ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เครื่องสำอางคือเครื่องมือที่ทรงพลังในการเพิ่มความงามตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม หากคุณใช้มันไม่ถูกต้อง คุณอาจจะทำให้ผู้คนเบี่ยงเบนความสนใจจากรูปร่างหน้าตา ไม่ว่าจะเป็นการเลือกและใช้รองพื้นให้เหมาะสม การเติมคิ้วแบบธรรมชาติหรือการทำความสะอาดแปรงเป็นประจำก็ตาม ขั้นตอนเล็กๆ เหล่านี้สามารถสร้างความแตกต่างให้กับรูปร่างหน้าตาและความรู้สึกเมื่อคุณใช้เครื่องสำอางโปรดของคุณ

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

การใช้รองพื้นและคอนซีลเลอร์ที่เหมาะสม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าหากคุณใช้รองพื้นกับผิวแห้งเป็นขุยหรือผิวที่มันเกินไป รองพื้นจะดูหนาเตอะ ทำความสะอาดใบหน้าก่อนใช้เครื่องสำอางเสมอและขัดผิว 1 ถึง 2 ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อทำให้ผิวเนียนและใส ขั้นตอนสุดท้าย คุณต้องใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ก่อนใช้เครื่องสำอางเพื่อให้ผิวนุ่มชุ่มชื่น [1]
    • คุณควรใช้ไพรเมอร์ก่อนลงรองพื้นเช่นกัน ไม่เพียงแต่มันจะเป็นพื้นฐานให้เครื่องสำอางติดทนนานทั้งวันแต่ไพรเมอร์สามารถปกปิดรูขุมขน ริ้วรอยและตีนกาเพื่อที่รองพื้นของคุณจะดูเรียบเนียนมากขึ้น
  2. เมื่อคุณพยายามหาสีรองพื้นที่เหมาะสม คุณอาจจะทาบริเวณหลังมือเพื่อทดลอง แต่ผิวที่มือไม่ใช่สีเดียวกับบนใบหน้า เพราะฉะนั้นคุณอาจจะเลือกรองพื้นที่มีสีเข้มจนเกินไป แทนที่จะทำเช่นนั้น คุณต้องทดสอบรองพื้นบริเวณขากรรไกรเพื่อทำให้มันเข้ากับสีบนใบหน้าและลำคอ [2]
    • คุณต้องทดสอบรองพื้นในแสงธรรมชาติเพื่อให้มั่นใจว่ามันเป็นสีที่เหมาะสมกับคุณ
    • ถึงแม้ว่าคุณมั่นใจว่ารองพื้นของคุณมีสีเดียวกับใบหน้าและลำคอ แต่คุณต้องเกลี่ยบริเวณขากรรไกรและลำคอเพื่อไม่ให้สีแตกต่างกันจนเกินไป
  3. ถึงแม้ว่าการทารองพื้นด้วยนิ้วมือนั้นจะง่ายกว่าแต่มันสามารถทำให้รองพื้นดูหนาและมีริ้วรอยได้ คุณต้องแต้มรองพื้นบนใบหน้าด้วยนิ้วมือที่สะอาดและใช้แปรงหรือฟองน้ำรูปไข่เกลี่ยให้ทั่ว จะได้ผลลัพธ์ที่เรียบเนียนถ้าหากคุณกดและใช้เครื่องสำอางด้วยเครื่องมือที่เหมาะสม [3]
    • หลีกเลี่ยงการใช้แปรงทารองพื้นที่แบนซึ่งดูเหมือนแปรงทาสีเพราะมันจะทำให้ดูมีริ้วรอยเช่นกัน แทนที่จะทำเช่นนั้น คุณต้องหาแปรงที่เต็มและนุ่มที่จะเกลี่ยรองพื้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    • ถ้าหากคุณใช้ฟองน้ำ คุณก็ต้องทำให้มันเปียกในอ่างล้างหน้าเสียก่อน บีบความชื้นส่วนเกินออกเพื่อให้มันเปียกหมาดและใช้เกลี่ยรองพื้น วิธีนี้จะช่วยไม่ให้ฟองน้ำดูดซับเครื่องสำอางมากเกินไป
  4. เลือกคอนซีลเลอร์ทาบริเวณใต้ดวงตาที่มีสีสว่างกว่าใบหน้า 1 เฉด. คุณอาจจะคิดว่าการใช้คอนซีลเลอร์สีสว่างมากจะช่วยทำให้บริเวณใต้ดวงตาสว่างเช่นกัน แต่การใช้สีที่สว่างกว่ารองพื้น 2-3 เฉดจะยิ่งเน้นย้ำบริเวณนั้นและทำให้ตาดูเหมือนแรคคูน แทนที่จะทำเช่นนั้น คุณต้องเลือกคอนซีลเลอร์ที่มีสีสว่างกว่ารองพื้น 1 เฉดเพื่อทำบริเวณใต้ดวงตาดูสว่างอย่างเรียบเนียน [4]
    • วิธีที่ดีที่สุดคือการเกลี่ยคอนซีลเลอร์ใต้ดวงตาด้วยมือสะอาดแทนที่จะใช้แปรงหรือฟองน้ำ ความอุ่นของนิ้วมือจะช่วยให้คอนซีลเลอร์ซึมเข้าสู่ผิวได้ง่ายขึ้นเพื่อที่มันจะไม่จับตัวกัน
  5. ใช้คอนซีลเลอร์ที่มีสีเดียวกับรองพื้นในบริเวณที่มีสีผิวไม่สม่ำเสมอ. ถ้าหากคุณใช้คอนซีลเลอร์ที่มีสีสว่างกว่ารองพื้นกับบริเวณที่เป็นสิว รอยแผลเป็น ริ้วรอยและสีผิวไม่สม่ำเสมอ คุณก็จะดึงดูดความสนใจมายังบริเวณเหล่านี้ที่คุณพยายามปกปิด แทนที่จะทำเช่นนั้น ทาคอนซีลเลอร์ที่มีสีเดียวกับรองพื้นเพื่อให้มันกลมกลืนกันเป็นอย่างดี [5]
    • ในการเกลี่ยคอนซีลเลอร์บนใบหน้า การใช้แปรงหรือฟองน้ำคือวิธีที่ดีที่สุด อุปกรณ์เหล่านี้ช่วยให้ผลิตภัณฑ์ซึมเข้าสู่ผิวโดยไม่กำจัดสีมากจนเกินไปเพื่อปกปิดจุดด่างดําของคุณ
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

การใช้เครื่องสำอางบนใบหน้าในส่วนที่เหลือ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การใช้แป้งเซ็ตตัวมากเกินไปอาจทำให้ดูหนาเตอะซึ่งจะยิ่งเน้นรูขุมขน ริ้วรอยและตีนกา ใช้แป้งฝุ่นบริเวณที่มักจะมีผิวมันเพื่อให้รองพื้นอยู่ตัว สำหรับคนส่วนใหญ่ก็จะเป็นบริเวณทีโซนหรือหน้าผาก จมูกและคาง คุณยังสามารถทาบางๆบริเวณแก้มได้ [6]
    • ถ้าหากผิวของคุณแห้งมาก คุณอาจจะต้องข้ามขั้นตอนนี้ไปเลย
    • การใช้แป้งอัดแข็งหรือแป้งผสมรองพื้นมากเกินไปนั้นเป็นสิ่งที่ง่ายมาก ใช้สูตรโปร่งแสงที่จะไม่เพิ่มสีหรือการปกปิดเพื่อไม่ให้แป้งดูหนักจนเกินไป
  2. ปัดผลิตภัณฑ์บรอนเซอร์หรือคอนทัวร์อย่างเบามือ. ผลิตภัณฑ์บรอนเซอร์หรือคอนทัวร์สามารถเพิ่มความอุ่นและความชัดให้กับใบหน้า ถ้าหากคุณใช้มากเกินไป จะดูหน้าหมอง เพื่อทำให้ดูเป็นธรรมชาติคุณต้องใช้ปริมาณน้อยด้วยแปรงขนฟูอันเล็กและปัดบริเวณหน้าผาก กระดูกคิ้ว ใต้โหนกแก้มและขากรรไกรเป็นรูปเลข 3 หรือตัว E เพื่อความชัดเจนของโครงหน้า [7]
    • เกลี่ยผลิตภัณฑ์บรอนเซอร์หรือคอนทัวร์ให้ดีเพื่อไม่ให้เป็นสิวบนใบหน้า
  3. ถ้าหากคุณปัดบลัชออนต่ำกว่าแก้มจนเกินไป จะดูหน้าดุและดึงใบหน้าลง เริ่มที่กึ่งกลางแก้มและเกลี่ยไปตามโหนกแก้มไปยังรอยผม [8]
    • เริ่มด้วยบลัชออนปริมาณเล็กน้อยและจึงเพิ่มถ้าหากคุณต้องการสีสันมากขึ้น คุณต้องเกลี่ยให้ดีเพื่อให้กลืนกับผิวเพื่อดูเป็นธรรมชาติ
    • แปรงปัดบลัชออนที่เป็นมุมมีประโยชน์ในการปัดบลัชออนบริเวณที่ถูกต้อง
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

การแต่งตาและริมฝีปากให้สมบูรณ์แบบ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คิ้วที่เข้มและหนาดูไม่ค่อยเข้าที ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสีเดียวหรือสีอ่อนกว่าคิ้วจริงเพื่อหลีกเลี่ยงการดูดุจนเกินไป แทนที่จะวาดคิ้วเป็นเส้นเดียว คุณควรวาดเป็นเส้นเล็กหลายเส้นเพื่อให้ดูนุ่มนวลและเป็นธรรมชาติ [9]
    • การใช้อายแชโดว์ผงเพื่อเติมคิ้วจะทำให้คิ้วดูนุ่มนวลและเป็นธรรมชาติมากที่สุด
    • เมื่อคุณใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับคิ้วเสร็จแล้ว ปัดคิ้วด้วยแปรงปัดคิ้วที่สะอาดหรือใช้พู่กันเพื่อเกลี่ยสี
  2. ถ้าหากคุณต้องการป้องกันไม่ให้อายแชโดว์ลบ คุณต้องเริ่มด้วยการทาไพรเมอร์สำหรับอายแชโดว์ แตะไพรเมอร์ปริมาณเล็กน้อยบนเปลือกตาและเกลี่ยด้วยนิ้วก่อนที่จะลงอายแชโดว์ [10]
    • ถ้าหากคุณไม่มีไพรเมอร์สำหรับอายแชโดว์ คุณสามารถใช้คอนซีลเลอร์แทน ใช้มันด้วยวิธีเดียวกับไพรเมอร์
  3. การกรีดหางอายไลเนอร์ที่สมบูรณ์แบบดูเหมือนเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ถ้าหากคุณพยายามกรีดด้วยมือเปล่า แทนที่จะทำเช่นนั้น แปะเทปใสหรือถือกระดาษแผ่นเล็กทำมุม 45 องศาที่หางตาเพื่อที่คุณจะสามารถกรีดอายไลเนอร์ตามขอบเพื่อให้ได้ลุคแบบแคทอายที่ไร้ที่ติทุกครั้ง [11]
    • ถ้าหากคุณใช้เทป แปะไว้ที่หลังมือและลอกออก 2-3 ครั้งก่อนที่จะแปะบริเวณหางตา วิธีนี้จะช่วยลดปริมาณกาวเพื่อที่เทปจะไม่ดึงผิวที่อ่อนบางรอบดวงตาเมื่อคุณดึงมันออก
  4. ขนตาที่งอนสามารถเปิดตาและทำให้ดวงตาดูใหญ่ขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม คุณต้องดัดขนตาด้วยที่ดัดขนตาก่อนที่คุณจะปัดมาสคาร่า ถ้าหากคุณตาของคุณเปียกเมื่อคุณดัด คุณอาจจะทำให้คนตายอีกหรือดึงมันหลุดได้ [12]
    • ถ้าคุณไม่สบายใจกับการใช้ที่ดัดขนตา คุณสามารถดัดขนตาโดยไม่ใช้ที่ดัดขนตาได้ ในกรณีนี้คุณต้องปัดมาสคาร่าก่อนแล้วจึงใช้นิ้วดันขนตาขึ้นเพื่อให้ขนตางอน ค้างไว้หลายวินาทีเพื่อทำให้ขนตาคงความงอน
  5. ไม่ว่าคุณจะต้องการใช้ลิปสติก ลิปทินท์หรือลิปกลอส สีจะดูไม่สวยถ้าหากริมฝีปากของคุณแห้งเป็นขุย ใช้ผลิตภัณฑ์ขัดริมฝีปากเพื่อกำจัดผิวที่ตายแล้วออกจากริมฝีปากและทาลิปบาล์มเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นก่อนลงสีเพื่อให้ริมฝีปากดูเนียนนุ่มและไร้ที่ติ [13]
    • คุณสามารถซื้อผลิตภัณฑ์ขัดริมฝีปากหรือทำด้วยตัวเองจากวัตถุดิบในบ้าน ผสมน้ำมันมะกอกครึ่งช้อนชาเข้ากับน้ำตาล 1 ช้อนชาและขัดริมฝีปาก เช็ดออกด้วยผ้าเปียกหมาด
    • คุณจำเป็นต้องขัดและเติมความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากก่อนทาลิปสติกเนื้อแมต ลิปสติกเนื้อแมตทำให้ริมฝีปากแห้ง เพราะฉะนั้นมันจะเน้นรอยแตกระแหงทุกรอย
  6. ลิปไลเนอร์สามารถเพิ่มความชัดให้กับริมฝีปากเและไม่ให้ลิปสติกเลอะได้ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าสีลิปไลเนอร์ของคุณจะเป็นสีเดียวกับลิปสติกแต่การทาบริเวณขอบปากสามารถทำให้ปากดูโดดเด่นได้ เติมริมฝีปากด้วยลิปไลเนอร์หลังจากที่เขียนขอบปากเพื่อป้องกันขอบปากสีเข้ม [14]
    • ถ้าหากคุณไม่สามารถหาลิปไลเนอร์ที่มีสีเดียวกับลิปสติกได้ ใช้ลิปไลเนอร์สีนู้ดที่สามารถจับคู่กับลิปสติกสีธรรมชาติของคุณ
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

การแก้ไขข้อผิดพลาดของการแต่งหน้าโดยทั่วไป

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การนอนโดยที่ไม่ลบเครื่องสำอางคือสิ่งที่แย่ที่สุดที่คุณสามารถทำใหักับผิว มันสามารถก่อให้เกิดสิว ริ้วรอยและตีนกาและทำให้ผิวของคุณหมอง เช็ดเครื่องสำอางออกเสมอเมื่อหมดวันด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเพื่อทำให้ผิวมีสุขภาพดี [15]
    • ถ้าหากคุณใช้เครื่องสำอางแต่งตาหรือรองพื้นที่กันน้ำ คุณต้องใช้ผลิตภัณฑ์เช็ดเครื่องสำอางสูตรกันน้ำก่อนล้างหน้า
    • เก็บแผ่นเช็ดเครื่องสําอางไว้ในตู้ วิธีนี้ถ้าหากคุณเหนื่อยที่จะยืนเหนืออ่างล้างหน้าและล้างเครื่องสำอางออก คุณก็สามารถใช้แผ่นเช็ดเครื่องสำอางเพื่อเช็ดเครื่องสำอางและเข้านอนได้อย่างรวดเร็ว
  2. ห้องน้ำมักจะมีกระจกบานใหญ่ เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดในการแต่งหน้าและเก็บเครื่องสำอาง อย่างไรก็ตาม ความร้อนและความชื้นและเชื้อโรคในห้องน้ำสามารถทำให้เครื่องสำอางเสียได้เร็ว คุณต้องเก็บเครื่องสำอางในห้องที่เย็นและแห้งในบ้าน ได้แก่ ห้องนอน [16]
  3. มันอาจจะลำบากในการทำให้แปรงแต่งหน้าสะอาดแต่แปรงแต่งหน้าที่สกปรกสามารถนำไปสู่สิ่งสกปรก น้ำมันและแบคทีเรียบนใบหน้าเมื่อคุณใช้มัน คุณต้อง ทำความสะอาดแปรงแต่งหน้า ด้วยแชมพูหรือผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดแปรงแต่งหน้าสัปดาห์ละครั้ง และใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดแปรงก่อนใช้ทุกวัน [17]
    • คุณสามารถซื้อแชมพูหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดแปรงแต่งหน้าได้จากร้านขายผลิตภัณฑ์เพื่อความงามทั่วไป อย่างไรก็ตาม คุณสามารถทําเองได้
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ช่างแต่งหน้าที่มีชื่อเสียงหลายคน เช่น Bobbi Brown, Kevin Aucoin และ Jemma Kidd ได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับการแต่งหน้าที่อาจจะเป็นประโยชน์ในการอ่านถ้าคุณต้องการทำให้มั่นใจว่าคุณแต่งหน้าด้วยวิธีที่ถูกต้อง
  • ถ้าหากคุณไม่แน่ใจว่าคุณแต่งหน้าได้ถูกต้องหรือไม่ คุณสามารถปรึกษาผู้ให้คำแนะนำตามเคาน์เตอร์เครื่องสำอางที่คุณซื้อผลิตภัณฑ์ ช่างแต่งหน้าไม่เพียงแต่จะสามารถช่วยให้คุณเลือกเครื่องสำอางที่เหมาะสมกับผิวและสีผิวของคุณได้เท่านั้นแต่ยังสามารถแสดงวิธีการแต่งหน้าที่ถูกต้องให้คุณดูได้
  • ถึงแม้ว่าเทคนิคการแต่งหน้าบางอย่างสามารถทำให้ผิวของคุณดูมีสุขภาพดีและทำให้คุณดูดีขึ้นแต่คุณควรทดลองใช้เครื่องสำอางอย่างอิสระ ถ้าหากคุณชอบวิธีที่คุณดูแล้วรู้สึกมั่นใจ คุณก็ไม่ควรกังวลเกี่ยวกับการแหกกฎ
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 1,554 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา