ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ในสถานที่ลับๆ แห่งหนึ่งทางตอนเหนือของแคลิฟอร์เนียมีต้นไม้ชื่อว่า ไฮเปอเรียน ถูกวัดความสูงแล้วบันทึกเป็นสถิติโลกว่าสูงถึง 379.3 ฟุต (115.61เมตร) เลยทีเดียว [1] เชื่อไหมว่ามันเป็นการวัดด้วยตลับเมตรยาวพิเศษ แต่ยังมีวิธีที่ง่ายกว่านั้นอีกและสามารถทำได้ด้วยตัวเองด้วย แม้ว่าจะไม่แม่นเป็นจำนวนนิ้วหรือเซนติเมตรที่เป๊ะๆ แต่มันจะช่วยประมาณการได้ดีเลยกับสิ่งที่สูงๆ ไม่ว่าจะเป็นเสาโทรศัพท์ อาคารหรือต้นถั่วยักษ์วิเศษ ตราบเท่าที่ยังเห็นจุดยอดของมัน ก็วัดได้ทั้งนั้นแหละ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

ใช้กระดาษหนึ่งแผ่น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ใช้วิธีนี้หาความยาวของต้นไม้ได้โดยไม่ต้องคำนวณอะไรเลย. สิ่งที่จำเป็นสำหรับวิธีการนี้คือ กระดาษหนึ่งแผ่นและตลับเมตร ไม่มีการคิดเลข แต่ถ้าอยากรู้ว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้อาจจะต้องรู้เกี่ยวกับตรีโกณมิติสักเล็กน้อย
    • วิธีนี้ถ้าใช้กับเครื่องวัดมุมเอียงหรืออุปกรณ์ส่องกล้องรังวัดจะทำการคำนวณและบอกเหตุผลเต็มรูปแบบว่าทำไมถึงได้ค่าเช่นนั้น แต่คุณไม่จำเป็นต้องลงลึกมากขนาดนั้นเพื่อจะหาความสูงด้วยวิธีนี้ก็ได้
  2. พับกระดาษครึ่งนึงเพื่อให้เป็นรูปสามเหลี่ยม. ถ้ากระดาษเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า(ไม่เป็นจัตุรัส) ต้องทำให้เป็นจัตุรัส พับมุมด้านนึงลงมาทับอีกด้านก็จะได้สามเหลี่ยมแล้ว จากนั้นตัดส่วนที่เกินออก ก็จะได้สามเหลี่ยมที่ต้องการ
    • สามเหลี่ยมจะมีมุมขวา(90 องศา)หนึ่งมุม และ 45 องศา 2 มุม
  3. จับมุมสี่เหลี่ยมด้านที่เป็นมุมขวา 90 องศา และชี้มุมที่เหลือของสามเหลี่ยมเข้าตัว โดยด้านสั้นควรจะอยู่ในแนวนอน(ราบ) และอีกด้านควรจะอยู่ในแนวดิ่ง(ชี้ขึ้น) และคุณจะมองเห็นได้ตามด้านที่ยาวที่สุดโดยการปรายตาขึ้น
    • ด้านที่ยาวที่สุดที่กำลังมองอยู่เรียกว่า ด้านตรงข้ามมุมฉากของสามเหลี่ยม
  4. ถอยหลังจากต้นไม้จนกว่าจะเห็นยอดของมุมที่ปลายสามเหลี่ยม. ปิดตาข้างหนึ่งและใช้อีกข้างหนึ่งมองตรงไปที่ด้านที่ยาวที่สุดของสามเหลี่ยมจนกว่าจะเห็นยอดของต้นไม้เป๊ะๆ โดยต้องหาจุดที่สายตาจะมองเห็นส่วนยอดสุดของต้นไม้จากด้านที่ยาวที่สุดของสามเหลี่ยมได้
  5. ระยะทางนี้เกือบจะเป็นความสูงทั้งหมดของต้นไม้ได้เลย และเพิ่มความสูงของตัวเองเข้าไปด้วย เพราะเป็นการมองต้นไม้โดยความสูงของตาจากพื้น แล้วก็จะได้คำตอบที่สมบูรณ์เลย
    • ในการจะเข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ให้ดูที่ขั้นตอนของการใช้เครื่องวัดมุมเอียงหรืออุปกรณ์ส่องกล้องรังวัด คุณไม่จำเป็นต้องคำนวณอะไรเมื่อใช้วิธีการนี้ เพราะมันมีเคล็ดลับเล็กๆ ว่า : ค่า tan ของมุม 45 องศา (ที่คุณใช้) เท่ากับ 1 โดยสมการอาจแปลงให้เข้าใจง่ายขึ้นตามนี้ : (ความสูงของต้นไม้) / (ระยะทางจากต้นไม้) = 1 คูณแต่ละด้านด้วย (ระยะทางจากต้นไม้) แล้วจะได้ ความสูงของต้นไม้ เท่ากับ ระยะทางจากต้นไม้
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

วัดโดยการเปรียบเทียบเงา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์อื่นเพิ่มเติมแล้วจะได้ผลการประมาณความสูงของต้นไม้ที่แม่นยำ อาจจะต้องใช้การคูณและการหาร แต่ไม่ต้องคิดอะไรนอกจากนี้แล้ว
    • ถ้าไม่อยากคิดเองก็ใช้เครื่องคิดเลขออนไลน์ก็ได้ โดยใส่ข้อมูลที่วัดได้ลงไป
  2. โดยใช้ตลับเมตรหรือไม้หลา (ไม้เมตร) เพื่อจะวัดความสูงขณะที่ยืนตัวตรง และถ้าทำตอนที่ใส่รองเท้าก็ให้วัดด้วย แต่ก็ต้องใช้กระดาษเอาไว้จดความสูงด้วย จะได้มีข้อมูลที่ถูกต้อง
    • อาจจะต้องใช้เลขเดี่ยว เช่น ความสูงเป็นนิ้วไม่ใช่มาเป็น ฟุตกับนิ้ว ถ้าไม่แน่ใจว่าจะเปลี่ยนเป็นเลขโดดได้ยังไงก็ให้ใช้ความยาวจากไม้หลาหรือไม้เมตรมาวัดตอนที่ยืนอยู่แทน (3 ฟุตหรือ 1 เมตร) และใช้ความสูงของไม้บรรทัดและความยาวของเงาไม้บรรทัดทุกครั้ง
    • ถ้าอยู่ในรถเข็นหรือไม่สามารถยืนตรงได้ด้วยสาเหตุใดก็ตาม ให้วัดความสูงในท่าอะไรก็ได้ที่จะทำตอนออกไปวัดต้นไม้
  3. พยายามหาจุดที่เงาตัวเองทอดลงไปสู่พื้นดินเพื่อที่จะได้ผลการวัดที่แม่นยำ และเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้ทำในวันที่แดดจัดและสว่างไสว เพราะหากท้องฟ้ามืดครึ้มอาจจะยากต่อการวัดเงาที่แม่นยำได้
  4. โดยใช้ตลับเมตรหรือไม้หลา (ไม้เมตร) เพื่อวัดระยะห่างจากส้นเท้าไปยังจุดยอดของเงาคุณ ถ้าไม่มีผู้ช่วยก็ให้ทำสัญลักษณ์ที่จุดสิ้นสุดของเงาด้วยการโยนหินทับมันไว้ตอนที่ยืนอยู่ หรือถ้าจะให้ดีก็วางหินไว้ให้ทั่วพื้นเลย แล้วยืนตามจุดๆ นั้น เพื่อยอดเงาจะได้อยู่ตรงกับหินพอดี จากนั้นค่อยวัดจากจุดที่ยืนไปยังก้อนหิน
    • เขียนและทำป้ายหลังจากทุกการวัดเพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนกับอย่างอื่น
  5. ใช้ตลับเมตรเพื่อวัดความยาวของเงาต้นไม้จากฐานไปยังจุดยอดของเงา และมันจะง่ายถ้าเงาบนพื้นอยู่ในระนาบเดียวกันตลอด : เช่น ถ้าต้นไม้อยู่บนที่ลาดชัน การวัดอาจจะไม่แม่นยำนัก [2] โดยทำทันทีหลังจากวัดเงาของตัวเอง เพราะการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์จะทำให้ความยาวของเงาเปลี่ยนได้
    • หากต้นไม้อยู่บนที่ลาดชัน อาจจะมีช่วงเวลาอื่นของวันที่เงาต้นไม้ไม่ไปตรงกับพื้นที่ชันโดยเงาอาจหดสั้นจนไม่ทอดยาวถึงพื้นที่ชันส่วนนั้น หรือเงาอาจจะชี้ไปทิศทางอื่น
  6. เพิ่มความยาวของเงาต้นไม้ด้วยความกว้างครึ่งหนึ่งของมัน. ต้นไม้ส่วนใหญ่มักจะสูงขึ้นไปข้างบน ดังนั้นจุดยอดของมันจะอยู่เหนือกึ่งกลางของต้นไม้พอดี และเพื่อที่จะได้ความยาวของเงาทั้งหมดก็ควรจะเพิ่มจำนวนที่วัดเงาด้วยความยาวครึ่งหนึ่งของเส้นผ่านศูนย์กลางของลำต้น [3] เพราะแท้จริงแล้วจุดยอดจะยาวกว่าเงาที่วัดได้ และบางส่วนของมันจะทอดลงมายังลำต้นที่ทำให้เรามองไม่เห็น
    • วัดความกว้างของลำต้นด้วยไม้บรรทัดยาวหรือตลับเมตรแบบตรง แล้วหารด้วย 2 เพื่อเอาความกว้างครึ่งหนึ่งของต้นไม้ออกมา แต่หากมีปัญหาในการมองว่าความกว้างของต้นไม้มีขนาดเท่าไหน ก็ให้วาดสี่เหลี่ยมจัตุรัสรอบๆ ฐานของลำต้นและวัดด้านหนึ่งของสี่เหลี่ยมนั้น
  7. ตอนนี้ควรจะมีจำนวนที่เขียนไว้แล้ว 3 ตัว คือ ความสูงของตัวเอง ความสูงของเงาตัวเอง และความยาวของเงาต้นไม้ (รวมความกว้างครึ่งหนึ่งของลำต้นด้วย) โดยความยาวของเงาจะพอดีกับความยาวของสิ่งนั้น ในทางกลับกับความยาวของเงาตัวเองหารด้วยความสูงจะออกมาเท่ากันกับ ความยาวของเงาต้นไม้ หารด้วยความสูงของมัน ดังนั้นเราสามารถใช้สมการนี้เพื่อหาความสูงของต้นไม้ได้:
    • คูณความยาวของเงาต้นไม้ด้วยความสูงของตัวเอง ถ้าสูง 5 ฟุต (1.5 เมตร) และความยาวของเงาต้นไม้ คือ 100 ฟุต (30.48 เมตร) ให้คูณตามนี้ : 5 x 100 = 500 (หรือหน่วยวัดที่เป็นเมตรจะเท่ากับ 1.5 x 30.48 = 45.72)
    • หารคำตอบที่ได้ด้วยความยาวของเงาตัวเอง จากตัวอย่างข้างต้น ถ้าเงาคุณ คือ 8 ฟุต (2.4 เมตร) ก็ให้หารตามนี้ : 500 / 8 = 62.5 ฟุต (หรือในระบบเมตรจะเป็น 45.72 / 2/4 = 19.05 เมตร)
    • ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับการคำนวณก็ให้หาเครื่องคำนวณความสูงของต้นไม้ออนไลน์
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

ใช้ดินสอและคนช่วย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ใช้วิธีนี้เป็นอีกทางเลือกสำหรับวิธีการที่ใช้เงา. วิธีการนี้แม่นยำน้อยกว่า แต่ใช้ได้ถ้าวิธีการใช้เงาไม่โอเค เช่น ในวันฟ้าครึ้ม รวมทั้งถ้ามีตลับเมตรก็จะทำให้ไม่ต้องคิดเลข แต่อาจจะต้องมีตลับเมตรและทำการคูณนิดหน่อย
  2. ยืนให้ไกลจากต้นไม้พอที่จะเห็นทั้งต้นจากยอดลงไปยันโคนต้นโดยไม่ขยับหัว. เพื่อการวัดที่แม่นยำ ควรจะยืนบนจุดที่เป็นพื้นระดับเดียวกันกับฐานต้นไม้ ไม่สูงหรือต่ำกว่า โดยมุมที่มองไม่ควรมีอะไรขวางเลยถ้าเป็นไปได้
  3. อาจจะใช้ของที่ตรงและเล็กอย่างอื่น เช่น พู่กันหรือไม้บรรทัดก็ได้ แล้วถือมันด้วยมือข้างเดียวและยืดแขนออกไปตามความยาวของแขนตัวเอง (ไปทางระหว่างตัวเองกับต้นไม้)
  4. ปิดตาข้างหนึ่งและเลื่อนดินสอขึ้นหรือลงเพื่อจะได้มองเห็นยอดของต้นไม้ที่ปลายดินสอ. นี่เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดเมื่อหมุนดินสอแล้วจุดที่แหลมนั่นมันจะชี้ขึ้นทางตรง ดังนั้นในสายตาของคุณยอดของดินสอจะปิดยอดของต้นไม้เมื่อมองผ่านดินสอ
  5. เลื่อนนิ้วโป้งขึ้นหรือลงจากดินสอเพื่อที่ปลายเล็บของนิ้วโป้งจะได้อยู่แนวเดียวกับโคนต้นไม้. ขณะที่ถือดินสอในท่าตามขั้นตอนที่ 3 จนปลายนิ้วอยู่แนวเดียวกับยอดต้นไม้แล้ว ให้ขยับนิ้วโป้งมาจับดินสอ(แล้ว “มองผ่าน” ดินสอด้วยตาข้างเดียวอีกครั้ง) ให้ปิดจุดที่ต้นไม้ติดอยู่กับพื้น ซึ่งตอนนี้ดินสอจะ “ปิด” ความสูงทั้งหมดของต้นไม้จากโคนสู่ยอด
  6. หมุนแขนเพื่อที่จะให้ดินสออยู่ในแนวนอน(ขนานกับพื้น). ให้แขนยื่นตรงไปในทางเดิมและดูให้เล็บนิ้วโป้งยังคงอยู่ในแนวเดียวกับฐานต้นไม้
  7. ให้เพื่อนขยับไปตรงต้นไม้เพื่อมองเขาหรือเธอ “ผ่าน” จุดของดินสอ. เท้าของเพื่อนควรจะอยู่ในแนวเดียวกับปลายดินสอ เขาหรือเธอควรจะอยู่ไกลจากต้นไม้พอๆ กับคุณ ไม่ไกลกว่าหรือใกล้กว่า เพราะมันขึ้นอยู่กับความสูงของต้นไม้ อาจทำให้ต้องอยู่ไกลจากเพื่อนหน่อย โดยลองใช้สัญญาณมือ (ข้างที่ไม่ได้ถือดินสอ) เพื่อบอกให้เขาหรือเธอถอยไปไกลขึ้นหรือมาใกล้ๆ หรือขยับไปซ้ายหรือขวา
  8. ถ้ามีตลับเมตรอยู่กับตัวให้วัดระยะทางระหว่างเพื่อนกับต้นไม้. ดูว่าเพื่อนยังอยู่ในที่หรือจุดเดิมที่ตั้งไว้ด้วยแท่งไม้หรือก้อนหินหรือเปล่า แล้วใช้ตลับเมตรวัดระยะทางระหว่างจุดนั้นกับฐานต้นไม้ และระยะทางระหว่างเพื่อนกับต้นไม้จะบอกความสูงของต้นไม้ได้
  9. ถ้าไม่มีตลับเมตรให้ทำสัญลักษณ์ความสูงของเพื่อนกับต้นไม้ไว้บนดินสอ. ขีดหรือวาดเครื่องหมายไว้บนดินสอในที่ที่เล็บนิ้วโป้งวางไว้ มันคือความยาวของต้นไม้ที่คุณมองเห็น โดยทำแบบเดิมให้ดินสอปิดตรงหัวเพื่อนและให้เล็บนิ้วโป้งอยู่ที่เท้าของพวกเขา แล้วทำสัญลักษณ์ที่สองไว้ตามจุดนี้
  10. อาจจะต้องวัดความยาวของแต่ละจุดและความสูงของเพื่อน แต่สามารถทำสิ่งนี้ได้หลังจากกลับบ้านเลย โดยไม่ต้องกลับไปที่ต้นไม้ก็ได้ สิ่งที่วัดอาจจะต่างกันที่ความยาวบนดินสอที่ขึ้นอยู่กับความสูงของเพื่อน เช่น ถ้าจุดบอกว่าเพื่อนสูง 2 นิ้ว (5 ซม.) จากปลายดินสอและต้นไม้สูง 7 นิ้ว (17.5 ซม.) นั่นแสดงว่าต้นไม้สูงกว่าเพื่อนคุณ 3.5 เท่า เพราะ 7 หาร 2 = 3.5 (17.5/5 = 3.5) และหากเพื่อนสูง 6 ฟุต (180 ซม.) ต้นไม้ก็จะสูง 6 x 3.5 = 21 ฟุต (180 x 3.5 = 630 ซม.)
    • เพิ่มเติม : ถ้ามีตลับเมตรตอนที่อยู่ใกล้ๆ ต้นไม้ จะไม่ต้องคำนวณอะไรเลย ให้อ่านขั้นตอน “หากมีตลับเมตร” ข้างบนให้ดี
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

ใช้เครื่องวัดมุมเอียงหรืออุปกรณ์ส่องกล้องรังวัด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ยังมีวิธีอื่นแม่นยำกว่านี้อีก แต่นี่จะไม่ต้องคำนวณมากและใช้อุปกรณ์พิเศษที่อ่านค่าได้แม่นยำ มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดหรอก: สิ่งที่จำเป็นก็แค่เครื่องคิดเลขที่คิดค่า tan ได้ซักเครื่อง และไม้โปรแทคเตอร์พลาสติกถูกๆ หลอดดูด และเชือกซักเส้นเท่านั้นเอง ก็จะเอามาใช้ทำเครื่องวัดมุมเอียง (clinometer) ด้วยตัวเองได้แล้ว โดยเครื่องนี้จะวัดความชันของสิ่งของหรือใช้ในกรณีที่มีมุมอยู่ระหว่างคุณกับยอดของต้นไม้ ส่วนอุปกรณ์ส่องกล้องรังวัด (transit) จะเป็นอุปกรณ์ที่ซับซ้อนกว่าที่ให้ผลอย่างเดียวกันแต่ต้องใช้กล้องส่องทางไกลหรือเลเซอร์ช่วยด้วยเพื่อความแม่นยำมากขึ้น
    • วิธีการที่ใช้กระดาษหนึ่งแผ่นก็ให้ผลได้ตรงกับการใช้เครื่องวัดมุมเอียงเลย แต่วิธีการนี้จะแม่นยำกว่า ที่จะให้วัดความสูงจากทุกระยะทางแทนที่จะต้องเดินตรงไปหรือถอยหลังเพื่อให้กระดาษอยู่ในแนวเดียวกับต้นไม้อย่างเดียว
  2. ยืนแล้วถอยหลังไปยังต้นไม้และเดินผ่านจุดที่อยู่แถวพื้นของฐานต้นไม้และจะทำให้มองเห็นยอดต้นไม้ได้ชัดเจน เดินตรงและใช้ตลับเมตรเพื่อวัดระยะทางของคุณจากต้นไม้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องยืนไกลจากต้นไม้ตามระยะทางที่กำหนดก็ได้ แต่ถ้าจะให้ได้ผลดีที่สุดต้องยืนห่างออกมาประมาณ 1-1.5 เท่าของความสูงต้นไม้
  3. มองไปที่ยอดต้นไม้และใช้เครื่องวัดมุมเอียงหรืออุปกรณ์ส่องกล้องรังวัดเพื่อจะวัด “มุมเงย” ระหว่างต้นไม้กับพื้น ซึ่งมุมเงยก็คือมุมที่เกิดจากสองเส้นคือ พื้นราบและระดับสายตาที่มองไปยังจุดที่ยกสูงขึ้น (ในกรณีนี้คือยอดของต้นไม้) กับคุณด้วยมุมยอด
  4. โดยใช้เครื่องคิดเลขหรือตารางที่เกี่ยวกับตรีโกณมิติ โดยวิธีที่จะหาค่า tan นี้อาจจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับเครื่องคิดเลข แต่แค่กดปุ่ม “TAN” ใส่ค่ามุมเข้าไป แล้วกดปุ่ม “เท่ากับ” (=) เช่น ถ้ามุมเงยมีค่า 60 องศา ก็แค่กดปุ่ม “TAN” แล้วใส่เลข “60” และกดเครื่องหมายเท่ากับ
    • คลิกที่นี่ เพื่อคำนวณค่า tan ออนไลน์
    • ค่า tan ของสามเหลี่ยมที่ถูกต้องมาจากด้านตรงข้ามของมุม หารด้วยด้านที่มียอดและด้านเดียวกัน และในที่นี้ด้านตตรงข้ามคือความสูงของต้นไม้ ส่วนด้านที่มียอดและด้านร่วมคือ ระยะห่างของคุณกับต้นไม้ [4]
  5. จำตอนที่วัดระยะห่างจากต้นไม้ในขั้นตอนแรกได้ไหม ให้เอามันมาคูณด้วยค่า tan โดยใช้เครื่องคิดเลข แล้วผลลัพธ์ที่ได้จะบอกความสูงของต้นไม้ที่อยู่เหนือระดับสายตา ซึ่งมาจากระดับที่ใช้คำนวณค่า tan
    • ถ้าอ่านขั้นตอนย่อยๆ ก่อนหน้านี้เรื่องความหมายของค่า tan มาแล้วจะเข้าใจว่าทำไมวิธีนี้ถึงดี และอย่างที่ได้อธิบายไปแล้ว ค่าแทนก็คือ (ความสูงของต้นไม้) หารด้วย (ระยะห่างจากต้นไม้) แล้วคูณแต่ละข้างของสมการด้วย (ระยะห่างจากต้นไม้) และจะได้เป็น (ค่า tan ) x (ระยะห่างจากต้นไม้) = (ความสูงของต้นไม้) นั่นเอง
  6. เพิ่มความสูงของตัวเองเข้าไปในขั้นตอนก่อนหน้านี้. แล้วตอนนี้ก็จะได้ความสูงของต้นไม้แล้ว เพราะเราใช้เครื่องวัดมุมลาดหรือทรานซิสในระดับสายตาไม่ใช่ในระดับพื้นดิน จึงต้องเพิ่มความสูงเข้าไปในการวัดเพื่อจะได้ความสูงทั้งหมดของต้นไม้ แล้วจะได้ความแม่นยำที่มากขึ้นจากการวัดความสูงจากระดับสายตาไม่ใช่บนสุดของหัว
    • หากใช้อุปกรณ์ส่องกล้องรังวัดของร้านเครื่องเขียนให้เพิ่มความสูงจากเลนส์เดี่ยวของกล้องไปยังพื้นไม่ใช่ความสูงของตัวเอง
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • สามารถปรับปรุงวิธีการใช้ดินสอและวิธีมุมเงยโดยใช้การวัดจากหลายจุดที่ต่างกันรอบๆ ต้นไม้
  • ต้นไม้หลายต้นไม่ได้ตั้งฉาก มันจะไม่โตขึ้นแบบตรงๆ โดยการใช้วิธีมุมเงยทำให้สามารถปรับมุมของต้นไม้ได้ด้วยการวัดระยะทางระหว่างตัวคุณกับจุดบนพื้นที่ทอดลงมาจากยอดต้นไม้โดยตรง มากกว่าที่จะวัดระยะห่างระหว่างคุณกับฐานต้นไม้
  • นี่อาจจะเป็นกิจกรรมที่แสนสนุกสำหรับเด็กป.4 ถึงม.1 เลย
  • วิธีวัดจากเงาสามารถเพิ่มความแม่นยำที่มากขึ้น วัดเงาของวัตถุที่ตกกระทบโดยใช้ไม้หลาหรือไม้ตรงๆ แบบอื่นที่ใกล้เคียงเพื่อจะได้รู้ความสูงของมันแทนที่จะเป็นความสูงของคน
  • ใช้หน่วยวัดเดียวกัน (เช่น คูณและหารหน่วยฟุตด้วยฟุตหรือนิ้วกับนิ้ว)
  • สามารถทำเครื่องวัดมุมเอียงอย่างง่ายด้วยการใช้ไม้โปรแทคเตอร์
โฆษณา

คำเตือน

  • วิธีการเหล่านี้ไม่ดีนักสำหรับต้นไม้ที่อยู่บนพื้นลาดชัน โดยนักสำรวจที่เชี่ยวชาญจะใช้อุปกรณ์ส่องกล้องรังวัดอิเล็กทรอนิกส์ในการวัด แต่มันแพงเกินไปสำหรับการใช้ในบ้าน
  • ในขณะที่วิธีมุมเงย ถ้าใช้อย่างถูกต้องจะสามารถคำนวณความสูงที่ถูกต้องได้ใน 2 – 3 ฟุต มันมีโอกาสที่จะมีข้อผิดพลาดมากมายเลยสำหรับมนุษย์ โดยเฉพาะหากต้นไม้มีมุมหรือลาดชัน และหากจำเป็นต้องมีความแม่นยำให้ปรึกษาบริการขยายพื้นที่ใกล้บ้านหรือบริษัทอื่นที่ใกล้เคียงเพื่อขอความช่วยเหลือ
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • เพื่อน (มีหรือไม่มีก็ได้ แต่ถ้ามีจะช่วยให้ขั้นตอนต่างๆ ง่ายและสนุกขึ้น)
  • ตลับเมตรหรือไม้หลา (ไม้เมตร)
  • หรือเครื่องวัดมุมเอียงหรืออุปกรณ์ส่องกล้องรังวัด
  • หรือกระดาษหนึ่งแผ่น
  • เพิ่มดินสอเข้าไปด้วย (สำหรับหนึ่งวิธีการ)

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 71,287 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา