ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

คุณได้สังเกตว่าความสัมพันธ์ของคุณไม่เป็นเหมือนก่อนที่เคยรู้สึกตื่นเต้นเมื่อคนๆ นั้นเดินเข้ามาในห้อง มันยากที่จะยอมรับว่าความสัมพันธ์ของคุณอาจจะจบลงแล้ว แต่มันสำคัญที่คุณต้องจบความสัมพันธ์ที่ไม่ได้ผลและไม่มีความสุข คุณอาจคิดว่าความสัมพันธ์ของคุณกำลังอยู่ในช่วงมรสุมและมันก็อาจจะจริง แต่มันมีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกว่ามันถึงเวลาแล้วที่คุณต้องจบความสัมพันธ์ของคุณ

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

การสะท้อนวิธีที่คุณสื่อสารกัน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การทะเลาะกันสามารถเป็นวิธีการสื่อสารและแก้ไขความขัดแย้งที่ดีและได้ผล อย่างไรก็ตามการทะเลาะกันบ่อยเกินไปและการใช้เวลาส่วนใหญ่มัวแต่ทะเลาะกันอาจเป็นสัญญาณว่าความสัมพันธ์ของคุณกำลังจะจบลง
    • การหาเรื่องทะเลาะในเรื่องที่ไร้สาระอาจเป็นการเรียกร้องความสนใจหรือหาเรื่องเลิกราและอาจจะเป็นสัญญาณการสิ้นสุดของความสัมพันธ์
    • การจบการทะเลาะด้วยความรู้สึกโกรธ เคือง ขมขื่นและไม่ยอมคืนดีคือสัญญาณบ่งบอกว่าความสัมพันธ์ของคุณกำลังจะจบลง [1]
  2. สังเกตความถี่ที่คุณถกเถียงเรื่องของความรู้สึก. พื้นฐานสำคัญของความสัมพันธ์คือการสื่อสารความต้องการและความรู้สึกของคุณและการเข้าใจความต้องการและความรู้สึกของคนรัก [2] หากคุณรู้สึกว่าคนรักไม่เข้าใจความรู้สึกของคุณและคุณไม่รู้ว่าคนรักรู้สึกอย่างไรก็แปลว่าความสัมพันธ์นี้กำลังลำบากแล้ว
    • ความล้มเหลวในการสื่อสารเริ่มจากการไม่ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบประจำวัน แต่สิ่งนี้สามารถกลายเป็นการละเลยความรู้สึกของกันและกัน
    • หากคุณพบว่าตัวเองไม่ฟังคนรักหรือคนรักไม่ฟังเวลาคุณพูดก็แปลว่าคุณสื่อสารกันไม่ดีและปัญหากำลังจะมาถึง [3]
  3. การปฏิเสธที่จะพูดถึงอนาคตของคุณทั้งคู่อาจเป็นเทคนิคหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าความจริงที่ว่าคุณไม่สามารถจินตนาการภาพในอนาคตที่มีคนรักคนนี้อยู่ด้วยซึ่งเป็นสัญญาณว่ามันอาจจะถึงเวลาที่ต้องปล่อยเขาไป [4]
    • หากคุณไม่เคยพูดถึงเรื่องของการแต่งงานหรือการมีลูก คุณอาจจะต้องพิจารณาว่าคนๆ นี้ไม่เหมาะสำหรับคุณ
    • หากคุณยืดการตอบรับคำเชิญไปงานแต่งงานของเพื่อนออกไป ยืดการวางแผนไปเที่ยวด้วยกันหรือใช้วันหยุดด้วยกันเพราะคุณไม่รู้ว่าความสัมพันธ์จะยืดยาวแค่ไหน มันก็อาจถึงเวลาแล้วที่คุณต้องจบความสัมพันธ์
  4. การสื่อสารแบบหวานๆ เป็นหลักสำคัญของความสัมพันธ์ที่มั่นคงและยั่งยืน เมื่อระดับของคำพูดหวานๆ ลดลงก็อาจแปลว่าคุณคิดอะไรหวานๆ มาพูดไม่ออกหรือคุณไม่อยากพูดอะไรหวานๆ เลย เมื่อไม่มีคำหวานๆ และการสื่อสารก็อาจเป็นสัญญาณว่าความสัมพันธ์ของคุณกำลังจะจบลง [5] [6]
    • การไม่พูดคำชมเชย บอกรักและข้อความหวานๆ คือสัญญาณว่าความสัมพันธ์นี้กำลังมีปัญหา
  5. คนที่อยู่ในความสัมพันธ์ที่มีความสุขมักจะรู้สึกตื่นเต้นที่ได้แบ่งปันเรื่องราวดีๆ หรือความสำเร็จของคนรักให้คนอื่นฟัง การที่คุณพูดถึงเรื่องลบๆ เกี่ยวกับคนรักเวลาที่อยู่กับเพื่อนๆ คือสัญญาณของความเครียดจากความสัมพันธ์ การพูดถึงเรื่องลบๆ เกี่ยวกับคนรักแสดงออกถึงการไม่มีความเคารพและมักบ่งบอกถึงปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นในความสัมพันธ์ [7]
    • มันมีความแตกต่างระหว่างการพูดกับเพื่อนสนิทเกี่ยวกับปัญหาในความสัมพันธ์กับการบอกเพื่อนๆ ว่าคุณเบื่อหรือไม่มีความสุขกับคนรัก แต่ถ้าคุณยังพูกับเพื่อนสนิทเกี่ยวกับปัญหาในความสัมพันธ์บ่อยๆ ก็ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องจบความสัมพันธ์
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

การสะท้อนความรู้สึกนึกคิดที่มีต่อคนรัก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. รับรู้ระดับความตื่นเต้นของคุณที่มีต่อคนรัก. เมื่อก่อนคุณเคยตื่นเต้นตลอดแต่ตอนนี้คุณไม่ตื่นเต้นเลยเวลาเขาอยู่ใกล้ๆ หากคุณรู้สึกเบื่อคนรักบ่อยๆ หรือเบื่อที่ต้องเจอหน้าเขาก็แปลว่าคุณไม่มีใจกับความสัมพันธ์นี้แล้ว
    • ความสัมพันธ์ของคุณจะไม่ตื่นเต้นตลอดเวลา แต่คุณควรรู้สึกถึงความตื่นเต้นเวลาที่เขากลับบ้านหรือเวลาไปเดทกับเขา
  2. ความดึงดูดทางร่างกายสำคัญสำหรับทั้งชายและหญิงโดยเฉพาะในช่วงเจ็ดปีแรกของความสัมพันธ์ [8] ความดึงดูดทางร่างกายมักจะเป็นสิ่งที่ดึงดูดคุณสองคนเข้าด้วยกัน แต่หากคุณพบว่าตัวเองละเลยหรือรังเกียจเขาก็แปลว่าความสัมพันธ์ของคุณกำลังจะจบลง
  3. นึกภาพความหวังและความฝันทั้งหมดสำหรับอนาคตและดูว่าคนรักของคุณอยู่เคียงข้างเวลาที่คุณทำความฝันสำเร็จหรือไม่ การนึกภาพอนาคตที่ไม่มีคนรักออกได้ง่ายๆ คือสัญญาณว่าความสัมพันธ์ของคุณกำลังจะจบลง
  4. ดูว่าคุณยังมีความสนใจหรือเป้าหมายเดียวกันอยู่หรือไม่. คุณอาจจะมีหลายอย่างเหมือนกันเมื่อตอนคบกันใหม่ๆ แต่คุณอาจจะค้นพบว่าคุณไม่มีเป้าหมาย ความสนใจหรือความเชื่อที่เหมือนกันอีกต่อไป เมื่อความสัมพันธ์ดำเนินไปคุณทั้งคู่ได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่สองคนและต่อมาความต้องการและเป้าหมายอาจจะแตกต่างกันไปด้วย ใช้เวลาสำรวจว่าคุณและคนรักยังมีความสนใจหรือเป้าหมายเดียวกันอยู่หรือไม่ [9]
    • บทสนทนาที่จำกัด รับไม่ได้หรือไม่ลงรอยกันเกี่ยวกับเป้าหมายในด้านการงานและความเชื่อส่วนตัวคือสัญญาณว่าคุณไม่มีเป้าหมายในชีวิตเดียวกันอีกต่อไป
    • การมีเป้าหมายและความสนใจเป็นของตัวเองเป็นเรื่องที่ดีในความสัมพันธ์ ปัญหาจะเกิดเมื่อคุณค่าและความเชื่อหลักของคุณเริ่มสวนทางกันและคุณไม่สามารถหาสิ่งไหนมาแบ่งปันกัน [10]
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

การสำรวจสิ่งรอบข้างของความสัมพันธ์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากคุณไม่มีเซ็กส์หรือไม่มีความรู้สึกอยากมีมานานมากก็อาจเป็นสัญญาณของปัญหาใหญ่ที่จะตามมาของความสัมพันธ์
    • ลองนึกถึงครั้งสุดท้ายที่คุณมีเซ็กส์และเมื่อนึกออกให้ลองนึกถึงสิ่งที่ทำว่าคุณพอใจและมีความสุขจากเซ็กส์ครั้งนั้นหรือไม่ หากมันผ่านมานานมากและดูเหมือนเป็นเรื่องฝืนใจก็แปลว่าความสัมพันธ์ของคุณอาจจะกำลังจบลง
    • ปรึกษาแพทย์เพื่อดูว่าอารมณ์ทางเพศที่ต่ำของคุณเป็นเพราะความไม่สมดุลย์ทางฮอร์โมนจากการตั้งครรภ์หรือภาวะวัยทองหรือไม่ หรือหากคุณเป็นผู้ชายก็อาจเป็นเพราะระดับของเทสโทสเตอโรนที่ต่ำ [11]
  2. ความไม่ซื่อสัตย์สามารถทำลายความสัมพันธ์เพราะมันทำลายความไว้ใจและความซื่อสัตย์ที่คุณได้สะสมมาอย่างยากเย็น คุณอาจรอดจากการนอกใจได้แต่หากมันกลายเป็นนิสัยของคุณหรือทั้งคู่ มันก็อาจถึงเวลาแล้วที่คุณต้องจบความสัมพันธ์ [12]
    • นอกจากว่าคุณได้ตั้งสถานะเป็นความสัมพันธ์แบบเปิด การนอกใจก็อาจจะยากที่จะกำจัด เมื่อคุณหรือทั้งคู่นอกใจจนเป็นนิสัยและมันกลายเป็นสิ่งที่คาดหวังไว้แล้วหรือยอมรับได้ก็อาจถึงเวลาแล้วที่คุณต้องจบความสัมพันธ์
    • การอ่อยคืออีกรูปแบบหนึ่งของการนอกใจ ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับความตั้งใจ หากคุณอ่อยเพราะคุณกำลังมองหาความชอบหรือใฝ่ฝันว่าจะได้อยู่กับคนๆ นั้นก็แปลว่าคุณกำลังนอกใจคนรักทางจิตใจและคุณต้องหาเหตุผลว่าทำไม [13]
  3. สังเกตวิธีที่คนรักกำลังทำให้ชีวิตของคุณดีขึ้น. เช่นเดียวกับที่คุณควรเลือกคบเพื่อนอย่างรอบคอบเพื่อที่คุณจะได้อยู่ท่ามกลางสิ่งที่เป็นบวก ความสัมพันธ์ของคุณก็ควรยกระดับและพัฒนาชีวิตของคุณเช่นกัน [14] หากคุณรู้สึกโดนถ่วงหรือมีภาระเพราะคนรักและเขาไม่ช่วยให้ชีวิตของคุณดีขึ้น คุณก็ควรพิจารณาที่จะหยุดความสัมพันธ์นี้
  4. สังเกตความถี่ที่เพื่อนและครอบครัวของคุณเลือกที่จะใช้เวลากับคุณและคนรัก. ครอบครัวและเพื่อนของคุณรู้จักคุณดีที่สุดและอยากให้คุณได้สิ่งที่ดีที่สุด หากคุณสังเกตว่าพวกเขาพยายามเลี่ยงที่จะใช้เวลากับคุณและคนรัก ก็อาจถึงเวลาแล้วที่คุณต้องจบความสัมพันธ์ การได้แรงสนับสนุนจากครอบครัวและเพื่อนๆ มีผลดีต่อคุณภาพของความสัมพันธ์ของคุณ [15]
    • ครอบครัวและเพื่อนๆ มักมีความคาดหวังในตัวคนรักของคุณสูงหรืออาจมีนิสัยขัดแย้งกับคนรักของคุณ คุณต้องแยกแยะความไม่ชอบจากความไม่ประทับใจและความไม่ชอบหรือไม่พยายามที่จะชอบคนรักของคุณให้ออก
  5. แม้มันจะสำคัญที่ต้องรักษาความเป็นตัวของตัวเองในความสัมพันธ์แต่หากคุณไม่ใช้ชีวิตร่วมกันเลย คุณก็อาจจะมีปัญหาแล้ว เมื่อคุณไปเที่ยวกับเพื่อนๆ โดยไม่มีคนรักไปด้วยตลอดเวลา ไม่รู้ว่าวันๆ หนึ่งคนรักทำอะไรบ้าง วางแผนสุดสัปดาห์ที่ไม่มีคนรักหรือไม่พยายามที่จะใช้เวลาร่วมกับคนรักก็อาจถึงเวลาแล้วที่คุณต้องจบความสัมพันธ์
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • หากคุณต้องการรักษาความสัมพันธ์เอาไว้ถึงแม้จะมีปัญหาเหล่านี้ก็ตาม คุณก็สามารถทำได้ คุณอาจจะต้องใช้ความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญหรือนักบำบัด แต่คุณทั้งคู่ต้องพยายามปรับปรุงความสัมพันธ์และคุณอาจจะผ่านช่วงมรสุมไปได้
โฆษณา

คำเตือน

  • หากคุณรู้ว่าคุณควรจบความสัมพันธ์แต่ไม่กล้าทำเพราะคุณสงสารคนรักหรือคิดว่าเขาคงหาคนรักใหม่ไม่ได้ สิ่งที่คุณกำลังทำอยู่คือยืดความเจ็บปวดออกไป คุณไม่สามารถคาดเดาอนาคตของคนอื่นได้และทุกคนควรรับผิดชอบชีวิตของตัวเองหลังการเลิกรา
  • เมื่อคุณรู้ว่าความสัมพันธ์ควรจบลงแล้วคุณควรทำให้มันจบทันที ถึงแม้มันจะเจ็บแต่ยิ่งคุณจบมันเร็วเท่าไหร่คุณก็จะรู้สึกดีและจะได้เดินหน้าในชีวิตต่อไปเร็วขึ้นเท่านั้น
  • ทุกประเด็นของบทความนี้มีไว้สำหรับความสัมพันธ์ที่มีปัญหาเกินจะเยียวยาและหากคุณทั้งคู่ไม่ยอมแก้ปัญหาร่วมกันก็ควรจบความสัมพันธ์นี้ให้เร็วที่สุด
โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 9,462 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา