การสะกดจิต (hypnosis) ฟังดูแล้วเหมือนเรื่องหลอกเด็ก แต่บอกเลยว่ามีคนเขาฝึกฝนและค้นคว้าวิจัยกันเยอะแยะไปหมด ว่าเราสะกดจิตใครอีกคนได้อย่างไร หนึ่งในวิธียอดนิยมและว่ากันว่าได้ผล ก็คือการสะกดจิตโดยจ้องตา อย่างที่รู้กันว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการสะกดจิตคนอื่นโดยการจ้องตาให้คุณเอง แต่ขอให้เอาไปทดลองกับคนที่เขายินยอมพร้อมใจเท่านั้นนะ อย่าเอาไปใช้พร่ำเพรื่อ เราเตือนคุณแล้ว!
ขั้นตอน
-
พยายามเพ่งสายตาจุดเดิมให้ได้นานๆ โดยไม่กะพริบตา. อาจจะจ้องมองตัวเองในกระจก แล้วจับเวลาว่าคุณเพ่งสายตาได้นานแค่ไหนโดยไม่กะพริบตา
- หรือแข่งจ้องตากับคนอื่นเพื่อทดสอบความสามารถ
- ถ้าควบคุมการเคลื่อนไหวของดวงตาตัวเองได้ จะทำให้จ้องตาคนอื่นได้นานระหว่างสะกดจิต
-
ฝึกการเพ่งมองสิ่งต่างๆ. โดยมองสิ่งของที่อยู่ใกล้ๆ เช่น ปากกา ดินสอ แล้วมองไปยังของที่อยู่ไกลๆ ในห้องเดียวกัน
- ถือดินสอไว้ใกล้หน้า แล้วเพ่งมอง
- ย้ายจากดินสอไปมองวัตถุอื่นที่อยู่ไกลออกไป เช่น รูปที่กำแพง หรือลูกบิดประตู
- ย้ายกลับมามองดินสอ จากนั้นสลับไปมองของที่อยู่ไกลๆ ฝึกแบบนี้ไปเรื่อยๆ จะทำให้ย้ายจุดสนใจได้ดี
-
ฝึกการรับรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว. หรือก็คือทักษะในการมองวัตถุต่างๆ และการเคลื่อนไหวโดยรอบแบบไม่หันไปมอง วิธีฝึกก็คือ [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- นั่งริมถนนที่คนพลุกพล่าน หรือนั่งหน้าทีวี/จอคอมพิวเตอร์ที่กำลังฉายภาพบรรยากาศจอแจ
- พยายามมองคนหรืออะไรที่ผ่านไปมาโดยหันหน้าไปอีกทาง จากนั้นสลับไปหันหน้าอีกข้าง ทั้ง 2 ครั้งต้องรับรู้ถึงบรรยากาศและสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้มากที่สุด
- ฝึกทั้ง 2 ด้าน ทั้งหันซ้ายและหันขวาให้เชี่ยวชาญ
โฆษณา
-
ขออนุญาตเจ้าตัวก่อน. อาจจะถามว่า “ขอลองสะกดจิตหน่อยนะ?” รอให้เขาตอบว่า “โอเค” ซะก่อนแล้วค่อยเริ่ม
- ควรฝึกจ้องตาสะกดจิตเพื่อน แฟน หรือครอบครัวที่รู้จักและไว้ใจกันดี เพราะจะเต็มใจและได้ผลกว่าเยอะเลย [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- จุดสำคัญคือคนที่ถูกสะกดจิตต้องเต็มใจ ถ้าขัดขืนหรือไม่อยากให้คุณสะกดจิต จะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่
-
ให้เขานั่งตัวตรงแต่ผ่อนคลาย. อย่าสะกดจิตแบบยืน เพราะพอถูกสะกดจิตแล้วอาจปล่อยตัวปล่อยใจจนหงายหลังหัวฟาดไปได้
-
บอกเขาให้เพ่งมองที่ใต้ตาขวาของคุณ. ย้ำว่าระหว่างคุณพูดคุยกับเขา อย่าละสายตาไปที่อื่น
-
จ้องมองเขาอย่ากะพริบตา. เริ่มนับถอยหลังจาก 5 ไป 1 ด้วยน้ำเสียงต่ำๆ เย็นๆ ระหว่างนับก็บอกไปพลางๆ ว่า [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- “เปลือกตาเธอจะเริ่มหนักขึ้น...หนักขึ้น”
- “จะรู้สึกว่าเปลือกตาหนักเหมือนมีอะไรมาถ่วงไว้”
- “เดี๋ยวจะรู้สึกว่าเปลือกตาหนักจนลืมไม่ขึ้นเลย”
- “ยิ่งพยายามลืมตา ก็ยิ่งถ่วง หนัก เหมือนมีใครมาปิดตาไว้เลย”
- พูดประโยคพวกนี้ซ้ำๆ ระหว่างนับถอยหลังจาก 5 ไป 1
-
บอกเขาว่าเดี๋ยวคุณจะแตะไหล่เขา แล้วเขาจะรู้สึกไร้เรี่ยวแรง. สำคัญว่าต้องคอยบอกเขาทุกขั้นตอน ว่าจะเกิดอะไรกับเขาบ้างก่อนแตะต้องตัว เพื่อตั้งโปรแกรมให้เขาคิดตาม คิดตรงกัน ว่าคุณจะออกคำสั่ง และเขาจะตอบสนองโดยทำตามคำสั่งนั้น [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- บอกเขาว่า “พอเราแตะไหล่แล้ว เธอจะรู้สึกว่าตัวหนัก แขนขาอ่อน โอเคนะ?”
-
แตะไหล่แล้วบอกเขาว่าตอนนี้ให้ปล่อยตัวปล่อยใจ. ไม่ต้องตกใจถ้าเขาทรุดหรือหงายไปบนเก้าอี้ นั่นแปลว่าเขาปล่อยตัวปล่อยใจเต็มที่ และถูกสะกดจิตเรียบร้อย
-
ย้ำกับเขาว่าตอนนี้ถูกสะกดจิตแล้ว. ต้องให้เจ้าตัวรู้ว่าที่ผ่อนคลายอยู่ตอนนี้คือถูกสะกดจิตนั่นเอง
- และต้องคอยปลอบว่าไม่มีอะไรน่ากลัวหรืออันตราย คอยพูดคุยเสริมสร้างความไว้ใจ เขาจะได้คล้อยตามคำสั่งของคุณ
-
บอกว่าตอนนี้แขนขวาของเขาจะห้อยหนัก อ่อนแรง. ถึงจะควบคุมแขนไม่ได้ ปล่อยฟรี แต่ก็จะรู้สึกสบาย พูดจบก็ให้แตะแขนขวาของเขาเพื่อกระตุ้นให้เกิดการตอบสนอง [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ยกแขนเขาเพื่อเช็คว่าตอนนี้ปล่อยตามสบาย ไร้การควบคุมแล้ว จากนั้นก็วางกลับที่เดิม
- แบบนี้แปลว่าเขาอยู่ใต้การควบคุมของคุณแล้ว และพร้อมจะฟังเสียงและคำสั่งของคุณ
-
กำหนดให้เขาฟังและทำตามแต่เสียงของคุณ. นับถอยหลังจาก 5 ไป 1 บอกเขาว่าพอคุณนับถึง “หนึ่ง” เขาจะฟังแต่เสียงของคุณเท่านั้น [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ดีดนิ้วตอนนับถึง “หนึ่ง” เพื่อให้เขาเริ่มเพ่งความสนใจมาที่เสียงคุณ บอกเขาว่าเสียงของคุณจะทำให้เขาผ่อนคลายมากกว่าเดิม จากนั้นบอกให้เขาฟังทุกคำที่คุณพูด และจะได้ยินแต่เสียงของคุณเท่านั้น
- สั่งให้เขาฟังและทำตามแต่เสียงของคุณ ปิดกั้นเสียงอื่นๆ รอบตัว
-
ทดสอบว่าเขาถูกสะกดจิตโดยสมบูรณ์ไหม. ตอนนี้พอเขาตกอยู่ภายใต้การควบคุมของคุณแล้ว ก็ทดสอบความสามารถของคุณดู โดยให้เขาแตะจมูกหรือตาของตัวเอง หรือให้เขายกแขนหรือขาตามคำสั่ง
- ย้ำว่าจะสะกดจิตใครต้องระวังและมีความรับผิดชอบ อย่าลืมว่าเขาต้องเชื่อคุณหมดใจถึงจะได้ผล เพราะงั้นอย่าหักหลังเขาโดยสั่งให้เขาทำอะไรน่าอายหรืออันตรายตอนถูกสะกดจิต
โฆษณา
-
การสะกดจิตไม่ใช่ทำให้หลับหรือไม่รู้สึกตัว. การสะกดจิตคือทำให้เขาอยู่ในสภาวะมีสมาธิแรงกล้า จนรับรู้และเชื่อฟังคำแนะนำหรือคำสั่งจากคนที่เป็นผู้สะกดจิต [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ต้องรู้ก่อนว่าคนที่ถูกสะกดจิตยังคงรู้ตัวอยู่ ไม่ได้ตกอยู่ใต้มนต์สะกด เขาแค่เปิดรับคำแนะนำและคำสั่งเท่านั้น
- บางทีเราก็เหมือนถูกสะกดจิตหรือใจลอยกันบ่อยๆ แต่ไม่รู้ตัว ลองนึกถึงตอนคุณนั่งเหม่อในห้องเรียน หรือฝันกลางวันดูสิ ไม่ก็ตอนที่คุณใจจดใจจ่อกับหนังหรือซีรีส์โปรดซะจนลืมคนและบรรยากาศรอบตัวไปซะสนิท พวกนี้เป็นผลมาจากการจดจ่อที่อะไรนานๆ จนเหมือนเข้าฌาน
-
สะกดจิตก็มีประโยชน์. การสะกดจิตไม่ใช่แค่แกล้งกันเล่นๆ เช่น ให้เพื่อนเต้นไก่ย่างถูกเผา แต่เขาศึกษากันมาแล้วว่าช่วยแก้ปัญหานอนไม่หลับ กระทั่งช่วยให้เลิกบุหรี่ หยุดกินจุ หรือโรคอื่นๆ ด้านพฤติกรรมได้ [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
อยากสะกดจิตให้ได้ผลต้องหมั่นฝึกฝน. ถึงการสะกดจิตจะไม่ได้รับการยอมรับหรือออกใบอนุญาตเหมือนแพทย์แผนปัจจุบัน แต่ก็มีหลายสถาบันของต่างประเทศ ออกใบประกาศให้นักบำบัดด้วยการสะกดจิต หลังเข้าอบรมขั้นพื้นฐานและขั้นสูงเหมือนกัน
- คอร์สที่เรียนแล้วได้ใบประกาศส่วนใหญ่จะพูดถึงพวกจรรยาบรรณและทักษะการสะกดจิตเบื้องต้น
- ถ้าสนใจให้ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องคอร์สสะกดจิตบำบัดแบบมีใบประกาศดู เผื่อจะรู้ประโยชน์ด้านสุขภาพเพิ่มขึ้น
โฆษณา
เคล็ดลับ
- ตามเว็บก็มีวีดีโอสอนสะกดจิตเยอะอยู่เหมือนกัน ลองศึกษาและฝึกฝนเทคนิคที่นักสะกดจิตมืออาชีพเขาแนะนำดู จะได้เชี่ยวชาญยิ่งขึ้น
โฆษณา
คำเตือน
- ใช่ว่าเราจะสะกดจิตใครก็ได้! บางคนที่เขาไม่เปิดใจหรือกลัวการสะกดจิตก็อาจจะไม่ได้ผล เพราะงั้นเจ้าตัวต้องยินยอมก่อนเป็นอันดับแรก
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.allaboutvision.com/sportsvision/skills.htm
- ↑ https://www.youtube.com/watch?v=-RjoaNR4pjE
- ↑ http://www.dummies.com/how-to/content/hypnotizing-yourself.html
- ↑ https://www.youtube.com/watch?v=-RjoaNR4pjE
- ↑ https://www.youtube.com/watch?v=-RjoaNR4pjE
- ↑ https://www.youtube.com/watch?v=-RjoaNR4pjE
- ↑ http://www.dummies.com/how-to/content/hypnotizing-yourself.html
- ↑ http://www.dummies.com/how-to/content/hypnotizing-yourself.html
โฆษณา