ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

คุณใช้เครื่องหนีบผมทุกวันหรือเปล่า? ผมคุณเริ่มดูแห้งเสียหรือยัง? แล้วคุณอยากจะมีผมตรงโดยไม่ต้องทำผมทุกวันๆ หรือเปล่า? เรามีสามขั้นตอนให้คุณอ่าน แค่ทำมันด้วยตัวคุณเองที่บ้านก็จะได้ผมตรงเหมือนช่างทำผมทำให้เลยล่ะ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ซื้ออุปกรณ์มาทำที่บ้าน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ร้านขายของเสริมความงาม หรือร้านขายของเกี่ยวกับเส้นผมมักจะมีผลิตภัณฑ์ยืดผมมากมายให้เลือก คุณอาจจะลองเข้าร้านทำผม (หรือผลิตภัณฑ์ของร้าน) เพื่อใช้ผลิตภัณฑ์อื่นๆ แต่ผลิตภัณฑ์ที่จะลงตัวกับผมคุณจริงๆ ที่เลือกคือระหว่างน้ำยายืดที่มีส่วนผสมของด่าง และที่ไม่มีส่วนผสมของด่าง
    • ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของด่างมักพบได้ในของใช้ในบ้านทั่วไป ผลเสียของผลิตภัณฑ์ตัวนี้ก็คือจะทำให้ผมไม่เงางาม และเสีย (เหมือนการหนีบผมทุกวันนั่นแหละ)
    • ต้องมั่นใจว่าคุณรู้ว่าตัวเองกำลังจะทำอะไร เพราะถ้าคุณยืดผมสักครั้งแล้ว มันจะไม่สามารถจับตัวเป็นลอนได้เท่าไรนัก หากคุณอยากจะทำผมลอนบ้าง “เป็นครั้งคราว” วิธีนี้ไม่ใช่วิธีที่คุณควรใช้
  2. คุณจะต้องปกป้องผิว เสื้อผ้า และมือของคุณขณะถืออุปกรณ์ หยิบเสื้อตัวเก่า, ถุงมือใช้แล้วทิ้ง (มักมาพร้อมผลิตภัณฑ์) และผ้าขนหนูเก่าๆ ไว้วางบนไหล่
  3. ปกติน้ำยายืดผมมีบรรจุภัณฑ์ใส่ครีม หรือตัวน้ำยาต่างกันอยู่สองแบบ ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของผลิตภัณฑ์ ใช้ไม้พายที่ทำจากไม้ผสมหากคุณมีสักอัน
    • ทิ้งส่วนผสมไว้สักพักก่อนใช้ จะเป็นการทำให้ส่วนผสมละลาย และเข้ากันดี
  4. มันก็คือวาสลีนนั่นแหละ อย่างไรก็ตามคุณต้องปกป้องผิวของคุณจากการโดนสารเคมี เพราะโดนผิวรอบๆ โคนผมแค่เพียงเล็กน้อยก็เป็นปัญหาได้
    • เป็นเรื่องสำคัญมากที่ไม่ควรให้น้ำยายืดผมโดนส่วนอื่นๆ นอกจากเส้นผม มันไม่ดีต่อผิว และแน่นอนมันไม่ดีที่จะรับประทานเข้าไป หรือปล่อยให้เข้าตา
  5. คุณคงไม่อยากละเลงเคมีลงศีรษะโดยไม่ทดสอบก่อนหรอกนะ หากมันเกิดปฏิกิริยากับคุณล่ะ? ดังนั้นเลือกผมมาหนึ่งช่อใช้แค่ช่วงปลายผมส่วนที่ถึงคอมาทำการทดสอบ
    • ทาน้ำยาลงบนผม (ไม่รวมส่วนที่ทำการทดสอบไปก่อนหน้านี้) ทิ้งไว้ตามเวลาที่ระบุ หรือจนกว่าจะเห็นผลลัพธ์ ล้างน้ำยาออก และทำให้แห้ง สังเกตเห็นผมแตกปลาย หรือแห้งเสียบ้างไหม? หากเส้นผมยังคงสภาพดีอยู่ให้ทำต่อไปได้ แต่หากแห้งเสียแล้วล่ะก็ “หยุด” ใช้ผลิตภัณฑ์ต่อทันที
  6. มัน “สำคัญมากๆ ” ที่จะปล่อยน้ำยาให้ทำงานภายในเวลาที่เหมาะสม จะมีเวลาระบุไว้ที่กล่องว่าระยะเวลาที่มากที่สุดที่น้ำยาควรอยู่บนเส้นผมนั้นควรนานเท่าไร การปล่อยให้น้ำยาอยู่นานเกินไปจะยิ่งทำให้ผมเสีย
  7. เมื่อผมส่วนที่ทำการทดลองเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณก็เริ่มใช้ทั้งศีรษะได้เลย ให้เริ่มจากส่วนเล็กๆ ก่อน โดยเริ่มจากโคนผมถึงปลายผม ทาให้เท่าๆ กันเท่าที่จะทำได้ และระวังอย่าให้โดนหนังศีรษะ
    • ใช้วิธีนี้กับผมที่ยังไม่เคยผ่านการบำรุงมาเท่านั้น หากคุณต้องการฟื้นฟูเพียงแค่รากผม ก็ให้ป้ายที่โคนผมเท่านั้น
  8. หากคุณมีหวีซี่ห่าง, หวีพลาสติก นำมาหวีผม เพื่อให้น้ำยากระจายเท่าๆ กันทั่วเส้นผม วิธีนี้จะช่วยให้เส้นผมได้รับน้ำยาทั่วถึงทุกด้าน จากโคนจรดปลาย อย่าลืมมองเวลาไว้ตลอด
  9. เมื่อครบตามเวลาแล้ว ล้างผมของคุณให้เรียบร้อยเพื่อล้างน้ำยายืดผมออก ครีมยืดผมบางตัวจะมีสีด้วยคุณสามารถสังเกตได้ง่าย หลังจากล้างผมแล้วสระผมด้วยแชมพู “ใช้แชมพูที่มากับผลิตภัณฑ์” จากนั้นล้างผมให้สะอาดอีกครั้ง
    • คุณจะได้ผมที่ดูดี เมื่อคุณคิดว่าคุณจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว คุณคิดว่าคุณล้างหมดจดทุกที่แล้วจริงเหรอ? หากคุณยังล้างไม่เสร็จล่ะก็ อาจมีน้ำยาหลงเหลืออยู่ นั่นจะเป็นสาเหตุของผมเสียได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องรอบคอบ
  10. หลายๆ ผลิตภัณฑ์รวมถึงครีมบำรุงที่มาพร้อมยายืดผมจะช่วยเป็นเกราะให้เส้นผม และป้องกันผมจากความเสียหายไม่ให้ผมกลายสภาพไป มั่นใจว่าคุณใช้มันทั่วทั้งเส้นผมแล้ว จากนั้นเช็ดผมให้แห้งด้วยผ้าขนหนู
  11. ผมตรงเป็นทรงที่ง่ายที่สุด ว่าไหมล่ะ? ตอนนี้สิ่งที่คุณต้องทำก็คือ เรียนรู้วิธีการมัดผมตรงแบบต่างๆ
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ทำผมตรงแบบบราซิเลียน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. บางครั้งอาจเรียกวิธีการนี้ว่า บราซิเลียน เคราติน ทรีตเมนต์ (Brazilian Keratin Treatment) หรือบราซิเลียน โบล์วเอาท์ (Brazilian Blowout) ลอรีอัล (L'Oreal) มีผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ออกมาชื่อว่า เอ็กซ์-เทนโซ (X-Tenso) ซึ่งสามารถเนรมิตผมตรงได้ยาวนานถึง 6 เดือน อย่างไรก็ตาม การทำบราซิเลียนโดยทั่วไปจะอยู่ได้ประมาณ 2 ถึง 4 เดือน
    • ด้วยวิธีนี้ เส้นใยภายในผมของคุณจะไม่ถูกทำลาย และผมธรรมชาติของคุณก็จะค่อยๆ กลับมาทีละน้อย ในอีกทางหนึ่งวิธีนี้ดีกว่าสำหรับผมคุณ แต่ข้อเสียก็คือผมคุณจะค่อนข้างแข็งเล็กน้อย แต่คุณยังคงทำผมได้อยู่ และก็อาจดัดผมได้ ผลลัพธ์ที่ได้จะไม่เหมือนกับวิธีการที่ใช้เคมีภัณฑ์ทำ
  2. ตรวจสอบสภาพเส้นผมว่าสามารถทำผมด้วยวิธีนี้ได้หรือเปล่า. ผมที่บางมากๆ หรือเสียมากๆ จะไม่สามารถใช้วิธีนี้ได้ คุณควรปรึกษาช่างทำผมว่าคุณสามารถทำได้หรือไม่ และแน่นอนพวกเขาจะบอกความจริงกับคุณ
    • ช่างผมบางคนอาจจะเห็นแก่เงินมากกว่าเวลาที่คุณไปถาม พยายามไปหาช่างผมที่คุณเชื่อใจ หรือเพื่อนคุณที่มีความรู้เรื่องนี้ดี
  3. คุณอาจจะต้องการผมตรงเป๊ะ หรือผมตรงธรรมชาติ ดังนั้นต้องมั่นใจว่าคุณได้บอกความต้องการแก่ช่างทำผมแล้ว พวกเขาจะมีแนวทางดีๆ ให้กับคุณที่คุณอาจลืมนึกถึง
    • คุณต้องรู้ไว้ว่าครีมบางตัวมีส่วนผสมของฟอลมัลดีไฮด์ สารนี้ไม่ได้อยู่ในประเภทสารพิษหรืออะไรทำนองนั้น แต่มันก็ยังมีส่วนผสมของสารนี้อยู่ดี [1] หากคุณรู้สึกกังวล ลองปรึกษาช่างผมของคุณดู
  4. ช่างผมของคุณจะลงครีม, เป่าผม และหนีบผม (อาจเกิดขึ้นได้ช่วงสุดท้ายของการทำผมเพียงเล็กน้อย) จากนั้นสิ่งคุณต้องทำคือ “อย่า” สระผมสักสามหรือสี่วันนับจากวันที่ทำผม โดยการทำผมที่ร้านจะใช้เวลาทำผมราวสองชั่วโมง
    • ราคาของการทำผมแบบนี้ค่อนข้างสูง ขึ้นอยู่กับสถานที่ที่คุณอยู่ โดยทั่วไปร้านทำผมมักจะเพิ่มเงินขึ้นอีกเป็นพันๆ สำหรับการทำผมวิธีนี้
  5. ด้วยการทำแบบนี้ คุณยังคงต้องไดร์ผม และอาจจะบำรุงผมเพิ่ม แต่ภารกิจประจำวันของคุณจะลดลงไปมากเลยล่ะ
    • แม้อาจเป็นวิธีที่ช้ากว่าแต่มั่นใจได้ว่าผมของคุณจะกลับสู่สภาพปกติ ลองนึกถึง เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ แต่เป็นในทางกลับกัน และเร็วกว่า
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ปรับสภาพผมด้วยความร้อน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การปรับสภาพด้วยความร้อน (ในอีกทางหนึ่งรู้จักในชื่อว่า การทำผมตรงแบบญี่ปุ่น) เป็นวิธีการทำผมตรงโดยล็อคเส้นใยในเส้นผม คุณจะได้ผมที่เป็นเส้นตรง “ไม่มีลอน” วิธีนี้มีประสิทธิภาพมากกับผมหยิกปานกลาง หรืองอเล็กน้อย ไม่ใช่ผมหยิกมากๆ แบบผมขดเป็นเกลียว
    • ยังสนใจอยู่หรือเปล่า? เพราะวิธีการนี้จะมีราคาอยู่ที่ 17,000-35,000 บาท แล้วแต่ร้านเสริมสวยที่คุณเลือก
  2. วิธีการนี้ทำยากที่จะให้ออกมาดูดี คุณคงไม่อยากทำผมกับเด็กนักเรียนที่ไม่เคยหัดมาก่อนหรอก มองหาช่างทำผมสักคนในเมืองของคุณที่สามารถทำได้สบายๆ ดูสิ
    • หากมีอะไรผิดพลาดผมของคุณอาจได้รับความเสียหายมากๆ [2] ห้ามทำแบบขอไปทีล่ะ ผมคุณรับไม่ไหวหรอกนะ
  3. คุณต้องอยู่ที่นั่นประมาณเวลาทำงานปกติได้เลย (8 ชั่วโมง) ขึ้นอยู่กับประเภทของเส้นผม และความหนาของผมคุณ เมื่อคุณไปเพื่อทำผมมันก็กินเวลาไปแล้ว 3 หรือ 4 ชั่วโมง ระหว่างนี้ช่างทำผมจะทำให้ผมคุณชุ่มไปด้วยน้ำยาเคมี, ล้างผม, สระผม, เป่าผม และหนีบผมด้วยเวลาที่นานมากๆ
    • ดังนั้น พกหนังสือดีๆ ไปสักเล่ม หรืออะไรที่ช่วยได้ เช่น เพื่อนสักคน
  4. โดยพื้นฐานแล้วผมของคุณต้องการการผ่อนคลาย ไม่มีอะไรที่จะทำให้มันหงิกงอ หรือสู้กับฤทธิ์ของเคมีได้ พูดมันง่ายกว่าทำ ว่าไหม?
  5. อย่ารบกวนผมด้วยการใช้เครื่องดัดผม หรือที่ม้วนไฟฟ้า พวกมันไม่มีประโยชน์อะไร คุณมีผมตรงที่ทรงประสิทธิภาพอยู่ตลอดเวลา เหมือนปาฏิหาริย์ ใช่ไหม? ไม่ว่าจะผมงอจากการนอน, อาบน้ำ คุณพร้อมแล้ว คนอื่นจะต้องอิจฉาคุณมากๆ แน่นอน
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ทำผมตรงถาวรลงบนผมที่สุขภาพดีเท่านั้น สารเคมีที่ทำให้ผมตรงสร้างความเสียหายแน่นอน ผมคุณจะดูเหมือนไหม้ถ้าหากว่าคุณยืดผมบนผมที่เสียอยู่แล้ว หากผมคุณเสียอยู่แล้ว สิ่งแรกคือปล่อยให้ผมยาวจนกว่าจะได้ผมรุ่นใหม่ ในช่วงเวลานี้ “ห้าม” ทำอะไรที่ทำให้ผมยิ่งเสียไปกว่าเดิมอีก (การหนีบผม, ย้อมผม หรืออื่นๆ ) หลังจากผมยาวแล้ว ตัดผมส่วนที่เสียทิ้ง ตอนนี้คุณก็สามารถยืดผมได้แล้ว
  • คุณจะต้องรออีกสองสัปดาห์ก่อนที่คุณจะย้อมผมอีกครั้ง หลังจากที่คุณยืดผมแล้ว
  • จากกระบวนการทั้งหมดนี้ รากผมจะกลับมาปกติ คุณไม่สามารถเปลี่ยนยีนของคุณได้
  • ผมคุณจะขาดความเงางาม และสุขภาพที่ดีไปเล็กน้อยหลังจากทำเสร็จแล้ว ใช้มาสก์สำหรับผมเสีย อย่าใช้เครื่องหนีบผมบ่อยนัก ทาครีม โลชั่น เจล หรืออะไรก็ตาม และไปหาซื้อครีมบำรุงผมดีๆ
  • มีวิธีการอื่นๆ ให้เลือกเปลี่ยนผมหยักศกเป็นผมตรงอีกมากมาย ก่อนที่คุณจะเลือกใช้วิธีนี้ลองศึกษาวิธีการที่จะจัดผมหยักศกดูก่อน
  • ลองหาทรงผมใหม่ที่ช่วยส่งเสริมรูปลักษณ์ใหม่ของคุณ หนึ่งในข้อได้เปรียบของผมตรงก็คือ มันเข้าได้กับทรงผมเป็นร้อยๆ ทรง
โฆษณา

คำเตือน

  • วิธีการนี้เป็นสาเหตุให้ผมเสีย และหนังศีรษะที่ไหม้ได้ ดังนั้นเพื่อความมั่นใจ ควรทำผมกับผู้มีประสบการณ์
  • วิธีบราซิเลียนจะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันตามสภาพเส้นผมที่ต่างกัน คุณอาจไม่ได้ผมตรงในแบบที่คุณตั้งใจเอาไว้ ดังนั้น ลองปรึกษาช่างทำผมของคุณ
  • การใช้วิธีทางเคมีโดยตรงต้องการการดูแล เพราะผมจะแห้งขึ้น และบอบบาง ต้องมั่นใจว่าคุณบำรุงผมอย่างล้ำลึกเป็นประจำ และระมัดระวังการใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม [3]
  • หากผมของคุณเพิ่งทำผมด้วยเคมีมาผมคุณจะยิ่งเสียขึ้นไปอีกหากคุณยืดผม มันจะนำไปสู่ผมเสียจากภายใน และต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูอีกนาน [3]
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 15,850 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา