ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

"ก่อนที่จะค้นหาตัวเอง คุณต้องทำความรู้จักตัวเองเสียก่อน" การค้นหาตัวตนที่แท้จริงของตัวเองนั้นเป็นประสบการณ์ที่จะทำให้คุณเข้าใจตัวเองมากขึ้น คุณจะรู้จักพอเพียงและหัดทำอะไรด้วยตัวเองได้สักที อาจพูดยากว่าเมื่อค้นพบตัวเองแล้วรู้สึกอย่างไร แต่ถ้าคุณไม่รู้ว่าคุณคือใครตั้งแต่แรก คุณก็คงอยากลิ้มลองความรู้สึกนั้นใช่ไหม การค้นหาตัวเองไม่ใช่เรื่องง่ายหรอก แต่ก็คุ้มค่าที่จะลองนะ คุณพร้อมหรือยังล่ะ? ถ้าพร้อมแล้วก็มาเริ่มกันเลยดีกว่า

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

ปลุกความคิดของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. จดเป้าหมายหลักๆทั้งหมดที่คุณรู้สึกว่าคุณได้บรรลุแล้วหรือต้องการจะบรรลุ แล้วก็จดเหตุการณ์สำคัญในชีวิตที่ได้เกิดขึ้นไปแล้วและได้ส่งผลกระทบต่อหรือได้หล่อหลอมตัวตนของคุณ ปัญหาหรือเคราะห์ร้ายที่เกิดขึ้นในชีวิตเป็นสิ่งที่ปรับความเชื่อและเปลี่ยนความคิดของเรา แต่มันก็ทำให้เราเป็น เรา ในแบบที่เป็นทุกวันนี้ด้วย สิ่งที่คุณได้เขียนลงไปนั้นเป็นสิ่งที่แสดงความเป็นตัวตนที่แท้จริงของ คุณ ไม่ใช่เพียงสิ่งที่สังคมเห็นว่าคุณเป็น
    • นี่ไม่ใช่การหมกมุ่นกับอดีต แต่เป็นการระบุชี้และอธิบายปัญหา ปัญหาเหล่านี้อาจขัดขวางไม่ให้คุณบรรลุศักยภาพที่คุณสามารถบรรลุได้ในขณะนี้ และขัดขวางไม่ให้ตัวตนที่แท้จริงของคุณเติบโตได้
    • อธิบายอดีตในไทม์ไลน์ของคุณสักหน่อย การเขียนไทม์ไลน์เป็นวิธีที่ดีที่จะจดบันทึกเหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นในชีวิตของคุณที่คุณเห็นว่ามีความสำคัญยิ่ง คุณอาจมองเหตุการณ์เหล่านี้ว่าเป็นสิ่งที่สร้างตัวตนของคุณ และเป็นประสบการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตัวคุณ โดยที่ไม่ต้องรู้สึกสะเทือนอารมณ์มากนัก (ไม่เหมือนการอ่านเรื่องราวในไดอารี่สวนตัว) เขียนไทม์ไลน์เหมือนเวลาคุณเขียนเรซูเม่ คือใช้ภาษาง่ายๆ เขียนตรงประเด็น และกลั่นใจความสำคัญให้เหลือเพียงผลกระทบที่สำคัญหรือบทเรียนที่คุณได้เรียนรู้จากแต่ละเหตุการณ์ในอดีต
    • เมื่อคุณวิเคราะห์ประสบการณ์อันเลวร้ายในอดีต คุณควรเพ่งความสนใจไปที่บทเรียนที่ได้จากมัน ทุกคนล้วนมีเหตุการณ์แย่ๆในไทม์ไลน์กันทั้งนั้น แต่แทนที่จะกล่าวถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในแบบที่เกินจริงหรือเพิกเฉยมัน ซึ่งไม่ได้ช่วยอะไรคุณเลย ก็จงยอมรับว่าประสบการณ์เหล่านี้ร่วมกันสร้างตัวตนของคุณจะดีกว่า
  2. แยกความคิดของตัวเองออกมาจากความคิดของคนอื่น. สำหรับคนส่วนมากที่ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆแบบไม่คิดอะไร (คนทำแบบนี้กันมากกว่าที่คุณคิดนะ) ชีวิตดูช่างง่ายเสียเหลือเกิน เพราะเหมือนกับเราได้แผนที่เดินทางที่บอกเราว่าโลกแห่งความเป็นจริงนั้น เป็นไป อย่างไร คือ “ไปโรงเรียน หางานทำ แล้วก็แต่งงาน มีความคิดแบบนี้ มีความคิดแบบนั้น แล้วก็บึ้ม หวังว่าที่ผ่านมาคุณได้ใช้ชีวิตไปอย่างคุ้มค่านะ” การใช้ชีวิตแบบนี้ก็ไม่ได้ผิดหรอก ชีวิตออกจะมีความแน่นอนเสียด้วยซ้ำ แต่มันไม่มีพื้นที่ให้ ตัวคุณ เลย ดังนั้นพอเขียนไทม์ไลน์เสร็จแล้ว ลองนึกถึงความเชื่อบางอย่างที่คุณมี ที่ไม่ได้มีตรรกะเป็นเหตุเป็นผล แต่เป็นสิ่งที่มีคนบอกให้คุณเชื่อ เราทุกคนมีความเชื่อแบบนี้กันทั้งนั้น เอาล่ะ ตอนนี้ก็ลองคิดดูว่าจริงๆแล้วคุณคิดอย่างไรกันแน่?
    • สังคมมีวิธีของมันเองที่จะทำให้เกิด "คนที่เข้ากับสังคมไม่ได้" ประณาม "คนขี้แพ้" เชิดชู "คนสวยหล่อ" และทำให้ "คนประหลาด" รู้สึกแปลกแยก แต่รู้อะไรไหม คำพวกนี้ไม่ได้มีพื้นฐานอยู่บนความเป็นจริงเลย ถามตัวคุณเองว่า คุณ รู้สึกอย่างไรกับโลกรอบๆตัวคุณ? ลองคิดดูว่าอะไรที่ คุณ เห็นว่าดีและไม่ดี ไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นบอกให้คุณคิด
    • อย่าลังเลที่จะคิดต่าง คุณเห็นด้วยกับทัศนคติทางการเมืองหรือศรัทธาในศาสนาของพ่อแม่คุณจริงหรือ? การมีอาชีพการงานเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตคุณจริงหรือ? การใส่แว่นดำหนาเตอะทำให้คุณรู้สึก "เท่" จริงหรือ? ถ้าคำตอบคือไม่ ก็ดีเลย! ไม่มีอะไรผิดถ้าคุณไม่เป็นแบบที่บรรทัดฐานสังคมอยากให้คุณเป็น ตอนนี้สิ่งที่คุณต้องทำก็คือลืมสิ่งที่คุณเคยถูกสอน แล้วเรียนรู้ใหม่ แต่ครั้งนี้ คุณควรเรียนรู้โดยเชื่อในสัญชาติญาณของตนเอง
    เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ

    Adrian Klaphaak, CPCC

    โค้ชอาชีพ
    เอเดรียน คลาฟากเป็นโค้ชอาชีพและผ฿้ก่อตั้ง A Path That Fits บริษัทโค้ชอาชีพและชีวิตในเบย์แอเรียซานฟรานซิสโก เขาได้ทำงานร่วมกับผู้คนมากมายที่มุ่งหวังจะสร้างสิ่งดีๆ บนโลกนี้ และยังช่วยคนเกิน 1000 คนสร้างเส้นทางอาชีพที่สำเร็จและมีจุดมุ่งหมายที่ชัดขึ้น
    Adrian Klaphaak, CPCC
    โค้ชอาชีพ

    เชิดชูความเป็นปัจเจกของตัวคุณ เอเดรียน คลาพลาก ผู้ก่อตั้ง A Path That Fits กล่าวว่า: "ในสหรัฐนั้น วัฒนธรรมของเราไม่ได้สนับสนุนผู้คนให้ได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของตนเองสักเท่าไหร่ ในการมองหาพรสวรรค์ ความสนใจหลงใหล และบุคลิกที่เป็นปัจเจกโดดเด่น ยิ่งกว่านั้น พวกเราทุกคนยังยุ่ง จนความเครียดเรื่องงานกับความรับผิดชอบไม่ทำให้เหลือเวลาให้เราไปตามหาสิ่งที่ชอบ หรือล่วงรู้ว่าเราเป็นใคร คุณจะต้องหาเวลามาทบทวนและค้นหา พอคุณรู้เส้นทางชีวิตของตนแล้ว อย่าปล่อยให้ความกลัว ความกังขา หรือความรู้สึกไม่มั่นคงมารั้งตัวคุณไว้"

  3. ความมั่นใจและความไว้วางใจนั้นเป็นกุญแจสำคัญในการค้นหาตัวเอง ถ้าคุณไม่เชื่อมั่นในคุณค่าของตัวเอง คุณก็จะฟังคนอื่นตลอดเวลาและคล้อยตามเมื่อพวกเขาบอกว่าอะไรคือสิ่งที่เหมาะสมดีงาม หัดเรียนรู้ที่จะเชื่อมั่นในตนเองและไว้ใจความรู้สึกของคุณ เมื่อทำได้แล้ว คุณก็จะมีพื้นฐานที่จะรองรับความเป็นตัวตนของคุณ จำไว้ว่าต้องใจเย็นกับตัวเอง และมีความมั่นใจในความสามารถของตน แล้วอย่างอื่นก็จะตามมาเอง
    • ถ้าคุณเคยถูกรังแกมาก่อนในอดีต จงเผชิญหน้ากับมัน ประสบการณ์อันเลวร้ายเหล่านั้นจะไม่หายไปไหนถ้าคุณปล่อยมันไว้ มันอาจมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของคุณ ทำให้คุณพยายามเป็นอย่างที่คนอื่นคาดหวังให้คุณเป็น แทนที่จะเป็นตัวของคุณเอง
    • เริ่มเคารพการตัดสินใจของตัวเอง แม้ว่าคุณจะตัดสินพลาดไปบ้างก็ตาม เราทุกคนก็มีความผิดพลาดกันทั้งนั้น แต่เพราะเราพลาดนี่แหละ เราจึงได้เรียนรู้และเติบโต และบรรลุตัวตนที่แท้จริงของเรา
    • เริ่มรับผิดชอบเรื่องการใช้เงิน เรื่องในบ้าน และเรื่องการวางแผนอนาคต คนที่ไม่มีความเป็นตัวเองมักจะละเลย "รายละเอียด" ของชีวิตแบบไม่คิดอะไรเลย โดยเชื่อเพียงว่าเดี๋ยวทุกอย่างก็จะลงตัวเอง แต่ความจริงไม่ใช่อย่างนั้นเสมอไป การมีความรับผิดชอบต่อสิ่งต่างๆจะช่วยให้คุณไว้วางใจในตนเองและกล้าตัดสินใจทำอะไรด้วยตนเอง แทนที่จะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามยถากรรม
  4. เริ่มประพฤติตนอย่างมีศีลธรรมและพยายามทำดีต่อไปเรื่อยๆ โดยเริ่มต้นด้วยการเอาชนะนิสัยแย่ๆของคุณก่อน
    • เลิกบุหรี่ เลิกกินจุ และเลิกดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก นี่คือตัวอย่างของการถลำตัวหรือนิสัยที่จะขัดขวางไม่ให้คุณเป็นตัวคุณในแบบที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด สิ่งเหล่านี้ทำให้คุณ "เป็นอิสระ" โดยการหนีความจริงและหนีการวิเคราะห์ว่าทำไมตัวเองจึงทำสิ่งเหล่านี้ตั้งแต่แรก แทนที่จะหาทางอื่นที่ดีกว่านี้ที่จะทำให้ชีวิตคุณสดใสขึ้น
    • ขั้นตอนนี้อาจหมายถึงการเข้ารับการบำบัดครั้งใหญ่สำหรับบางคน แต่การที่อ้างว่ามันยากเกินไปแล้วไม่ทำอะไรเลยก็ไม่ช่วยให้เลิกนิสัยแย่ๆได้หรอก จำไว้ว่าคุณไม่อาจทำให้ชีวิตคุณเดินหน้าได้ถ้าคุณมัวแต่หันหน้าไปทางอื่น
  5. คุณอาจพบว่าการจัดการเรื่องอื่นๆในชีวิตให้เป็นระเบียบนั้นช่วยเร่งกระบวนการการค้นหาตัวตนของคุณให้ดำเนินไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ถ้าอย่างนั้นก็ทำความสะอาดห้อง ทำการบ้าน เคลียร์กับเพื่อนที่ทะเลาะกับคุณอยู่ การจัดการทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางจะทำให้คุณมีพื้นที่ไว้ใช้เวลากับ "ตัวเอง"
    • เราทุกคนล้วนมีข้ออ้างกันทั้งนั้นว่าทำไมเราจึงไม่เติบโตไปในทิศทางที่เราอยากเติบโต อาจเป็นข้ออ้างเรื่องเงิน เรื่องเรียน เรื่องงาน หรือเรื่องแฟน จะเรื่องอะไรก็เคยมีคนใช้เป็นข้ออ้างมาแล้วทั้งนั้น ถ้าคุณยุ่งมากจริงๆ ก็พยายามทำตารางเวลาให้ว่าง คุณจะได้ใช้เวลานั้นในการคิดเรื่องตัวเอง ถ้าการค้นหาตัวเองเป็นเรื่องที่คุณให้ความสำคัญเป็นอันดับสองมาตลอด คุณก็จะไม่มีวันพบสิ่งที่คุณต้องการหาหรอก
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

พิชิตโลกของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ให้เวลาและพื้นที่กับตัวเองที่ห่างไกลจากความคาดหวังของสังคม บทสนทนาของผู้อื่น เสียงรบกวน สื่อต่างๆ และความกดดัน ใช้เวลาสักนิดในแต่ละวันออกไปเดินเล่นแล้วปล่อยให้ตัวเองได้คิด นั่งลงบนม้านั่งในสวนสาธารณะแล้วมองไปรอบๆ หรือออกไปขับรถเล่นให้ได้ใช้สมองคิด ไม่ว่าคุณจะเลือกทำอะไร จงปลีกตัวออกห่างจากอะไรก็ตามที่ทำให้คุณไขว้เขวไปจากการครุ่นคิดไตร่ตรองเรื่องชีวิตและจุดมุ่งหมายชีวิตของคุณ เมื่อคุณอยู่คนเดียว คุณควรจะรู้สึกเป็นอิสระและเป็นที่พึ่งของตนเอง ไม่ใช่รู้สึกเหงา ต้องการคนอยู่ด้วย หรือรู้สึกกลัว
    • ทุกคนล้วนต้องการเวลาที่ใช้อยู่กับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นคนเก็บตัวหรือเป็นคนชอบเข้าสังคม ไม่ว่าจะโสดหรือมีแฟนแล้ว ไม่ว่าจะอายุน้อยหรืออายุมาก เวลาที่อยู่คนเดียวนั้นเป็นเวลาสำหรับการชุบฟื้นตัวเองและการพูดคุยกับตัวเอง เป็นเวลาสำหรับความสงบอย่างที่สุด และสำหรับการตระหนักว่า "ความโดดเดี่ยว" ไม่ใช่สิ่งที่แย่เลย แต่เป็นสิ่งที่ปลดปล่อยเราจากภาระของการใช้ชีวิตต่างหาก
    • ถ้าคุณเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ คุณอาจพบว่าการใช้เวลาอยู่กับตัวเองจะช่วยให้ความคิดสร้างสรรค์ของคุณโลดแล่นมากขึ้น ถึงแม้ว่าการร่วมงานกับคนอื่นในบางครั้งจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ยากที่จะสามารถมีความคิดสร้างสรรค์อย่างแท้จริงถ้าต้องอยู่กับคนอื่นตลอดเวลา ลองถอยออกมาจากคนอื่น และเข้าไปพบกับความคิดสร้างสรรค์ในหัวคุณเอง
  2. เมื่อคุณเชื่อหรือเห็นความงดงามในอะไรบางอย่าง คุณควรทำสิ่งนั้นไม่ว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร ถ้าคุณได้พบบางอย่างที่คุ้มค่าการพยายาม การเสียสละ และน้ำตา ก็หมายความว่าคุณได้พบกับสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคุณเข้าแล้ว บ่อยครั้งที่สิ่งที่คุณรักนั้นสามารถนำพาคุณไปสู่อะไรบางอย่างที่จะเติมเต็มชีวิตคุณได้
    • กุญแจสำคัญคือต้องตระหนักว่า ไม่สำคัญว่าสิ่งสิ่งนั้นคืออะไร อาจเป็นการช่วยหยุดความหิวโหยของเด็ก หรืออาจเป็นการวาดภาพ ความยิ่งใหญ่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญเลยสำหรับอะไรก็ตามที่คุณรักที่จะทำ ไม่มีสิ่งใดเหนือกว่าสิ่งใด ขึ้นอยู่กับว่าคุณรักที่จะทำสิ่งนั้นหรือไม่รัก ถ้าคุณได้พบกับสิ่งที่ทำให้คุณอยากตื่นนอนตอนเช้าเพื่อทำมันแล้วล่ะก็ จงอย่าละทิ้งมัน ทำไปเรื่อยๆก็จะเกิดผลดีเอง
  3. ถึงแม้ว่าท้ายที่สุดแล้วการค้นหาตัวเองนั้นจะสำเร็จลุล่วงได้โดยคุณและมีเพียงคุณคนเดียวเท่านั้นที่กำหนดได้ว่าคุณต้องการอะไร แต่การมีที่ปรึกษาจะช่วยได้มากเมื่อคุณประสบกับอุปสรรคระหว่างทาง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ที่ปรึกษาควรเป็นคนที่คุณไว้เนื้อเชื่อใจและรู้จักตัวตนที่แท้จริงของตนเองอย่างดี คุณจะได้เรียนรู้จากเขาว่าเขาทำได้อย่างไร
    • เล่าให้ที่ปรึกษาฟังว่าคุณได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง เน้นย้ำกับเขาว่าคุณรู้ดีว่าคุณต้องทำสิ่งนี้ด้วยตัวเอง แต่คุณต้องการให้ความแข็งแกร่งของเขาเป็นตัวช่วยชี้นำทางให้คุณ มองดูเขาโดยปราศจากอคติแล้วหาคำตอบว่า อะไรคือสิ่งที่ทำให้เขาเป็นแบบที่เขาเป็นในทุกวันนี้? เขาทำได้อย่างไร? เขาคงความเป็นตัวของตัวเองไว้ได้อย่างไร?
    • การมีคนคอยสนับสนุนเป็นกุญแจสำคัญของการพัฒนาตนเองไม่ว่าจะในด้านใด คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจภารกิจของคุณและไม่ฟังคุณ โดยคิดว่าเดี๋ยวคุณก็เลิกบ้าเรื่องนี้ไปเอง เมื่อคุณเจอเหตุการณ์เช่นนี้ ก็เล่าให้ที่ปรึกษาฟัง และใช้เขาเป็นที่ระบายความรู้สึกได้
  4. ถ้าคุณยังทำตัวเรื่อยเปื่อยเพราะหวังว่าจะเจองานที่ "ใช่" อยู่ล่ะก็ เป็นไปได้ว่าจริงๆแล้วคุณไม่มีความสุขกับงานที่คุณทำอยู่ คุณอาจกำลังใช้การเปลี่ยนงานเป็นข้ออ้างสำหรับการที่คุณไม่บรรลุศักยภาพที่แท้จริงของตัวเองอยู่ก็ได้ คุณควรค้นหาตัวเองโดยให้ความสนใจในสิ่งที่คุณรักที่จะทำจริงๆ ถ้าไม่คิดเรื่องเงิน คุณจะใช้เวลาแต่ละวันทำอะไร? มีทางที่คุณจะหาเงินจากกิจกรรมหรือทักษะนี้ได้บ้างไหม?
    • ใช้เวลานั่งคิดโดยใช้เทคนิคเชื่อมโยงอย่างอิสระ (free association) คิดถึงสิ่งที่คุณชอบและไม่ชอบ แล้วคิดเชื่อมโยงต่อไปอีก ในระหว่างนี้ คุณจะคิดถึงสิ่งต่างๆมากมาย ฉะนั้นเมื่อนึกอะไรออกก็จดไว้ จากนั้นก็กลับมาที่คำถามเรื่องอาชีพ นำสิ่งที่จดไว้มาดู สิ่งที่คุณเห็นว่าตื่นเต้นเร้าใจนั้นเข้ากับอาชีพแนวใดมากที่สุด? อัลเลน เดอ โบตอง (Alain de Botton) ได้พูดถึงเทคนิคคิดเชื่อมโยงอย่างอิสระไว้ว่า เป็นการมองหา "เสียงแห่งความสุข" ท่ามกลางเสียงที่บอกเราถึงสิ่งที่ต้องทำ สิ่งที่ควรทำ และความคาดหวังจากผู้อื่น ซึ่งเสียงเหล่านี้ดังผสมปนเปกันไปหมด [1]
    • แต่ก็ระลึกไว้ว่างานที่คุณทำอาจไม่ใช่งานที่ "หัวใจเรียกร้อง" คุณจะต้องหาจุดสมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิต ที่จะทำให้คุณสามารถตามหา "ตัวตนที่แท้จริง" ของตัวเองนอกที่ทำงานได้ ถึงแม้ว่านั่นจะหมายถึงต้องใช้เวลามากขึ้นและได้รายได้น้อยลงก็ตาม ในการตามหาตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง อะไรๆก็เป็นไปได้ทั้งนั้น
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

เปลี่ยนมุมมอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. จงยอมรับว่าไม่ว่าคุณจะทำอะไร อย่างไรก็จะต้องมีคนจำนวนหนึ่งที่ไม่ชอบคุณ อย่าใส่ใจเลยว่าคนอื่นคิดอย่างไร เพราะคุณไม่สามารถทำให้ทุกคนพอใจได้หรอก และถึงแม้ว่าคุณไม่อยากทำให้คนใกล้ชิดผิดหวัง แต่จำไว้ว่าพวกเขาก็อยากเห็นคุณมีความสุข ตราบใดที่คุณยังใช้ชีวิตเพียงเพื่อเติมเต็มความคาดหวังของคนอื่น คุณจะไม่มีวันค้นหาตัวตนที่แท้จริงของตัวเองเจอ เรย์มอนด์ ฮัลล์ (Raymond Hull) ได้สรุปความความคิดนี้ไว้ว่า "คนที่คอยแต่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อคนอื่น สุดท้ายจะไม่เหลือความเป็นตัวเองเลย"
    • ตระหนักไว้ว่าจะมีคนที่อิจฉา กลัว หรือรู้สึกรับไม่ไหว เมื่อคุณเปลี่ยนแปลงนิสัยตัวเอง มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และรักตัวเองมากขึ้น (ในขณะที่คนอื่นชอบการเปลี่ยนแปลงนี้) ทั้งนี้เป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงของคุณเป็นภัยคุกคามต่อความสัมพันธ์ที่คุณมีกับคนอื่น มันทำให้พวกเขาต้องหันมามองดูตัวเอง ซึ่งพวกเขาอาจไม่อยากทำสักเท่าไร ให้เว้นระยะห่างกับคนเหล่านี้และพยายามเข้าใจเขา เดี๋ยวเขาก็จะเข้าใจคุณเอง ถ้าเกิดเขาไม่เข้าใจ ก็ปล่อยเขาไป คุณไม่จำเป็นต้องมีเขา คุณก็เป็นตัวเองได้
  2. ถึงแม้ว่าจะฟังดูลอยๆ แต่ก็ทำได้ไม่ยาก พยายามตัดสินคนอื่น และ ตัวคุณเองให้น้อยที่สุด เหตุผลมีสองประการ 1) การคิดบวกสามารถหล่อเลี้ยงจิตใจคุณและนำมาซึ่งความสุขที่การ "ไม่รู้ว่าตัวเองคือใคร" ได้ขวางกันไว้ 2) การเปิดใจรับประสบการณ์ใหม่ๆและคนใหม่ๆ (ที่คุณเคยเห็นว่าไม่ควรเป็นเพื่อนคุณ) จะเปิดโลกใหม่ให้กับคุณ ซึ่งอาจเป็นโลกที่วิเศษกว่าโลกปัจจุบันที่คุณรู้จักก็ได้
    • ในทุกๆวัน พยายามทำอะไรที่คุณเคยเห็นว่า "ประสาท" "ไร้เหตุผล" หรือ "ไม่สบายใจที่จะทำ" การออกจาก comfort zone ไม่เพียงแต่สอนอะไรใหม่ๆให้กับคุณ แต่ยังบังคับให้คุณทำความรู้จักกับ ตัวคุณ ด้วย เช่นรู้ว่าคุณมีความสามารถที่จะทำอะไรได้ คุณชอบอะไร คุณไม่ชอบอะไร และคุณได้พลาดอะไรไปบ้าง
  3. ถามคำถามที่ตอบยากและเกี่ยวข้องกับอนาคตอันกว้างไกล แล้วจดคำตอบของตัวเองไว้ นอกเหนือจากเวลาส่วนตัวที่ได้อยู่คนเดียว คุณอาจลืมความคิดเหล่านี้เพราะมีสิ่งอื่นที่สำคัญกว่าที่ต้องทำ แต่ถ้าคุณจดมันไว้ ทุกๆครั้งที่คุณมีเวลานั่งคิด คุณสามารถอ่านสิ่งที่คุณจดไว้และคิดต่อยอดไปได้ แทนที่จะต้องตอบคำถามเดิมๆซ้ำไปซ้ำมา จดคำตอบของคุณในสมุดโน้ตที่ใช้ง่าย ซึ่งสมุดเล่มนี้จะช่วยบำรุงเลี้ยงตัวคุณ และช่วยให้คุณสามารถวัดการเติบโตของตัวเองได้ เอาล่ะ ถ้าคุณอยากจะเริ่ม เราได้เตรียมคำถามไว้ให้คุณบ้างแล้ว:
    • "ถ้าฉันมีทุกอย่างในชีวิตครบครันแล้ว ถ้าฉันไม่ จำเป็น ต้องหาเงิน ฉันจะทำอะไรกับชีวิตและทำไมฉันจึงเลือกเช่นนั้น?" คุณอาจอยากวาดภาพ เขียนหนังสือ ทำไร่ทำนา หรือออกไปผจญภัยในป่าอเมซอน อย่าอายที่จะตอบคำถาม ตอบให้เต็มที่เลย
    • "เมื่อฉันอายุมากแล้วหันกลับมามองชีวิตที่ผ่านมาในอดีต อะไรคือสิ่งที่ฉันไม่อยากพูดเลยว่าเสียดายที่ไม่ได้ทำ?" คุณจะเสียดายที่ไม่เคยได้ไปเที่ยวต่างประเทศหรือเปล่า? คุณจะเสียดายที่ไม่เคยได้ชวนคนที่คุณชอบไปเดทหรือเปล่า ถึงแม้ว่านั่นอาจหมายถึงการเสี่ยงถูกปฏิเสธก็เถอะ? คุณจะเสียดายที่ไม่ได้ใช้เวลากับครอบครัวเมื่อตอนยังไม่สายเกินไปหรือเปล่า? คุณจะเสียดายที่ได้แต่เก็บทัศนคติต่อสังคมที่ไม่เหมือนใครของคุณไว้กับตัว โดยไม่ได้เล่าให้เพื่อนๆฟังหรือเปล่า? คุณได้พยายามปฏิบัติตาม/ขัดขืนบรรทัดฐานของสังคมมากเกินกว่าที่คุณตั้งใจไว้หรือเปล่า? คำถามนี้อาจยากมากที่จะตอบ
    • "ถ้าเกิดฉันต้องเลือกลักษณะของคนที่ฉันอยากจะเป็นสามประการ จะมีอะไรบ้าง?" ชอบผจญภัย? มีทัศนคติไม่ค่อยดีต่อคน? เปิดกว้าง? ซื่อสัตย์? มีอารมณ์ขัน? มองโลกในแง่ดี? ไว้ใจไม่ได้? อย่ากลัวที่จะเลือกคำที่มีความหมายในแง่ลบ เพราะนั่นพิสูจน์ว่าคุณเป็นคนจริง ไม่ใช่ส่วนต่างๆที่ คนอื่น อยากเป็นมาผสมรวมกัน
      • บางทีลักษณะที่คุณไม่ชอบอาจมีประโยชน์ในสถานการณ์ฉุกเฉินก็ได้ เช่นนิสัยเจ้ากี้เจ้าการ หรือบางทีก็อาจมีประโยชน์เวลาทำงาน เช่นนิสัยชอบจับผิด
      • ถ้าคุณมีนิสัยด้านลบจริงๆ การยอมรับมันตรงๆจะทำให้คุณมีแรงจูงใจเปลี่ยนแปลงพลังนั้นเป็นพลังบวกได้ ลองเปลี่ยนนิสัยแย่ๆให้เป็นงานอดิเรกดูสิ ถ้าไม่ชอบซักผ้า ก็ลองไปตั้งแคมป์ คุณอาจจะชอบก็ได้นะ แม้การเต้นรูดเสาก็อาจทำให้คุณรุ่งได้! ถ้ารู้ตัวว่าคุณขี้เกียจทำอะไร คุณอาจหาอย่างอื่นที่ไม่น่าเบื่อให้ตัวเองทำดู
    • "ฉันคือใคร" คำถามนี้ไม่มีคำตอบที่ตายตัว คุณควรถามคำถามนี้กับตัวเองเรื่อยๆตลอดชีวิตของคุณ คนที่สุขภาพดีนั้นมีการสร้างหรือนำเสนอตัวเองในรูปแบบใหม่ตลอด การถามคำถามนี้เป็นประจำจะช่วยอัพเดทให้คุณเข้าใจว่าคุณคือใครและคุณได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง แทนที่จะตอบว่าคุณคิดว่าคุณควรเป็นใคร ให้ตอบว่าแท้จริงแล้วคุณเป็นใคร เพราะคำตอบนั้นถือว่าเป็นคำตอบที่ดี แม้ว่าคุณจะเป็นคนไม่น่าคบก็ตาม
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

ปักหลักอย่างถาวร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ระบายสีน้ำ เขียนเรื่องสั้น วางแผนเที่ยว ทานข้าวกับครอบครัว เล่นมุขตลก เปิดใจ พูดความจริง อะไรก็ตามที่คุณตัดสินใจแล้วว่าอยากเป็นหรืออยากทำ เริ่มเป็นหรือเริ่มทำเลยตั้งแต่ ตอนนี้
    • คุณอาจส่ายหัวแล้วใช้ข้ออ้างว่า "ไม่มีเวลา" "ไม่มีเงิน" "มีธุระกับทางบ้าน" ฯลฯ แต่แทนที่จะใช้ความจริงเหล่านี้เป็นข้ออ้าง ทำไมไม่เริ่มวางแผนจัดการกับอุปสรรคในชีวิตสักหน่อยล่ะ คุณสามารถหาเวลาว่างได้ หาเงินได้ และขอเวลาพักจากหน้าที่ได้ ถ้าคุณวางแผนให้ดีและกล้าที่จะขอ
    • บางครั้ง ตัวตนที่แท้จริงของคุณกลัวที่จะต้องลงมือปฏิบัติ เพราะนั่นคือการเผชิญหน้ากับสิ่งที่จำกัดตัวคุณ ลองเริ่มวางแผนดูว่าจริงๆแล้วคุณอยากทำอะไร และลองสืบดูว่าคุณต้องทำอะไรบ้างเพื่อไปถึงจุดนั้น แทนที่จะหาข้ออ้างไปเรื่อยๆแล้วไปไม่ถึงจุดมุ่งหมายหรือความฝันเสียที
  2. การค้นหาตัวเองนั้นเปรียบเสมือนการออกเดินทาง ไม่ใช่จุดหมายปลายทาง และหลักๆแล้วการเดินทางนี้ก็คือการลองผิดลองถูก ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องเสียเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่คุณต้องการ บ่อยครั้งคุณจะเจออุปสรรคระหว่างทาง และบางครั้งคุณอาจล้มหน้าทิ่ม ทำใจยอมรับและเข้าใจว่านี่คือส่วนหนึ่งของกระบวนการ และเตรียมพร้อมที่จะลุกขึ้นมาเริ่มใหม่และสู้ต่ออีกครั้ง
    • การเดินทางนี้ไม่ง่ายอยู่แล้ว ไม่เคยง่ายสำหรับใครทั้งนั้นแหละ แต่ถ้าคุณเรียนรู้ที่จะมองความยากว่าเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าคุณต้องการค้นหาตัวเองมากเพียงใด คุณก็จะพบว่าความพยายามของคุณทำให้คุณรู้สึกเติมเต็มและมั่นคง เมื่อคุณรู้จักตัวเอง คนส่วนใหญ่จะเคารพคุณมากขึ้นและเป็นมิตรต่อคุณ สิ่งที่ดีที่สุดที่จะเกิดขึ้นก็คือ แสงสว่างจากตัวคุณจะส่องลงบนทั้งตัวคุณและคนอื่น ทำให้พวกเขา (และคุณ) รู้สึกมั่นใจมากขึ้นว่าคุณได้ค้นพบตัวตนที่แท้จริงของตัวเองแล้ว
  3. มหาตมา คานธี ได้กล่าวไว้ว่า "หนทางที่ดีที่สุดในการค้นหาตัวเองคือการเสียสละตัวเองเพื่อผู้อื่น" การสำรวจตัวเองโดยที่ไม่หันไปมองคนอื่นนั้นอาจทำให้คุณหลงตัวเองและปิดกั้นตัวเองจากคนอื่นได้ การทำเพื่อผู้อื่นและเพื่อสังคมคือหนทางที่ดีที่สุดที่จะค้นพบจุดประสงค์และจุดยืนของตัวคุณบนโลกใบนี้
    • เมื่อคุณเห็นว่าชีวิตของคนอื่นที่ขาดแคลนมากกว่าคุณนั้นยากลำบากเพียงใด คุณก็จะตาสว่างและเข้าใจว่าความกังวลและปัญหาของคุณนั้นไม่หนักหนาสาหัสเลยถ้าเทียบกับคนอื่น มันจะช่วยให้คุณเห็นสิ่งที่คุณมีและโอกาสที่คุณคว้ามาได้ตลอดชีวิตที่ผ่านมา นี่สามารถบำรุงเลี้ยงความเป็นตัวตนของคุณ เพราะทันใดนั้น ทุกอย่างจะกระจ่างและคุณจะตระหนักรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ลองดูสิ แล้วคุณจะเข้าใจ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ระหว่างการเดินทางอาจมีบางครั้งที่คุณอยากร้องไห้ ซึ่งการร้องไห้ออกมาก็ส่งผลดีต่อสุขภาพจิตของคุณ
  • การค้นหาตัวเองจะต้องใช้เวลาเท่าไร ไม่มีใครบอกได้ จงมีความอดทน
  • อย่ากลัวที่จะใช้เวลาคิดไตร่ตรอง ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนตัดสินใจ เป็นไปได้สูงว่าคุณจะตัดสินใจได้ดีถ้าจิตใจคุณสงบและคุณพักผ่อนเพียงพอ
  • ไม่มีผิดหรือถูกหรอก ฉะนั้นก็อย่ากังวลไปเลย
  • ฟังและเชื่อมั่นในหัวใจตัวเอง!
  • ถึงแม้ถ้อยคำที่ว่า "จงเป็นตัวของตัวเอง" จะพูดกันซ้ำซากจนไม่มีอะไรแปลกใหม่ แต่มันสำคัญจริงๆเมื่อคุณต้องการค้นหาตัวเอง อย่ายอมให้ใครบังคับควบคุมตัวตนของคุณได้ แน่นอนว่าคุณควรเรียนรู้โดยการรับฟังผู้อื่น แต่ตัวคุณเองเท่านั้นควรตัดสินใจเลือกตัวเลือกสุดท้ายและยอมรับการตัดสินใจนั้น ถ้าคุณมัวแต่ทำตามความคิดคนอื่น การค้นหาตัวเองจะยากขึ้นไปอีก เพราะคุณยอมให้คนอื่นมีอำนาจเหนือตัวตนที่คุณ คิด ว่าคุณเป็น
  • ออกมาจาก comfort zone บ้าง แล้วสังเกตวิธีการปรับตัวของคุณ คุณจะได้เห็นอะไรเกี่ยวกับตัวเองที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน
  • สกัดกั้นความรู้สึกที่ว่าคุณกำลังเผชิญปัญหานี้อยู่คนเดียว ในนวนิยายเรื่อง Invisible Man ผู้เขียน ราล์ฟ เอลลิสัน (Ralph Ellison) ได้กล่าวถึงความรู้สึกนี้ไว้อย่างงดงามว่า ตลอดชีวิตของผม ผมได้พยายามตามหาสิ่งๆหนึ่ง และไม่ว่าผมจะไปที่ไหน คนอื่นก็พยายามบอกผมว่ามันคืออะไร ผมได้ยอมรับคำตอบของพวกเขา แม้ว่ามันจะขัดแย้งกันเองหรือแม้แต่ขัดแย้งในตัวเองก็ตาม ก็ตอนนั้นผมมันช่างไร้เดียงสา ผมพยายามตามหาตัวเองและถามคำถามกับทุกคนยกเว้นตัวเอง คำถามที่ซึ่งผมเท่านั้นสามารถให้คำตอบได้ ผมใช้เวลาอยู่นานและต้องเจ็บปวดจากความคาดหวังต่างๆที่ย้อนกลับมาทำร้ายตัวผมเอง กว่าผมจะตระหนักได้ถึงสิ่งที่คนอื่นทุกคนเหมือนจะรู้ตั้งแต่เกิดแล้ว ว่า ผมไม่ใช่ใคร ผมก็คือผม
  • จงมีความเมตตากรุณาต่อผู้อื่น ผู้อื่นจะได้มีความเมตตากรุณาต่อคุณกลับ
  • เป็นคนที่ดีที่สุดเท่าที่คุณจะเป็นได้ และจงรู้ไว้ว่าการเป็นตัวของตัวเองก็คือคนที่ดีที่สุดที่คุณจะเป็นได้นั่นเอง
  • คุณจะรู้ได้ว่าคุณใกล้จะพบจุดหมายเมื่อคุณสบายใจหรือจดจ่อกับอะไรบางอย่าง บางทีคุณก็ไม่รู้ตัวหรอกว่าคุณได้พบมันแล้ว
  • พยายามอย่าตัดสินตัวเองถ้าคุณไม่เห็นผลลัพธ์ที่ดีโดยทันทีทันใด ความดื้อดึงคือกุญแจสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่คุณรู้สึกว่าสิ่งต่างๆเริ่มยาก
  • จำไว้ว่าคุณต้องรักตัวเองมากกว่ารักคนอื่น
  • จงเป็นตัวของตัวเอง และอย่ายอมให้คนอื่นเปลี่ยนแปลงตัวคุณ
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าโกหกตัวเองและพยายามเป็นตัวตนที่ไม่ใช่คุณ จำไว้ว่าคุณค้นหาตัวเองก็เพื่อจะได้เป็นตัวของตัวเอง การไม่ยอมให้คนในครอบครัวตัดสินใจแทนคุณเป็นเรื่องสำคัญฉันใด การไม่ยอมให้สังคมหรือสื่อต่างๆผลักคุณไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งก็สำคัญฉันนั้น โดยเฉพาะในเรื่องรูปร่างลักษณะภายนอก
  • อย่าปล่อยให้คนอื่นตัดสินใจแทนคุณว่าคุณเกิดมาเพื่อทำอะไร หนทางของพวกเขาอาจไม่ใช่หนทางสำหรับคุณ อะไรที่ใช่สำหรับคนคนหนึ่ง อาจไม่ใช่สำหรับอีกคนก็ได้
  • อย่าซุบซิบนินทาหรือพูดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับคนอื่น การผลักคนอื่นให้ล้มลงจะไม่ช่วยให้คุณรู้อะไรเกี่ยวกับตัวเองมากขึ้น มันเพียงแต่จะลดศักดิ์ศรีของคุณในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง และทำให้คนอื่นไม่ชอบคุณ
  • อย่าเปลี่ยนแปลงตัวเองหรือวิธีปฏิบัติตนอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้เข้ากับคนอื่นจนติดเป็นนิสัย
  • อย่าคิดมากไปเสียทุกอย่าง! ไม่มีคำว่าถูกหรือผิดหรอก เพียงแค่คุณพยายาม ก็ถือว่าคุณทำถูกแล้วล่ะ
โฆษณา

ข้อมูลอ้างอิง

  1. Alain de Botton, "Now What Do I Do with All This You-Ness?" p. 115, in The Oprah Magazine , "Love Yourself, " (2010), ISBN 0-8487-3365-7
  2. http://dawnbarclay.com/how-to-find-yourself-again-part-1-wake-up

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 81,015 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา