ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการ corrupt หรือทำให้ไฟล์ Microsoft Word เสีย ใครมาเปิดดูไม่ได้อีก

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

ใช้เว็บทำลายไฟล์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เข้าเว็บ https://corrupt-a-file.net ในเบราว์เซอร์. Corrupt-a-File เป็นเว็บทำลายไฟล์ฟรี แค่อัพโหลดเอกสารที่ต้องการทำลายเข้าไป
  2. ล่าง "Select the file to corrupt." เพื่อเปิด file browser ในคอม
  3. ชื่อไฟล์จะอยู่ล่าง "Select the file to corrupt."
  4. เพื่ออัพโหลดไฟล์แล้วทำให้เสีย
  5. ถ้าไฟล์เสียแล้ว จะมีตัวเลือกนี้ขึ้นมา
  6. เพื่อดาวน์โหลดไฟล์ที่เสียแล้วลงคอม
  7. ถ้าในคอมมีโปรแกรม Word ให้ดับเบิลคลิกไฟล์เพื่อเปิดขึ้นมาในโปรแกรม จะเห็น error ขึ้นว่าไฟล์มีปัญหา ให้คลิก Okay ได้เลย Word จะพยายามซ่อมแซมหรือกู้คืนไฟล์ (แน่นอนว่าไม่สำเร็จ)
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

ใช้ Notepad ใน Windows

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ปกติจะอยู่ในเมนู Start ในเมนู Windows Accessories อีกที
  2. file browser จะโผล่มา
  3. จะอยู่มุมขวาล่างของ file browser เป็นอันที่ตั้ง Text Documents (*.txt) ไว้ตามค่า default
  4. จะมีภาษาต่างดาวโผล่มาให้เห็นในหน้าต่าง Notepad
    • จะเป็นเอกสารไหนของ Word ก็ได้ เนื้อหาอะไรก็ไม่ต้องสนใจ เพราะยังไงเดี๋ยวก็ไม่มีใครเปิดไฟล์ได้อยู่ดี
  5. ประมาณ 7 - 8 บรรทัดก็โอเคแล้ว
  6. หน้าต่าง "Save As" จะโผล่มา
  7. ทางด้านล่างของหน้าต่าง
  8. จะได้ไฟล์เวอร์ชั่นที่เสียแล้ว
  9. ถ้าในคอมมีโปรแกรม Word ให้ดับเบิลคลิกไฟล์เพื่อเปิดขึ้นมาในโปรแกรม จะเห็น error ขึ้นว่าไฟล์มีปัญหา ให้คลิก Okay ได้เลย Word จะพยายามซ่อมแซมหรือกู้คืนไฟล์ (แน่นอนว่าไม่สำเร็จ)
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

เปลี่ยน File Extensions ใน Windows

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ปกติค่าตั้งต้นจะไม่แสดง file extensions หรือนามสกุลไฟล์ แต่คุณเปลี่ยนค่าได้โดย
    • เปิดแถบค้นหาของ Windows แล้วพิมพ์ file options
    • คลิก File Explorer Options ในรายการผลการค้นหา
    • คลิก tab View ทางด้านบนของหน้าต่าง
    • เอาติ๊กถูกออกจาก "Hide extensions for known file types" ใน "Advanced Settings"
    • คลิก OK
  2. ให้เริ่มจากไฟล์ที่เปิดใน Word ไม่ได้ เช่น ไฟล์รูป (อย่าง .jpeg, .gif, .png) หรือคลิปเสียง (เช่น .wav, .mp3, .ogg) เราจะใช้ไฟล์นี้ทำเอกสาร Word ที่เสียแล้วแบบปลอมๆ
    • เดี๋ยวเราจะทำให้ไฟล์เสีย เพราะงั้นต้องเลือกไฟล์ที่จะไม่ใช้แล้ว หรือสร้างไฟล์ copy ก่อนเปลี่ยน extension ถ้าอยากเก็บไฟล์ต้นฉบับไว้
  3. เพื่อเลือกชื่อไฟล์ให้พร้อมแก้ไข
  4. เช่น ถ้าจะใช้งานไฟล์ file.jpg ให้เปลี่ยน ".jpg" เป็น .docx
  5. จะเห็นหน้าต่าง pop-up ถามว่าจะเปลี่ยนชื่อไฟล์ใช่ไหม
  6. เพื่อเซฟไฟล์เป็น .docx ถ้าไปเปิดไฟล์นี้ใน Word จะขึ้นข้อความ error ว่าไฟล์เสีย
    • ถ้าจะซ่อน file extensions อีกรอบ ให้กลับไปที่ tab View ใน File Explorer Options แล้วติ๊กช่อง "Hide extensions for known file types"
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

เปลี่ยน File Extensions ใน Mac

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ปกติค่าตั้งต้นจะไม่แสดง file extensions หรือนามสกุลไฟล์ แต่คุณเปลี่ยนค่าได้โดย [1]
  2. ให้เริ่มจากไฟล์ที่เปิดใน Word ไม่ได้ เช่น ไฟล์รูป (อย่าง .jpeg, .gif, .png) หรือคลิปเสียง (เช่น .wav, .mp3, .ogg) เราจะใช้ไฟล์นี้ทำเอกสาร Word ที่เสียแล้วแบบปลอมๆ
    • เดี๋ยวเราจะทำให้ไฟล์เสีย เพราะงั้นต้องเลือกไฟล์ที่จะไม่ใช้แล้ว หรือสร้างไฟล์ copy ก่อนเปลี่ยน extension ถ้าอยากเก็บไฟล์ต้นฉบับไว้
  3. ชื่อไฟล์จะถูกเลือกในแถบสีฟ้า แปลว่าแก้ไขได้แล้ว [2]
  4. เช่น ถ้าจะใช้ไฟล์ file.jpg ให้เปลี่ยน ".jpg" เป็น .docx
  5. จะเห็นข้อความให้ยืนยันว่าจะเปลี่ยน file extension [3]
  6. เพื่อเซฟไฟล์เป็น .docx พอเอาไปเปิดใน Word จะมีข้อความ error ขึ้นว่าไฟล์เสีย
    • ถ้าจะซ่อน file extensions ใน Finder ให้กลับไปที่ Finder > Preferences > Advanced และเอาติ๊กถูกออกจาก "Show all filename extensions"
    โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าเผลอทำไฟล์สำคัญเสีย เพราะเสียแล้วเสียเลย โอกาสกู้คืนแทบไม่มี แนะนำให้ทำไฟล์ dummy หรือไฟล์ copy แยกไว้จากต้นฉบับ
  • ถ้าจะทำให้ไฟล์เสียแล้วใช้เป็นข้ออ้างให้ไม่ต้องส่งงานหรือการบ้านออนไลน์ ก็บอกเลยว่าต้องระวัง เดี๋ยวนี้ครูอาจารย์ก็ทันเหตุการณ์ไม่แพ้เด็กๆ เป็นไปได้ว่าเคยเห็นเคล็ดลับนี้เหมือนกัน แถมบางวิชาถ้าเจอไฟล์เสียก็ไม่ได้คะแนนไปเลย หาเวลาทำการบ้านสักหน่อย น่าจะปลอดภัยกว่า
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 7,215 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา