ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

มีเหตุผลดีๆ ที่ทำให้เชื่อได้ว่า คนที่รู้สึกขอบคุณสิ่งต่างๆ มักจะมีความสุขและสุขภาพดีกว่าคนที่ไม่ซาบซึ้งกับอะไรเลย [1] คนที่ขอบคุณทุกสิ่งจะเห็นคุณค่าของสิ่งที่ตัวเองมีแทนที่จะมัวหมกมุ่นกับสิ่งที่ตัวเองขาด พวกเขาแสดงความรู้สึกขอบคุณต่อผู้อื่น ซึ่งนั่นก็ทำให้คนอื่นแสดงความขอบคุณเขากลับมาเช่นกัน พวกเขามองว่าแต่ละวันคือโอกาสใหม่ๆ ที่จะได้สร้างความสุข มากกว่าจะมองว่าเป็นอีกความท้าทายที่ต้องฝ่าฟันไปให้ได้ แม้ว่าบางคนจะเป็นคนที่ขอบคุณทุกสิ่งมาตั้งแต่เกิด แต่ก็อย่าคิดเอาเองว่าคุณจะไม่สามารถสร้างมุมมองที่ซาบซึ้งต่อสิ่งรอบข้างในชีวิตได้ มันอาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่รับรองว่าคุณจะต้องขอบคุณตัวเองที่พยายาม!

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ขอบคุณสิ่งต่างๆ ในปัจจุบัน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. บางครั้งวิธีที่เราจะกลับมาตั้งหลักและทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นก็ได้คือการหยุดพัก คุณจะต้องระบุสิ่งที่คุณรู้สึกขอบคุณ และบางครั้งการหยุดพักเองก็เป็นเหตุผลดีๆ ที่ทำให้คุณรู้สึกขอบคุณ
    • ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงาน ที่โรงเรียน และอื่นๆ ให้ออกไปเดินรอบอาคารหรือก้าวเท้าออกไปข้างนอกสัก 15 นาทีเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์และตรึกตรองว่า คุณขอบคุณแค่ไหนที่มีโอกาสได้หยุดพัก ได้เหยียดขา ได้สัมผัสแสงแดด และอื่นๆ
    • ใช้เวลาสังเกตสิ่งละอันพันละน้อยที่คุณรู้สึกขอบคุณสักครู่ เช่น กาแฟสักถ้วยตอนเช้า หรือหมอนที่คุณหนุนนอนตอนกลางคืน
  2. บอกใครสักคนว่า เขาสำคัญกับคุณ . บ่อยครั้งที่ชีวิตก็ยุ่งวุ่นวายจนคุณลืมบอกคนรอบข้างไปว่า พวกเขาสำคัญกับคุณแค่ไหน หรือคุณอาจจะไม่ได้สังเกตว่า พวกเขาทำอะไรทั้งที่มันมีความหมายกับคุณมาก การแสดงความขอบคุณผู้อื่นเป็นการสร้างบรรยากาศของความรู้สึกขอบคุณที่ค่อยๆ แผ่ออกไปได้ เช่น
    • ถ้าสามี/ภรรยาเตรียมข้าวกล่องมื้อกลางวันให้คุณ ให้โทรหรือส่งข้อความไปหาเขาทำนองว่า “ที่รัก ผมรู้นะว่าการเตรียมอาหารกลางวันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับคุณ แต่ผมขอบคุณมากนะที่คุณพยายามทำให้ตอนเช้าผมไม่ต้องวุ่นวายนัก”
  3. หาเวลาสักช่วง เช่น ตอนมื้อค่ำ มาคุยกันถึงสิ่งที่คุณรู้สึกขอบคุณในวันนั้น ให้สมาชิกในครอบครัวแต่ละคนผลัดกันเล่าว่า พวกเขารู้สึกขอบคุณอะไรในวันนั้น [2]
    • ให้สมาชิกแต่ละคนบนโต๊ะอาหารผลัดกันพูดถึงสิ่งที่ตัวเองขอบคุณอย่างน้อย 1 อย่างก่อนเริ่มรับประทานอาหารจนเป็นกิจวัตร
    • พยายามเจาะจงให้มากที่สุด เช่น แทนที่จะพูดว่า "พ่อขอบคุณที่ทุกคนช่วยเหลือพ่อ" คุณก็อาจจะเปลี่ยนไปพูดว่า "พ่อขอบคุณมากนะที่ทุกคนช่วยพ่อดูแลสวนทุกวันหยุด"
  4. การส่งโน้ตแสดงความขอบคุณใบเล็กๆ นั้นดีต่อใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ โน้ตแสดงความขอบคุณคือการขอบคุณคนที่ให้อะไรบางอย่างแก่คุณ (เวลา ความพยายาม ของขวัญ) ทั้งที่เขาไม่จำเป็นต้องทำ และบอกว่าคุณซาบซึ้งกับสิ่งที่เขาทำ คุณไม่จำเป็นต้องร่ายข้อความยืดยาวเพื่อขอบคุณเขา แค่เขียนข้อความสัก 2-3 บรรทัดเพื่อบอกให้เขารู้ว่า ตัวเขา ของขวัญ เวลา ความพยายาม และสิ่งอื่นๆ ที่เขามอบให้คุณมีความหมายกับคุณอย่างไร
    • ข้อความ อีเมล ข้อความเสียง และอื่นๆ ที่เป็นการแสดงความขอบคุณนั้นก็เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ส่ง (และผู้รับ) รู้สึกดีได้เช่นกัน แต่การเขียนโน้ตแสดงความขอบคุณด้วยลายมือก็ยังเป็นสิ่งที่พิเศษอยู่ดี
    • โน้ตแสดงความขอบคุณอาจจะเป็นอะไรง่ายๆ อย่างการเขียนข้อความสั้นๆ ลงไปในกระดาษโพสต์อิต หรืออาจจะเขียนลงในกระดาษฉีกแล้ววาดรูปดอกไม้หรือหัวใจลงไปด้วย
  5. ตอบแทนเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงความขอบคุณ. การขอบคุณทุกสิ่งไม่ใช่การบอกคนอื่นว่าคุณรู้สึกขอบคุณเท่านั้น แต่มันยังรวมถึงการตอบแทนชุมชนและเพื่อนๆ ด้วย ซึ่งไม่ได้หมายความว่าคุณต้องให้กลับเพื่อให้หายกันและไม่มีใคร "ติดหนี้" อะไรกับใคร แต่จงให้เพราะมันเป็นสิ่งสมควรทำและเพราะว่าคุณรู้สึกดีที่ได้ให้ [3]
    • ถ้าเป็นคนที่คุณรู้จัก ให้ช่วยเหลือเขาโดยตรง เช่น คุณอาจจะพาคุณยายไปตามนัดหรือช่วยเพื่อนขนของย้ายบ้าน
    • ถ้าคุณไม่ได้รู้จักเขา ให้สืบสานงานของเขาต่อ เช่น คุณอาจจะตอบแทนอาจารย์ที่ปรึกษาด้วยการเป็นที่ปรึกษาให้คนอื่น
  6. มองเจตนาเบื้องหลังความปรารถนาดีที่แสดงต่อคุณ. เมื่อมีใครทำอะไรดีๆ ให้คุณ ไม่ว่าจะให้ของขวัญ นำอาหารร้อนๆ มาให้ หรือเสนอตัวอ่านทวนและแก้ไขวิทยานิพนธ์ให้คุณ ให้มองว่าพวกเขาพยายามนำสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต บางคนสละเวลาอันมีค่า เงิน และอื่นๆ เพื่อมาทำสิ่งดีๆ ให้คุณ [4]
  7. ขอบคุณบาริสต้าที่ชงกาแฟให้คุณ ขอบคุณคนที่เปิดประตูค้างไว้ให้ ขอบคุณพนักงานบริการลูกค้าที่ช่วยดูว่า ทำไมโทรศัพท์มือถือของคุณใช้ไม่ได้ การพูดออกมาดังๆ จะช่วยฝังความรู้สึกขอบคุณลงในชีวิต [6]
    • ใช้คำว่า "ขอบคุณ" เป็นเหมือนการสวดหรือภาวนา คุณอาจจะขอบคุณแบบเจาะจง หรือจะแค่กล่าวคำขอบคุณซ้ำไปซ้ำมากับตัวเองก็ได้ เช่น คุณอาจจะขอบคุณอาหารที่คุณรับประทานเมื่อเช้า ฝนที่ตกลงมารดน้ำต้นไม้ให้ เสื้อกันฝนที่ทำให้ตัวไม่เปียก และอื่นๆ
    • การสร้างความรู้สึกขอบคุณ (และการพูดออกมาดังๆ) ช่วยบรรเทาความโกรธ ความวิตกกังวล ความรู้สึกหดหู่ และปัญหาสุขภาพอื่นๆ ได้
    • เวลาที่กล่าวขอบคุณใครสักคน ให้สบตาและยิ้มเพื่อให้เขารู้สึกถึงความจริงใจ
  8. ในบางช่วงของชีวิตเราก็หาเหตุผลมาขอบคุณสิ่งต่างๆ ได้ยากจริงๆ แต่มันก็มีช่วงเวลาที่คุณต้องการความรู้สึกขอบคุณมากเป็นพิเศษ เพราะมันจะช่วยให้คุณผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้ด้วยดีมากกว่าความรู้สึกโกรธหรือไม่พอใจ [7]
    • ในการสร้างความรู้สึกขอบคุณที่มีต่องานที่ยากหรือน่าเบื่อนั้น ให้เขียนรายการสิ่งดีๆ เกี่ยวกับงาน เช่น มันทำให้คุณมีเงินไปซื้ออาหารและมีที่ซุกหัวนอน มันทำให้คุณมีโอกาสได้นั่งรถเมล์เข้าไปในเมืองและดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าตรู่ และอื่นๆ
    • ถ้าเป็นเรื่องของการเลิกราหรือคนที่คุณรักจากไป คุณควรให้เวลาตัวเองได้เศร้าโศกและเสียใจก่อน การรู้สึกขอบคุณไม่ใช่การหลบหนีอารมณ์ต่างๆ เช่น ความเศร้า ความโกรธ แต่มันคือการทำให้อารมณ์เหล่านั้นจัดการง่ายขึ้น หลังจากที่ให้เวลาตัวเองได้เศร้าโศกแล้ว เขียนรายการสิ่งที่คุณได้เรียนรู้หรือซาบซึ้งจากความสัมพันธ์ จากนั้นก็เขียนว่าคุณรู้สึกขอบคุณอะไรที่ความสัมพันธ์ได้จบลง
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

สร้างวิธีคิดที่ทำให้รู้สึกขอบคุณมากขึ้น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. จดบันทึกเหตุผลที่ทำให้คุณรู้สึกขอบคุณในแต่ละวันเพื่อฝังเหตุผลเหล่านั้นลงในความทรงจำ ไม่สำคัญว่าช่วงเวลานี้ในชีวิตจะยากลำบากแค่ไหน เพราะชีวิตย่อมมีสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกขอบคุณได้เสมอ การหาสิ่งนั้นจะช่วยให้คุณรับมือกับส่วนอื่นๆ ในชีวิตได้ [8]
    • บันทึก 5 สิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกขอบคุณทุกวัน สิ่งเหล่านั้นอาจจะเป็นเรื่องทั่วไป เช่น "พระอาทิตย์ส่องแสง" หรืออาจจะเป็นเรื่องใหญ่ เช่น "แฟนขอฉันแต่งงานแล้ว" ก็ได้
    • หาช่วงเวลาเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละวันทบทวนถึงสิ่งต่างๆ ที่คุณรู้สึกขอบคุณมากที่สุด คุณอาจจะพบว่าคุณมีเรื่องที่อยากบันทึกมากกว่า 5 อย่างก็ได้
    • ถ้าคุณกลัวว่าจะลืมเขียน ให้ดาวน์โหลดแอปฯ บันทึกความรู้สึกขอบคุณในโทรศัพท์ แล้วคุณจะได้รับการแจ้งเตือนทุกวัน
  2. ขณะเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก การกลับไปอ่านสิ่งที่คุณเคยเขียนไว้ก็อาจช่วยให้รู้สึกดีขึ้น ถ้าเป็นช่วงเวลาที่ต้องอดทน ให้หาสิ่งเล็กน้อยที่สุดที่คุณจะสามารถขอบคุณได้ [9]
    • เช่น แม้ว่าคุณจะป่วยระยะสุดท้าย คุณก็ยังสามารถขอบคุณสิ่งต่างๆ เช่น การที่มีคนนำมื้อเย็นมาให้ เตียงอุ่นๆ หรือแมวที่เข้ามาซุก สิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านั้นสามารถทำให้คุณอดทนกับความปวดร้าวจากเรื่องหนักๆ (ความเจ็บป่วย) ได้มากขึ้น
  3. เล่าให้เพื่อนสนิทหรือคนในครอบครัวฟังว่า คุณมีเป้าหมายที่จะขอบคุณสิ่งต่างๆ ให้มากขึ้นและขอให้เขาคอยช่วยคุณ เลือกคนที่คุณสามารถเล่าเรื่องราวที่คุณรู้สึกขอบคุณได้อย่างสบายใจ และให้เขาเป็นคนคอยสะกิดเวลาที่คุณเริ่มกลับไปบ่นเหมือนเดิมอีกแล้ว
    • วิธีนี้ถ้าจะให้ดีที่สุดต้องเป็นเป้าหมายร่วมกัน นั่นก็คือต่างฝ่ายต่างช่วยให้อีกคนรู้สึกขอบคุณสิ่งต่างๆ มากขึ้น
  4. คนที่รู้สึกขอบคุณสิ่งต่างๆ ในชีวิตนั้นไม่ได้มีชีวิตที่ง่ายดายกว่าคุณเลย แต่จริงๆ แล้วหลายคนที่แสดงความขอบคุณสุดหัวใจนั้นต้องฝ่าฟันสิ่งต่างๆ มากมาย ทั้งนี้พวกเขาเข้าใจว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่สถานการณ์ แต่วิธีการมองสถานการณ์ต่างหากที่จะทำให้มันง่ายหรือยากขึ้น [10]
    • เช่น ถ้าคุณต้องทำงานส่งตัวเองเรียนมหาวิทยาลัย คุณอาจจะคิดว่า งานกำลังสอนให้คุณมีความรับผิดชอบ ไม่ใช่สิ่งที่ขโมยเวลาว่างของคุณไป
  5. การใช้ภาษาเชิงลบและการแปะป้ายอาจทำให้สถานการณ์ยิ่งยากกว่าเดิม และโดยทั่วไปก็ทำให้คุณเกิดความรู้สึกขอบคุณได้ยาก เช่น การแปะป้ายว่ามันเป็น "โรคร้ายแรงของฉัน" นั้นสร้างการรับรู้ที่เป็นลบมากกว่าการพูดแค่ว่า "โรคที่ฉันเป็น" ซึ่งอย่างหลังนั้นนอกจากจะเป็นการบอกว่า โรคไม่ใช่ส่วนหนึ่งของคุณแล้ว ยังเป็นการใช้ภาษาที่เป็นกลางมากกว่าเป็นลบอีกด้วย [11]
    • เพิ่มคำพูดที่แสดงความขอบคุณเวลาพูดถึงชีวิตตัวเอง เช่น คุณอาจจะพูดว่า "ถึงฉันจะป่วยเป็นโรคนี้ แต่ฉันก็ขอบคุณที่ฉันได้รับการรักษาที่ยอดเยี่ยม และฉันก็ได้กำลังใจจากครอบครัว"
  6. การพูดกับตัวเองและคนอื่นแรงๆ จะทำให้คุณเกิดความรู้สึกขอบคุณอย่างแท้จริงได้ยาก เมื่อคุณจับได้ว่ากำลังคิดลบกับตัวเองหรือคนอื่น ให้หยุดแล้วกลับความคิดเสียใหม่ เช่น ถ้าคุณคิดว่า "ฉันโง่เลขมากจริงๆ" ให้เปลี่ยนไปบอกตัวเองว่า "ฉันมีปัญหากับโจทย์เลขข้อนี้" [12]
    • การปรับภาษาและการรับรู้เพียงเล็กน้อยช่วยปรับมุมมองที่มีต่อสิ่งต่างๆ เพื่อบอกว่าปัญหาไม่ใช่ตัวคุณ แต่คุณกับปัญหาเป็นสิ่งที่แยกออกจากกัน และเป็นสิ่งที่คุณสามารถเอาชนะได้
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

เสริมสร้างสุขภาพกายและจิตเพื่อสร้างความรู้สึกขอบคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. รับประทาน อาหารที่ดีต่อสุขภาพ . คุณต้องรับอาหารดีๆ เข้าสู่ร่างกายเพื่อให้คุณรู้สึกดี ซึ่งจะทำให้คุณเกิดความรู้สึกขอบคุณได้ง่ายขึ้นด้วยเช่นกัน รับประทานผักและผลไม้ เช่น คะน้า พริกหวาน และกล้วย คาร์โบไฮเดรตที่ดี เช่น ข้าวกล้อง ธัญพืชเต็มเมล็ด และข้าวโอ๊ต และโปรตีน เช่น ปลาแซลมอน ถั่วเปลือกแข็ง เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และไข่
    • ปริมาณที่เหมาะสมและความหลากหลายเป็นสิ่งสำคัญ อาหารที่คุณรับประทานเข้าไปไม่ควรจะมีแต่ผักกับผลไม้เท่านั้น แต่คุณต้องรับประทานโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตที่ดีด้วย
    • อย่าลืมหลีกเลี่ยงน้ำตาลทรายและเกลือเพิ่มเติมให้ได้มากที่สุด
  2. รักษาระดับน้ำในร่างกาย ด้วยการดื่มน้ำเยอะๆ. น้ำคือองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ทุกส่วนในร่างกายและจิตใจทำงานได้อย่างราบรื่น จิบน้ำบ่อยๆ และดื่มน้ำก่อนที่จะรู้สึกหิวน้ำ
    • ขอบคุณทุกครั้งที่คุณเปิดก๊อกน้ำหรือเปิดขวดน้ำที่มีน้ำสะอาดสดชื่นไว้สำหรับดื่ม จำไว้ว่ามีอีกหลายล้านคน (หรืออาจจะพันล้าน) ทั่วโลกที่เข้าไม่ถึงความสะดวกสบายนี้
  3. อย่างก เวลานอน . การนอนเป็นส่วนสำคัญของการมีสุขภาพแข็งแรงและความสุข ซึ่งเป็นสองสิ่งที่ทำให้คุณเกิดความรู้สึกขอบคุณได้ง่ายขึ้น แม้ว่าการพยายามขอบคุณสิ่งต่างๆ ในช่วงเวลาของชีวิตที่มีแต่เรื่องให้นอนไม่หลับและกังวลอยู่ตลอดเวลาจะเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม แต่การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอจะช่วยให้คุณสร้างความรู้สึกขอบคุณได้ง่ายขึ้น
    • กำหนดเวลาเข้านอนและตื่นนอนเวลาเดิมทุกวัน เตรียมสถานที่สำหรับการนอนหลับพักผ่อนที่สบาย กำหนดกิจวัตรก่อนนอนที่ช่วยให้ใจสงบ และปิดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดก่อนเข้านอน
  4. ปฏิบัติตาม กิจวัตรการออกกำลังกาย เป็นประจำ. การออกกำลังกายช่วยหลั่งสารแห่งความสุขอย่างเอนดอร์ฟินส์ที่ช่วยควบคุมอารมณ์และทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น และการรู้สึกดีก็เป็นทั้งเหตุผลที่ทำให้เรารู้สึกขอบคุณ และเป็นแรงกระตุ้นให้เราแสดงความรู้สึกขอบคุณด้วย
    • พยายามออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที อาจจะเป็นกิจกรรมง่ายๆ อย่างการวิ่ง เปิดเพลงเต้น หรือฝึกโยคะก็ได้
  5. ฝึกสมาธิ เป็นประจำ. การฝึกสมาธิเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยจัดการกับปัญหาสุขภาพจิตและความรู้สึกไม่สบายใจทั่วไปในชีวิต อีกทั้งยังส่งเสริมความรู้สึกขอบคุณและการแสดงความซาบซึ้งด้วย
    • หาที่เงียบๆ เพื่อทำสมาธิอย่างน้อยวันละ 15 นาที นั่งในท่าสบายๆ และหายใจลึกๆ กำหนดจิตไปที่ลมหายใจ เมื่อมีความคิดฟุ้งซ่านผุดขึ้นมา ให้รับรู้แล้วปล่อยมันออกไปขณะหายใจออก
  6. การอยู่กับปัจจุบันจะทำให้สมองไม่สามารถวิ่งนำไปข้างหน้าแล้วกังวล วางแผนอนาคต หรือติดอยู่กับอดีตได้ วิธีนี้เป็นการฝึกขอบคุณอย่างหนึ่ง เพราะคุณกำลังดำดิ่งอยู่กับปัจจุบัน และขอบคุณช่วงเวลา "ขณะนี้"
    • ฝึกสติขณะรับประทานอาหาร กำหนดจิตไปที่สิ่งที่คุณตักใส่ปาก มันร้อนหรือเย็น เนื้อสัมผัสเป็นอย่างไร มันหวาน เปรี้ยว หรือเค็ม
    • ฝึกสติระหว่างออกไปเดินเล่นหรือแค่ออกไปนั่งข้างนอก สังเกตสีท้องฟ้าและรูปทรงของก้อนเมฆ ใช้จมูกหาที่มาของกลิ่น และฟังเสียงลมที่พัดผ่านต้นไม้
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • จำไว้ว่าบางครั้งคุณก็อาจจะเจอวันแย่ๆ ที่คุณอารมณ์เสียและเกลียดทุกอย่าง ไม่เป็นไร ไม่ต้องด่าว่าตัวเองที่ไม่สามารถล่องลอยอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ของความรู้สึกขอบคุณได้ตลอดเวลา เพราะแม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นเป้าหมาย แต่ก็ยังไม่มีใครไปถึงสักที
  • การที่คุณเรียนรู้ที่จะขอบคุณสิ่งต่างๆ มากขึ้นไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น หรือว่าคุณจะไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่มันแค่ช่วยให้คุณรับมือกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น และไม่ทำให้ใจของคุณอ่อนล้าจนเกินไป
  • คุณไม่สามารถควบคุมสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับคุณได้ตลอดเวลา แต่คุณสามารถพยายามควบคุมวิธีการตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ ได้
  • การขอบคุณผู้อื่นสำหรับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่พวกเขาทำให้คุณ (อย่างน้อยก็ในบางโอกาส) ช่วยให้คนอื่นรู้สึกว่าตัวเองมีค่าได้เช่นกัน การแสดงความขอบคุณเพียงเล็กน้อยสามารถทำให้วันนั้นของเขาดีขึ้นได้อย่างเห็นชัด และนั่นก็จะทำให้คุณเองรู้สึกดีขึ้นด้วยเช่นกัน
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 20,567 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา