ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ผู้คนมากมายบนโลกใบนี้เชื่อกันในเทพผู้พิทักษ์ บางคนก็คิดว่าแต่ละคนจะมีเทพผู้พิทักษ์เป็นของตนเองที่คอยดูแลอยู่ด้วยซ้ำ [1] คนอื่นๆ ก็มีความเชื่อว่าคนแต่ละคนจะมีเทพผู้พิทักษ์สององค์ องค์หนึ่งดูแลตอนกลางวัน และอีกองค์ตอนกลางคืน [2] ขณะที่ความคิดในการที่จะติดต่อเทพนั้นเป็นอะไรที่ยังคงเป็นข้อโต้เถียงกัน แต่บางคนก็เชื่อว่าเทพผู้พิทักษ์สามารถติดต่อกับคนที่ดูแลอยู่ผ่านทางการทำสมาธิและสวดมนต์ [3] [4] จำไว้ว่าการติดต่อกับเทพผู้พิทักษ์ถือเป็นประสบการณ์ทางจิตวิญญาณส่วนบุคคล ที่อาจขึ้นอยู่กับความศรัทธาด้วย ฉะนั้นเคล็ดลับเหล่านี้ก็อาจไม่ได้ผลกับทุกๆ คนเสมอไป

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

เรียนรู้เกี่ยวกับเทพผู้พิทักษ์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หาอ่านเรื่องเกี่ยวกับเทพผู้พิทักษ์เพื่อทำให้สายสัมพันธ์เข้มแข็งขึ้น. มีข้อมูลมากมายบนอินเทอร์เน็ตและในหนังสือที่ห้องสมุดใกล้บ้าน แม้หลายๆ ศาสนาจะเชื่อในเทพผู้พิทักษ์เหมือนกัน แต่ก็มีทัศนคติที่แตกต่างกันอยู่นะ
    • ขณะที่ความเชื่อส่วนใหญ่จะไปในทางที่ว่าเทพเป็นคนละประเภทกับมนุษย์ [5] แต่ก็มีคนเชื่อว่ามนุษย์เมื่อตายไปจะไปเป็นเทพเช่นกัน [6]
    • นิกายคาทอลิคเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนได้รับมอบหมายให้เป็นเทพผู้พิทักษ์
    • ชาวมุสลิมเชื่อว่าผู้ศรัทธาทุกคนจะมีเทพผู้พิทักษ์สององค์ องค์หนึ่งอยู่ด้านหน้า อีกองค์อยู่ด้านหลัง [7]
    • ในศาสนายูดาห์ยังมีมุมมองที่ขัดแย้งกันอยู่มากมายเกี่ยวกับเทพผู้พิทักษ์ ผู้รู้บางคนก็ยืนยันว่าคนเราไม่ได้มีเทพผู้พิทักษ์ประจำตัว แต่พระเจ้าจะส่งเทพสักองค์หรือหลายๆ องค์ลงมาโปรดเมื่อถึงเวลาที่จำเป็น [8] บางคนก็เชื่อว่าในพิธีมิสซา คนเราจะสร้างสัมพันธ์กับเทพได้ [9] และยังมีคนอื่นๆ ที่เชื่อว่าเทพองค์ที่เรียกว่า ไลลา คอยเฝ้ามองคนๆ หนึ่งจนถึงแก่ความตาย [10]
  2. ถ้าคุณยังเด็กมาก และยังไม่รู้ว่าทางบ้านนับถือศาสนาอะไร ก็ให้ถามพ่อแม่ ถามว่าเขานับถืออะไร บอกถึงความตั้งใจที่จะติดต่อกับเทพผู้พิทักษ์ของคุณ และพวกเขาต้องโอเคกับการที่คุณจะทำอะไรแบบนี้ก่อนนะ
  3. ขอให้พ่อแม่พาไปหาผู้นำทางศาสนา เพื่อถามเกี่ยวกับเทพผู้พิทักษ์ แต่ถ้าคุณโตพอแล้วก็ไปหาเองได้เลย ถ้าคุณไม่ได้มีที่ที่ไปประกอบพิธีทางศาสนาประจำ ก็ลองหาสถานที่แบบเดียวกันใกล้ๆ ที่คุณสนใจดู องค์กรทางศาสนาส่วนใหญ่มีความสุขที่จะได้เผยแพร่คำสอนเกี่ยวกับความศรัทธาที่ถูกถามเข้ามา แม้ว่าจะมีความเชื่อที่ต่างกันก็ตาม
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

เตรียมตัวติดต่อกับเทพผู้พิทักษ์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ก่อนที่จะลองติดต่อกับเทพผู้พิทักษ์ ต้องให้แน่ใจก่อนว่าเทพของคุณเป็นใคร และมีพลังพิเศษอะไร ถ้าคุณอยากจะติดต่อกับเทพองค์ที่เฉพาะเจาะจง ก็ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับเทพองค์นั้นๆ เสียก่อน
    • ให้ดูสัญญาณเพื่อเป็นการระบุถึงตัวตนของเทพผู้พิทักษ์ ให้ความสนใจกับชื่อและสัญลักษณ์ที่ปรากฎขึ้นบ่อยๆ เช่น ถ้าคุณรู้สึกว่ามีชื่อไมเคิลเข้าหูมาเรื่อยๆ เทพผู้พิทักษ์ของคุณอาจเป็นไมเคิลก็ได้ [11]
    • หรืออาจเลือกเทพผู้พิทักษ์ที่จะติดต่อจากความเกี่ยวข้องกับเทพองค์นั้นๆ ยกตัวอย่างเช่น เทพราฟาเอลจะเกี่ยวข้องกับการรักษาและการปกป้องเหล่านักเดินทาง ฉะนั้นถ้าหากคุณกำลังป่วยหรือวางแผนจะเดินทาง ก็มีสิทธิ์ที่จะติดต่อกับเทพได้นะ [12]
    • คนบางคนก็มีความเชื่อว่าบุคคลอันเป็นที่รักเมื่อเสียชีวิตไปก็จะมาเป็นเทพพิทักษ์เรา อย่างเช่น คุณอาจระบุได้ว่าปู่ย่าตายายของคุณสักคนที่สนิทกันก็มาเป็นเทพผู้พิทักษ์ให้คุณนั่นเอง
  2. การสร้างแท่นบูชาอาจช่วยให้คุณติดต่อกับเทพผู้พิทักษ์ด้วยการจัดพื้นที่สำหรับพลังงานทางวิญญาณ ในการตั้งแท่นบูชานั้น ให้เตรียมพื้นที่เล็กๆ ไว้ อย่างชั้นวางหนังสือหรือบนตู้เสื้อผ้า ปูผ้าเอาไว้ แล้วตั้งเทียนและสิ่งต่างๆ ที่ทำให้นึกถึงเทพผู้พิทักษ์ของคุณ บางคนอาจตั้งรูปภาพ อาหาร สมุนไพร เพชรพลอย ธูป และน้ำเป็นของบูชาไปด้วย
    • นึกถึงวัตถุ สี ตัวเลข และสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับเทพของคุณในตอนที่เลือกของบูชา
    • ซื้อเทียนเล่มพิเศษมาใช้สำหรับบูชา แล้วใช้เทียนเล่มนั้นเมื่อคุณต้องการติดต่อกับเทพเท่านั้น
    • วางรูปภาพของบุคคลอันเป็นที่รักที่เสียชีวิตไปแล้วบูชาไว้ ถ้าหากว่าคุณคิดว่าเขาคือเทพผู้พิทักษ์ของคุณ
  3. หลายๆ คนจะใช้บทสวดพิเศษในการติดต่อกับเทพผู้พิทักษ์ เทพบางองค์ก็มีบทสวดให้เรียนรู้และใช้สวดเพื่อติดต่ออยู่แล้ว [13] แต่ถ้าเทพของคุณไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก คุณอาจต้องเขียนบทสวดขึ้นมาเอง โดยสามารถเขียนขึ้นได้จากโครงสร้างพื้นฐานที่มาจากบทสวดที่คนอื่นใช้สวดติดต่อเทพนั่นเอง ซึ่งมีองค์ประกอบดังนี้:
    • ระบุตำแหน่งที่อยู่ของเทพ
    • ยอมรับพลังพิเศษของเทพ
    • ระบุสิ่งที่คุณต้องการ
    • จบบทสวด
  4. ในการเพิ่มโอกาสที่จะติดต่อเทพผู้พิทักษ์ได้ ก็ควรกำหนดเวลาให้แน่นอนในแต่ละวันสำหรับการสวดและทำสมาธิ ฝึกเข้าไปทุกๆ วันเพื่อเพิ่มโอกาสที่เทพผู้พิทักษ์จะติดต่อคุณได้
    • ตัวอย่างเช่น คุณควรสวดมนต์ทำสมาธิสักห้านาทีทั้งเช้าและเย็นใกล้ๆ กับแท่นบูชา
    • คุณสามารถเลือกติดต่อเทพผู้พิทักษ์ในเวลาที่ต้องการก็ได้ แต่ก็ควรติดต่อกับเทพเป็นประจำด้วยเหมือนกัน
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

การติดต่อกับเทพผู้พิทักษ์ในชีวิตประจำวัน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ตั้งสมาธิกับความรู้สึกที่เหมือนสัญชาติญาณที่แข็งแกร่งหรือ ใน"ช่องท้อง"ของคุณ. บางคนเชื่อว่ามันคือช่องทางหลักที่เทพผู้พิทักษ์ใช้ติดต่อกับเรา ถ้าเรากำลังต้องตัดสินใจอะไรยากๆ และไม่มีสมาธิ ก็ให้ถามเทพในใจเอาเลย ถ้าหากว่าอยู่ๆ คำตอบก็ผุดขึ้นมาในหัว นั่นแปลว่าเทพอาจชี้นำทางให้คุณก็เป็นได้ [14]
  2. เขียนอะไรก็ตามที่เทพอาจเป็นผู้บอกคุณลงไปในนั้น จดแรงบันดาลใจที่อาจได้รับมาระหว่างทำสมาธิ ความทรงจำนั้นเป็นอะไรที่ค่อนข้างสับสนได้ง่ายและอาจถูกลืมเก็บไว้ลึกๆ ในสมอง ฉะนั้นจดเอาไว้จะช่วยให้จำได้ดีกว่านั่นเอง
  3. [15] ความรู้สึกที่ว่าเหมือนไม่ได้อยู่คนเดียวเลย และรู้สึกเหมือนมีใครปกป้องตลอดเวลานั้นเป็นของขวัญที่เทพจะมอบให้เราได้ จำเอาไว้และมั่นใจในตัวเองในยามที่ต้องเผชิญกับความยากลำบาก
    • ลองจินตนาการดูว่าเทพผู้พิทักษ์ของคุณยืนอยู่ด้านหลังเมื่อคุณเจอกับเรื่องยากๆ น่าปวดหัว พอคิดอย่างนี้แล้วคุณก็จะมีพลังขึ้นมา และได้รู้ด้วยว่าเทพผู้พิทักษ์ก็คอยเฝ้ามองคุณอยู่นะ
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

ทำสมาธิเพื่อติดต่อเทพผู้พิทักษ์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หาสถานที่เงียบๆ ที่คุณจะไม่ถูกรบกวน เช่น ห้องนอน ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดที่อาจรบกวนคุณได้ อย่างเช่น โทรทัศน์ โทรศัพท์ หรือคอมพิวเตอร์ การปิดไฟและปิดมู่ลี่ก็ช่วยได้เหมือนกันนะ
  2. เทียนเป็นทางเลือกที่ดีในการใช้ตั้งสมาธิขณะนั่งสมาธิ ถ้าคุณมีแท่นบูชาที่ตั้งไว้แล้ว ก็ให้จุดเทียนบนนั้นไปเลย แต่ถ้าไม่มี ก็แค่จุดเทียนวางบนโต๊ะด้านหน้าคุณเอาก็ได้
    • ถ้าคุณไม่อยากจุดเทียน ก็ใช้ลูกประคำเพื่อตั้งสมาธิ หรือฟังเสียงจากธรรมชาติซ้ำๆ อย่างเสียงคลื่นทะเลหรือเสียงน้ำฝนแทนก็ได้ [16]
  3. การทำสมาธิย่อมต้องใช้เวลานาน ฉะนั้นต้องให้แน่ใจว่าได้นั่งที่สบายๆ ไว้ก่อน เช่น นั่งบนเบาะ หรือจะนอนทำสมาธิก็ได้ ตราบใดที่มั่นใจว่าจะไม่หลับไปน่ะนะ [17]
  4. หลับตาหรือเพ่งไปที่เทียน อย่านึกถึงอะไร แม้กระทั่งเทพก็ไม่ต้องนึกถึง ทำแบบนี้ประมาณสองสามนาที กำหนดลมหายใจเข้าออกให้ช้าๆ และมั่นคง [18]
    • ถ้าคุณรู้สึกตัวว่าเผลอนึกถึงเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นมาเมื่อไร ก็ให้นึกถึงเรื่องนั้น รับรู้มัน จากนั้นค่อยเริ่มเพ่งสมาธิไปที่ลมหายใจใหม่อีกครั้ง
  5. พูดคำว่า "สวัสดี" กับเทพในใจ ขอบคุณเทพสำหรับการคอยปกป้องคุ้มครอง จากนั้นก็บอกให้เทพรู้ถึงปัญหาที่กำลังกวนใจคุณ และขอคำแนะนำจากเทพ
    • ถ้าคุณเรียนรู้หรือเตรียมตัวสำหรับการสวดมนต์มาแล้ว ก็ให้ท่องบทสวดนั้น โดยจะท่องในใจหรือพูดออกมาก็ได้
  6. สัญญาณที่ได้กลับมาจากเทพมักจะเป็นสัญญาณอ่อนๆ อย่างเช่น คุณอาจได้ยินเสียงเบาๆ เห็นภาพที่ผ่านมาอย่างรวดเร็วขณะหลับตา รู้สึกถึงความอบอุ่น หรือรู้สึกเหมือนมีใครสักคนอยู่ในห้องโล่งๆ นั้นกับคุณ
    • บางคนก็เชื่อว่าเทพผู้พิทักษ์ไม่สามารถเข้ามายุ่งย่ามกับชีวิตเราได้ถ้าไม่ถูกขอโดยตรง ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าเทพอยู่ตรงนั้นหรือเปล่า ก็ให้ขอให้ท่านแสดงออกให้รู้ว่าท่านอยู่ตรงนั้น
  7. เมื่อคุณสื่อสารกับเทพเสร็จแล้ว ก็ให้บอกลาท่าน คุณอาจสวดมนต์เพื่อจบการทำสมาธิก็ได้ จากนั้นก็ลืมตาขึ้น นั่งเงียบๆ สักนาทีสองนาที ก่อนจะปรับความคิดให้กลับมาเหมือนเดิม
  8. รู้ไว้ว่าการทำสมาธิถือเป็นทักษะที่ยากยิ่งในการจะทำให้ชำนาญ ถึงครั้งแรกจะทำผิดไปบ้างแต่ก็ไม่เป็นไร ขอแค่ให้ฝึกบ่อยๆ แล้วมันก็จะง่ายขึ้นเอง
    • จำไว้ว่าแม้ครั้งแรกๆ จะเริ่มจากการนั่งสมาธิไม่กี่นาทีต่อวันก็ได้ แล้วค่อยเพิ่มเวลาให้นานขึ้น นานขึ้น โดยคุณก็จะรู้สึกสบายขึ้นเอง
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ระมัดระวังการติดต่อกับวิญญาณให้มากๆ รวมถึงพวกเทพด้วย บางคนก็มีความคิดว่าปีศาจอาจแปลงกายเป็นเทพและเข้ามาติดต่อกับเราได้เช่นกัน
  • ขณะที่บางคนอยากให้ตั้งชื่อให้เทพผู้พิทักษ์ของตน แต่ก็มีคนที่ขัดแย้งว่ามันไม่ใช่ความคิดที่ดี การตั้งชื่ออาจทำให้อะไรๆ ง่ายขึ้น แต่มันก็เป็นเหมือนการแสดงอำนาจไปด้วย แม้ว่าเทพของคุณจะอยู่ตรงนั้นเพื่อช่วยและให้คำแนะนำกับคุณ ก็อย่าไปทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเลย [19] [20] [21]
  • ถึงคุณจะไม่มีแววว่าจะติดต่อกับเทพผู้พิทักษ์ได้ แต่ก็อย่าท้อไปล่ะ คนส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถคุยกับเทพผู้พิทักษ์ของตัวเองได้ตรงๆ กันหรอก
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 19,538 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา