ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การสะกดจิต (hypnosis) ฟังดูแล้วเหมือนเรื่องหลอกเด็ก แต่บอกเลยว่ามีคนเขาฝึกฝนและค้นคว้าวิจัยกันเยอะแยะไปหมด ว่าเราสะกดจิตใครอีกคนได้อย่างไร หนึ่งในวิธียอดนิยมและว่ากันว่าได้ผล ก็คือการสะกดจิตโดยจ้องตา อย่างที่รู้กันว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการสะกดจิตคนอื่นโดยการจ้องตาให้คุณเอง แต่ขอให้เอาไปทดลองกับคนที่เขายินยอมพร้อมใจเท่านั้นนะ อย่าเอาไปใช้พร่ำเพรื่อ เราเตือนคุณแล้ว!

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ฝึกเพ่งสายตา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. พยายามเพ่งสายตาจุดเดิมให้ได้นานๆ โดยไม่กะพริบตา. อาจจะจ้องมองตัวเองในกระจก แล้วจับเวลาว่าคุณเพ่งสายตาได้นานแค่ไหนโดยไม่กะพริบตา
    • หรือแข่งจ้องตากับคนอื่นเพื่อทดสอบความสามารถ
    • ถ้าควบคุมการเคลื่อนไหวของดวงตาตัวเองได้ จะทำให้จ้องตาคนอื่นได้นานระหว่างสะกดจิต
  2. โดยมองสิ่งของที่อยู่ใกล้ๆ เช่น ปากกา ดินสอ แล้วมองไปยังของที่อยู่ไกลๆ ในห้องเดียวกัน
    • ถือดินสอไว้ใกล้หน้า แล้วเพ่งมอง
    • ย้ายจากดินสอไปมองวัตถุอื่นที่อยู่ไกลออกไป เช่น รูปที่กำแพง หรือลูกบิดประตู
    • ย้ายกลับมามองดินสอ จากนั้นสลับไปมองของที่อยู่ไกลๆ ฝึกแบบนี้ไปเรื่อยๆ จะทำให้ย้ายจุดสนใจได้ดี
  3. หรือก็คือทักษะในการมองวัตถุต่างๆ และการเคลื่อนไหวโดยรอบแบบไม่หันไปมอง วิธีฝึกก็คือ [1]
    • นั่งริมถนนที่คนพลุกพล่าน หรือนั่งหน้าทีวี/จอคอมพิวเตอร์ที่กำลังฉายภาพบรรยากาศจอแจ
    • พยายามมองคนหรืออะไรที่ผ่านไปมาโดยหันหน้าไปอีกทาง จากนั้นสลับไปหันหน้าอีกข้าง ทั้ง 2 ครั้งต้องรับรู้ถึงบรรยากาศและสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้มากที่สุด
    • ฝึกทั้ง 2 ด้าน ทั้งหันซ้ายและหันขวาให้เชี่ยวชาญ
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

จ้องตาสะกดจิต

ดาวน์โหลดบทความ
  1. อาจจะถามว่า “ขอลองสะกดจิตหน่อยนะ?” รอให้เขาตอบว่า “โอเค” ซะก่อนแล้วค่อยเริ่ม
    • ควรฝึกจ้องตาสะกดจิตเพื่อน แฟน หรือครอบครัวที่รู้จักและไว้ใจกันดี เพราะจะเต็มใจและได้ผลกว่าเยอะเลย [2]
    • จุดสำคัญคือคนที่ถูกสะกดจิตต้องเต็มใจ ถ้าขัดขืนหรือไม่อยากให้คุณสะกดจิต จะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่
  2. อย่าสะกดจิตแบบยืน เพราะพอถูกสะกดจิตแล้วอาจปล่อยตัวปล่อยใจจนหงายหลังหัวฟาดไปได้
  3. ย้ำว่าระหว่างคุณพูดคุยกับเขา อย่าละสายตาไปที่อื่น
  4. เริ่มนับถอยหลังจาก 5 ไป 1 ด้วยน้ำเสียงต่ำๆ เย็นๆ ระหว่างนับก็บอกไปพลางๆ ว่า [3]
    • “เปลือกตาเธอจะเริ่มหนักขึ้น...หนักขึ้น”
    • “จะรู้สึกว่าเปลือกตาหนักเหมือนมีอะไรมาถ่วงไว้”
    • “เดี๋ยวจะรู้สึกว่าเปลือกตาหนักจนลืมไม่ขึ้นเลย”
    • “ยิ่งพยายามลืมตา ก็ยิ่งถ่วง หนัก เหมือนมีใครมาปิดตาไว้เลย”
    • พูดประโยคพวกนี้ซ้ำๆ ระหว่างนับถอยหลังจาก 5 ไป 1
  5. บอกเขาว่าเดี๋ยวคุณจะแตะไหล่เขา แล้วเขาจะรู้สึกไร้เรี่ยวแรง. สำคัญว่าต้องคอยบอกเขาทุกขั้นตอน ว่าจะเกิดอะไรกับเขาบ้างก่อนแตะต้องตัว เพื่อตั้งโปรแกรมให้เขาคิดตาม คิดตรงกัน ว่าคุณจะออกคำสั่ง และเขาจะตอบสนองโดยทำตามคำสั่งนั้น [4]
    • บอกเขาว่า “พอเราแตะไหล่แล้ว เธอจะรู้สึกว่าตัวหนัก แขนขาอ่อน โอเคนะ?”
  6. แตะไหล่แล้วบอกเขาว่าตอนนี้ให้ปล่อยตัวปล่อยใจ. ไม่ต้องตกใจถ้าเขาทรุดหรือหงายไปบนเก้าอี้ นั่นแปลว่าเขาปล่อยตัวปล่อยใจเต็มที่ และถูกสะกดจิตเรียบร้อย
  7. ต้องให้เจ้าตัวรู้ว่าที่ผ่อนคลายอยู่ตอนนี้คือถูกสะกดจิตนั่นเอง
    • และต้องคอยปลอบว่าไม่มีอะไรน่ากลัวหรืออันตราย คอยพูดคุยเสริมสร้างความไว้ใจ เขาจะได้คล้อยตามคำสั่งของคุณ
  8. ถึงจะควบคุมแขนไม่ได้ ปล่อยฟรี แต่ก็จะรู้สึกสบาย พูดจบก็ให้แตะแขนขวาของเขาเพื่อกระตุ้นให้เกิดการตอบสนอง [5]
    • ยกแขนเขาเพื่อเช็คว่าตอนนี้ปล่อยตามสบาย ไร้การควบคุมแล้ว จากนั้นก็วางกลับที่เดิม
    • แบบนี้แปลว่าเขาอยู่ใต้การควบคุมของคุณแล้ว และพร้อมจะฟังเสียงและคำสั่งของคุณ
  9. นับถอยหลังจาก 5 ไป 1 บอกเขาว่าพอคุณนับถึง “หนึ่ง” เขาจะฟังแต่เสียงของคุณเท่านั้น [6]
    • ดีดนิ้วตอนนับถึง “หนึ่ง” เพื่อให้เขาเริ่มเพ่งความสนใจมาที่เสียงคุณ บอกเขาว่าเสียงของคุณจะทำให้เขาผ่อนคลายมากกว่าเดิม จากนั้นบอกให้เขาฟังทุกคำที่คุณพูด และจะได้ยินแต่เสียงของคุณเท่านั้น
    • สั่งให้เขาฟังและทำตามแต่เสียงของคุณ ปิดกั้นเสียงอื่นๆ รอบตัว
  10. ตอนนี้พอเขาตกอยู่ภายใต้การควบคุมของคุณแล้ว ก็ทดสอบความสามารถของคุณดู โดยให้เขาแตะจมูกหรือตาของตัวเอง หรือให้เขายกแขนหรือขาตามคำสั่ง
    • ย้ำว่าจะสะกดจิตใครต้องระวังและมีความรับผิดชอบ อย่าลืมว่าเขาต้องเชื่อคุณหมดใจถึงจะได้ผล เพราะงั้นอย่าหักหลังเขาโดยสั่งให้เขาทำอะไรน่าอายหรืออันตรายตอนถูกสะกดจิต
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

รู้จักการสะกดจิต

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การสะกดจิตคือทำให้เขาอยู่ในสภาวะมีสมาธิแรงกล้า จนรับรู้และเชื่อฟังคำแนะนำหรือคำสั่งจากคนที่เป็นผู้สะกดจิต [7]
    • ต้องรู้ก่อนว่าคนที่ถูกสะกดจิตยังคงรู้ตัวอยู่ ไม่ได้ตกอยู่ใต้มนต์สะกด เขาแค่เปิดรับคำแนะนำและคำสั่งเท่านั้น
    • บางทีเราก็เหมือนถูกสะกดจิตหรือใจลอยกันบ่อยๆ แต่ไม่รู้ตัว ลองนึกถึงตอนคุณนั่งเหม่อในห้องเรียน หรือฝันกลางวันดูสิ ไม่ก็ตอนที่คุณใจจดใจจ่อกับหนังหรือซีรีส์โปรดซะจนลืมคนและบรรยากาศรอบตัวไปซะสนิท พวกนี้เป็นผลมาจากการจดจ่อที่อะไรนานๆ จนเหมือนเข้าฌาน
  2. การสะกดจิตไม่ใช่แค่แกล้งกันเล่นๆ เช่น ให้เพื่อนเต้นไก่ย่างถูกเผา แต่เขาศึกษากันมาแล้วว่าช่วยแก้ปัญหานอนไม่หลับ กระทั่งช่วยให้เลิกบุหรี่ หยุดกินจุ หรือโรคอื่นๆ ด้านพฤติกรรมได้ [8]
  3. ถึงการสะกดจิตจะไม่ได้รับการยอมรับหรือออกใบอนุญาตเหมือนแพทย์แผนปัจจุบัน แต่ก็มีหลายสถาบันของต่างประเทศ ออกใบประกาศให้นักบำบัดด้วยการสะกดจิต หลังเข้าอบรมขั้นพื้นฐานและขั้นสูงเหมือนกัน
    • คอร์สที่เรียนแล้วได้ใบประกาศส่วนใหญ่จะพูดถึงพวกจรรยาบรรณและทักษะการสะกดจิตเบื้องต้น
    • ถ้าสนใจให้ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องคอร์สสะกดจิตบำบัดแบบมีใบประกาศดู เผื่อจะรู้ประโยชน์ด้านสุขภาพเพิ่มขึ้น
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ตามเว็บก็มีวีดีโอสอนสะกดจิตเยอะอยู่เหมือนกัน ลองศึกษาและฝึกฝนเทคนิคที่นักสะกดจิตมืออาชีพเขาแนะนำดู จะได้เชี่ยวชาญยิ่งขึ้น
โฆษณา

คำเตือน

  • ใช่ว่าเราจะสะกดจิตใครก็ได้! บางคนที่เขาไม่เปิดใจหรือกลัวการสะกดจิตก็อาจจะไม่ได้ผล เพราะงั้นเจ้าตัวต้องยินยอมก่อนเป็นอันดับแรก
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 40,227 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา