PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

ปกติน้ำยาซักผ้าดีๆ มันแพง โดยเฉพาะใครที่สมาชิกครอบครัวเยอะเป็นพิเศษ ผ้าเยอะแถมต้องซักบ่อยๆ จริงๆ แล้วคุณลดค่าใช้จ่ายตรงส่วนนี้ได้ เพราะบางคนเขาก็ว่าซักผ้าด้วยน้ำยาล้างจานแทนน้ำยาซักผ้าได้เลย นอกจากถูกกว่าเห็นๆ แล้ว ยังซักผ้าออกมาได้หอมสะอาดไม่แพ้กัน แต่ต้องระวังว่าเวลาซักผ้าให้ใช้น้ำยาล้างจานน้อยกว่าน้ำยาซักผ้าตามปกติ ถ้าใส่น้ำยาล้างจานมากเกินไปละก็ ระวังฟองฟ่อดล้นทะลักออกมานอกเครื่องซักผ้าไม่รู้ด้วย ใครจะใช้วิธีนี้ซักผ้าแก้ขัดเวลาน้ำยาซักผ้าหมดแล้วยังไม่ทันออกไปซื้อก็ได้ไม่ว่ากัน

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

เตรียมผ้าที่จะซัก

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าใครจะซักผ้าด้วยน้ำยาล้างจานแก้ขัด ต้องเช็คให้ชัวร์ซะก่อนว่าในบ้านมีน้ำยาล้างจาน แต่ถ้าใครจะเอาประหยัดแล้วไม่มีน้ำยาล้างจานในบ้าน ก็ต้องออกไปซื้อจากร้านใกล้บ้านซะก่อน จะยี่ห้อไหนแบบไหนก็ใช้ได้ทั้งนั้น เพราะน้ำยาล้างจานส่วนมากก็ส่วนผสมคล้ายๆ กัน สำคัญตรงกลิ่น ต้องเลือกที่หอมถูกใจ [1]
    • น้ำยาล้างจานที่ใช้ต้องไม่ผสมสารฟอกขาว
    • เลือกน้ำยาล้างจานกลิ่นที่ถูกใจได้เลย
    • หรือจะแต่งกลิ่นเองก็ได้ โดยใช้น้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์ เป็นต้น
  2. รวบรวมเสื้อผ้าทั้งหมดที่จะซัก เหมือนเวลาจะซักผ้าตามปกติ จะซักผ้าขาวหรือผ้าสีก็ตามแต่ แยกผ้าแล้วก็เอาใส่เครื่องได้เลย นอกจากนี้เรามีคำแนะนำง่ายๆ ในการซักผ้ามาฝากกัน [2]
    • อย่าซักผ้าสีกับผ้าขาวรวมกัน ผ้าสีอ่อนกับสีเข้มก็ไม่ได้
    • ผ้าที่อุ้มน้ำ เช่น กางเกงยีนส์หรือผ้าเช็ดตัว แนะนำให้ซักแยกจากผ้าสีอ่อน
    • อย่าซักผ้าสีสดรวมกับผ้าขาว
  3. จริงๆ แล้วน้ำยาซักผ้ากับอุณหภูมิที่ซักไม่ได้เกี่ยวข้องหรือทำให้เกิดปัญหาต่อกัน แต่ถ้าเลือกให้เหมาะสม ผ้าก็จะสะอาดขึ้นได้ อย่างถ้าซักผ้าด้วยน้ำร้อน ผ้าก็จะสะอาดกว่าน้ำเย็น แต่อุณหภูมิสูงๆ ก็ทำผ้าบางๆ กระด้างหรือขาดได้เหมือนกัน ต่อไปนี้คือเคล็ดลับน่าสนใจที่ใช้ถนอมผ้าตอนซักได้ [3]
    • ผ้าเนื้อบางหรือผ้ารีดสำเร็จ ต้องซักด้วยน้ำเย็น ทั้งตอนซัก (wash) และล้างน้ำยา (rinse)
    • ผ้าสีที่เนื้อผ้าทนทานตามปกติ จะซักน้ำอุ่น แล้วล้างน้ำยาด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำเย็นก็ได้
    • ผ้าขาวที่เนื้อผ้าทนทานตามปกติ ก็ซักน้ำร้อนแล้วล้างน้ำยาด้วยน้ำเย็นได้เลย
  4. เลือกรอบการซักให้ถูกต้อง จะช่วยให้ผ้าสะอาด และป้องกันผ้าโทรมเร็วจากการซักเครื่องได้ ยิ่งผ้าสกปรกก็ควรซักให้นานๆ แต่ถ้าผ้าเนื้อบางก็ต้องรอบสั้นหน่อย นอกจากนี้รอบซักสั้นๆ ยังเหมาะกับผ้าที่สกปรกไม่มากด้วย ต่อไปนี้คือเคล็ดลับง่ายๆ ที่จะทำให้คุณตัดสินใจได้ ว่ารอบซักแบบไหนเหมาะกับผ้าของคุณ [4]
    • Quick washes หรือซักรอบสั้นๆ เหมาะกับเสื้อผ้าที่ไม่ได้สกปรกอะไรมาก หรือเสื้อผ้าที่อยากซักแล้วใส่เลย
    • Pre-wash ก็จะแช่ผ้านานขึ้น เพื่อขจัดสิ่งสกปรกตกค้างทั้งหลายให้แตกตัว หลุดออกมาจากเส้นใยของผ้า
    • Permanent press เหมาะกับใช้ซักผ้ารีดสำเร็จ หรือเสื้อผ้าอื่นๆ ที่มีบางส่วนเป็นผ้ารีดสำเร็จ
    • Heavy duty คือรอบซักยาวๆ เพื่อทำความสะอาดผ้าสกปรกมากๆ แบบล้ำลึก เป็น setting ที่ไม่แนะนำถ้าจะซักผ้าเนื้อบาง ขาดง่าย
    • Delicate เหมาะกับผ้าเนื้อบาง ขาดง่าย ต้องดูแลทะนุถนอมเป็นพิเศษ
    • Extra rinse คือเพิ่ม rinse cycle (ล้างน้ำยา) ไปอีกรอบหลังซักเสร็จ เพื่อให้แน่ใจว่าผ้าสะอาดหมดจด ไร้สารตกค้าง
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

ซักผ้าด้วยน้ำยาล้างจาน

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ห้ามใส่น้ำยาล้างจานในปริมาณที่เท่ากับน้ำยาซักผ้าที่ใช้ตามปกติ ถ้าใส่น้ำยาล้างจานมากไป ระวังฟองจะเยอะจนทะลักออกมานอกเครื่อง ลองกะปริมาณน้ำยาล้างจานที่ต้องใช้จากปริมาณผ้าที่จะซักดู ป้องกันไว้ดีกว่าแก้ [5] [6]
    • ถ้าจะซักผ้าไม่กี่ชิ้น (small loads) ให้ใส่แค่ 1 ช้อนชา
    • ถ้าจะซักผ้าตามปกติ (medium loads) ให้ใส่ 2 ช้อนชา
    • ถ้าจะซักผ้าเยอะกว่าปกติ (large loads) ให้ใส่ 3 ช้อนชา
  2. พอตวงน้ำยาล้างจานที่ต้องใช้ได้แล้ว ก็เทใส่เครื่องซักผ้าได้เลย ใส่ในช่องเดียวกับที่ใส่น้ำยาซักผ้าตอนซักปกตินั่นแหละ พอเติมน้ำยาล้างจานแล้ว ก็ปล่อยให้เครื่องซักผ้าทำงานไป [7]
  3. พอซักครบรอบแล้ว ก็ถึงเวลาเอาผ้าออกจากเครื่องมาอบหรือตากก็ว่าไป โดยเอาผ้าเข้าเครื่องอบผ้าหรือเอาไปตากเหมือนเวลาคุณซักผ้าตามปกติเลย เท่านี้ก็ได้ผ้าสะอาด หอมสดชื่น แถมประหยัดกว่าใช้น้ำยาซักผ้าตั้งเยอะ (อย่างน้อยก็แก้ขัดได้ดีวันที่น้ำยาซักผ้าหมด) [8]
    โฆษณา

คำเตือน

  • ระวังอย่าใส่น้ำยาล้างจานมากไป เพราะฟองอาจจะไหลทะลักออกมาจากเครื่องซักผ้าได้
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • น้ำยาล้างจาน
  • ผ้าที่ต้องซัก

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 12,305 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา