ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เล็บขบโดยเฉพาะที่เท้าเป็นอะไรที่ทรมานแถมเดินเหินก็ไม่สะดวก ที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือติดเชื้อได้ง่ายๆ ด้วย ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่เล็บเท้าขบแถมติดเชื้อ ต้องรีบรักษาโดยเร็ว จะได้ไม่อาการหนักกว่าเดิม [1] [2] คุณรักษาอาการเล็บขบติดเชื้อได้ โดยแช่เท้าในน้ำอุ่นให้เล็บนิ่มขึ้น ดันขอบเล็บให้เผยอ แล้วทาขี้ผึ้งยาฆ่าเชื้อตรงเนื้อที่ติดเชื้อใต้เล็บ จริงๆ แล้วออกจะเป็นวิธีปฐมพยาบาลตัวเองมากกว่า หลังจากนี้แนะนำให้ไปหาหมอเพื่อรักษาต่อไป

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

ดูแลเล็บเท้าที่ติดเชื้อ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณบรรเทาอาการปวดบวมจากเล็บขบได้ โดยแช่เท้าในน้ำสบู่อุ่นๆ 10 - 20 นาที 3 ครั้งต่อวัน ติดต่อกัน 1 - 2 อาทิตย์ [3] [4]
    • ดีเกลือฝรั่ง (Epsom salt) ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดและอักเสบได้ ให้เปิดน้ำอุ่นใส่กะละมัง เติมดีเกลือฝรั่งไป 1 - 2 ช้อนโต๊ะ จากนั้นแช่เท้าผ่อนคลายสักพัก เสร็จแล้วซับให้แห้ง
    • ถ้าเจ็บมากจนทนไม่ไหว ก็ทำซ้ำได้วันละหลายครั้ง
    • ห้ามแช่เท้าในน้ำร้อน แค่น้ำอุ่นก็พอแล้ว [5]
  2. ถ้าอยากลดแรงดันใต้ขอบเล็บที่ขบ คุณหมอแนะนำให้ดันขอบเล็บให้เผยอขึ้นนิดหน่อย โดยสอดสำลีแผ่นชิ้นเล็กๆ หรือไหมขัดฟันเส้นหนาๆ เข้าไปใต้ขอบเล็บ วิธีนี้ช่วยดันเล็บแยกจากเนื้อข้างใต้ เล็บจะได้ไม่จิกลงไปในเนื้อ
    • ถ้าใช้สำลีแผ่นสอด ให้เอาสำลีชุบยาฆ่าเชื้อก่อน จะได้บรรเทาปวดและป้องกันการติดเชื้อในเวลาเดียวกัน [6]
    • ถ้าเล็บติดเชื้อไปแล้ว วิธีนี้จะช่วยดูดซับความชื้นที่ถูกกักเก็บไว้ใต้เล็บ
    • ถ้าใช้ไหมขัดฟันเส้นหนาๆ ต้องเลือกที่ไม่แต่งรสและไม่เคลือบขี้ผึ้ง
    • ห้ามใช้อุปกรณ์แต่งเล็บหรืออะไรก็ตามที่เป็นโลหะช่วยสอดสำลีหรือไหมขัดฟันเข้าไปใต้เล็บ เพราะอาจทำให้เจ็บหรืออักเสบหนักกว่าเดิม [7]
  3. ขี้ผึ้งยาฆ่าเชื้อใช้แก้เล็บขบติดเชื้อได้ดี ก่อนทาขี้ผึ้งยาต้องซับให้นิ้วแห้งก่อน โดยทาขี้ผึ้งยาให้หนาๆ และครอบคลุมบริเวณที่ติดเชื้อทั้งหมด สุดท้ายปิดแผลด้วยพลาสเตอร์ใหญ่ๆ ไม่ให้เศษสิ่งสกปรกเข้าแผลได้ ยาก็ไม่ซึมออกมา
  4. เล็บเท้าขบติดเชื้อก็เหมือนแผลติดเชื้ออื่นๆ คือรักษาเองจนหายขาดไม่ได้ ต้องไปหาคุณหมอรักษาโรคเท้า (podiatrist) เพื่อรักษาให้ถูกวิธีและตรงจุด ถ้าติดเชื้อหนัก บางทีอาจถึงขั้นต้องผ่าตัดเล็ก แต่ส่วนใหญ่เคสนี้จะรักษาโดยฉีดยาชาแล้วถอดเล็บหรือตัดส่วนที่ขบออกด้วยกรรไกรหรือกรรไกรตัดเล็บ
    • คุณหมออาจจ่ายยาฆ่าเชื้อให้กินด้วย จะได้ยิ่งหายเร็ว [9] [10] ถ้าคุณหมอจ่ายยาปฏิชีวนะให้ ต้องกินจนหมด และไปหาหมอตามนัด
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

อย่าทำตามความเชื่อผิดๆ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. มีเรื่องหนึ่งที่เชื่อกันมาผิดๆ ว่าเล็บขบติดเชื้อ ถ้าตัดออกก็หายแล้ว แต่ในความเป็นจริง ถ้าสุ่มสี่สุ่มห้าไปตัดเอง อาจทำให้ติดเชื้อหนักกว่าเดิม ทีนี้ก็จะเล็บขบเรื่อยๆ แนะนำให้ปล่อยไว้แบบนั้น มากสุดคือยกขอบเล็บให้เผยอขึ้นมาเพื่อลดแรงดันก็พอ
    • ควรปล่อยให้คุณหมอเป็นคนตัดเล็บรักษาให้ อย่า ‘ทำตัวเป็นหมอ’ แล้วตัดเองผิดๆ ถูกๆ [11] [12]
  2. เล็บขบทีไรมันชวนให้ตัดแบบควักใต้เล็บให้หายเจ็บ แต่จริงๆ แล้วห้ามทำ เพราะยิ่งทำให้เล็บอักเสบติดเชื้อ จะเจ็บหนักกว่าเดิม
    • อุปกรณ์ที่ลืมไปได้เลย คือแหนบ ไม้ดันขอบเล็บ กรรไกรตัดเล็บ ตะไบ และอื่นๆ ที่ทำจากโลหะ [13]
  3. อันนี้เป็นความเชื่อผิดๆ ยอดนิยม ว่าให้ใช้เข็มเจาะแผลพุพองหรือตุ่มหนองอักเสบติดเชื้อเอง แต่จริงๆ แล้วห้ามเด็ดขาด เพราะจะอักเสบติดเชื้อ เจ็บหนักกว่าเดิม ถึงจะอ้างว่าฆ่าเชื้ออุปกรณ์แล้วก็ไม่ได้ เพราะถ้าเอาอะไรไปแยงหรือจิ้มแผลพุพอง/อักเสบติดเชื้อ จะทำให้อาการหนักกว่าเดิม
  4. อันนี้เป็นความเชื่อโบราณในบางภูมิภาค ว่าถ้าตัดเล็บที่ติดเชื้อด้านบนเป็นรูปตัว ‘V’ จะช่วยลดแรงดันได้ ทำให้หายเร็ว แต่จริงๆ แล้วก็ได้แค่ปลายเล็บแหลมๆ เท่านั้น ไม่ได้ช่วยอะไร [15]
  5. อย่าไปเชื่อถ้าใครบอกให้เอาถ่านมาถูเล็บ ไม่ว่าคนบอกจะดูมั่นใจแค่ไหนก็ตาม เพราะถ่านไม่ได้ช่วยให้เล็บหายขบหรือหายติดเชื้อแม้แต่นิดเดียว ดีไม่ดีจะทำให้อาการหนักกว่าเดิม สรุปแล้วไม่ควรเอาอะไรไปแตะต้องเล็บหรือบริเวณที่ติดเชื้อเลย ยกเว้นครีมยาปฏิชีวนะหรือพลาสเตอร์/ผ้าพันแผล [16]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อย่าพยายามเค้นหนองออกจากเล็บขบ เพราะจะทำให้ติดเชื้อหนักกว่าเดิม
  • อย่ากัดเล็บ นอกจากสกปรกจนน่าขนลุกแล้วยังอันตรายต่อทั้งเล็บและฟัน
  • แช่เท้าในน้ำผสมสบู่ฆ่าเชื้อเพื่อขจัดเชื้อโรคและป้องกันไม่ให้แผลลุกลาม ย้ำอีกทีว่าอย่ากัดเล็บเพราะเท่ากับไปเพิ่มเชื้อโรค ทีนี้ก็ติดเชื้อหนักกว่าเดิม
  • ทายา Polysporin แล้วพันแผลด้วยพลาสเตอร์ บอกเลยว่าช่วยได้เยอะ
  • คอยสังเกตเล็บเท้าตัวเอง แค่เจ็บนิดๆ หน่อยๆ เล็บดูแปลกไปหรือผิวหนังแถวขอบเล็บดูแดงๆ ก็ควรหาทางแก้ไขแล้ว ถ้าเพิ่งขบ สอดสำลีฆ่าเชื้อดันเล็บให้เผยอจะช่วยได้ แต่ถ้าเป็นหนักจะไม่ค่อยได้ผลแล้ว
โฆษณา

คำเตือน

  • ถ้าเป็นเบาหวานแล้วเล็บขบ ให้รีบไปหาหมอทันที
  • ใครที่มีปัญหาเรื่องระบบภูมิคุ้มกันก็ต้องไปหาหมอถ้าอาการติดเชื้อไม่หายสักที
  • ถ้าเกิดภาวะติดเชื้อ (sepsis) หรือติดเชื้อในกระแสเลือด ก็เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ หรือบางทีก็ติดเชื้อจนเนื้อตายได้ ถ้าลามถึงขั้นที่กล่าวมาก็ต้องเข้าโรงพยาบาล ผ่าตัด กระทั่งตัดขาเพื่อยับยั้งไม่ให้เชื้อแพร่ไปตามจุดต่างๆ ของร่างกาย หรือไม่ให้เนื้อตายลุกลาม
  • ถ้าเป็นแผลแล้วไม่ค่อยหาย หรือเท้าชาเรื่อยๆ ก็เป็นสัญญาณเตือนว่าคุณอาจเป็นเบาหวานได้
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 9,474 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา