด แต่ส่วนมากถ้าจะให้ง่ายต้องเอาออกจากด้านนอกเท่านั้น หมายความว่าหน้าต่างชั้นสอง (และสูงกว่า) นั้นหมดสิทธิ์ แต่ก็ระวังอย่าให้มุ้งลวดพังเช่นกัน ไม่อย่างนั้นแผนอาจจะเสียได้ (และทำให้คุณโดนหักค่าขนมด้วย)
    • อย่าไม่ล็อกหน้าต่างหรือประตูจนเป็นนิสัย เพราะที่มันต้องล็อกก็เพื่อความปลอดภัยของคุณและคนในบ้าน และพ่อแม่ของคุณก็ควรจะรู้ด้วยว่าบ้านของตัวเองปลอดภัยแค่ไหน
    • ลองคิดดูว่าต้องใช้แรงมากแค่ไหนในการดึงคนๆ หนึ่งเข้ามาทางหน้าต่าง และคุณแน่ใจว่าคุณมีแรงมากพอที่จะดึงแฟนเข้ามาได้อย่างปลอดภัยไหม
    • บันไดหนีไฟและหน้าต่างชั้นใต้ดินเป็นจุดได้เปรียบที่ถ้าใครมีก็ถือว่าโชคดีมากๆ เพราะทางหนีไฟจะช่วยให้แฟนของคุณสามารถปีนเข้าทางหน้าต่างชั้นบนได้ และหน้าต่างห้องใต้ดินก็มักจะอยู่ไกลจากห้องนอนใหญ่
    • คุณน่าจะไม่ได้กะจะให้แฟนเดินเข้ามาทางประตู (และเอาจริงๆ นะ มันไม่สนุกเท่าการคลานเข้ามาทางหน้าต่างหรอก) แต่ก็อย่าเพิ่งตัดตัวเลือกนี้ไปเลย
  3. ลองเดินธรรมดาๆ ไปตามทางราวกับว่าคุณกำลังย่อง แต่อย่าให้คนที่ผ่านไปผ่านมาเห็นว่าคุณกำลังแกล้งทำเป็นเดินย่องอยู่ คุณควรรู้คร่าวๆ ว่าแฟนของคุณต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะเดินผ่านสนามหญ้า เข้ามาที่จุดทางเข้า และจากจุดทางเข้ามาที่ห้องนอนหลังจากเข้ามาในบ้านแล้ว
    • บางครั้งเส้นทางที่ยาวกว่าก็อาจจะมีข้อได้เปรียบทางเทคนิคก็ได้ เช่น การเดินบนพรมที่ปูเต็มห้องหรือแค่บางส่วนจะเงียบกว่าการเดินบนกระเบื้อง แต่ทางเดินกระเบื้องก็จะเงียบกว่าเส้นทางที่ต้องเดินบนพื้นไม้ [3]
    • การลองเดินตามเส้นทางจริงๆ จะทำให้คุณรู้ว่า ตรงไหนที่ไม้กระดานจะดังเอี๊ยดอ๊าดมากเป็นพิเศษ คุณจะได้ไปเตือนแขกยามค่ำคืนของคุณ
    • ตอนที่อยู่นอกบ้าน ให้นึกถึงแนวสายตาที่เพื่อนบ้านและคนที่เดินผ่านไปมาอาจจะมองเห็นในเขตบ้าน เพื่อนบ้านผู้หวังดีอาจทำให้แผนของคุณพังได้หากเขาเห็นแฟนของคุณแอบย่องเข้ามาตรงตรอกที่กั้นระหว่างสองบ้าน
  4. คุณต้องเตรียมจุดซ่อนตัวไว้ให้พร้อมทั้งในห้องนอนและใกล้ๆ กับจุดทางเข้า เว้นที่ว่างในตู้เสื้อผ้าหรือจัดการพื้นที่ใต้เตียงให้โล่ง ถ้าห้องรกคุณก็อาจจะต้องจัดการมากหน่อย (แต่ถ้าแขกของคุณเขาไม่ได้รังเกียจ เขาก็สามารถซ่อนตัวใต้กองเสื้อผ้าใส่แล้วหรือผ้าปูที่ได้) แต่ถ้าจู่ๆ ห้องคุณก็รกขึ้นมา พ่อแม่ก็น่าจะสงสัยอยู่หรอก
    • ความมืดของบ้านที่ไม่ได้เปิดไฟจะทำให้ทุกซอกทุกมุมในบ้านเป็นจุดที่ดีพอสำหรับการซ่อนตัว แต่ก็อย่าชะล่าว่าพ่อแม่จะปิดไฟเวลาที่พวกเขาสงสัยว่ามีเสียงแปลกๆ แต่ถ้าพวกเขาเกิดสงสัยขึ้นมา ก็ขอให้สบายใจได้ว่า พ่อแม่ที่อายุประมาณ 50 ปีต้องการแสงมากกว่าคนอายุ 30 ปีสองเท่าเวลาอยู่ในความมืด [4]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

ให้แฟนเข้ามาในบ้าน

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณต้องหาวิธีที่สามารถติดต่อแฟนได้ง่ายๆ การตั้งเวลานัดพบล่วงหน้าเป็นวิธีสุดท้ายที่คุณจะพึ่งได้ แต่ถ้าพ่อหรือแม่เกิดเดินเข้าครัวไปหาของกินตอนเที่ยงคืนล่ะก็ คุณก็ต้องมีวิธีส่งสัญญาณเตือนให้ผู้มาเยือนเขารอก่อนสักเดี๋ยว
    • แน่นอนว่าโทรศัพท์มือถือเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดและดีที่สุดในตอนนี้ อย่าลืมปิดเสียงหรือสั่นอย่างเดียว
    • คุณสองคนไม่ควรใช้โทรศัพท์บ้านทั้งคู่ แม้ว่าการใช้โทรศัพท์บ้านโทรเข้าโทรศัพท์มือถือของแฟนอาจจะไม่ได้ฟังดูอันตรายขนาดนั้น แต่ถ้าแฟนคุณโทรกลับมาหรือเผลอไปกดปุ่มโทรกลับมาโดยไม่ได้คาดคิดมาก่อน โทรศัพท์บ้านก็จะดังไม่หยุด นอกจากนีัพ่อแม่ของคุณก็อาจจะถือหูโทรศัพท์ในห้องนอนตอนที่คุณกำลังคุยกันเรื่องจุดนัดพบกับแฟนก็ได้
    • ถ้าหมดหนทางแล้วจริงๆ คุณก็อาจจะเสี่ยงใช้วิธีแบบเก่าก็คือ แปะข้อความไว้ที่หน้าต่าง หรือไม่ก็ใช้ดวงไฟดวงหนึ่งในบ้านเป็นสัญญาณ แต่ต้องเป็นดวงที่พ่อแม่จะไม่เข้ามายุ่งนะ ถ้าไฟปิด ให้ถอยไปก่อน แต่ถ้าเปิดไว้ ให้เข้ามาได้เลย
  2. วิธีนี้ไม่ยากเท่าไหร่ถ้าพ่อแม่นอนเปิดประตูทิ้งไว้ แต่ถ้าพวกเขาปิดประตูก็ต้องระวังมากขึ้นหน่อย ฟังเสียงกรนหรือเสียงหายใจช้าๆ สม่ำเสมอที่บ่งบอกว่าพวกเขาหลับไปแล้ว ร่างกายของเราจะเข้าสู่วงจรระยะการนอนหลายระยะซ้ำไปซ้ำมา ซึ่งบางระยะก็จะหลับตื้นและบางระยะก็จะหลับลึก แต่ระยะของการหลับลึกจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป [5] หลังจากนอนหลับไปได้ประมาณ 60 นาที พ่อแม่ของคุณน่าจะเข้าสู่ภาวะหลับลึกที่สุดช่วงหนึ่งที่จะเกิดขึ้นในคืนนั้น เพราะฉะนั้นใช้ข้อมูลนี้ให้เป็นประโยชน์
    • ถ้าห้องนอนของผู้ปกครองอยู่ใกล้ครัว คุณก็สามารถเริ่มทำให้พวกเขาคุ้นเคยกับเสียงเล็กๆ น้อยๆ ตอนกลางคืนที่มาจากคุณได้เลย เริ่มจากเข้าไปเอาซีเรียลหรืออะไรก็ได้ที่คุณชอบมากินเป็นของว่างมื้อดึกล่วงหน้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์ ถ้าพวกเขาตื่นขึ้นมาตอนที่คุณกำลังหาของกิน คุณก็จะมีคำอธิบายซื่อๆ เตรียมไว้อยู่แล้ว แต่ถ้าพวกเขาไม่ตื่นขึ้นมาเลยล่ะก็ นั่นเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับเสียงอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้น
    • อย่าลืมนึกถึงเวลาเข้านอนตามปกติของคุณด้วย ถ้าปกติแล้วคุณเป็นคนนอนเร็ว ครอบครัวก็อาจจะสงสัยได้ถ้าเที่ยงคืนครึ่งแล้วคุณยังไม่นอนอีก หรือในทางกลับกันถ้าปกติแล้วคุณนอนดึกแต่ดันบอกว่าคุณจะเข้านอนตอนสองทุ่ม แบบนี้ก็ผิดปกติเหมือนกัน ถ้าเป็นแบบแรกให้ดื่มโคล่าและแกล้งทำเป็นตื่นตัวนิดหน่อย และถ้าเป็นอย่างหลังก็ให้แกล้งทำเป็นเนือยๆ ตั้งแต่กลับมาจากโรงเรียนหรือที่ทำงาน
    • คุณต้องกลับไปเช็กจุดทางเข้าที่กำหนดไว้เพื่อให้แน่ใจว่า พ่อแม่ของคุณไม่ได้กลับไปล็อกหน้าต่างหรือประตูอีกครั้งก่อนเข้านอน
  3. ถ้าคุณใช้บันไดหรือขั้นบันไดเพื่อเดินมาที่จุดทางเข้า อย่าลืมเอาไปเก็บหรือลากเข้ามาในบ้านกับคุณด้วย เดินเข้ามาเร็วๆ แต่ให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ คุณควร “วิ่งมืดๆ” ก็คือ ปิดไฟทุกดวง เช็กอีกทีว่าปิดเสียงมือถือแล้ว และปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์และจอทีวีให้หมด
    • ถ้าคุณทำเป็นปกติอยู่แล้ว การเปิดเสียงวิทยุเบาๆ สามารถกลบเสียงที่เกิดขึ้นจากการแอบพาแฟนเข้าบ้านได้บ้าง เพราะจริงๆ แล้วเราไม่ได้ตื่นกลางดึกเพราะเสียงน่ารำคาญหรอก แต่เป็นเพราะเสียงที่ดังไม่สม่ำเสมอต่างหาก [6] เสียงต่ำๆ ต่อเนื่องที่คุ้นหูสามารถใช้เป็นเสียงสีขาวเพื่อกลบเสียงที่ไม่สม่ำเสมอได้
    • ถ้าคุณดึงใครขึ้นมาบนผนังรับแรงเฉือน ให้ยันตัวเองไว้เพื่อที่คุณจะได้ไม่ถูกดึงลงไป
    • อีกวิธีหนึ่งที่นอกเหนือจากการแอบพาแฟนเข้ามาในบ้านตอนกลางคืนก็คือ การพาเข้ามาตั้งแต่ช่วงบ่ายแก่ๆ จากนั้นก็พาเขาไปซ่อนในตู้เสื้อผ้าจนกว่าคนอื่นๆ จะเข้านอน รอจนกว่าพ่อแม่จะอยู่ในที่ที่ไม่สังเกตว่าแฟนคุณกลับออกไป (เช่น ในสวนหลังบ้านหรือเข้าห้องน้ำอยู่) จากนั้นก็ทำเป็นว่าแฟนคุณกลับไปสักพักแล้ว และดูให้ดีว่ารถหรือจักรยานของแฟนไม่ได้อยู่แถวนั้นแล้ว อย่าลืมหาอะไรเงียบๆ สนุกๆ ไว้ให้เขาทำระหว่างที่ซ่อนตัวด้วยล่ะ และเตรียมขนมด้วยนะถ้าเขาต้องรอนาน!
    • ล็อกประตูและหน้าต่างหลังจากที่เขาเข้ามาแล้ว เพราะมันช่วยให้บ้านปลอดภัยขึ้นและลดโอกาสที่พ่อแม่จะสงสัยถ้าเขาออกมาจากห้องนอนตอนกลางคืน
  4. ถ้าคุณต้องออกไปเอาอะไรที่อื่นในบ้าน ให้ซ่อนแฟนไว้ให้ดีที่สุดก่อนออกไปเอาเอง ถ้าคุณหรือแฟนเปลี่ยนหรือถอดเสื้อผ้า ให้เอาไปไว้ในที่ที่มองไม่เห็น และอย่าลืมของที่แฟนอาจจะพกติดตัวมาด้วย เช่น โทรศัพท์มือถือ กระเป๋าสตางค์ กุญแจ และอื่นๆ
    • ถ้าคุณต้องการแสงไฟ ให้ใช้จากหน้าจอมือถือและอย่าส่องจากใต้ประตู
    • ถ้าแฟนอยากเข้าห้องน้ำ อย่ากดชักโครก
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ออกจากบ้านแบบไร้ร่องรอย

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ตั้งนาฬิกาปลุกไว้เพื่อให้รู้ว่าต้องหนีออกไปตอนไหน. ถ้าคุณหลับในห้องนอน อย่าลืมตั้งนาฬิกาปลุกเพื่อให้คุณทั้งคู่มีเวลาเตรียมตัวหนีเยอะๆ แต่ต้องตั้งสั่นไว้เท่านั้นหรือไม่ก็ให้เบาพอที่จะไม่รบกวนพ่อแม่
    • พาแฟนออกจากบ้านอย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนเวลาที่พ่อแม่ตื่นตามปกติ นอกจากนี้ก็อย่าลืมคิดด้วยว่าในตอนเช้าพ่อแม่จะเห็นแฟนคุณชัดเจนแค่ไหน และพ่อแม่แฟนจะตื่นและสังเกตได้ว่าเขาหายไปหรือเปล่า
    • ถ้าคุณไม่เชื่อใจตัวเองว่าปลุกนาฬิกาแล้วจะตื่น ก็อย่าหลับ
    • ถ้าคุณใช้วิทยุนาฬิกาปลุก ให้ใช้เสียงวิทยุแทนเสียงปลุก
  2. เมื่อแฟนออกจากตัวบ้านไปแล้ว ให้เขาไปให้พ้นสายตาให้เร็วที่สุด เพราะการเห็นใครออกจากบ้านในตอนเช้าอาจเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายพอๆ กับการเห็นใครเข้ามาในบ้านตอนกลางคืน ถ้าคุณถูกจับได้ คุณอาจจะบอกพ่อหรือแม่ว่าเขาแวะมาถามเรื่องการบ้านก่อนไปโรงเรียน แต่วิธีนี้ใช้ไม่ค่อยได้ผลหรอกนะ
  3. ทำความสะอาดห้อง เก็บกระป๋อง ขวด ห่อขนม หรือเสื้อผ้าตัวหลวม เอาขยะจากเมื่อคืนไว้ตรงก้นถังขยะตรงที่ไม่ค่อยมีใครเห็น และเอาขยะออกไปทิ้งในวันรุ่งขึ้น (แต่อย่าทำเป็นสิ่งแรกในตอนเช้าถ้าคุณไม่ได้ทำอย่างนี้เป็นปกติอยู่แล้ว)
    • การทิ้งของลงในชักโครกอาจฟังดูเหมือนเป็นไอเดียที่ดี แต่คุณไม่ควรทำแบบนั้นเพราะถ้าชักโครกเกิดอุดตันขึ้นมา คุณจะยิ่งเสี่ยงโดนพ่อแม่เพ่งเล็งเข้าไปใหญ่ แถมยังไม่ดีต่อสิ่งแวดล้อมด้วย [7]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • เว้นอย่างน้อยสองสัปดาห์ก่อนทำอีกครั้ง และอย่าทำวันเดียวกันกับครั้งที่แล้ว ทุกครั้งที่คุณทำโอกาสที่จะถูกจับได้ก็จะมากขึ้น แต่การทำซ้ำๆ ก็จะทำให้คุณคล่องมากขึ้นเช่นกัน เพราะฉะนั้นชั่งน้ำหนักปัจจัยเหล่านี้ดีๆ
  • อย่าลืมเช็กเคอร์ฟิว ถ้าถูกจับกุมขณะกำลังจะไปที่บ้านหรือออกจากบ้าน คุณอาจจะเจอข้อหาละเมิดเคอร์ฟิวได้ [8]
  • ถ้ามีเพศสัมพันธ์ ให้ค่อยเป็นค่อยไปเพื่อไม่ให้เสียงดัง
  • อย่าทำอะไรผิดแปลกไปจากเดิมในวันที่คุณจะแอบพาแฟนเข้าบ้าน อย่าถามคนในบ้านว่าจะเข้านอนกี่โมง เพราะมันเป็นอะไรที่น่าสงสัยที่สุดเลยก็ว่าได้ ไม่ต้องประกาศว่าจะนอนแล้วนะ ยกเว้นว่าคุณทำเป็นปกติอยู่แล้ว
  • ถ้าพ่อ แม่ หรือพี่ทำงาน คุณควรจำตารางเวลาของเขาได้ขึ้นใจ
  • จำไว้ว่าพ่อแม่เองก็อาจจะเคยทำแบบนี้มาก่อนตอนพวกเขาเป็นวัยรุ่น และอาจจะรู้ทันวิธีลับๆ พวกนี้มากเป็นพิเศษ การทำตัวลับๆ ล่อๆ และพยายามทำความเข้าใจสิ่งที่ควบคุมชีวิตของเราในระดับหนึ่งแล้วก็ถือเป็นส่วนที่เป็นธรรมชาติและตรงตามพัฒนาการของบุคคล [9]
  • ถ้าคุณไม่มีถุงเท้า เวลาเดินให้ลงน้ำหนักที่ส้นเท้าและปลายนิ้วเท้า
โฆษณา

คำเตือน

  • ถ้าพ่อหรือแม่เดินเข้ามาในห้องแล้วคุณซ่อนแฟนไว้ในตู้เสื้อผ้า พยายามอย่าทำตัวน่าสงสัยหรือลนลาน แต่ก็อย่าพยายามแสดงออกและทำฟึดฟัดใส่พ่อแม่มากเกินไปด้วยเช่นกัน
  • การสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์เป็นสิ่งที่จะทำให้คุณโดนจับได้ เพราะอุปกรณ์ตรวจจับควันจะจับควันบุหรี่ได้หรือไม่คนในบ้านก็ได้กลิ่น และแอลกอฮอล์ก็จะทำให้คุณไม่ระวัดระวังและเงียบอย่างที่ควรจะเป็น แล้วก็จะถูกพ่อแม่จับได้
  • ถ้าคุณถูกจับได้ วิธีที่ดีที่สุดก็คืออธิบายตัวเองอย่างมีสติและเคารพพ่อแม่ การรับผิดชอบในสิ่งที่ทำเป็นสิ่งที่คนฉลาดเขาทำกันเพื่อปกป้องแฟนให้ได้มากที่สุด
  • ถ้าวิธีการมีความเสี่ยงที่จะทำให้เจ็บตัว อย่าทำ ถ้าเส้นทางเข้าหรือหนีทำให้คนใดคนหนึ่งเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ คุณควรทบทวนแผนการเสียใหม่
  • ถ้าพ่อแม่ของคุณมีปืน คุณก็ควรรู้นโยบายการป้องกันตัวทั่วไปเกี่ยวกับการป้องกันตัวในบ้าน ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่คุณต้องรู้อยู่แล้ว และคุณก็ควรรู้ระดับของความรุนแรงที่พ่อหรือแม่อาจจะตอบโต้เมื่อมีผู้บุกรุกที่ไม่รู้จักเข้ามาในบ้าน ถ้าเจ้าของบ้านที่มีอาวุธบอกแฟนคุณว่า “อย่าขยับ” หรือถามว่าเขาเป็นใคร เขาควรบอกทันที เพราะไม่มีอะไรเลวร้ายกว่าการที่เขาจะบาดเจ็บสาหัสอีกแล้ว
  • ถ้าพ่อแม่ไม่อยากให้คุณพาใครมาบ้าน ลองคิดดูว่าพวกเขาอาจจะมีเหตุผลที่ดีก็ได้ พวกเขาอายุมากกว่า มีประสบการณ์มากกว่า และบางครั้งก็เข้าใจความต้องการของคุณมากกว่าที่ตัวคุณเข้าใจเสียอีก แม้ว่าคุณจะแทบไม่อยากเชื่อก็เถอะ คิดถึงสิ่งที่คุณทำให้รอบคอบและรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง
  • ถ้าตำรวจมา อย่าวิ่ง หยุดอยู่ตรงนั้นและปฏิบัติตามคำสั่งทั้งหมด เพราะการหลบหนีตำรวจอาจมีผลร้ายแรงหรือแม้กระทั่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • เวลาและความอดทนมากๆ
  • ห้องที่คุณอยู่คนเดียวหรืออย่างน้อยก็รูมเมตที่จะไม่เอาคุณไปฟ้อง
  • เส้นทางการหนีอย่างรวดเร็ว!

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 20,335 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา