ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การงานส่วนใหญ่ในทุกวันนี้ต้องมีการได้ใช้คอมพิวเตอร์อยู่ระดับหนึ่ง นั่นหมายความว่าเกือบจะทุกคนต้องใช้เวลาอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ โชคไม่ดีที่การทำเช่นนี้ส่งผลให้เกิดอาการปวดตาหรือบาดเจ็บที่ตาได้ เพื่อจะหลีกเลี่ยงมัน คุณจะต้องปกป้องดวงตาคุณให้ถูกวิธีทั้งตอนที่อยู่หน้าจอและในตอนที่อยู่ห่างจากคอมพิวเตอร์

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ปกป้องดวงตาในระหว่างการใช้คอมพิวเตอร์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ปกติมักจะแนะนำว่าควรให้ห่างจากหน้าจอออกมาอย่างน้อยหนึ่งช่วงแขน เพื่อให้แน่ใจว่าคอมพิวเตอร์ของคุณติดตั้งไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสม จงลองใช้การทดสอบไฮไฟว์ดู: หากคุณสามารถทำไฮไฟว์กับหน้าจอคอมพิวเตอร์โดยยืดแขนออกไปได้สุดเหยียด แสดงว่าคุณนั่งใกล้จอเกินไป [1]
  2. วางจอคอมพิวเตอร์ให้ต่ำกว่าระดับสายตาของคุณราว 4 หรือ 5 นิ้ว. โดยที่ถูกต้องแล้วคุณควรจะต้องก้มมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ในมุม 15 ถึง 20 องศา เพื่อจะได้มั่นใจว่าลูกตาส่วนใหญ่จะถูกเปลือกตาปิดเอาไว้ ช่วยทำให้นัยน์ตามีความชุ่มชื้นและมีสุขภาพดี [2]
  3. ถ้าคุณต้องใช้หนังสือหรือเอกสารใดๆ ประกอบการทำงาน คุณสามารถทำให้ดวงตาเกิดความเครียดขึ้นได้จากการไม่วางมันในตำแหน่งที่ถูกต้อง ถ้าวางต่ำเกินไป สายตาจะต้องคอยปรับโฟกัสทุกครั้งที่เหลือบมอง ส่งผลให้เกิดอาการนัยน์ตาล้า คุณยังอาจเมื่อยคอเพราะต้องก้มมองบ่อยๆ เอกสารอ้างอิงนั้นควรจะวางอยู่เหนือคีย์บอร์ดและอยู่ใต้จอคอมพิวเตอร์ ให้หาที่วางเอกสารหรือหนังสือมาช่วยยึดมันไว้ให้สูงขึ้นมาสักสองสามนิ้วและช่วยผ่อนคลายดวงตา [3] [4]
  4. โดยธรรมชาติเราจะกระพริบตาราว 20 ครั้งทุกนาที แต่เวลาที่มัวจ้องหน้าจอ ตัวเลขนี้อาจลดลงได้กว่าครึ่ง นั่นหมายความว่าดวงตาของคุณเสี่ยงต่อการเกิดอาการแห้งมากขึ้นเวลาทำงานกับคอมพิวเตอร์ เนื่องจากร่างกายลืมกระพริบตาให้บ่อยเท่าเดิม คุณจึงควรมีสติตระหนักในเรื่องนี้และคอยเตือนตัวเองให้กระพริบตา [5]
    • จงใจกระพริบตาทุกๆ ห้าวินาทีหรือประมาณนั้น
    • หากคุณรู้สึกว่าเรื่องนี้รบกวนคุณมากเกินไป ให้ลองพักดู ทุกๆ 20 นาทีให้เบนสายตาออกจากหน้าจอคอมพิวเตอร์สัก 20 วินาที มันจะช่วยให้คุณกระพริบตาตามธรรมชาติและให้ดวงตากลับมาชุ่มชื้น
  5. หน้าจอควรจะมีความสว่างสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อม ถ้าคุณทำงานในห้องที่เปิดไฟสว่างไสว คุณสามารถเพิ่มความสว่างของหน้าจอได้ ถ้าห้องสลัวลงก็ลดความสว่างลงมา แม้หน้าจอควรจะเป็นวัตถุที่มีความสว่างที่สุดของห้อง แต่มันก็ไม่ควรปรับให้มีความสว่างจ้าสูงสุดในห้องที่เปิดไฟสลัว [6]
    • ดวงตาของคุณจะฟ้องเองว่าหน้าจอนั้นสว่างอย่างเหมาะสมหรือไม่ ถ้าสายตาเริ่มล้า ให้พยายามปรับค่าความสว่างให้สัมพันธ์กับสภาพแวดล้อม
  6. แสงไฟจากสภาพแวดล้อมสามารถสะท้อนบนหน้าจอและทำให้ดวงตาเกิดอาการล้าได้ มีหลายวิธีที่จะช่วยคุณลดแสงจ้าและทำให้ดวงตามีสุขภาพดี
    • ทำความสะอาดหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นประจำ ฝุ่นผงบนหน้าจอสามารถสะท้อนแสงเข้านัยน์ตา ให้ใช้ผ้าหรือสเปรย์ทำความสะอาดที่ออกแบบมาเฉพาะทำความสะอาดหน้าจออยู่เป็นประจำ [7]
    • หลีกเลี่ยงการนั่งโดยมีหน้าต่างอยู่ข้างหลัง แสงแดดจะตกกระทบหน้าจอและสะท้อนกลับเข้าสู่นัยน์ตา ถ้าหากเลี่ยงไม่ได้ ให้หาผ้าม่านหรือกระดาษมาปิดหน้าต่างเพื่อช่วยลดแสงจ้าลง [8]
    • ใช้หลอดไฟที่มีจำนวนวัตต์ต่ำ หลอดไฟกำลังวัตต์สูงจากโคมไฟตั้งโต๊ะและไฟเพดานจะสะท้อนแสงตกบนหน้าจอ ถ้าที่ทำงานของคุณมีความสว่างมาก ให้ลองเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟที่มีกำลังไฟน้อยกว่า [9]
  7. สมาคมทัศนมาตรศาสตร์แห่งอเมริกาแนะนำว่าในทุกๆ สองชั่วโมงที่ใช้จ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ คุณควรหยุดพัก 15 นาที ระหว่างช่วงเวลานั้นคุณควรกระพริบตา หลับตา ปล่อยให้สายตาได้พักและเพิ่มความชุ่มชื้นใหม่ [10]
    • นี่ไม่ใช่แค่คำแนะนำที่ดีในการปกป้องดวงตาเท่านั้น แต่ยังดีต่อสุขภาพโดยรวมด้วย การนั่งติดต่อกันเป็นเวลานานจะเกิดผลเสียต่อบริเวณหลัง ข้อต่อ ท่วงท่า และน้ำหนัก ให้ใช้ช่วงจังหวะพักนี้ยืดเหยียดร่างกายและเดินไปมาเพื่อป้องกันผลกระทบที่เกิดจากการนั่งแช่เป็นเวลานาน
  8. แว่นตาบางชนิดได้รับการฉาบสีโดยเฉพาะให้ลดแสงจ้าจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ จักษุแพทย์จะสามารถแนะนำแว่นที่มีคุณภาพดีที่จะช่วยปกป้องสายตาคุณจากแสงจ้า แว่นแบบนี้มีทั้งที่ต้องใช้ใบสั่งจากแพทย์หรือหาซื้อตามร้านขายแว่นก็ได้ [11]
    • ให้แน่ใจว่าคุณใช้แต่เลนส์ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับลดแสงจ้าจากจอคอมพิวเตอร์ แว่นสายตาทั่วไปไม่ช่วยอะไรในการณ์นี้ [12]
  9. หยุดทำงานถ้าคุณมีอาการตาล้าจากการใช้อุปกรณ์ดิจิตอล (digital eye strain )/โรคตาที่มาพร้อมกับคอมพิวเตอร์ (computer vision syndrome). จักษุแพทย์ใช้ศัพท์คำนี้เพื่ออธิบายผลกระทบจากการใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันนานๆ อาการเหล่านี้ไม่ได้เกิดถาวรและควรจะบรรเทาลงเมื่อคุณเลิกเล่นคอมพิวเตอร์ไปสักสองสามชั่วโมง อย่างไรก็ตาม พวกมันสามารถสร้างความไม่สะดวกอย่างมาก และถ้าทำเพิกเฉยก็มีสิทธิก่อให้เกิดปัญหาทางสายตาอย่างถาวรได้ [13]
    • อาการที่เกิดรวมไปถึงอาการปวดศีรษะ ตาล้า ภาพเบลอ ดวงตาดำคล้ำหรือเปลี่ยนสี และอาการปวดต้นคอและบ่า
    • โดยการใช้ขั้นตอนต่างๆ ในบทความส่วนนี้เวลาใช้คอมพิวเตอร์ คุณสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดอาการตาล้าจากการใช้อุปกรณ์ดิจิตอลลงได้อย่างมาก ถึงกระนั้นบางทีคำตอบที่ดีที่สุดคือการพักยาวๆ ให้ดวงตาได้พักเต็มที่
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

ปกป้องดวงตาของคุณเวลาห่างจากคอมพิวเตอร์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ความสามารถในการมองเห็นในชีวิตประจำวันมีอิทธิพลว่าการใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันนานๆ จะมีผลต่อคุณมากน้อยแค่ไหน อาการทางสายตาอย่างสายตายาว อาการตาพร่า และอาการสายตาปรับโฟกัสไม่ได้ ล้วนสามารถทำให้อาการตาล้าจากคอมพิวเตอร์แย่ลงมากกว่าเดิม [14] จักษุแพทย์สามารถสั่งตัดเลนส์แก้สภาพการมองเห็นเพื่อช่วยถนอมสายตาและลดผลกระทบจากจอคอมพิวเตอร์ให้น้อยลง เขายังสามารถแนะนำวิธีการหลากหลายที่จะช่วยปกป้องดวงตาในระหว่างการใช้คอมพิวเตอร์ด้วย
  2. ใช้กฏเดียวกับการใช้คอมพิวเตอร์เวลามองหน้าจอสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือโทรทัศน์. จากการแพร่หลายของอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคแบบพกพาเหล่านี้ คนจำนวนมากจึงพบอาการตาล้าจากการจ้องหน้าจอสมาร์ทโฟน [15] คุณควรทำตามกฏที่ใช้กับคอมพิวเตอร์มาใช้กับทุกอย่างที่มีหน้าจอ: ทำความสะอาดหน้าจอ ปรับความสว่างของหน้าจอ หาเวลาพักสายตา และยิ่งกว่านั้น มันมีเพิ่มเติมอีกสองสามข้อที่คุณจะทำได้เวลามองอุปกรณ์พกพา [16]
    • ถือโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตห่างจากใบหน้า 16 – 18 นิ้ว การถือใกล้กว่านั้นจะทำให้ตาล้า
    • ถึงแม้ว่าหลายๆ คนจะชอบดูโทรศัพท์ในระหว่างนอนบนเตียง นี่เป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรทำ จำไว้ว่าหากหน้าจอมีความสว่างกว่าแสงในสภาวะแวดล้อมมาก มันจะทำให้ดวงตาล้า พยายามลดนิสัยนี้ให้เกิดน้อยที่สุด ถ้าคุณยังคงทำเช่นนี้เรื่อยๆ อย่างน้อยควรปรับความสว่างของหน้าจอเพื่อลดอาการตาล้าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
  3. รังสีอุลตราไวโอเล็ตจากดวงอาทิตย์สามารถสร้างความเสียหายแก่นัยน์ตาได้อย่างมากถ้ามันไม่ได้รับการป้องกัน สภาวะอย่างอาการต้อกระจกหรือจอประสาทตาเสื่อมอาจเกิดขึ้นหรือมีอาการรุนแรงขึ้นจากแสงแดด หาซื้อแว่นกันแดดคุณภาพดีและสวมมันทุกคราวที่ต้องออกไปกลางแจ้ง ให้มองหาสติกเกอร์ติดคำว่า "ANSI" บนแว่นกันแดดเพื่อความมั่นใจว่ามันได้มาตรฐานตามคำแนะนำของสถาบันรับรองมาตรฐานแห่งชาติอเมริกาและกรองรังสียูวีออกไปตามปริมาณที่บอกไว้ [17]
  4. คอนแทคเลนส์ที่เก่าหรือสกปรกสามารถสร้างความเสียหายแก่ดวงตา ถึงขั้นอาจนำไปสู่อาการติดเชื้อที่เสี่ยงต่อตาบอด โดยการดูแลเลนส์ให้ถูกต้องจะช่วยป้องกันความเสียหายแก่ดวงตาได้ [18]
    • ล้างเลนส์หลังจากการใช้ทุกครั้งด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่ได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านสายตา
    • ล้างมือก่อนจะหยิบจับคอนแทคเลนส์ เพื่อให้มั่นใจว่าคุณไม่ได้ถ่ายโอนแบคทีเรียจากมือไปที่คอนแทคเลนส์ ให้ล้างด้วยสบู่ที่ปลอดสารเคมีและหัวน้ำหอม คุณสามารถถ่ายสารเคมีและหัวน้ำหอมไปยังตัวเลนส์และทำให้ระคายเคืองนัยน์ตาได้
    • เติมเครื่องสำอางหลังจากใส่คอนแทคเลนส์แล้ว และล้างเครื่องสำอางหลังจากถอดเลนส์ออกแล้ว
    • อย่าหลับทั้งที่ยังใส่คอนแทคเลนส์ เว้นเสียแต่ว่ามันถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อใช้งานต่อเนื่อง
  5. สวมแว่นตากันลมหรือแว่นตานิรภัยเวลาที่ต้องทำงานกับเครื่องจักรหรือสารเคมี. วัตถุที่มีขนาดเล็กสามารถทำความเสียหายอย่างมากถ้าเกิดเล็ดลอดเข้าตา ไม่ว่าคุณจะทำงานกับเครื่องมือไฟฟ้า ตัดหญ้า หรือใช้น้ำยาทำความสะอาดครัว คุณควรสวมเครื่องป้องกันดวงตาอย่างเหมาะสม จะได้มั่นใจว่าดวงตาจะปลอดภัยดีตลอด [19]
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ปกป้องดวงตาด้วยการควบคุมอาหาร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. วิตามินซีไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันไม่ให้คุณล้มป่วย แต่มันยังดีสำหรับสุขภาพดวงตาอีกด้วย มีหลักฐานที่ชี้ว่ามันช่วยป้องกันการก่อต้อกระจกและอาการจอประสาทตาเสื่อม [20] ในขณะที่ผักผลไม้ส่วนใหญ่จะมีวิตามินซีอยู่ แต่อาหารต่อไปนี้นับว่าเป็นแหล่งสำคัญของวิตามินตัวนี้: [21] [22]
    • ส้ม ส้มหนึ่งผลจะให้วิตามินจำนวนเท่ากับที่คุณต้องการในหนึ่งวัน เป็นการดีกว่าถ้าจะรับวิตามินซีจากส้มหนึ่งผลแทนที่จะเป็นน้ำส้มคั้น เพราะคุณจะสามารถเลี่ยงน้ำตาลที่เติมเพิ่มเข้ามาจากในน้ำส้มได้
    • พริกเหลือง แค่พริกใหญ่หนึ่งใบจะให้วิตามินซีสูงถึง 500% จากปริมาณที่ต้องการ เอามาหั่นและรับประทานเป็นอาหารว่างได้ตลอดทั้งวัน
    • ผักสีเขียวเข้ม โดยเฉพาะคะน้ากับบร็อคโคลีมีวิตามินซีสูง แค่คะน้าหรือบร็อคโคลีถ้วยเดียวก็พอกับปริมาณวิตามินซีที่ต้องการทั้งวัน
    • เบอร์รี่ ไม่ว่าบลูเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ แบล็คเบอร์รี่ หรือราสเบอร์รี่ล้วนแล้วแต่เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับวิตามินซีทั้งสิ้น
  2. วิตามินตัวนี้ช่วยพัฒนาการมองเห็นในที่มืด อาหารที่มีสีส้มหรือสีเหลืองมักจะมีวิตามินเอสูง ฉะนั้นให้แน่ใจว่าคุณได้รับมันเยอะๆ จากการทานอาหาร [23]
    • แครอท แครอทได้รับการยกย่องว่าเป็นอาหารสำหรับพัฒนาสายตามานานหลายทศวรรษ ถึงแม้มันจะไม่ใช่อาหารชนิดเดียวที่จะช่วยพัฒนาสายตา แต่มันก็มีวิตามินเอสูงและเป็นอาหารที่ดีสำหรับการถนอมสายตา
    • มันหวาน นี่เป็นอาหารอีกหนึ่งอย่างที่เต็มไปด้วยวิตามินเอ แถมเป็นเครื่องเคียงที่แสนอร่อยสำหรับอาหารจานหลักหลายอย่าง
  3. ซิงค์ช่วยในการผลิตเมลานินหรือเม็ดสีที่ช่วยป้องกันดวงตา [24] มีอาหารหลายอย่างที่จะช่วยเพิ่มปริมาณซิงค์ให้คุณ [25]
    • สัตว์ทะเลที่มีเปลือก ล็อบสเตอร์ ปู หอยนางรม ล้วนแล้วแต่ให้ซิงค์ปริมาณสูง
    • ผักโขมและผักใบเขียวอื่นๆ นอกจากวิตามินซีแล้ว ผักเหล่านี้ยังให้ซิงค์ที่ช่วยปกป้องดวงตาด้วย
    • ถั่ว มะม่วงหิมพานต์ ถั่วลิสง อัลมอนด์ และวอลนัทล้วนมีซิงค์สูง และง่ายต่อการทำเป็นอาหารว่างขบเคี้ยวตลอดวัน
  4. มันเป็นผลดีต่อสุขภาพโดยรวม พวกมันจะพัฒนาการทำงานของเส้นประสาท ดังนั้นจึงช่วยพัฒนาการทำงานของเส้นประสาทที่เกี่ยวข้องกับการมองเห็นด้วย แหล่งโอเมก้า-3 ที่ดีคือน้ำมันปลาเช่นแซลมอน ซาร์ดีน และเฮอร์ริง [26]
  5. ปัญหาหนึ่งของดวงตาที่พบเห็นบ่อยก็คือการปล่อยให้ตาแห้ง ในขณะที่มันมีหลายสภาวะที่นำไปสู่การเกิดตาแห้ง อย่างหนึ่งคือร่างกายคุณอาจขาดน้ำ อาการขาดน้ำแสดงออกมาหลายรูปแบบ รวมไปถึงการผลิตน้ำตาลดน้อยลง พยายามดื่มน้ำเข้าสู่ร่างกายเพื่อดูว่ามันช่วยให้ดวงตาของคุณรู้สึกแห้งน้อยลงหรือไม่ [27]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ปรึกษาจักษุแพทย์เสมอหากคุณมีปัญหาดวงตา
  • ถ้าคุณทำงานดึก มันอาจทำให้ดวงตาเกิดอาการเครียดได้ ลองใช้ "f.lux" ซอฟท์แวร์สำหรับการปกป้องหน้าจอที่จะช่วยให้คุณลดอาการเครียดทางสายตาลง คุณยังสามารถใช้แผ่นกรองแสงหน้าจอด้วยเหตุผลเดียวกันก็ได้ เช่น "Blue Light Shield"
โฆษณา
  1. http://www.aoa.org/patients-and-public/caring-for-your-vision/protecting-your-vision/computer-vision-syndrome?sso=y
  2. http://www.aoa.org/patients-and-public/caring-for-your-vision/protecting-your-vision/computer-vision-syndrome?sso=y
  3. http://www.allaboutvision.com/cvs/computer_glasses.htm
  4. http://www.aoa.org/patients-and-public/caring-for-your-vision/protecting-your-vision/computer-vision-syndrome?sso=y
  5. http://www.aoa.org/patients-and-public/caring-for-your-vision/protecting-your-vision/computer-vision-syndrome?sso=y
  6. http://www.aoa.org/patients-and-public/caring-for-your-vision/protecting-your-vision/computer-vision-syndrome?sso=y
  7. http://www.entrepreneur.com/article/232665
  8. http://www.realsimple.com/health/preventative-health/eye-health/page2
  9. http://www.webmd.com/eye-health/caring-contact-lens
  10. http://www.webmd.com/eye-health/good-eyesight
  11. http://www.aoa.org/patients-and-public/caring-for-your-vision/diet-and-nutrition?sso=y
  12. http://www.healthaliciousness.com/articles/vitamin-C.php
  13. http://www.webmd.com/healthy-aging/nutrition-world-3/foods-eye-health
  14. http://www.webmd.com/healthy-aging/nutrition-world-3/foods-eye-health?page=2
  15. http://www.aoa.org/patients-and-public/caring-for-your-vision/diet-and-nutrition?sso=y
  16. http://www.healthaliciousness.com/articles/zinc.php
  17. http://www.aoa.org/patients-and-public/caring-for-your-vision/diet-and-nutrition?sso=y
  18. http://news.essilorusa.com/stories/detail/dehydrated-how-not-drinking-enough-water-impacts-your-eyes

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 3,490 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา