ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

โดยปกติแล้วกระเบื้องเป็นวัสดุที่เกิดคราบเปื้อนได้ค่อนข้างยาก อย่างไรก็ตาม สิ่งสกปรกบางชนิด เช่น เลือด หมากฝรั่ง น้ำมัน น้ำหมึก หรือน้ำยาทาเล็บ สามารถทิ้งคราบไว้บนกระเบื้องของคุณได้อย่างถาวร แต่ไม่ต้องกังวล คุณสามารถขจัดคราบเปื้อนบนกระเบื้องให้หลุดออกได้อย่างง่ายดายด้วยผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่หาได้ทั่วไปตั้งแต่น้ำโซดาไปจนถึงไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ซึ่งแต่ละวิธีการต่างมีประสิทธิภาพในการขจัดคราบเปื้อนแต่ละชนิดที่แตกต่างกันไป ดังนั้นอย่าลืมทดสอบผลิตภัณฑ์ที่คุณเลือกใช้ตรงจุดที่ไม่เป็นที่สังเกตก่อนเป็นอันดับแรกเพื่อดูว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวทำอันตรายใดๆ ต่อพื้นผิวกระเบื้องหรือไม่

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ใช้สารทำความสะอาดในครัวเรือน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เช็ดคราบเปื้อนออกด้วยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 3%. ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์เป็นสารทำความสะอาดที่มีความเข้มข้นสูงแม้ว่าจะเจือจางลงแล้วก็ตาม คุณจึงควรใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ปริมาณเพียงเล็กน้อยในการเช็ดคราบเปื้อนออก นอกจากนี้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ยังมีฤทธิ์กัดกร่อนค่อนข้างสูง ดังนั้นคุณควรเช็ดทำความสะอาดพื้นผิวกระเบื้องด้วยน้ำเปล่าตามทันทีหลังจากคราบเปื้อนหลุดออกไปแล้ว
    • สำหรับคราบเปื้อนที่ขจัดออกยาก ให้คุณใช้ผ้าขี้ริ้วชุบไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์วางทับลงบนคราบเปื้อนและทิ้งไว้ 1-2 ชั่วโมง จากนั้นนำผ้าออกก่อนลงมือขัดคราบเปื้อนให้หลุดออก ก่อนเริ่มใช้เทคนิคนี้ในการขจัดคราบเปื้อนตรงบริเวณที่มองเห็นได้ชัด ให้คุณลองทดสอบตรงจุดที่ไม่เป็นที่สังเกตก่อนเพื่อให้แน่ใจว่าไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์จะไม่ทำลายพื้นผิวกระเบื้องของคุณ
    • ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์สามารถขจัดคราบกาแฟ คราบน้ำยาทาเล็บ และคราบเลือดบนกระเบื้องเซรามิคหรือกระเบื้องเคลือบเงาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    • ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกับน้ำยาฟอกขาว ดังนั้นก่อนที่คุณจะลงมือทำความสะอาดห้องครัวด้วยสเปรย์หรือน้ำยาทำความสะอาดชนิดอื่นๆ อย่าลืมเช็ดไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ที่หลงเหลืออยู่บนกระเบื้องออกให้หมด
  2. เจือจางน้ำยาฟอกขาวในน้ำเย็นเพื่อขจัดคราบฝังแน่นหรือคราบอาหาร. เทน้ำยาฟอกขาว 1 ฝาลงไปถังน้ำเย็น 1 แกลลอน (4 ลิตร) และผสมให้เข้ากัน จากนั้นใช้ผ้าขาวจุ่มลงไปให้พอชุ่มก่อนนำไปขัดตรงบริเวณที่มีคราบเปื้อน แต่หากคราบเปื้อนยังคงไม่หลุดออก ให้คุณเติมน้ำยาฟอกขาวเพิ่มลงไปอีก 1 ฝาและลองเช็ดคราบเปื้อนออกอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม พึงระวังไว้ว่าการใช้น้ำยาฟอกขาวในปริมาณมากสามารถทำให้พื้นผิวอื่นๆ นอกเหนือจากคราบเปื้อนเกิดความเสียหายได้
    • น้ำยาฟอกขาวสามารถขจัดคราบน้ำหมึก คราบกาแฟ คราบน้ำผลไม้ และคราบเลือดได้อย่างประมีสิทธิภาพ รวมถึงคราบสกปรกอื่นๆ ที่สารทำความสะอาดทั่วไปสามารถขจัดออกได้ยาก [1]
    • ข้อควรระวังหนึ่งในการใช้น้ำยาฟอกขาวคือน้ำยาฟอกขาวสามารถทำปฏิกิริยากับสารทำความสะอาดชนิดอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารที่มีส่วนประกอบของแอมโมเนีย ดังนั้นคุณต้องแน่ใจว่าน้ำยาฟอกขาวถูกล้างออกไปจนหมดและรอสักพักหนึ่งให้พื้นผิวกระเบื้องแห้งสนิทก่อนใช้สารทำความสะอาดอื่นๆ ทำความสะอาดพื้นผิวบริเวณใกล้เคียง
  3. ราดน้ำเปล่าในบริเวณที่มีคราบเปื้อนให้พอเปียกและโรยผงขัดลงไปบนคราบเปื้อนให้ทั่ว คนเบาๆ ให้ผงขัดละลายในน้ำเปล่าและทิ้งไว้บนคราบเปื้อนสักครู่หนึ่งก่อนเช็ดออกให้สะอาดด้วยแผ่นใยขัดหรือผ้าขี้ริ้ว
    • ผงขัดสามารถขจัด คราบสกปรกทั่วไป เช่น คราบมัน คราบอาหาร และคราบน้ำ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    • หากคุณจำเป็นต้องขจัดคราบเปื้อนด้วยวิธีอื่นๆ อย่าลืมผงขัดออกให้สะอาดด้วยน้ำเปล่าและรอให้แห้งสนิทก่อน เนื่องจากสารเคมีในผงขัดบางชนิดอาจทำปฏิกิริยาที่รุนแรงกับสารทำความสะอาดอื่นๆ ได้
  4. ผสมบอแรกซ์เข้ากับน้ำเปล่าเพื่อใช้ขจัดคราบเปื้อนบนกระเบื้อง. บอแรกซ์เป็นสารเคมีที่นิยมใช้ในการซักเสื้อผ้ากันโดยทั่วไป แต่รู้หรือไม่ว่าบอแรกซ์ก็สามารถทำความสะอาดพื้นผิวห้องครัวได้ดีไม่แพ้กัน ผสมบอแรกซ์ 1 ถ้วย (400 กรัม) ในน้ำเปล่า ¼ ถ้วย (60 มล.) ก่อนใช้แผ่นใยขัดจุ่มลงไปให้พอชุ่มและนำไปขัดตรงบริเวณที่มีคราบเปื้อนจนกระทั่งคราบเปื้อนหลุดออกจนหมด ซึ่งสำหรับคราบฝังแน่นอาจจำเป็นต้องออกแรงขัดมากขึ้น [2]
    • ใช้บอแรกซ์กับกระเบื้องเคลือบเงา เช่น เซรามิค พอร์ซเลน หรือหินอ่อน เท่านั้น
    • ผสมบอแรกซ์ 2 ช้อนโต๊ะในน้ำเปล่า 1 แกลลอน (4 ลิตร) สำหรับใช้ในการถูพื้นตามปกติเพื่อป้องกันการเกิดคราบเปื้อนตั้งแต่ต้น [3]
  5. หาซื้อผงขจัดคราบสำหรับหินอ่อนสำหรับกระเบื้องหินอ่อนหากวิธีอื่นๆ ไม่ได้ผล. โรยผงขจัดคราบลงไปบนคราบเปื้อนให้หนาประมาณ ¼ นิ้ว (0.5 ซม.) และปิดทับด้วยพลาสติกคลุมพื้น ทิ้งไว้ 1-2 วันก่อนเช็ดออกให้สะอาดและลองเช็คดูว่าคราบเปื้อนหลุดออกไปหรือไม่ [4]
    • กระเบื้องหินอ่อนมีโครงสร้างและองค์ประกอบที่แตกต่างจากกระเบื้องชนิดอื่นๆ ดังนั้นแม้ว่าคุณจะสามารถทำความสะอาดด้วยน้ำยาฟอกขาวหรือไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ได้ตามปกติ แต่ผงขจัดคราบสำหรับหินอ่อนถูกออกแบบมาสำหรับการทำความสะอาดหินอ่อนโดยเฉพาะ
    • คุณอาจใช้ผงขจัดคราบซ้ำอีกครั้งหากคราบเปื้อนยังคงไม่สลายตัว และทิ้งไว้นานกว่าเดิมอีก 1 วันสำหรับคราบเปื้อนที่ฝังลึกเป็นพิเศษ
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ลองวัตถุดิบจากธรรมชาติ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เทน้ำโซดาลงไปบนคราบเปื้อนและทิ้งไว้สักพักเพื่อสลายคราบน้ำหวานหรือคราบไขมัน. เลือกใช้น้ำโซดาที่ไม่มีรสชาติและปราศจากน้ำตาล เพราะสิ่งที่จำเป็นในการขจัดคราบให้หลุดออกมีน้ำเปล่าและแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เท่านั้น เทน้ำโซดาลงไปบนคราบเปื้อนให้ท่วมและทิ้งไว้สักครู่หนึ่ง แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์สามารถช่วยสลายคราบเปื้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นหลังจากนี้เพียงคุณเช็ดน้ำโซดาออกให้แห้งและขัดด้วยแผ่นใยขัด คราบเปื้อนก็จะหลุดออกมาได้อย่างง่ายดาย
    • น้ำโซดาสามารถขจัดคราบน้ำมันและคราบไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ในการขจัดคราบน้ำหวานได้ดีเช่นกัน เช่น คราบเปื้อนจากน้ำอัดลมที่เผลอทำหก [5]
  2. ใช้น้ำส้มสายชูทำความสะอาดคราบเปื้อนตามยาแนวกระเบื้อง. เทน้ำส้มสายชูลงไปบนแผ่นใยขัดและนำไปขัดแรงๆ ตามยาแนวกระเบื้องเพื่อขจัดสิ่งสกปรกหรือคราบดำให้หลุดออก อย่างไรก็ตาม อย่าผสมน้ำส้มสายชูเข้ากับเบคกิ้งโซดาหรือสารทำความสะอาดชนิดอื่นๆ เพราะจะเป็นการทำลายประสิทธิภาพในการทำความสะอาดของส่วนประกอบทั้งสองชนิด [6] หากตามยาแนวยังคงสกปรกอยู่หลังจากที่ทำความสะอาดด้วยน้ำส้มสายชูแล้ว ให้คุณล้างน้ำส้มสายชูออกให้สะอาดด้วยน้ำเปล่าก่อนลงมือทำความสะอาดด้วยวิธีอื่นๆ
    • น้ำส้มสายชูสามารถขจัดคราบเปื้อนตามยาแนวกระเบื้องได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งยังสามารถทำความสะอาดพื้นผิวของอุปกรณ์ต่างๆ ที่เป็นเซรามิค เช่น อ่างอาบน้ำ โถส้วม และอ่างล้างมือ ได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการขจัดคราบตะกรัน
    • เลือกใช้น้ำส้มสายชูเข้มข้นสูงสำหรับการทำความสะอาดโดยเฉพาะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาด เนื่องจากน้ำส้มสายชูสำหรับทำอาหารทั่วไปอาจไม่เข้มข้นมากพอสำหรับการขจัดคราบเปื้อน โดยคุณสามารถมองหาน้ำส้มสายชูเข้มข้นสูงได้จากแผนกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด
  3. ผสมเบคกิ้งโซดากับน้ำเปล่าสำหรับทำความสะอาดกระเบื้องที่ไม่ใช่เซรามิค. แม้ว่าคุณจะสามารถทำความสะอาดกระเบื้องเซรามิค กระเบื้องหินอ่อน หรือวัสดุเคลือบเงาอื่นๆ ได้ง่ายๆ ด้วยวิธีต่างๆ ในบทความนี้ แต่สำหรับกระเบื้องหินชนวนหรือวัสดุชนิดไม่เคลือบเงาอาจจำเป็นต้องทำความสะอาดด้วยเบคกิ้งโซดาผสมน้ำเปล่าเท่านั้น ผสมเบคกิ้งโซดา 3 ส่วนเข้ากับน้ำเปล่า 1 ส่วนและคนให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียวก่อนนำไปขัดตรงบริเวณที่มีคราบเปื้อนด้วยแปรงสีฟัน [7]
    • เบคกิ้งโซดาและน้ำเปล่าเหมาะสำหรับการทำความสะอาดกระเบื้องหินชนวนมากกว่าเมื่อเทียบกับวิธีอื่นๆ เพราะไม่ก่อให้เกิดเป็นคราบถาวรที่สามารถล้างออกได้ง่ายๆ บนกระเบื้องเซรามิคหรือวัสดุเคลือบเงาอื่นๆ
    • เบคกิ้งโซดาสามารถขจัดคราบเปื้อนเล็กๆ ที่เหนียวเหนอะหนะได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งยังสามารถทำความสะอาดคราบเปื้อนที่มีขนาดใหญ่ได้ดีเช่นกันเมื่อออกแรงขัดมากขึ้น
    • เบคกิ้งโซดาอาจทิ้งคราบมันวาวขาวๆ ไว้บนพื้นผิวกระเบื้องหลังจากทำความสะอาดเสร็จแล้ว ดังนั้นเพื่อป้องกันการเกิดคราบมันวาวขาวๆ จากเบคกิ้งโซดา ให้คุณล้างพื้นผิวกระเบื้องให้สะอาดด้วยน้ำเปล่าและใช้ผ้าขี้ริ้วเช็ดอีก 2-3 ครั้ง
  4. ฉีดน้ำเลมอนลงไปบนคราบตะกรันบนกระเบื้องเคลือบเงา. น้ำเลมอนมีความเป็นกรดสูงและสามารถสลายคราบตะกรันที่ติดบนกระเบื้องเคลือบเงาได้อย่างง่ายดาย เพียงฉีดน้ำเลมอนลงไปบนคราบเปื้อนหรือใช้ผ้าขี้ริ้วหรือฟองน้ำจุ่มลงไปในน้ำเลมอนและออกแรงขัดจนกระทั่งคราบเปื้อนหลุดออก
    • น้ำเลมอนสามารถใช้ในการทำความสะอาดกระเบื้องเคลือบเงา เช่น เซรามิคหรือพอร์ซเลน ได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นและห้ามนำไปใช้กับกระเบื้องหินหรือกระเบื้องหินชนวนโดยเด็ดขาด เพราะความเป็นกรดของน้ำเลมอนสามารถก่อให้เกิดคราบที่ไม่สามารถขจัดออกได้บนพื้นผิวกระเบื้องได้ [8]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ขจัดคราบยางเหนียวๆ ด้วยน้ำแข็ง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เติมน้ำแข็งก้อนให้เต็มถุงพลาสติกและนำไปวางทับไว้บนคราบแว็กซ์ คราบหมากฝรั่ง หรือคราบยางมะตอย. เติมน้ำแข็งก้อนลงไปในถุงซิปล็อคที่มีขนาดเท่ากับคราบเปื้อน โดยคุณสามารถเลือกใช้ถุงซิปล็อคสำหรับใส่แซนด์วิชสำหรับคราบเปื้อนเล็กๆ แต่สำหรับคราบเปื้อนที่มีขนาดใหญ่อาจจำเป็นต้องเลือกใช้ถุงซิปล็อคสำหรับอาหารแช่แข็งเพื่อให้ใหญ่พอที่จะปิดทับคราบเปื้อนได้หมด แช่น้ำแข็งเตรียมไว้ล่วงหน้าเพื่อให้คุณสามารถเริ่มลงมือขจัดคราบเปื้อนบนกระเบื้องได้อย่างรวดเร็ว [9]
    • การใช้น้ำแข็งวางทับลงไปสามารถใช้ได้ผลเฉพาะกับคราบยางเหนียวๆ อย่างยางมะตอย แว็กซ์ และกาวเท่านั้นเพื่อเป็นการทำให้คราบเปื้อนแข็งตัวและสามารถแซะออกได้ง่ายยิ่งขึ้น ดังนั้นวิธีนี้จึงไม่มีประสิทธิผลใดๆ ต่อคราบเปื้อนจากของเหลว
    • ไนโตรเจนเหลวสามารถใช้ในการขจัดคราบยางเหนียวๆ ได้เช่นกัน แต่การควบคุมหัวฉีดให้แม่นยำอาจทำได้ค่อนข้างยากและอาจทำให้กระเบื้องได้รับความเสียหายได้ ดังนั้นหลีกเลี่ยงการใช้ไนโตรเจนเหลวหากคุณควบคุมหัวฉีดได้ไม่ถนัดนัก
  2. ใช้ไม้แซะคราบเปื้อนให้หลุดออกหลังจากที่แข็งตัวดีแล้ว. หลังรอประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง ให้คุณนำถุงบรรจุน้ำแข็งออกและเช็คดูว่าคราบเปื้อนแข็งตัวดีแล้วหรือไม่ จากนั้นใช้แท่งไม้ เช่น ไม้ไอศกรีม ค่อยๆ แซะคราบเปื้อนให้หลุดออก [10] จำไว้ว่าคุณอาจไม่สามารถขจัดคราบเปื้อนให้หลุดออกทั้งหมดได้ในครั้งเดียว ดังนั้นพยายามแซะคราบเปื้อนส่วนที่แข็งตัวและเริ่มคลายตัวจากพื้นผิวกระเบื้องให้หลุดออกมากที่สุด
    • อย่าใช้แท่งโลหะหรือแท่งเซรามิคในการแซะคราบเปื้อนให้หลุดออก เพราะอาจทำให้เกิดรอยขูดขีดบนพื้นผิวกระเบื้องจนดูไม่สวยงามได้ ซึ่งนี่เป็นเหตุผลเดียวกับที่ทำไมคุณจึงควรเลือกใช้ทัพพีไม้สำหรับคนอาหารในหม้อโลหะ
  3. ใช้ทินเนอร์เช็ดคราบเปื้อนที่ยังคงหลงเหลืออยู่. ใช้ผ้าขี้ริ้วจุ่มทินเนอร์เล็กน้อยและนำไปเช็ดคราบเปื้อนที่หลงเหลืออยู่บนพื้นผิวกระเบื้องจนกระทั่งหลุดออกไป [11] คุณอาจเลือกใช้แผ่นใยขัดแทนได้เช่นกันเพื่อช่วยให้คราบเปื้อนหลุดออกง่ายยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม คุณควรหาซื้อแผ่นใยขัดที่เหมาะสำหรับการทำความสะอาดวัสดุกระเบื้องของคุณและหลีกเลี่ยงการใช้ฝอยขัดหม้อ
    • คุณสามารถหาซื้อทินเนอร์ได้ตามร้านขายอุปกรณ์งานฝีมือหรือร้านขายเครื่องมือช่างทั่วไป
    • หากคราบเปื้อนยังคงไม่หลุดออกไป ให้คุณใช้ถุงบรรจุน้ำแข็งวางทับลงไปบนคราบเปื้อนอีก 1 ชั่วโมงและลองลงมือแซะออกอีกครั้ง เนื่องจากหมากฝรั่ง แว็กซ์ หรือยางมะตอยอาจเริ่มอ่อนตัวลงและเหนียวติดพื้นผิวกระเบื้องอีกครั้ง
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • การขจัดคราบเปื้อนด้วยวิธีหนึ่งอาจมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าอีกวิธีหนึ่ง ดังนั้นคุณจึงควรลองใช้วิธีอื่นๆ หากวิธีการที่คุณเลือกใช้ไม่สามารถช่วยขจัดคราบเปื้อนให้หลุดออกได้ เพียงต้องแน่ใจว่าผงขัดหรือน้ำยาทำความสะอาดถูกล้างออกไปจนหมดก่อนเริ่มลงมือทำความสะอาดใหม่อีกครั้ง
โฆษณา

คำเตือน

  • หากคุณเผลอกลืนสารเคมีลงไปหรือสารเคมีเกิดเข้าตาหรือจมูกของคุณ ให้ไปพบแพทย์โดยทันทีและล้างด้วยน้ำสะอาดนาน 10 นาทีเป็นอย่างต่ำ
  • สวมถุงมือทุกครั้งเมื่อใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์หรือน้ำยาฟอกขาวเพื่อป้องกันไม่ให้สารเคมีสัมผัสถูกผิวหนัง ซึ่งแม้กระทั่งไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์หรือน้ำยาฟอกขาวที่เจือจางกับน้ำเปล่าก็สามารถก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหรือฝังตัวเข้าไปใต้เล็บซึ่งอาจมีโอกาสเข้าสู่ร่างกายได้หากคุณเผลอกัดเล็บ
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

ใช้สารทำความสะอาดในครัวเรือน

  • ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 3%
  • ผงขัด
  • น้ำยาฟอกขาว
  • น้ำเย็น 1 ถัง (4 ลิตร)
  • น้ำเปล่า
  • ผ้าขี้ริ้วหรือผ้าขนหนูสีขาว

ลองวัตถุดิบจากธรรมชาติ

  • น้ำโซดาที่ไม่มีรสชาติและปราศจากน้ำตาล
  • น้ำส้มสายชู
  • เบคกิ้งโซดา
  • ชามผสม
  • ผ้าขี้ริ้ว
  • แผ่นใยขัด (ตัวเลือกเพิ่มเติม)

ขจัดคราบยางเหนียวๆ ด้วยน้ำแข็ง

  • น้ำแข็งก้อน
  • ถุงซิปล็อค
  • แท่งไม้
  • ทินเนอร์
  • ผ้าขี้ริ้วหรือผ้าขนหนู

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 5,334 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา