ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ในยุคสมัยนี้ หลายคนเคยมีความสัมพันธ์ที่คุยกันผ่านทางข้อความอย่างเดียว ถ้าตอนนี้คุณกำลังสานสัมพันธ์กับใครสักคนผ่านทางข้อความเท่านั้น คุณก็คงมีคำถามผุดขึ้นในหัวมากมาย และโชคดีที่ในบทความนี้เราได้รวบรวมคำตอบเอาไว้หมดแล้ว! อ่านต่อด้านล่างเพื่อให้เข้าใจว่าความสัมพันธ์ประเภทนี้มีความหมายกับคุณและชีวิตการเดตของคุณอย่างไร

Question 1 ของ 8:

ความสัมพันธ์ที่คุยกันผ่านทางข้อความอย่างเดียวเรียกว่าอะไร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. โดยทั่วไปความสัมพันธ์ที่ส่งข้อความคุยกันอย่างเดียวนั้นเรียกว่า Textationship (Text + Relationship). คำๆ นี้ใช้นิยามความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นจากการส่งข้อความและส่งอินบ็อกซ์หากันเท่านั้น คุณอาจจะสานสัมพันธ์กับคนๆ นี้ผ่านทางข้อความ เล่ารายละเอียดส่วนตัวในชีวิตให้กันและกันฟัง หรือแม้กระทั่งส่งข้อความวาบหวิวหากัน แม้ว่าเรื่องที่คุยกันจะค่อยๆ ลึกซึ้งขึ้น แต่ในความสัมพันธ์ที่เรียกว่า Textationship นั้นจะไม่มีการนัดเจอกัน [1]
    โฆษณา
Question 2 ของ 8:

ความสัมพันธ์ที่คุยกันผ่านทางข้อความอย่างเดียวนั้นถือว่าดีไหม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ความสัมพันธ์ที่ส่งข้อความคุยกันเพียงอย่างเดียวนั้นเป็นสิ่งที่ดีหากคุณแค่ต้องการความสัมพันธ์ฉาบฉวย. อยู่ในความสัมพันธ์ที่คุยกันผ่านทางข้อความอย่างเดียวและคุยกับใครสักคนเรื่อยเปื่อยเพื่อความสนุกสนาน ถ้าคุณไม่ได้กำลังมองหาความสัมพันธ์ที่จะพัฒนาเต็มขั้น ความสัมพันธ์ที่คุยกันผ่านทางข้อความอย่างเดียวอาจเป็นทางสายกลางที่กำลังพอเหมาะ [2]
    • แต่คุณต้องแน่ใจว่าคุณสองคนเข้าใจตรงกัน เพราะมันคงไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ดีหรือน่าพอใจหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอยากไปเดตกันในชีวิตจริงแต่อีกคนไม่อยาก
  2. ความสัมพันธ์ที่คุยกันผ่านทางข้อความนั้นเป็นสิ่งที่ดีหากคุณ คบกับแฟนทางไกล . บางครั้งคุณก็อาจจะเจอกันไม่ได้ทั้งที่ใจอยากเจอ ถ้าระยะทางทำให้คุณต้องห่างกัน ให้ส่งข้อความหาคนรักบ่อยๆ เพื่ออัปเดตชีวิตกันและกันและบอกเขาว่าคุณคิดถึงเขา
    • คุณอาจจะโทรศัพท์หากันและคุยวิดีโอแชตกันด้วยเพื่อให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น คุณจะรู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้นหากคุณได้เห็นหน้าเขาและได้ยินเสียงเขา
  3. ความสัมพันธ์ที่คุยกันผ่านทางข้อความอาจไม่ใช่เรื่องดีหากคุณต้องการความสัมพันธ์ที่จริงจัง. ความสัมพันธ์ที่คุยกันผ่านทางข้อความอย่างเดียวนั้นทำให้คุณไม่ได้สัมผัสว่าคุณกับเขาเคมีตรงกันหรือเปล่า นอกจากนี้คุณยังไม่ได้รับรู้สิ่งต่างๆ เช่น น้ำเสียง สีหน้า และภาษาท่าทางของเขาอีกด้วย ถ้าคุณตกหลุมรักคนที่คุณส่งข้อความคุยด้วยบ่อยๆ ลองถามเขาว่าอยากมาเจอกันไหม วิธีนี้คุณจึงจะรู้ว่าในชีวิตจริงคุณสองคนเหมาะสมกันหรือเปล่า [3]
    • ถ้าเขาไม่อยากมาเจอหรือบอกปัดคุณตลอด นั่นเป็นสัญญาณว่าเขาไม่ได้อยากพัฒนาความสัมพันธ์ไปมากกว่าการส่งข้อความคุยกันเฉยๆ
    โฆษณา
Question 3 ของ 8:

ความสัมพันธ์ที่คุยกันผ่านทางข้อความสามารถเปลี่ยนเป็นความสัมพันธ์ในชีวิตจริงได้ไหม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ความสัมพันธ์ที่คุยกันผ่านทางข้อความสามารถพัฒนาเป็นอย่างอื่นได้หากคุณวางแผนร่วมกันในชีวิตจริง. ถามคนที่คุณส่งข้อความคุยด้วยว่าเขาอยากออกมาหาอะไรดื่ม ดื่มกาแฟ หรือเดินเล่นในสวนสาธารณะด้วยกันไหม ถ้าเขาตอบตกลงและคุณมีความสุขเวลาที่อยู่กับเขา ให้วางแผนใช้เวลาร่วมกันอีกในอนาคต การส่งข้อความเพื่อถามไถ่กันนั้นเป็นเรื่องดี แต่คุณควรให้ความสำคัญกับการสื่อสารแบบต่อหน้ามากกว่า [4]
    • ถ้าเขาไม่อยากมาเจอคุณในชีวิตจริง แสดงว่าความต้องการของคุณสองคนไม่ตรงกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ยาก แต่พยายามอย่าเก็บมาคิดมาก
    • บางครั้งคนเราก็แค่ไม่ได้อยู่ในจุดที่อยากคบใคร และไม่น่าจะเป็นเพราะคุณด้วย
Question 4 ของ 8:

เราสามารถตกหลุมรักผ่านทางข้อความได้ไหม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคุณส่งข้อความคุยกันอย่างเดียว คุณอาจจะแค่ตกหลุมรักภาพของเขาในหัวของคุณ. คุณอาจจะคุยเรื่องส่วนตัวกับคนๆ นี้บ่อยๆ เช่น เรื่องในวัยเด็กหรือความลำบากที่คุณเคยผ่านมา แม้ว่าคุณอาจจะรู้เรื่องของกันและกันหลายเรื่อง แต่ระดับความเปราะบางของคุณจะไม่เท่ากับการที่คุณเล่าเรื่องพวกนี้ให้กันและกันฟังแบบต่อหน้า ถ้าคุณตกหลุมรักเขาจากการอ่านข้อความ ให้นัดเจอกันเพื่อดูว่าเมื่อมาเจอกันจริงๆ แล้วคุณรู้สึกเชื่อมโยงกันหรือเปล่า [5]
    • หนึ่งในงานวิจัยที่เผยแพร่โดย Venngage ชุดเครื่องมือออกแบบอินโฟกราฟิก พบว่า การเล่ารายละเอียดส่วนตัวให้กันและกันฟังผ่านทางข้อความนั้นง่ายกว่าการเล่าต่อหน้า แม้ว่ามันจะง่ายกว่า แต่งานวิจัยก็พบด้วยว่าปฏิสัมพันธ์ที่เกิดจากการส่งข้อความนั้นไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ลึกซึ้งเท่ากับการคุยกันต่อหน้า
    โฆษณา
Question 5 ของ 8:

คนรักกันควรส่งข้อความหากันบ่อยแค่ไหน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ความถี่ที่คู่รักส่งข้อความหากันนั้นขึ้นอยู่กับสไตล์การส่งข้อความของแต่ละฝ่าย. บางคู่อาจจะชอบส่งข้อความคุยกันตลอดทั้งวัน แต่บางคู่อาจจะอยากคุยกันทีเดียวหลังเลิกงานหรือช่วงสุดสัปดาห์ ลองพูดคุยกับคนรักว่าคุณสองคนอยากส่งข้อความหากันบ่อยแค่ไหนเพื่อดูว่าแค่ไหนที่เหมาะสมกับคุณ ถ้าคุณสานสัมพันธ์กับใครสักคนผ่านทางข้อความและรู้สึกว่าชักจะส่งข้อความหากันมากเกินไป ให้คุยเรื่องนี้กับเขาและดูว่าคุณจะเริ่มเปลี่ยนมาคุยโทรศัพท์หรือคุยผ่านวิดีโอคอลได้ไหม [6]
    • การพูดคุยเรื่องสไตล์การส่งข้อความนั้นช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการเข้าใจผิด คุณอาจจะคิดว่าการที่ต้องรออีกฝ่ายนานๆ กว่าเขาจะตอบนั้นแปลว่าเขาไม่ได้อยากคุยด้วย แต่จริงๆ แล้วเขาอาจจะงานยุ่งก็ได้
    • แต่มันจะกลายเป็นสัญญาณเตือนหากเขาส่งข้อความหาคุณไม่หยุดหย่อนเพื่อให้รู้ว่าคุณอยู่ที่ไหน เพราะนั่นคือสัญญาณของพฤติกรรมชอบควบคุม
Question 6 ของ 8:

การส่งข้อความวาบหวิวถือเป็นสัญญาณเตือนในความสัมพันธ์ที่คุยกันผ่านทางข้อความหรือไม่

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การส่งข้อความวาบหวิวในความสัมพันธ์ที่คุยกันผ่านทางข้อความอาจหมายความว่า เขาต้องการความสัมพันธ์ฉาบฉวย. งานวิจัยโดยมหาวิทยาลัยอัลเบอร์ตาพบว่า คนที่ส่งข้อความวาบหวิวบ่อยๆ อาจไม่ค่อยจริงจังกับความสัมพันธ์สักเท่าไหร่ ถ้าเวลาส่งข้อความคุยกันเขาเน้นแค่เรื่องวาบหวิวอย่างเดียว อาจหมายความว่าเขาอยากคุยกันแบบไม่คิดอะไรมากกว่า [7]
  2. การส่งข้อความวาบหวิวแบบคุมตัวเองไม่อยู่หรือการได้รับข้อความวาบหวิวโดยที่คุณไม่ต้องการนั้นถือเป็นสัญญาณเตือน. ถ้าเขาส่งภาพหรือข้อความลามกหาคุณเสมอโดยที่คุณไม่ได้อนุญาต นั่นไม่ใช่เรื่องปกติ การส่งข้อความวาบหวิวคุยกันนั้นไม่ต่างจากเซ็กส์ประเภทอื่นที่คุณทั้งคู่ต้องยินยอมพร้อมใจ คุณจึงจะรู้สึกปลอดภัยและสบายใจ อย่ากดดันว่าตัวเองจะต้องส่งข้อความคุยกับเขาต่อ ถ้าเขายังส่งข้อความวาบหวิวหาคุณทั้งที่คุณไม่ยินยอม คุณอาจจะบล็อกเบอร์และบัญชีโซเชียลมีเดียของเขาไปเลยก็ได้
    โฆษณา
Question 7 ของ 8:

การส่งข้อความคุยกับคนอื่นถือว่านอกใจหรือไม่

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การส่งข้อความคุยกับคนอื่นอาจถือว่าเป็นการนอกใจหากคุณปิดบังไม่ให้คนรักรู้. เช่น บางคนอาจจะเฉยๆ มากเมื่อคนรักส่งข้อความหาเพื่อนร่วมงานขี้อ่อยหลังเลิกงาน แต่บางคนอาจจะไม่สบายใจหรือเสียใจ ถ้าไม่แน่ใจให้บอกคนรักตรงๆ ว่าคุณส่งข้อความหาใครและถามว่าเขารู้สึกอย่างไร ถ้าคนรักของคุณส่งข้อความหาคนอื่นบ่อยๆ และคุณรู้สึกไม่สบายใจ ให้เกริ่นเรื่องนี้กับเขาอย่างสุภาพ [8]
    • เวลาที่คุณคุยเรื่องขอบเขตการส่งข้อความกับคนรัก ให้ใช้ประโยคที่ขึ้นต้นด้วยคำว่าฉันเพื่อหลีกเลี่ยงการกล่าวหาคนรัก สื่อสารคำพูดของคุณอย่างมีสติและรับฟังมุมมองของเขาเพื่อหาวิธีแก้ไขปัญหา [9]
    • พูดประมาณว่า "ฉันรู้ว่าคุณสองคนแค่สนิทกัน แต่บางครั้งฉันก็น้อยใจที่คุณส่งข้อความหาเหมียวตอนเราอยู่ด้วยกัน"
    • อย่าปิดบังไม่ให้คนรักรู้เรื่องที่คุณส่งข้อความคุยกับคนอื่น คุณอาจจะคิดว่าคุณแค่อยากจะถนอมน้ำใจเขา แต่ความไม่ซื่อสัตย์อาจสร้างรอยร้าวในความสัมพันธ์และทำให้คนรักของคุณเสียใจมากในระยะยาว
Question 8 ของ 8:

เมื่อไหร่ที่เราควรยุติความสัมพันธ์ Textationship

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ลองเปลี่ยนเป้าหมายใหม่หากคุณอยากได้ความสัมพันธ์ในชีวิตจริงแต่ว่าเขาไม่อยาก. ความสัมพันธ์เกิดจากการมีเป้าหมายและความเชื่อร่วมกัน การอยู่กับคนที่ไม่ได้กำลังมองหาสิ่งเดียวกันนั้นไม่ดีกับตัวคุณเองในระยะยาว เล่าความรู้สึกให้คนที่คุณส่งข้อความคุยด้วยฟังเพื่อดูว่าเขาอยากใช้เวลาร่วมกันจริงๆ บ้างไหม ถ้าเขาไม่อยาก คุณอาจจะยุติความสัมพันธ์ที่คุยกันผ่านทางข้อความอย่างเดียว และบอกเขาอย่างสุภาพว่าสิ่งที่คุณสองคนต้องการนั้นต่างกัน [10]
    • ถ้าคุณตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ ให้ส่งข้อความไปทำนองว่า "ฉันมีความสุขที่ได้คุยกับคุณนะ แต่ฉันมองว่าสิ่งที่เราสองคนต้องการมันไม่ตรงกัน ฉันเลยตัดสินใจว่าจะไม่ไปต่อกับความสัมพันธ์นี้ และฉันหวังว่าคุณคงเข้าใจ"
    • หรือคุณอาจจะเป็นเพื่อนกันต่อไปและส่งข้อความคุยกันนานๆ ครั้งหากคุณต้องการแบบนั้น
    • คุณต้องนึกไว้เสมอว่าความสัมพันธ์ Textationship นั้นไม่ใช่เรื่องผิด ถ้าคุณมีความสุขกับความสัมพันธ์ที่ส่งข้อความคุยกันอย่างเดียวเพราะว่าตารางเวลาของคุณแน่นเอี๊ยดและคุณต้องเดินทางบ่อย เป็นต้น ให้รักษาความสัมพันธ์นี้ไว้และส่งข้อความคุยกันต่อไป
    โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 669 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา