PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการใช้มือถือแทนไมโครโฟน ทั้งด้วยแอพที่ติดมากับเครื่อง และแอพที่ดาวน์โหลดเพิ่มเติมเอง เดี๋ยวนี้มีแอพฟรีดีๆ หลายแอพให้เลือกใช้ กระทั่งแอพที่ให้คุณทำมือถือเป็นไมโครโฟนให้คอมพิวเตอร์ได้เลย

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

ใช้มือถือเป็นไมโครโฟนให้คอมพิวเตอร์ Windows

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ดาวน์โหลดโปรแกรมคอมเพิ่มเติมจากแอพในมือถือ. ลิงค์ดาวน์โหลดโปรแกรม WO Mic ของ Windows จะอยู่ในเว็บ http://www.wirelessorange.com/womic/ นอกจากนี้ต้องติดตั้ง driver package จากในหน้าเว็บเดียวกันด้วย โดยจะอยู่ใน "Install device driver on PC"
    • ปกติคุณดาวน์โหลดแอพ WO Mic ได้ฟรีจากใน Apple Store และ Google Play Store ถ้าเป็นแอพในมือถือ จะใช้ได้ทั้งใน iPhone และ Android แต่โปรแกรมในคอม จะใช้ได้เฉพาะกับ Windows (หรือ Linux) เท่านั้น
  2. ไอคอนของแอพมือถือจะเป็นรูปไมโครโฟน ปกติอยู่ในหน้า Home ใน app drawer หรือต้องค้นหาเอง ถ้าในคอม โปรแกรมใหม่ที่เพิ่งเพิ่มมา จะอยู่ในเมนู Start
  3. เมนูจะโผล่มาให้แตะเลือกการเชื่อมต่อได้ ว่าจะใช้ USB, WiFi หรือ Bluetooth แนะนำให้เชื่อมต่อผ่าน USB จะดีที่สุด เพราะ bit rate สูง ใช้งานได้เสถียร [1]
    • ถ้าจะเชื่อมต่อผ่าน USB ต้องเชื่อมต่อมือถือกับคอมผ่าน USB ซะก่อน แล้วเปิดใช้ USB Debugging Mode (เฉพาะ Android) โดยไปที่ Settings > About > Developer Options [2]
    • ถ้าใช้ WiFi ต้องเช็คว่ามือถือสแกนเจอคอมในสัญญาณ Wi-Fi เดียวกัน และเชื่อมต่อกันเรียบร้อย ปกติจะมีไอคอน Wi-Fi เล็กๆ ที่หน้า home ของมือถือ แปลว่าเชื่อมต่อเครือข่ายเรียบร้อยแล้ว
    • ถ้าใช้ Bluetooth ให้เช็คว่าอุปกรณ์เปิด Bluetooth แล้ว ปกติคุณเปิด/ปิด Bluetooth ได้ในเมนู "Settings" ของมือถือ นอกจากนี้ต้องเปิด Bluetooth ในคอมด้วย โดยเข้าไปที่ Control Panel หรือเมนู wireless connections จากนั้นรอจนอุปกรณ์ pair หรือเชื่อมต่อกับคอม
  4. จะใช้ปุ่มนำทางในหน้าจอ กลับไปยังหน้าหลัก แล้วปิดเมนูก็ได้ หรือปิดแอพแล้วเปิดขึ้นมาใหม่
  5. ปกติจะอยู่มุมขวาบนของหน้าจอ แตะแล้วจะเริ่มใช้งานเซิร์ฟเวอร์
    • ตอนนี้วางมือถือแล้วไปทำต่อในคอมได้เลย
  6. ปกติจะอยู่มุมซ้ายบนของหน้าต่างโปรแกรม
  7. ปกติจะเป็นตัวเลือกแรกในเมนู
  8. จะมีรายการตัวเลือกในกรอบทางซ้ายของหน้าต่าง ก็ให้เลือกประเภทการเชื่อมต่อเดียวกับที่เลือกไปก่อนหน้า
  9. ต้องระบุบางค่าพารามิเตอร์ของการเชื่อมต่อก่อน ถึงจะทำขั้นตอนต่อๆ ไปได้ เว้นแต่จะใช้งาน USB แบบนั้นไม่ต้องกรอกข้อมูลเพิ่มเติม
  10. ที่โผล่มาด้านล่างของหน้าต่าง
    • จะมีสถานะปัจจุบัน (เชื่อมต่อ (connected), ไม่มีการเชื่อมต่อ (disconnected)) รวมถึงประเภทการเชื่อมต่อ (USB, Bluetooth, Wi-Fi) ให้ดูด้วย ในกรอบด้านล่างของหน้าต่างโปรแกรม
    • พอเชื่อมต่อสำเร็จแล้ว ถ้ามีเสียงอะไรดังเข้ามาในมือถือ ก็จะถ่ายทอดไปยังคอม ถ้าจะฟังเสียงที่อัดได้ ให้ไปที่ Options > Play in speaker ในโปรแกรมคอม [3]
    • ให้คลิก Connection > Disconnect ในคอม หรือแตะปุ่ม stop ที่มือถือก็ได้ เวลาจะเลิกอัดเสียงและหยุดการเชื่อมต่อ
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

ใช้ iPhone เป็นไมโครโฟนให้เครื่อง Mac

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. แอพ microphone ใช้ได้ฟรี คะแนนรีวิวใน App Store ก็ดีด้วย [4]
    • ค้นหา "Microphone Live" ในแถบค้นหา ด้านล่างของหน้าจอ ให้เลือกที่พัฒนาโดย Von Bruno
    • แอพนี้มีเฉพาะใน App Store ของอุปกรณ์ Apple เท่านั้น
  2. ให้เสียบสาย lightning (ที่ติดมากับ iPhone) ที่พอร์ทชาร์จของ iPhone และที่พอร์ท USB ว่างของคอม [5]
  3. โดยคลิกไอคอน Spotlight ใน menu tray พิมพ์ "MIDI" แล้วคลิกผลการค้นหาแรกที่เขียนว่า "Audio MIDI Setup" [6]
    • ถ้าเสียบชาร์จ iPhone และปลดล็อคไว้ จะขึ้นเป็นตัวเลือกในกรอบทางซ้าย
  4. ปกติจะอยู่ในกรอบทางซ้ายของหน้าต่าง
  5. ที่เป็นไอคอนฟันเฟืองใน Dock หรือคลิกโลโก้ Apple มุมขวาบนของเมนูแทน จากนั้นคลิก System Preferences [7]
  6. ปกติจะอยู่ในแถวที่ 2 มีไอคอนรูปลำโพง
  7. ถ้าเลือกไว้แล้ว ก็ไม่ต้องทำขั้นตอนนี้
  8. ไอคอนของแอพจะเป็นรูปไมโครโฟนบนพื้นเทา ปกติอยู่ในหน้า Home สักหน้า
  9. แล้วจะเปลี่ยนสีจากแดงเป็นเทา แปลว่าเปิดแล้ว
    • แตะ Front iPhone Mic ถ้ายังไม่ได้เลือก ปกติจะอยู่มุมซ้ายล่างของหน้าจอ [8]
    • คุณใช้นิ้วปัดหน้าจอขึ้น-ลงได้ เพื่อปรับ volume ของไมโครโฟน
  10. ถ้าแสดงข้อมูลถูกต้องแล้ว ก็ไม่ต้องทำขั้นตอนนี้
    • แตะ Dock Connector ในเมนูที่เลื่อนขึ้นมา
    • ในคอมจะเห็น input level ในหน้า System Preferences แสดงเสียงที่ไมโครโฟนของ iPhone อัดได้ [9]
    • ต้องเปิดแอพ Microphone Live ใน iPhone ไว้ตลอด ระหว่างอัดเสียง
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

ใช้ Android

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. Smart Recorder เป็นแอพฟรีแบบมีโฆษณา ถ้าอยากปิดโฆษณาก็ต้องยอมเสียค่าบริการรายเดือน หรือ Google Play Pass ในราคา $4.99/เดือน (ประมาณ 150 บาท) ปกติ Google Play Store จะอยู่ในหน้า Home สักหน้า ใน app drawer หรือต้องค้นหาเอง [10]
    • พิมพ์ "Smart Recorder" ในแถบค้นหา ทางด้านบนของหน้าจอ แล้วแตะผลการค้นหาที่เขียนว่าพัฒนาโดย "SmartMob" จากนั้นแตะ Install เพื่อไปต่อ
    • มือถือ Samsung บางรุ่นที่ใช้ Android 6.0 ส่วนใหญ่จะมีแอพอัดเสียง (voice recorder) ชื่อ Samsung Voice Recorder ติดมาแต่แรก ก็ใช้แอพนี้แทน Smart Recorder ได้เลย แต่จริงๆ Smart Recorder จะได้คะแนนและรีวิวใน Google Play Store ดีกว่า [11]
  2. ที่ไอคอนเป็นรูปไมโครโฟนข้างจุดสีแดง ปกติอยู่ในหน้า Home สักหน้า ใน app drawer หรือต้องค้นหาเอง
  3. ปุ่มอัดเสียงนี้จะเป็นวงกลมสีแดง มีไอคอนไมโครโฟนข้างใน
    • ถ้าเพิ่งเคยอัดเสียงด้วย Smart Recorder ครั้งแรก ต้องแตะ Allow เพื่ออนุญาตให้แอพเข้าถึงไฟล์เพื่อจัดเก็บเสียงที่อัด และเข้าถึงไมโครโฟนเพื่อใช้อัดเสียงได้ซะก่อน
  4. ปกติไมโครโฟนของสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่จะอยู่ด้านล่างของตัวเครื่อง ด้านเดียวกับหน้าจอ หรือก็คือจุดที่ใกล้ปากของเราที่สุด เพราะงั้นถ้าจะอัดเสียงให้ออกมาชัดเจนที่สุด ก็ต้องจ่อไมโครโฟนไปใกล้ต้นเสียงมากที่สุด (ห่างไม่เกิน 1 - 2 นิ้ว (2.5 - 5 ซม.)) แต่ถ้าเข้าไม่ถึงต้นเสียงจริงๆ ก็ให้จ่อไมโครโฟนไปในทิศทางของเสียงแทน
    • ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องระดับเสียง (เช่น อยู่ในห้องเงียบ) ก็หงายมือถือวางไว้บนโต๊ะข้างตัวคุณได้เลย
  5. ถ้าจะเลิกอัดเสียงและเซฟไฟล์ ก็แตะวงกลมที่ข้างในมีติ๊กถูก ด้านล่างของหน้าจอ ได้เลย
    • ถ้าจะแค่ pause หรือหยุดอัดเสียงชั่วคราว ค่อยอัดต่อภายหลัง ก็แตะปุ่มกลมที่มีนาฬิกาจับเวลาแทน คำว่า "Pause" จะเปลี่ยนเป็น "Resume" แทน แตะแล้วเท่ากับกลับไปอัดเสียงต่อ
  6. ถ้าอยากเช็คว่าเสียงที่อัดมาชัดเจนดี ไม่มีคลื่นแทรกหรือเสียงรบกวน ให้แตะปุ่ม play เพื่อฟังตัวอย่างเสียง
    • ถ้าจะเปลี่ยนชื่อไฟล์ ให้แตะส่วนที่มีชื่อตั้งต้น (ปกติจะประมาณ "Recording 1")
    • พอเซฟไฟล์เสียง (audio) แล้ว ค้นหาได้โดยแตะ Recordings ที่มุมซ้ายล่างของหน้าหลักของแอพ
    • คุณแชร์เสียงที่อัดแล้วได้โดยแตะ Share ล่างตัวอย่างเสียง
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

ใช้ iPhone

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ไอคอนแอพจะเป็นคลื่นเสียงสีขาวแดง ปกติอยู่ในหน้า Home สักหน้า หรือในโฟลเดอร์ Utilities [12]
  2. ปกติปุ่มอัดเสียงนี้จะอยู่ด้านล่างของหน้าจอ
  3. ปกติไมโครโฟนของสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่จะอยู่ด้านล่างของตัวเครื่อง ด้านเดียวกับหน้าจอ หรือก็คือจุดที่ใกล้ปากของเราที่สุด เพราะงั้นถ้าจะอัดเสียงให้ออกมาชัดเจนที่สุด ก็ต้องจ่อไมโครโฟนไปใกล้ต้นเสียงมากที่สุด (ห่างไม่เกิน 1 - 2 นิ้ว (2.5 - 5 ซม.)) แต่ถ้าเข้าไม่ถึงต้นเสียงจริงๆ ก็ให้จ่อไมโครโฟนไปในทิศทางของเสียงแทน
  4. ปกติปุ่มนี้จะอยู่ด้านล่างของหน้าจอ ตรงที่เคยเป็นปุ่มอัดเสียง
    • พอแตะปุ่ม stop แล้ว voice memo หรือบันทึกเสียงของคุณก็จะถูกเซฟอัตโนมัติ คุณปรับแต่งแก้ไขในอุปกรณ์ไหนก็ได้ (เช่น iPad) ที่ล็อกอิน Apple ID เดียวกันไว้ [13]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้าเชื่อมต่อ Wi-Fi ใน WO Mic ไม่ได้ ให้เช็คว่า TCP outgoing port 8125 และ UDP incoming port 8126 ไม่ได้ถูกโปรแกรม Firewall บล็อก ถ้าอยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติม ลองไปที่หน้า FAQ (คำถามที่พบบ่อย) ของ เว็บ WO Mic ดู [14]
  • ถ้าอยากใช้แอพอัดเสียงหลายๆ track (เหมาะสำหรับนักดนตรี) ให้ลองใช้ J4T Multitrack (Android) หรือ FourTrack (iOS) ดู แต่ multitrack recorders ที่ดีๆ ส่วนใหญ่จะเป็นแบบเสียเงิน (รวมถึง 2 แอพที่ว่ามาด้วย)
  • จริงๆ แล้วมีแอพอัดเสียงเฉพาะเจาะจงตามจุดประสงค์ให้เลือกอีกมากมาย ซึ่งเยอะเกินกว่าจะไล่รายชื่อได้ทั้งหมด เราเลยขอแนะนำเพิ่มเติมอีก 2 - 3 แอพคุณภาพ ที่ใช้อัดเสียงตามจุดประสงค์ได้เป็นอย่างดี
    • StoryCorps ใช้อัดเสียงเล่าเรื่องราวในครอบครัว โดยจะอัดเสียงได้ครั้งละไม่เกิน 45 นาที พร้อมตัวเลือกให้คุณแชร์เสียงได้สะดวก รวมถึง archive หรือจัดเก็บเรื่องราวถาวรได้ด้วย
    • inClass ใช้อัดเสียงเลคเชอร์ และจัดการตาราง เหมาะกับนักเรียนนักศึกษาเป็นที่สุด [15]
    • Crowd Mics ให้ผู้ฟังจำนวนมากในงานใหญ่ ใช้สมาร์ทโฟนแทนไมโครโฟนได้ [16]
    • Voice Changer Plus (และแอพอื่นๆ ทำนองนี้) ใช้ปรับแต่งคลิปเสียง ด้วยลูกเล่นฮาๆ [17]
  • เวลาอัดเสียง ระวังเรื่องคลื่นแทรกหรือเสียงรบกวนรอบตัวด้วย อย่าอัดเสียงในห้องโล่งกว้าง พื้นผิวเรียบแข็ง เพราะจะเกิดเสียงสะท้อนก้อง รบกวนเสียงที่จะอัดได้ ซึ่งพรม พื้นพรม เฟอร์นิเจอร์นุ่มๆ และผ้าห่มนี่แหละ จะเป็นตัวซับเสียงสะท้อนให้คุณได้ ต่อมาคืออย่าอัดเสียงโดยที่มีเสียงบรรยากาศรบกวน เช่น เสียงก่อสร้าง เสียงตัดหญ้า เสียงเครื่องบิน พวกนี้พออัดเสียงออกมาจริงๆ แล้วกลบเสียงอื่นได้เลย จริงๆ แล้วไม่แนะนำให้อัดเสียงนอกบ้านเลย ถึงจะ ฟังดู ว่าเงียบสงบดี แต่แค่ลมพัด อัดเสียงมาก็ได้ยินเสียงลมตีไมโครโฟนเหมือนพายุได้แล้ว
  • ถ้าใช้ Voice Memos ใน iPhone ไม่ได้ แนะนำให้ใช้ Voice Recorder แทน [18]
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 10,211 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา