ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ตอนนี้คุณได้แต่นั่งจ้องโทรศัพท์ เพราะว่าคุณส่งข้อความไปหาเพื่อนตั้งแต่เมื่อ 20 นาทีที่แล้วแต่เพื่อนก็ยังไม่ส่งข้อความกลับมา หนุ่มน่ารักคนใหม่ที่คุยๆ กันอยู่ก็ไม่ตอบอีโมจิอ่อยๆ ที่คุณส่งไปตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ว แม่ก็ไม่ติดต่อกลับมาเป็นอาทิตย์ตั้งแต่คุณส่งข้อความไปถามเรื่องงานแต่งของลูกพี่ลูกน้อง ในสถานการณ์แบบนี้ มีหลายวิธีที่ช่วยให้คุณไม่ต้องรออย่างหมดความอดทนและทำให้คนที่คุณส่งข้อความไปหาตอบกลับมาได้ เริ่มจากขั้นตอนแรกด้านล่างนี้เพื่อให้คนที่คุณส่งข้อความไปหาตอบกลับมาไม่ว่าจะในสถานการณ์ไหนก็ตาม

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

พิมพ์ข้อความที่สมบูรณ์แบบที่สุด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ขอบเขตในการสื่อสารจะแตกต่างกันไปตามลำดับชั้นทางสังคม ความสัมพันธ์ในครอบครัว เพศ ธรรมเนียมปฏิบัติทางวัฒนธรรม และอื่นๆ ขึ้นอยู่กับว่าความสัมพันธ์ของคุณกับคนๆ นี้เป็นอย่างไร คุณสนิทกับเขาไหม หรือว่าคนๆ นี้เพิ่งเข้ามามีตัวตนในชีวิตของคุณ พิจารณาลักษณะของความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเขา แล้วคุณจะเข้าใจว่าถ้าจะสื่อสารกับคนนี้ให้ดีต้องทำอย่างไร
    • ถ้าเป็นในหมู่เพื่อนสนิทและครอบครัวมันก็มักจะมีพื้นที่ในการที่คุณแสดงความหยาบคายได้มากกว่าโดยที่มักจะไม่มีความกระอักกระอ่วนตามมา แต่ถ้าคุณส่งข้อความหาว่าที่คนรัก เพื่อนร่วมงาน หุ้นส่วนทางธุรกิจ หรือใครก็ตามที่คุณมีความสัมพันธ์ที่เป็นทางการกับเขา กฎเรื่องความเหมาะสมก็จะต่างกันไป จำข้อนี้ไว้ให้ดีเวลาที่คุณพิมพ์ข้อความ
  2. การเข้าประเด็นและพิมพ์ข้อความที่ตรงไปตรงมาจะทำให้คุณไม่ต้องเจอปัญหานี้ตั้งแต่แรก หลายคนมีชีวิตที่ยุ่งวุ่นวายจึงเลือกที่จะไม่ตอบข้อความที่กำกวมหรือไม่รู้แน่ชัดว่าต้องการหรือขอร้องเรื่องอะไร และพวกเราหลายคนก็มักจะตอบข้อความที่บอกจุดประสงค์ชัดเจนมากกว่าด้วย ถามตัวเองก่อนว่า
    • ฉันต้องการจะสื่ออะไร
    • สิ่งที่ฉันกำลังจะพูดมีจุดประสงค์อะไรหรือเปล่า
    • ฉันคิดว่าเขาจะอ่านข้อความของฉันอย่างไร
  3. พิมพ์ข้อความที่บอกจุดประสงค์ชัดเจนและตรงไปตรงมา. คุณพยายามอย่างเต็มที่แล้วในการทำความเข้าใจว่าคุณกำลังส่งหาใคร คุณต้องการจะพูดอะไร และคุณอยาก/ควรพูดอย่างไร เพราะฉะนั้นอย่างน้อยตอนนี้คุณรู้แล้วว่าไม่ว่าเขาจะตอบหรือไม่ตอบข้อความของคุณ มันก็น่าจะไม่ได้มีสาเหตุมาจากข้อความที่คุณส่งไปจริงๆ แต่น่าจะเป็นเพราะสถานการณ์ที่เขาต้องเจอหรือธรรมชาติของความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเขามากกว่า
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

ดึงความสนใจจากเขา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เวลาที่มีคนส่งข้อความหาคุณว่า "ไง" หรือแม้แต่ "เป็นไงบ้าง" มันก็อาจจะดูเป็นคำถามที่ไม่สำคัญมากพอที่คุณจะเบี่ยงเบนความสนใจและสมควรได้รับคำตอบ แต่การถามตรงๆ ไปเลยว่าคุณอยากรู้อะไรจากเขาจะเพิ่มโอกาสที่เขาจะตอบกลับมามากกว่า [1]
  2. ถ้าคุณกำลังจะส่งข้อความที่ต้องการการตอบกลับในเวลาที่จำกัดหรือเป็นข้อความด่วนถึงใคร ให้เขียนคำว่า ด่วน ลงไปและอาจตามด้วยเครื่องหมายตกใจ (หรืออาจจะใช้ซอฟต์แวร์ในเครื่องทำเครื่องหมายว่าด่วนด้วยก็ได้) ก็เป็นเทคนิคที่ใช้ได้ผลเหมือนกัน เพราะคนเรามักจะตอบมากกว่าเมื่อเขาเข้าใจว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ
  3. บางที "หวัดดี เป็นไงบ้าง" กับ "ว่าไง ทำไรอยู่" ก็อาจจะยังไม่โดนเท่าไหร่ ลองดึงความสนใจของเขาด้วยการส่งข้อความเกี่ยวกับเรื่องที่เขาหลงใหล ชีวิตการทำงาน การบ้าน ศิลปิน/โชว์/ประเภทของเพลงที่คุณรู้ว่าเขาชอบ เพราะคนเรามักจะกระตือรือร้นอยากจะคุยมากกว่าถ้าเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่เขาสนใจอยู่แล้ว
  4. ทุกวันนี้การส่งข้อความได้กลืนไปกับโซเชียลมีเดียเช่น Tumblr Vine และ Instagram ไปแล้ว [2] การใส่มีมรูปแมวตลกๆ หรือรูป GIF สุดอลังการจากรายการ Lip Sync Battle Thailand ก็อาจทำให้ใครบางคนถึงกับต้องยิ้มออกมาและเป็นการเปิดเรื่องเข้าสู่การสนทนา
    • ถ้าคุณไม่รู้ว่าจะหาคำพูดอะไรมาบรรยายสิ่งที่คุณอยากจะแสดงออก การใช้รูป GIF และสื่ออื่นๆ ก็ช่วยให้คุณสื่อความได้ในรูปแบบที่ต่างออกไป
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

คุยเรื่องนั้นกันต่อหน้า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. บอกเขาว่าคุณส่งข้อความอะไรไปหาเมื่อคุณเจอเขาครั้งหน้า. มันอาจจะมีเหตุผลที่ฟังขึ้นก็ได้ว่าทำไมเขาถึงไม่ตอบ แค่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาลอยๆ เพื่อเปิดโอกาสให้เขาได้อธิบาย
  2. ก่อนอื่นให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเขาคงมีเหตุผลที่ไม่ตอบกลับมา และถามเขาแบบขำๆ
    • ว่าไง เดี๋ยวนี้มัวแต่ยุ่งกับธุรกิจตัดขนแมวจนไม่มีเวลาตอบข้อความฉันเลยเหรอ
    • เวลาตอบสนองในโทรศัพท์เธอมันรวนหรือเปล่า นี่ฉันนึกว่าฉันส่งข้อความเข้าคอมพิวเตอร์ที่ยังต้องต่อโมเด็มอยู่ซะอีกนะเนี่ย
  3. ถ้าอีกฝ่ายดูเลี่ยงหรือไม่ได้ให้คำตอบที่ฟังดูสมเหตุสมผล คุณก็อาจจะต้องถามไปเลยตรงๆ ซึ่งคุณก็ต้องรู้ว่ามันอาจจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอึดอัดและสร้างความตึงเครียดให้เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ เพราะฉะนั้นต้องประเมินด้วยว่าคุณกับคนๆ นี้สนิทกันแค่ไหน ปกติแล้วการพูดคุยระหว่างคุณสองคนจริงจังแค่ไหน และมันเหมาะที่จะถามตรงๆ ไหม ถ้าเรื่องนี้สร้างความไม่สบายใจให้คุณจริงๆ การพูดเรื่องนี้ขึ้นมาตรงๆ ก็เป็นการเปิดโอกาสให้คุณได้เข้าใจในสิ่งที่คุณจะไม่มีวันได้เข้าใจเลยหากคุณไม่ถาม ถามตรงๆ ไปเลยว่า
    • ทำไมเธอถึงไม่ตอบข้อความฉัน
    • ทำไมเธอถึงตอบข้อความฉันช้านัก
  4. เวลาที่เรากำลังรับมือกับความขัดแย้ง คุณจะต้องเข้าหามันด้วยทัศนคติที่ว่าทุกอย่างมันจะดีขึ้น เพราะฉะนั้นการแสดงความเข้าใจผ่านกิริยาท่าทาง เสียง และการเลือกใช้คำจึงเป็นสิ่งสำคัญ [3]
    • ที่สำคัญไม่แพ้กันคือการเข้าใจสไตล์การสื่อสารของอีกฝ่าย เช่น อาจารย์มหาวิทยาลัยอาจจะพูดว่า "ครูไม่เข้าใจว่าหนูหมายถึงเรื่องอะไรค่ะ" ในขณะที่นักกระดานโต้คลื่นอาจจะพูดว่า "ไม่เห็นรู้เรื่องเลยแก" การรู้จักที่จะทำความเข้าใจกับความหมายมากกว่าจะสนใจแค่น้ำเสียงอาจช่วยให้คุณเข้าใจอีกฝ่ายได้มากขึ้น
    • บางครั้งเราอาจจะเผลอแสดงการวิจารณ์ ความไม่พอใจ การดูถูก และอารมณ์อื่นๆ ที่อาจปิดกั้นการสื่อสารที่แท้จริง เมื่อคุณรู้ตัวว่าคุณกำลังทำแบบนี้อยู่ หายใจเข้าลึกๆ พยายามผ่อนคลาย และเปิดใจรับฟังเพื่อให้เข้าใจจริงๆ
  5. เฉพาะแค่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เรามักจะคิดว่าการส่งข้อความแตกต่างจากการสื่อสารประเภทอื่นๆ แต่สุดท้ายแล้วมันก็คือการที่คนสองคนหรือมากกว่าแบ่งปันความคิด ความรู้สึก การกระทำ และเจตนาซึ่งกันและกัน เพราะฉะนั้นเมื่อมันมีปัญหาในการสื่อสารระหว่างคุณกับอีกฝ่าย ปัญหาเรื่องการส่งข้อความมันก็มีความยากในแบบของมันเอง
    • ฟังมุมมองของอีกฝ่ายและพยายามทำความเข้าใจว่าทำไมเขาถึงรู้สึกว่าเขาควรทำแบบนั้น เพราะเป็นไปได้ว่าเข้าอาจจะมีความขุ่นข้องหมองใจที่เข้าใจได้ และคุณเองก็อาจจะได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนพฤติกรรมด้วย เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะกำลังจดจ่อกับอะไรบางอย่างที่เขาทำอยู่ก็เลยไม่ได้ตอบคุณ ซึ่งไม่ว่าเหตุผลจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ การที่เขาเล่าให้ฟังว่าสถานการณ์ของเขาเป็นอย่างไรจะทำให้คุณสามารถกลับไปสื่อสารกันได้ดีอีกครั้ง
    • ถ้าต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องขอโทษ ให้อ่อนโยนและพูดหรือรับฟังสิ่งที่อีกฝ่ายอธิบาย
  6. สุดท้ายแล้วมันก็เป็นแค่เรื่องส่งข้อความ เพราะฉะนั้นในอีกมุมหนึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องจริงจังขนาดนั้น
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่ตอบกลับมา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เขาแอบชอบคุณอยู่หรือเปล่า หรือว่าเป็นคุณเองที่แอบชอบเขา เขาก็เลยอาจจะลังเลที่จะส่งข้อความตอบกลับมา ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ในเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ที่คุณคนใดคนหนึ่งมีอยู่ การไม่ตอบกลับมาทันทีจึงเป็นการทำให้ตัวเองดูไม่กระตือรือร้นจนเกินไป
  2. เขาอาจจะทำงานอยู่ กำลังคุยกับคนอื่นอยู่ ยังไม่ตื่น หรืออาจจะดูหนังอยู่ก็ได้ หลายคนเลือกที่จะทิ้งโทรศัพท์มือถือไว้ที่บ้านหรือเอาออกไปให้ไกลหูไกลตาเพื่อตัดขาดจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บ้าง พอคุณเริ่มจินตนาการแล้ว เหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่ตอบข้อความก็จะผุดขึ้นมามากมาย หลายครั้งที่เรามักจะเก็บมาน้อยอกน้อยใจเวลาที่คนอื่นไม่ตอบข้อความ ทั้งที่จริงๆ แล้วมันเป็นแค่เรื่องของสถานการณ์เท่านั้นเอง
  3. รู้ว่าการส่งข้อความลดความเป็นส่วนตัวและขอบเขตทางสังคม. คนมักจะไม่ค่อยตอบกลับมาหากคุณส่งข้อความไปหาเขากลางดึกหรือตอนที่เขาไปพักร้อน เพราะเขามีสิทธิ์เลือกว่าจะให้คนอื่นติดต่อเขาได้มากน้อยแค่ไหน ถึงมันจะน่าหงุดหงิดและเรามักจะทนกับการตอบข้อความช้าไม่ได้มากเป็นพิเศษ แต่คุณต้องนึกไว้ว่าคนอื่นเขาไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องตอบกลับคุณทันทีทันใด
  4. เนื่องจากว่าเราส่วนใหญ่ใช้โทรศัพท์และโน้ตบุ๊กที่เป็นแบตเตอรี่แบบชาร์จ มันก็เป็นไปได้เสมอว่าแบตฯ อาจจะหมดก็ได้ หรือเขาอาจจะทำโทรศัพท์ตกน้ำหรือทำหน้าจอแตกจนใช้งานไม่ได้ หรือถ้าคุณขอให้คนที่คุณไม่ได้รู้จักเขาดีตอบกลับมา เช่น คนที่ขายของอะไรบางอย่าง ให้จำไว้ว่าไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีโทรศัพท์ และบางคนก็มีไว้แค่เฉพาะเรื่องฉุกเฉินเท่านั้น
  5. มันอาจมีเหตุผลทางสังคมมากมายว่าทำไมคุณถึงไม่ได้ข้อความตอบกลับสักที แล้วแต่ว่าลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเขาเป็นอย่างไร ถ้าเขาเป็นคนที่คุยๆ กันอยู่ เขาก็อาจจะประหม่าหรืออาจจะไม่ได้สนใจคุณ ถ้าเขาเป็นเพื่อน เขาก็อาจจะง่วนกับการสร้างสรรค์งานศิลปะบางอย่างอยู่และคิดว่าคุณคงเข้าใจ ถ้าเป็นคนในครอบครัว เขาก็อาจจะโกรธคุณเรื่องอะไรสักเรื่องที่คุณทั้งคู่ยังไม่ได้เคลียร์กันและอาจจะแค่ไม่อยากคุยกับคุณเท่านั้นเอง
  6. ถ้าคุณส่งข้อความหาคนที่มีอายุ มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาอาจจะไม่ค่อยถนัดใช้สมาร์ตโฟนและการส่งข้อความสักเท่าไหร่ บางทีเขาอาจจะต้องการความช่วยเหลือเพื่อให้เขาคุ้นเคยกับการสื่อสารแบบนี้ก่อนเขาจึงจะสามารถตอบสนองความคาดหวังในเรื่องการตอบข้อความกลับของคุณได้
    • วิธีที่คนไม่ค่อยใช้ในการทำให้อีกฝ่ายตอบกลับมาก็คือ ให้เอาเขาเข้ากลุ่มแชตกับคนอื่นๆ ที่ตอบข้อความเป็นประจำและสบายใจกับการส่งข้อความมากกว่า เช่น คุณอาจจะมีกลุ่มแชตที่มีทั้งพ่อแม่และพี่น้องของคุณ เพื่อที่พ่อแม่จะได้เรียนรู้จากตัวอย่างว่าคนส่วนใหญ่เขาส่งข้อความกันอย่างไร
  7. บ่อยครั้งที่ถ้าเราไม่ไปจดจ่อว่าเขาจะตอบหรือไม่ตอบกลับมา เราจะสามารถเอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่มันมีประโยชน์มากกว่ากันได้ และสักพักไม่ช้าก็เร็วคุณก็จะได้ข้อความที่คุณกำลังรออยู่
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ข้อความของคุณต้องบอกจุดประสงค์และชัดเจน
  • คนที่คุณส่งข้อความไปหาเขาจะต้องมีเบอร์ของคุณ เพราะบางทีคนจะไม่ตอบข้อความจากเบอร์แปลก
  • ถ้าเป็นการส่งข้อความในรูปแบบโซเชียลมีเดีย คุณควรจะพิมพ์ข้อความให้สั้นกระชับเข้าไว้
  • เขียนด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ
  • คุณต้องแน่ใจว่าตัวเองส่งถูกเบอร์ หลังจากที่คุณเช็กดูอีกครั้งแล้ว ให้บอกด้วยว่าคุณเป็นใครเพราะว่าหลายคนจะไม่ตอบกลับเบอร์แปลก
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าส่งข้อความไปรัวๆ ถ้าเขาไม่ตอบกลับมาหลังจากส่งไป 1 หรือ 2 ข้อความ ก็เป็นไปได้ว่าการส่งไป 5 หรือ 10 ข้อความมีแต่จะทำให้เขารำคาญ
  • อย่าส่งอะไรที่รุนแรงหรือน่ากลัวเกินไปเพื่อกระตุ้นให้เขาตอบกลับมา เพราะมันอาจจะทำให้เขาโกรธหรือกลัวขึ้นมาได้จริงๆ และทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลงกว่าเก่า
  • อย่าใช้ภาษาหยาบคาย
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 6,557 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา