ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

คุณชอบผู้ชายใช่ไหมล่ะ? ถ้าตอบว่าใช่ ก็ยินดีด้วย แค่กล้ายอมรับตรงๆ ก็ถือว่าคุณผ่านขั้นแรกแล้ว อย่างไรก็ดี การบอกต่อหน้าเขานั้นยากกว่ากันเยอะ บทความนี้จะสอนให้คุณเข้าใจตั้งแต่ขั้นตอนการหว่านเสน่ห์ พัฒนาความสัมพันธ์ และสารภาพความในใจกับเขาไปเลย ทำใจให้กล้าเข้าไว้ล่ะ

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

การสารภาพกับเขา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากใช่ ก็เดินหน้าได้อย่างมั่นใจ เพราะคุณไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว แต่หากเขาไม่ได้ชอบคุณ ก็อย่าท้อใจ คุณยังมีโอกาสทำให้เขาเปลี่ยนใจได้อีก แน่นอนว่า คุณควรปล่อยเขาไปในกรณีที่เขามีแฟนแล้ว อย่างน้อยก็ในช่วงเวลาหนึ่งก่อน แต่หากเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุณเลย คุณก็ยังพอมีทางเป็นเพื่อนและหาทางหว่านเสน่ห์ไปพลางๆ ได้ ต่อไปนี้ เป็นวิธีการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเขา ก่อนที่คุณจะเริ่มรุก:
    • ถามเขาไปเลย แต่หากเขาเป็นคนขี้อาย ก็อาจให้เพื่อนชายของเขาช่วยหาคำตอบแทนคุณ ซึ่งหากรู้ว่าเขาชอบคุณ คุณก็จะได้กล้าเสี่ยงรุกคืบต่อไปไงล่ะ
    • สังเกตเบาะแสบางอย่างที่เขาอาจเผลอกระทำออกมาให้เห็น หากเขาชอบคุณ เขาอาจจะยอมสละบางอย่างเพื่อให้ได้มาใช้เวลากับคุณ (อาจจะไม่ใช่ทุกกรณี แต่ก็เป็นเครื่องบ่งชี้ที่ดีอย่างนึง) เขามักจะหาข้ออ้างเพื่อนั่งใกล้คุณหรือเปล่า หรืออาจจะโผล่ไปตามงานกิจกรรมต่างๆ ที่มีคุณอยู่ และอาจถึงขั้นเขามาทำตัวสนิทสนมในกลุ่มเพื่อนคุณก็ได้ พยายามสังเกตให้ดี
    • หากคุณจับได้ว่าเขาแอบมองคุณอยู่ พยายามมองตาเขานิ่งๆ และค้างไว้สักพัก หากเขาสู้ตาคุณ ก็แสดงว่าเขาอาจชอบคุณอยู่ แต่หากเขาหันไปทางอื่น มันอาจเป็นเพราะเขาขี้อายหรือเขินก็ได้ อีกอย่างหนึ่ง ควรระวังหน่อยก็ดีว่า คนอื่นอาจจ้องคุณได้ด้วยหลายสาเหตุ เช่น คุณอาจมีผักติดฟันอยู่ก็ได้
  2. หากจะตัดสินได้ว่า เขาชอบคุณอยู่หรือเปล่า อย่างน้อยมันก็ต้องเริ่มต้นพูดคุยกันเสียก่อน ซึ่งอาจรวมถึงการทำตัวเป็นเพื่อนกันไปก่อน ค่อยๆ รู้จักกันมากขึ้น และเริ่มต้นพัฒนาความสัมพันธ์ให้กระชับลึกซึ้งไปอีกขั้น ซึ่งล้วนแต่เป็นช่วงเวลาที่เปิดโอกาสให้คุณได้ศึกษาตัวเขา ข้อมูลบางอย่างที่ได้มาระหว่างนี้ อาจส่งผลต่อการตัดสินใจว่าจะสารภาพรักเขาดีไหมด้วย ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างวิธีเริ่มต้นคุยกันฉันท์เพื่อน:
    • คุณอาจต้องเริ่มด้วยการเปรย เกี่ยวกับเรื่องที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนได้รับการประจบเอาใจ หัวข้อการพูดที่ดีอย่างหนึ่ง ก็คือเรื่องทีทำให้เขารู้สึกดีกับตัวเอง:
      • "ตอนเล่นฟุตบอลสัปดาห์ที่แล้ว นายเล่นได้ดีมากเลยนะ เรากับเพื่อนๆ ดูอยู่บนอัฒจันทร์น่ะ นายเริ่มเล่นมานานหรือยังเนี่ย"
      • "ทำไมนายสอบได้ท็อปทุกครั้งเลยอะ วิชาภาษาอังกฤษเนี่ย นายเป็นลูกครึ่งไทยอังกฤษหรือเปล่า"
      • "เราชอบผมนายทรงนี้นะ ไปตัดที่ไหนมาเหรอ"
  3. หัวข้อการสนทนาที่ดีอีกอย่างหนึ่ง คือ เรื่องบางอย่างที่คุณสองคนอาจมีโอกาสได้ทำร่วมกัน (ไม่จำเป็นต้องเป็นกิจกรรมที่คุณทั้งคู่ชอบก็ได้ เขาอาจจะอยากทำบางเรื่องที่ไม่ได้สนใจ ขอแค่ได้ทำกับคุณ) จะทำให้คุณทั้งคู่ไม่รู้สึกเกร็ง
    • ต่อไปนี้ เป็นตัวอย่างการเริ่มบทสนทนาที่นำไปใช้ได้:
      • "เออนี่ นายจำได้มั้ยวิชาเลขมีการบ้านบทไหน พอดีเราลืมจดไว้ และก็จำไม่ได้ด้วยสิ"
      • "พี่ชายนายเรียนอยู่จุฬารึเปล่าอะ พี่สาวเราบอกว่าเห็นคนหน้าเหมือนพี่ชายนายด้วย ที่มหาลัยน่ะ"
      • "นายชอบปั่นจักรยานด้วยเหรอ วันนั้นเห็นปั่นมาเรียน เราว่าจะหาซื้ออยู่เหมือนกัน แต่เลือกไม่ค่อยเป็น"
    • เรื่องนี้คุณอาจรู้ดีอยู่แล้ว แต่ขอย้ำอีกทีแล้วกัน: หากคุณไม่รู้ทักษะการพูดอย่างถูกวิธีแล้วล่ะก็ อย่าเพิ่งสารภาพว่า คุณแอบชอบเขา การไปบอกเขาดื้อๆ ว่าแอบชอบเขายู่ อาจจะทำให้เขากลัวคุณไปเลยก็ได้ และมันย่อมส่งผลต่อมิตรภาพหรือการช่วยเหลือเจือจุนกันที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
  4. โดยปกติแล้ว ผู้ชายมักจะไม่ค่อยรู้สึกตัว เวลาที่ผู้หญิงหว่านเสน่ห์เข้าหา ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องธรรมดา หากคุณท่องอินเตอร์เน็ท ก็อาจจะพบว่ามีเว็บไซต์สำหรับแนะนำผู้ชายในเรื่องความสัมพันธ์ ที่มักจะมีการสอนให้รู้ว่า ดูยังไงถึงจะรู้ว่าผู้หญิงกำลังหว่านเสน่ห์ ทั้งนี้ การตระหนักในเรื่องนี้ ไม่ได้เพื่อที่จะให้คุณพยายามหว่านเสน่ห์แบบหนักหน่วงมากขึ้น แต่เพื่อให้คุณเตรียมใจไว้ ในกรณีที่เขาหว่านเสน่ห์หรือจีบคุณตอบ ต่อให้เขาชอบคุณก็เถอะ
    • เวลาเขาคุยกับคุณ ลองแกล้งเอามือสางผมขณะฟังเขา กิริยาอาการดังกล่าวมักไม่เป็นที่สังเกตของคนทั่วไป แต่หากเขาทักขึ้นมาล่ะก็ แสดงว่าเขาใส่ใจทุกอิริยาบถของคุณ นี่จึงถือเป็นเทคนิคการหว่านเสน่ห์ที่ดีอย่างนึง
    • ขอให้เขาช่วยอะไรบางอย่าง ซึ่งอาจจะดุหวานแหวว แต่ระวังแห้วด้วยสาเหตุหลายประการ: เขาอาจจะไม่อยากช่วยคุณต่อหน้าเพื่อนๆ เขา หรือเพื่อนๆ คุณ เพราะเขารู้สึกเขิน ดังนั้น ลองขอให้เขาทำเรื่องง่ายๆ เช่น :
      • ขอให้เขาช่วยถือกระเป๋าเป้คุณหลังเลิกชั้นเรียน คุณอาจบอกว่ามันหนักเหลือกเกน และอยากให้ใครมาช่วยถือบ้าง
      • ขอให้เขาช่วยทำการบ้าน แม้ว่าคุณจะทำเองได้ก็ตาม นี่เป็นข้ออ้างที่ดีในการได้อยู่ใกล้เขา และเป็นบททดสอบความอดทนของเขาด้วย
      • ทั้งนี้ คุณไม่ควรทำตัวเหมือนพวกโหยหาที่พึ่ง อย่าถึงขนาดขอให้เขาย้ายมาอยู่กับคุณด้วย
    • ยิ้ม สบสายตากับเขา และพร้อมอยู่เป็นเพื่อเขาเสมอ โชว์ด้านที่ดึงดูดของตัวเองให้เขาเห็น ส่งยิ้มแบบโลกสดใส สะกดเขาด้วยสายตา อยู่กับเขาถึงไหนถึงกัน แล้วเขาจะค่อยๆ สังเกตเห็นเอง
  5. แสดงความสนใจในตัวเขาด้วยการลองสัมผัสเนื้อตัว ในบริเวณที่ไม่ประเจิดประเจ้อเกินไป ให้พอมีกลิ่นอายของการยั่วยวนเล็กน้อย เช่น:
    • พักกายบนหัวไหล่เขา แกล้งทำท่าเหมือนกำลังเบื่อและเอนศีรษะลงบนหัวไหล่เขา หรือจะแต่พักแขนพิงไว้ก็ได้ มองตาเขาให้นานขึ้นหน่อย หากเขามองตอบ
    • หากเขาแกล้งยั่วโมโหคุณ ก็ลองแกล้งตีหัวไหล่เขาไปสักหน่อย ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็ทำแบบนี้กันอยู่แล้ว คุณอาจจะแกล้งทำหงุดหงิดหรือหัวเราะก็ได้
    • หาข้ออ้างสัมผัสตัวเขา หากเขามีมือขนาดใหญ่ ลองแกล้งจับมือเขาขึ้นมาดูแล้วพูดว่า “โห ทำไมมือใหญ่จังเนี่ย มือเราดูเล็กไปถนัดตาเลย” แล้วก็เอามือคุณนาบกับมือเขา
  6. เมื่อคุณพร้อมจะสารภาพรักแล้ว จงตระหนักว่ามีหลายวิธีให้เลือก. หากคุณกล้าพอ ก็บอกเขาไปตรงๆเลย ขอเพียงปลีกตัวเขาออกมาจากกลุ่มเพื่อน โดยมีเวลาสักนิด ทำท่ามั่นใจตามปกติ (ถ้าจะให้ดี ต้องมั่นใจจริงๆด้วย) เริ่มด้วยการคุยเรื่องทั่วไปสักพักก่อน พอถึงช่วงเงียบงันกันทั้งคู่ จึงค่อยเอ่ยปากสารภาพไป
  7. หากคุณกังวลว่าเขาจะตอบอย่างไร ก็ลองชวนเดทดูก่อนก็ได้. นี่เป็นวิธีที่ดีเพราะคุณยังไม่ได้สารภาพความในใจออกไปตรงๆ เป็นแค่การลองเชิงเผื่อคลิกกันในอนาคต ก็คล้ายๆ เวลาที่ชวนเขาไปนั่นไปนี่ตามปกติ หากที่ผ่านมาเขามีทีท่าตอบสนองต่อการสนทนาและหว่านเสน่ห์ของคุณ ก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะปฏิเสธหรอก คุณอาจลองเอ่ยปากว่า:
    • "นี่เธอ เรากะว่าจะไปดูหนังนะวันเสาร์นี้ เว้นแต่ว่าเพื่อนเราจะชวนไปที่อื่นซะก่อน เธอจะไปดูกับเรามั้ย"
    • "เธอๆ เราอยากไปบ้านผีสิงที่เค้าลือกันน่ะ ไม่มีใครกล้าไปกับเราเลย เธอกล้าปะ?"
    • "พ่อแม่เราเค้าพาเราไปเที่ยวหัวหินทุกปีเลย มันเป็นเหมือนธรรมเนียมของครอบครัวเราน่ะ เค้าให้มาลองถามดูว่าเพื่อนๆ มีใครอยากไปด้วยรึเปล่า นายสนใจมะ?"
  8. หากคุณชอบแบบอ้อมๆ มากกว่า ก็อาจจะฝากโน้ตทิ้งไว้ คุณจะแอบเอาไว้ด้วยตนเองหรือให้เพื่อนที่คุณวางใจช่วยก็ได้
    • เขียนแบบน่ารักสักหน่อยว่า “เราชอบนาย” ติดไว้หน้าล็อคเกอร์เขาก็ได้
    • เวลาเขียนว่า "เราชอบนาย" ลงบนกระดาษโน้ต พยายามให้เขารู้ว่า คำว่านายหมายถึงใคร แต่อย่าให้เขาเดาได้ว่าใครเขียน คุณอาจจะให้เพื่อนๆ ส่งต่อๆ กันไป จนกระทั่งถึงเขา หากเขาอ่านแล้วทำท่าสงสัยอยากรู้ว่าใครส่งให้ คุก็เลือกได้ว่าจะบอกใบ้ หรือปล่อยให้เขางงต่อไป
  9. ไม่ว่าเขาจะตอบสนองอย่างไร ขอจงมั่นใจในตัวเองไว้. หากเขาตอบตกลงเป็นแฟน ก็จงมั่นใจว่าเขาชอบคุณในแบบที่คุณเป็น อย่าดูถูกตัวเองหรือตั้งคำถามว่า “เป็นไปได้ไงเนี่ย” หากเขาบอกว่าชอบคุณเหมือนกัน คุณควรจะมั่นใจในตัวเองต่อไป
    • หากเขาไม่ได้ชอบคุณ คุณก็ควรบอกผ่านประมาณว่า "โอเคจ้ะ ไม่เป็นไร" และก้าวต่อไป จำไว้ว่าการตอบปฏิเสธ ไม่ได้หมายความว่าเขาเห็นคุณน่ารังเกียจ อาจมีปัจจัยหลายอย่างในการตัดสินใจของเขา อย่าเอารสนิยมของเขามาตัดสินตัวเอง และจำไว้ว่า ยังมีผู้ชายอีกหลายคนหลายแบบที่จะรู้สึกโชคดีเมื่อได้เป็นแฟนคุณ
  10. หากคุณกล้าแบบสุดขั้ว ลองส่งข้อความหาเขาประมาณว่า “ให้ตายเถอะ (ใส่ชื่อเขา) ช่างน่าหอมแก้มสุดๆ”. เว้นช่วงสักพัก ก่อนส่งไปอีกครั้งว่า “โทษทีๆ เมื่อกี๊เราหมายถึง (ใส่ชื่อเพื่อนคุณคนใดคนหนึ่ง)” ถ้าหากเขามีใจให้คุณเหมือนกัน เขาอาจถือโอกาสนี้ชวนคุณออกเดท
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

เตรียมใจ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เรื่องกลกามแห่งความรักมักจะซับซ้อน ดังนั้น ให้เวลาตัวเองสักสองสามวัน ก่อนที่จะลงมือทำตามขั้นตอนต่อไป หากคุณตัดสินใจเร็วไป คุณอาจพบว่า ความรู้สึกรักมันจางหายไปอย่างรวดเร็วตามกาลเวลา
    • ถามตัวเองดังต่อไปนี้: "ฉันรู้สึกว่ารักเขาจริงๆ หรือเป็นเพียงความลุ่มหลงในเสน่ห์??" "ฉันชอบอะไรในตัวเขาล่ะ?" "ฉันต้องการอะไรจากความสัมพันธ์นี้?" หากคุณไม่สามารถตอบคำถามดังกล่าวได้ พยายามใช้เวลาทำความรู้จักเขาให้มากขึ้น ก่อนจะเดินหน้าต่อไป
    • มีแต่คุณเท่านั้นที่รู้ว่า ตนเองชอบใครจริงหรือไม่ อย่างไรก็ดี หากคุณเป็นพวกชอบลองสิ่งใหม่ๆ ก็อาจไปหาแบบทดสอบด้านความสัมพันธ์ตามอินเทอร์เน็ตทำดูก่อน จะได้รู้ว่าผลลัพธ์ออกมาแบบไหน
  2. ต่อให้เทพบุตรของคุณน่ารักแค่ไหน เขาก็ยังเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งที่ย่อมประหม่า เวลาถูกถามว่ามีใครที่แอบชอบอยู่หรือเปล่า เช่นเดียวกัน แม้ว่าตอนนี้คุณอาจยังไม่ได้เห็น แต่เขาเองก็อาจจะซ่อนข้อบกพร่องเอาไว้เพียบ อย่าเพิ่งเอาอารมณ์ไปดื่มด่ำกับความสัมพันธ์ทั้งที่มันยังไม่ได้เริ่มต้นจริงเลย!
    • หากคุณพบว่า ตนเองเห็นแต่ข้อดีของเขา ราวกับว่าเป็นเทพบุตรในตำนานมาถือกำเนิดล่ะก็ พยายามจดลิสต์รายการลักษณะท่าทางที่ดูตลกและน่าขำเกี่ยวกับเขา ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ดี เช่น เขาหัวเถิกหรือเปล่า เขาพูดเหมือนคนลิ้นไก่สั้นไหม เป็นต้น การตระหนักได้ว่า ต่อให้หนุ่มฮอตที่สุดในเมืองก็ย่อมมีจุดบกพร่อง จะช่วยให้คุณกล้าเข้าหาเป้าหมายมากขึ้น
  3. เขาให้ความสนใจคุณมากเป็นพิเศษไหม เขามักจะยิ้มเวลาอยู่ใกล้คุณหรือเปล่า หรืออาจจะตรงข้าม เขาชอบมายั่วคุณแล้วก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจหรือเปล่า นั่นคือสัญญาณบ่งบอกว่าเขาอาจจะชอบคุณอยู่ หากคุณสามารถจับสังเกตลักษณะอาการแอบชอบของเขาได้ คุณก็จะบอกความในใจกับเขาไปได้ง่ายขึ้น เพราะอย่างน้อยคุณก็มั่นใจแล้วว่า เขารู้สึกอย่างไร
    • ภาษากายของผู้ชายสามารถเปิดเผยความรู้สึกภายในของเขาได้ เขามักจะเอนไหล่หรือหน้าอกเข้าหาคุณ ทั้งๆ ที่บางครั้งเขากำลังหันไปทางอื่นอยู่หรือเปล่า เขาชอบสบตาคุณมากกว่าปกติมั้ย [1] บางทีเขาอาจจะกำลังคิดหาวิธีบอกผู้หญิงบางคนว่า เขาชอบเธอ ก็เป็นได้
  4. จงตระหนักว่า ผลตอบรับทางลบไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร. ต่อให้คุณเตรียมตัวมาดีแค่ไหน เขาก็อาจจะไม่สนใจคุณเลยก็ได้ พยายามตระหนักในความเป็นไปได้นี้ และอย่ากังวลมากเกินไป หากเขาปฏิเสธ ก็ไม่ใช่ว่าเขาเกลียดคุณ เขาแค่ยังไม่พร้อมจะออกเดทกับคุณตอนนี้ ซึ่งอาจเป็นไปได้หลายสาเหตุดังนี้:
    • เขาอาจกำลังเพิ่งฟื้นใจจากการเลิกกับแฟนเก่า
    • เขาอาจจะยังไม่มีวุฒิภาวะทางอารมณ์พอที่จะมีความสัมพันธ์กับใคร
    • เขาอาจจะชอบการเป็นโสดก็ได้
  5. กำจัดความคิดที่ว่าผู้ชายควรเป็นฝ่ายรุกทิ้งไป. ในอดีต หากผู้หญิงคนไหนจีบผู้ชายก่อน อาจจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับดอกไม้บางอย่าง แต่ในปัจจุบัน เรื่องไร้เหตุผลดังกล่าวได้เริ่มหดหายไปแล้ว อย่างไรก็ดี ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็ยังรู้สึกลังเลอยู่ดี เวลาที่จะชวนผู้ชายออกเดท ผลการศึกษาในปี 2011 พบว่า ผู้หญิงในช่วงอายุระดับวิทยาลัยกว่า 93% ยังคงอยากให้ผู้ชายเป็นฝ่ายเอ่ยปากชวน [2] ดังนั้น คุณต้องเป็นฝ่ายรุกบ้าง เพราะโอกาสจะได้ออกเดทจะเพิ่มขึ้น เมื่อคุณกล้าเข้าหาฝ่ายชายด้วยตนเองก่อน
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

เมื่อเขาตอบตกลง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ไหลตามน้ำไปเรื่อยๆ อย่าปล่อยให้ความเสน่หาจางหาย เพียงเพราะคุณต่างกลัวการวางแผนออกเดท คุณไม่จำเป็นต้องไปออกเดทกันทันทีที่รู้ความรู้สึกของอีกฝ่าย แต่นัดล่วงหน้าไว้สัก 1-2 สัปดาห์ก็ได้ การเดทครั้งนี้จะทำให้คุณรู้จักอีกฝ่ายมากขึ้น และประเมินได้ว่าเหมาะสมเป็นแฟนกันหรือไม่
    • กำหนดเวลาที่ดีที่สุด ในการนัดวันเดท ก็คือประมาณสุดสัปดาห์ถัดไป นับจากวันที่คุณและเขาเปิดเผยความในใจกัน
    • สำหรับเดทแรก พยายามวางตารางให้มีอย่างน้อยช่วงหนึ่งที่เปิดโอกาสให้คุณได้สนทนากัน เช่น หากคุณทั้งคู่อยากไปดูหนัง ก็ควรจะเตรียมทานมื้อค่ำกันก่อนกลับบ้านด้วย เดทแรกที่ดี ควรมีความเป็นธรรมชาติ เรียบง่าย ไม่กดดัน และเป็นตัวของตัวเอง
    • การออกเดทไม่จำเป็นต้องเลิศหรู มันควรจะเรียบง่ายเหมือนการทำการบ้านหรือไปนั่งเล่นในสวนสาธารณะ ต่อไปนี้เป็นไอเดียดีๆ สำหรับการออกเดทแบบประหยัดงบ:
      • งานนิทรรศการ หรือเทศกาลต่างๆ หรือสวนสนุกทั่วไป
      • เล่นสเก็ตน้ำแข็ง หากมีฝ่ายนึงเล่นโปรอยู่แล้ว ก็ดีเลย จะได้มีการจับมือถือแขนช่วยสอนให้อีกฝ่าย
      • ออกทริปตามป่าเขา จะไปถึงยอดดอยไหนก็ได้ตามใจคุณ เผื่อจะได้พบกับทิวทัศน์อันโรแมนติกด้วยนะ
  2. ช่วงระหว่างที่สารภาพความในใจไปแล้ว กับกำหนดการออกเดทกันครั้งแรก มักจะเป็นช่วงที่ทำให้คุณประสาทกินได้สุดๆ แต่พยายามคิดเสียว่า การออกเดทแรกก็เป็นแค่โอกาสในการทำความรู้จักกันมากขึ้น
    • หากคุณสติแตกจริงๆ ลองปรึกษาเพื่อนดู เพื่อนคุณอาจจะมีเรื่องตลกๆ เกี่ยวกับการออกเดทแบบฝันร้ายที่ตนเคยมีประสบการณ์มาก่อน ที่สำคัญ เพื่อนคุณอาจจะมีวิธีปลอบขวัญคุณได้ว่า การเดทครั้งแรกมันไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้น
  3. ระหว่างที่รอการออกเดทแรก คุณอาจจะส่งขอความไปเป็นช่วงๆ แบบกุ๊กกิ๊กกันเล็กน้อย แต่อย่าให้เยอะเกิน แน่นอนว่าคุณอาจรู้สึกอยากส่งบ่อยๆ โดยเฉพาะหากคุกำลังอินเลิฟกันสุดๆ พยายามยั้งอารมณ์ไว้บ้าง การออกตัวแรงเกินไป อาจทำให้คุณกลายเป็นคนดูน่ากลัวไป โดยเฉพาะหากฝ่ายชายมีประสบการณ์ในเรื่องนี้น้อยกว่าคุณ ผู้เชี่ยวชาญบางคนยังแนะนำด้วยว่า ให้ทำตัวเหมือนหายเข้ากลีบเมฆ จนกว่าจะถึงวันเดทกันจริง เพื่อให้คุณดูลึกลับน่าค้นหา [3]
  4. เมื่อคุณรู้ว่ามีใครแอบชอบคุณเหมือนกัน มันก็ยากที่จะวางตัวตามปกติ แต่ขอให้ระลึกว่า เขาชอบคุณในแบบที่คุณเป็น ดังนั้นไม่เป็นต้องเปลี่ยนหรือแปลงร่างเป็นสาวคิกขุหรอกนะ ทำตัวเหมือนเช่นเคย ปล่อยมุกตามปกติ แกล้งเขาเหมือนที่เคยทำประจำ นั่นแหละทั้งหมดที่คุณต้องทำ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • หากคุณถามเขาว่า ชอบคุณรึเปล่า จงถามตอนที่เขาอยู่คนเดียว เพราะหากเขาอยู่กับเพื่อนๆ ผู้ชายมักจะวางฟอร์ม และตอบว่า “ไม่” ต่อให้เขาชอบคุณก็ตาม
  • ผุ้ชายก็มีอารมณ์ความรู้สึก หากเขามีอาการเขินหน้าแดงหรือประหม่า ก็อย่าไปหัวเราะ เล่นหัว หรือดูหมิ่นเขา หากคุณทำแบบนั้นด้วยท่าทางขี้เล่น มันก็โอเคอยู่ แต่ควรเก็บไว้จนกว่าจะไปออกเดทกันจริงๆ
  • วางตัวตามสบายและเป็นธรรมชาติเวลาอยู่กับเขา คุณอาจได้ยินเรื่องนี้บ่อยแล้ว แต่ก็ขอให้รักษาความเป็นตัวเองไว้ คุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อเอาใจใคร หากเขาชอบคุณจริง เขาย่อมรับได้ในแบที่คุณเป็น
  • พยายามเป็นมิตรกับเพื่อนๆ ของเขา เวลาที่พบปะสังสรรค์กัน ให้เขาเห็นว่าคุณเข้ากับเพื่อนๆ เขาได้ และมีความสนใจไปในทิศทางเดียวกัน และเขาก็จะรู้สึกว่าคุณเป็นคนเปิดใจกว้างดี
  • ก่อนสารภาพความในใจ พยายามมัดใจเขาสักหน่อย อย่าให้ประเจิดประเจ้อเกินไป เช่น คุณอาจให้ของขวัญเขาตามโอกาส แต่เวลาที่ซื้อของที่ระลึกกลับมาจากทริปไหน ก็ให้แต่เฉพาะเพื่อนๆ คุณ โดยจงใจยื่นให้เขาเห็น แบบนี้เขาเรียกว่าทำท่าเล่นตัวเล็กน้อย และเขาจะประหลาดใจมากขึ้น เวลาที่คุณไปสารภาพรักกับเขา
  • อย่ากลัวที่จะบอกเขว่า คุณรู้สึกอย่างไร แม้ว่าคุณอาจกลัวว่าเขาจะปฏิเสธ หรือเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง
  • จำไว้ว่า คุณสามารถถามความในใจเขาก่อนที่จะบอกความในใจตัวเอง เพราะหากเขาตอบว่าไม่ได้ชอบ คุณยังแกล้งวางฟอร์มพูดได้ว่า “เออ ดีแล้ว เห็นพวกเพื่อนๆ เราเค้าบอกว่านายชอบเรา อย่างนี้จะได้โล่งอก”
  • การชวนเดท จะชวนเองหรือให้เพื่อนคุณช่วยถามก็ได้ หากคุณประหม่า คูรณอาจหาคู่อื่นมาเดทคู่กันด้วยก็ได้ การมีเพื่อนไปด้วย จะช่วยให้ประหม่าน้อยลง
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าแปลกใจมาก หากเห็นเขาทำท่าตกใจที่รู้ว่าคุณแอบชอบ เขาอาจไม่คาดคิกมาก่อน
  • อย่าส่งข้อความหาเป้าหมายบ่อยๆ มันจะทำให้คุณดูหมกมุ่นและไร้สาระ หากเขาส่งตอบโต้มา อย่างนี้ค่อยมีเหตุผลหน่อย
  • อย่าขุดคุ้ยอดีตของเขา (ไม่ว่าเรื่องอะไร) หากคุณรู้อะไรมา ไม่มีใครสามารถกำหนดอดีตตัวเองได้ อย่างดีเขาก็แต่ตอบแบบขอไปที และถามคุณว่า จะเอามาพูดอีกทำไม แต่อย่างร้ายก็คือ เขาอาจรู้สึกเหมือนคุณชอบวุ่นวายกับชีวิตเขาเกินไป
  • พยายามรอบคอบก่อนที่จะสารภาพความในใจกับใคร ยิ่งในสถานศึกษาด้วยแล้ว ยิ่งชอบนินทากันมากมาย การเก็บความลับที่ดีที่สุด ก็คืออย่าไปบอกใครเลย หากอัดอั้นอยากบอกใครสักคน ก็ลองพูดให้เพื่อนที่คุณไว้ใจฟัง หรือจะให้ดีกว่านั้น ก็ควรเป็นเพื่อนทางจดหมาย หรือเพื่อนต่างโรงเรียน
โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลอ้างอิง

  1. http://www.cosmopolitan.com/sex-love/body-language/#category1-1
  2. Mills, M., Janiszewska, A, & Zabala, L., (2011). Sex differences in making risky first time relationship initiatives.
  3. http://www.yourtango.com/200949487/why-you-shouldnt-text-before-first-date

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 26,704 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา