ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ถ้าหากคุณตั้งใจที่จะทุ่มเทเวลาและแรงกาย การหาเงินออนไลน์อย่างถูกกฎหมายย่อมเป็นไปได้ งานบางอย่าง เช่น การตอบแบบสอบถามหรือทดสอบเว็บไซต์นั้นได้เงินแค่พอเก็บไปในแต่ละเดือนแค่นั้นเอง งานอย่างอื่น เช่น เขียนบทความให้เว็บไซต์เจาะกลุ่มตลาดหรือเป็นนักเขียนฟรีแลนซ์นั้นสามารถทำให้คุณมีรายได้จากงานเหล่านี้มากพอๆ กับการทำงานเต็มเวลา


วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

ทำงานออนไลน์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณสามารถมีรายได้ 1800 ถึง 3600 บาทต่อเดือน ในรูปแบบทั้งเงินสดหรือของอื่นๆ โดยการกรอกแบบสอบถามออนไลน์ ลองหาเว็บไซต์แบบสอบถามโดยพิมพ์ว่า “เว็บแบบสอบถามออนไลน์ที่ให้ค่าตอบแทน” สมัครสมาชิกกับหลายเว็บไซต์เพื่อเพิ่มโอกาสที่จะได้รับเลือกให้ทำแบบสอบถามที่ให้ค่าตอบแทนสูงกว่า สมัครโดยใช้อีเมล และหมั่นเช็คอีเมล เพื่อคุณจะได้ตอบรับข้อเสนอให้ทำแบบสอบถามออนไลน์อย่างรวดเร็ว
    • แบบสอบถามส่วนใหญ่จะให้ค่าตอบแทนอยู่ที่ 36 ถึง 108 บาท ปกติการทำแบบสอบถามออนไลน์หนึ่งจะใช้เวลา 45 นาที
    • คุณอาจจะได้รับค่าตอบแทนในรูปแบบบัตรของขวัญ ผลิตภัณฑ์ฟรี หรือได้ลุ้นชิงโชค
    • อย่าจ่ายเงินเพื่อเข้าร่วมการตอบแบบสอบถามเด็ดขาด
    • หานโยบายความเป็นส่วนตัวที่อยู่บนเว็บไซต์ว่าจะไม่มีการขายข้อมูลส่วนตัวของคุณให้คนอื่น
  2. การทดสอบใช้เว็บไซต์จากระยะไกลหมายถึงการได้ค่าตอบแทนจากการสำรวจเว็บไซต์เป็นครั้งแรกและให้ข้อคิดเห็นกับเจ้าของเพื่อนำไปปรับปรุง การทดสอบส่วนใหญ่ใช้เวลา 15 นาที และคุณอาจจะได้ค่าตอบแทนสูงถึง 360 บาทสำหรับการทดสอบหนึ่งครั้ง การทดสอบจะมีสถานการณ์สมมติให้บนเว็บไซต์ และจะมีการบันทึกหน้าจอที่คุณทำตามสถานการณ์สมมตินั้นๆ เช่น คุณอาจจะต้องทำการเลือกและสั่งซื้อสินค้าบนเว็บไซต์ผู้ค้าปลีก [1]
    • คุณต้องมีคอมพิวเตอร์ที่มีไมโครโฟน เว็บเบราเซอร์รุ่นล่าสุด และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง [2]
    • เว็บไซต์ที่ให้ค่าตอบแทนจากการทดสอบใช้เว็บมีทั้ง User Testing , WhatUsersDo , UserLytics , UserFeel and YouEye . [3]
  3. หลายครอบครัวชอบที่จะเรียนพิเศษออนไลน์เพราะมีความยืดหยุ่นสูง คุณอาจจะช่วยสอนเด็กทำการบ้านหรือช่วยสอนบทเรียนระดับมหาวิทยาลัยก็ได้ ขึ้นอยู่กับพื้นความรู้ของคุณ คุณต้องมีคอมพิวเตอร์ของตัวเองและอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ประสบการณ์ที่จำเป็นก็จะแตกต่างไปตามแต่ละบริษัท บางที่จำเป็นต้องมี “ประสบการณ์สูง” ในขณะที่บางที่ต้องการพื้นความรู้ในวิชาที่เจาะจง แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทส่วนใหญ่จะต้องการให้มีวุฒิปริญญาตรี
    • บางบริษัทจะจัดหานักเรียนให้คุณ ในขณะที่บริษัทอื่นๆ จะโพสต์ประวัติส่วนตัวของคุณไว้บนเว็บไซต์และให้ลูกค้าเป็นคนเลือกคุณเอง [4]
    • คุณสามารถได้ค่าตอบแทนตั้งแต่ 324 ถึง 1080 บาทต่อชั่วโมง ขึ้นอยู่กับพื้นเพทางการศึกษาและวิชาที่คุณเลือกสอน
    • เว็บไซต์ที่รับจ้างติวเตอร์ระดับพื้นฐานมีทั้ง Tutor.com , HomeworkHelp.com , Eduwizards , Aim4a and Brainfuse .
    • Kaplan จ้างติวเตอร์สำหรับสอน SAT และ ACT
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

สร้างเว็บไซต์เฉพาะกลุ่ม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เว็บไซต์เหล่านี้จะมุ่งเน้นที่ข้อมูลเฉพาะกลุ่ม เนื้อหาจะต้องมีความเฉพาะเจาะจง มีประโยชน์ และน่าสนใจต่อกลุ่มเป้าหมาย เว็บไซต์เฉพาะกลุ่มที่ประสบความสำเร็จอาจจะมีผู้เข้าชมอยู่ระหว่าง 1,000 ถึง 10,000 คนต่อเดือนเลยทีเดียว คุณจัดทำเนื้อหาเว็บหัวข้อใดหัวข้อหนึ่งขึ้นมา และคุณสามารถมีรายได้โดยไม่ต้องใช้เวลาทำงานเลยผ่าน Google Adsense หรือลิงค์โฆษณา
  2. เริ่มต้นจากสิ่งที่คุณสนใจก่อน เขียนไอเดียกลุ่มเฉพาะออกมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ คิดถึงเรื่องที่คนทั่วไปจะค้นหาในอินเทอร์เน็ต นั่นรวมถึงงานอดิเรกต่างๆ เช่น เล่นเซิร์ฟ หรือเพาะกาย สิ่งที่กลัว เช่น แมงมุม หรือการต้องพูดต่อหน้าคนเยอะๆ และปัญหาต่างๆ เช่น ทำยังไงถึงจะไม่เป็นหนี้ ลองหาโดยใช้คีย์เวิร์ดเพื่อดูว่าคนอื่นสนใจสิ่งต่างเหล่านี้หรือไม่ ลองดูว่ามีชื่อเว็บไซต์ใดๆ ก็ตามที่ตรงกับคีย์เวิร์ดทั้งหมดหรือไม่
  3. เลือกตัวช่วยสร้างเว็บไซต์ เช่น WordPress, Joomla หรือ Drupal จากนั้นเลือกโดเมนเนมและเว็บโฮสติ้ง โดเมนเนมก็คือที่อยู่ของเว็บไซต์นั่นเอง เว็บโฮสติ้งเป็นบริการที่เชื่อมต่อเว็บไซต์ของคุณกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เมื่อคุณมีสองสิ่งนี้ครบแล้ว ให้ไปที่คอนโทรลพาเนลซึ่งเป็นระบบควบคุมหน้าจอของบัญชีของเว็บโฮสติ้งและติดตั้งเว็บไซต์ของคุณ ออกแบบเว็บไซต์ของคุณโดยเลือกและติดตั้งธีม [6]
    • ตัวอย่างของบริษัทเว็บโฮสติ้งที่เป็นที่นิยม เช่น Bluehost และ WPEngine
  4. ให้คุณสร้างเนื้อหาที่คนจะรู้ว่าเนื้อหานั้นมีคุณค่าและจะช่วยให้คุณอยู่ในหน้าการค้นหาแรกๆ ในเครื่องมือค้นหาข้อมูล การหาคีย์เวิร์ดจะช่วยให้คุณรู้ว่าคนทั่วไปมักจะหาข้อมูลเรื่องใด สร้างเนื้อหาเหล่านั้นเกี่ยวกับเรื่องเหล่านั้นเพื่อเพิ่มอันดับให้เว็บไซต์ของตัวเองบนเครื่องมือค้นหาข้อมูล
    • ใช้เครื่องมือ เช่น Market Samurai ในการหาคีย์เวิร์ด
    • ใส่โฆษณาเพื่อเพิ่มจำนวนการเข้าชมในเว็บไซต์
    • สร้างแคมเปญทางการตลาดโดยใช้เครือข่ายสังคมเช่น เฟสบุ๊คหรือทวิตเตอร์
  5. มีอยู่หลายกลยุทธ์ที่จะหาเงินจากเว็บไซต์ คุณอาจจะโพสต์โฆษณาบนเว็บไซต์และได้ค่าตอบแทนเมื่อผู้เข้าชมกดเข้ามา นอกจากนี้คุณยังสามารถโปรโมทสินค้า ไม่ว่าจะของตัวเองหรือของคนอื่น และได้ค่าตอบแทน เมื่อสินค้าขายได้
    • หากคุณใช้ Google Adsense คุณจะต้องติดตั้งโค้ดบางอย่างบนเว็บไซต์เพื่ออนุญาตให้โฆษณาต่างๆ ปรากฏในเว็บ และจะได้ค่าตอบแทนเมื่อมีผู้เข้าชมเว็บไซต์คลิกที่โฆษณา
    • คุณอาจจะขายพื้นที่โฆษณาบนเว็บไซต์คุณ
    • การทำการตลาดโดยการอาศัยตัวแทนโฆษณาหมายความว่าคุณสามารถโปรโมทสินค้าให้กลุ่มเฉพาะได้ จะมีลิงค์หรือแถบโฆษณาสินค้าแสดงอยู่บนเว็บไซต์ ถ้ามีผู้เข้าชมเว็บคลิกบนโฆษณานั้นๆและซื้อสินค้า คุณก็จะได้ค่านายหน้า
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

เป็นนักเขียนบทความอิสระ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคุณใช้เวลาเพื่อพิจารณาประสบการณ์ของตน คุณจะรู้ว่าตัวเองมีความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่คุณอยากจะเขียนมากกว่าที่คุณคิด เริ่มต้นด้วยการคิดถึงอะไรก็ได้สามอย่างที่แสดงความเป็นตัวคุณ เช่น อาชีพ งานอดิเรก หรือลักษณะนิสัย จากนั้น คิดถึงสามสิ่งที่ทำให้คุณมีแรงบันดาลใจ เช่น ศาสนา การศึกษา และการทำการกุศล สุดท้ายคิดถึงความฝันของคุณสามอย่าง เช่น การแต่งงาน การเดินทาง หรือใช้เวลากับลูกๆ ความคิดทั้งสามประเภทนี้น่าจะทำให้คุณได้ไอเดียหลายอย่างว่าคุณจะเขียนเรื่องอะไรได้บ้าง [7]
  2. ในฐานะที่คุณเป็นนักเขียนอิสระ งานหลายงานของคุณจะมีแนวโน้มมากกว่าที่จะมีการโพสต์บนอินเทอร์เน็ต หลักการของการเขียนบทความให้เว็บไซต์จะแตกต่างจากหลักการเขียนบทความเพื่อตีพิมพ์อยู่เล็กน้อย เนื้อหาจะต้องมีคุณภาพระดับดีมากและเขียนเป็นอย่างดี แต่วิธีการนำเสนอจะต้องมีการปรับให้เข้ากับการอ่านทางออนไลน์ [8]
    • ผู้อ่านส่วนใหญ่มักจะอ่านเนื้อหาผ่านๆ มากกว่าที่จะอ่านทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะว่าความละเอียดในการแสดงผลของบทความออนไลน์นั้นต่ำ ทำให้บทความของคุณอ่านง่ายโดยใช้หัวข้อที่มีคำพรรณนาและแยกประเด็นเป็นข้อๆ [9]
    • เขียนตรงประเด็นโดยใช้วิธีเขียนแบบพีระมิดกลับหัว นั่นหมายถึงให้เขียนโดยเรียงให้ประเด็นสำคัญขึ้นก่อน จากนั้นค่อยยกตัวอย่างสนับสนุน [10]
    • ทำให้เนื้อหาของคุณมีประสิทธิภาพ คือ อ่านง่าย และใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย คิดซะว่าให้ใช้ภาษาระดับเด็กมัธยมสอง ตัดคำฟุ่มเฟือยหรือคำที่ทำให้งงทิ้งไป [11]
    • ใส่คีย์เวิร์ดหรือวลีที่จะทำให้อันดับการค้นหาในเครื่องมือค้นหาเว็บของคุณดีขึ้น [12]
  3. เมื่อคุณเริ่มเขียนช่วงแรกๆ คุณอาจจะต้องรับงานเขียนเรื่องที่คุณไม่ได้รู้สึกว่าน่าสนใจเลยสักนิด คุณต้องเปิดใจรับและเต็มใจที่จะรับงานเขียนที่อาจจะไม่ได้อยู่ในข่ายที่คุณต้องการ อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณเขียนไปเรื่อยๆ ไม่เพียงแต่คุณจะได้เรียนรู้เรื่องต่างๆ มากขึ้น แต่คุณยังสร้างชื่อเสียงของตนเองอีกด้วย เมื่อเวลาผ่านไป คุณก็สามารถเลือกรับเฉพาะงานเขียนที่คุณอยากได้ [13]
    • หาเว็บไซต์นักเขียนฟรีแลนซ์ในอินเทอร์เน็ตที่ว่าจ้างนักเขียนทำงานออกไลน์
  4. เมื่อคุณเป็นนักเขียนอิสระมือใหม่ ก็อาจจะยากถ้าต้องเขียนโดยไม่มีตัวอย่างงานเขียน อย่างไรก็ตาม ก็เป็นไปได้ที่จะได้ตัวอย่างงานเขียนที่มีคุณภาพถ้าคุณเต็มใจที่จะเขียนบทความโดยไม่มีค่าตอบแทนบ้าง ขั้นแรก คุณอาจจะโพสต์บทความบนบล็อกหรือเว็บไซต์ส่วนตัว และคุณอาจจะเป็นโพสต์บทความในบล็อกของคนอื่นในฐานะนักเขียนรับเชิญก็ได้ด้วย สุดท้ายคุณอาจจะเขียนโพสต์ในบล็อกฟรีแลกเปลี่ยนกับการลงชื่อนักเขียนไว้ [14]
  5. ถ้าคุณมีลูกค้าในใจที่อยากจะเขียนให้อยู่แล้ว ให้คุณส่งงานเขียนเพื่อโปรโมทตัวเอง ซึ่งเป็นไอเดียหัวข้อต่างๆ ที่จะใช้เขียนบทความ นั่นไม่เพียงแต่จะแสดงความสามารถของคุณ แต่ยังโชว์ความกระตือรือร้นของคุณในการเขียนบทความเรื่องนั้นๆ [15] อย่างแรก คุณควรอ่านบทความต่างๆ ของบริษัทที่คุณอยากจะเขียนบทความให้เพื่อสร้างความคุ้นเคยก่อน ถ้าเป็นไปได้ ให้ระบุแผนกที่ชัดเจนและส่งงานของคุณไปให้บรรณาธิการที่สมควร และแนบประวัติส่วนตัวสั้นๆ ของคุณไปด้วยล่ะ [16]
  6. เว็บไซต์ของคุณจะไม่เพียงแต่แสดงความสามารถด้านการเขียนของคุณ แต่ยังจะเป็นจุดเชื่อมต่อออนไลน์ของลูกค้าและตัวคุณด้วย รูปแบบเว็บไซต์ควรดูสะอาดตาและไม่ดูรก และใส่ตัวอย่างงานเขียนที่ระบุว่าคุณเขียนงานประเภทใดบ้าง ตัวอย่างเหล่านั้นต้องหาอ่านง่าย และสิ่งที่สำคัญคือต้องทำให้ผู้เข้าชมทราบว่าจะติดต่อคุณได้ยังไง [17]
    • สร้างบล็อกขึ้นมา การสร้างบล็อกจะแสดงว่าคุณมีความสามารถเทคนิคและความสามารถในการเขียนบล็อก ในบล็อกอาจจะมีหัวข้อต่างๆ มากกว่าที่คุณเขียนส่งลูกค้า จริงๆ แล้วควรจะเป็นหัวข้อเรื่องที่คุณสนใจ ผู้เข้าชมจะเห็นว่านอกจากคุณจะเขียนได้ดีแล้ว คุณยังสร้างชุมชนออนไลน์ด้วย บล็อกที่ดีจะช่วยให้คุณมีผลงานไว้อ้างอิงมากมายต่อลูกค้าที่มากขึ้น [18]
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

ขายของออนไลน์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ทำความสะอาดบ้านของคุณซะ ใช้เวลาสักสองสามวันหรือวันหยุดเสาร์อาทิตย์ทำความสะอาดบ้านและเคลียร์ของที่ไม่ใช้ออก ระบุว่าของชิ้นไหนจะทิ้ง บริจาค หรือเอาไปขาย จัดประเภทของต่างๆ ที่จะขาย ของประเภทต่างประเภทกันจะขายได้ดีในเว็บไซต์ที่ต่างกัน [19]
    • หนังสือ ซีดี และดีวีดีจะขายดีใน Amazon
    • ของสะสม เสื้อผ้าแบรนด์เนม และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กจะขายดีใน eBay
    • Craigslist จะดีที่สุด สำหรับของทั่วๆ ไป เช่น ของเล่น เครื่องมือ
  2. เปิดบัญชีกับเว็บ Amazon, eBay และ Craigslist การเปิดบัญชีผู้ขายกับเว็บเหล่านี้เป็นเรื่องที่ไม่ยุ่งยากเลย คุณแค่ต้องให้ข้อมูลส่วนตัวเล็กน้อย เช่น ชื่อและที่อยู่ และอาจต้องให้ข้อมูลด้านการเงินเพื่อใช้ในการดำเนินการจ่ายเงิน [20]
    • ผู้ขายในเว็บ Amazon จะเชื่อมต่อกับบัญชีเงินฝากที่รองรับการจ่ายเช็คเงินสดหรือการรูดบัตร ยอดเงินจากการขายจะส่งไปที่บัญชีโดยตรง
    • eBay จะส่งเงินให้คุณในบัญชีโดยตรงหรือโอนให้ในบัญชี Paypal
  3. เว็บขายแต่ละแห่งย่อมมีข้อกำหนดว่าอะไรที่ขายได้และไม่ได้ ข้อกำหนดหรือกฎหมายของรัฐก็มีผลทำให้ขายบางสิ่งไม่ได้ด้วย โดยปกติ คุณจะไม่สามารถขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาวุธ การให้บริการ สัตว์ หรือตั๋วต่างๆ ได้ และบางอย่างที่ไม่ได้ห้ามขาย คุณอาจจะต้องศึกษาข้อจำกัดว่าคุณสามารถขายสิ่งเหล่านี้ในประเภทไหน เช่น งานศิลปะ บัตรของขวัญ และคูปอง [21] eBay และ Amazon มีข้อกำหนดการขายอยู่ในเว็บไซต์
  4. ลองหาคนที่ขายของที่เหมือนหรือคล้ายคุณ หาราคาที่สูงสุดและต่ำสุด และตั้งราคาของคุณไว้ที่ระดับกลางๆ ถ้าอยากขายของได้ไวให้ตั้งราคาต่ำๆ สภาพของก็มีผลกับราคาขายเช่นกัน สินค้าที่มีสภาพไม่ดีก็ควรตั้งราคาต่ำ และพิจารณาว่ามีรายชื่อสินค้าที่คล้ายกับคุณไหม ถ้ามีสินค้าที่คล้ายกันหลายอย่างซึ่งอาจจะเป็นคู่แข่งของคุณ คุณก็อาจจะต้องราคาให้ต่ำกว่าเพื่อขายได้ [22]
  5. การขายแบบนี้คือขายของที่มีลักษณะคล้ายๆ กันเป็นจำนวนมากทีเดียว เช่น ถ้าคุณมีหนังสือเป็นคอลเลคชั่น นิตยสาร หรือเครื่องเพชรที่เข้าชุดกัน ลองไปคิดดูเรื่องขายของพวกนั้นในคราวเดียวคุณอาจจะไม่ได้กำไรเท่ากับขายแยกเป็นชิ้นๆ แต่เมื่อเทียบกันแล้ว การขายทีละมากๆ ทำให้ขายของได้เร็วกว่าเยอะเลย [23]
  6. รวมทั้งการใส่รายละเอียดเพิ่มจะช่วยเพิ่มโอกาสที่จะขายของได้ เพราะผู้ซื้อไม่ได้เห็นสินค้าจริงก่อนสั่งซื้อ การให้ข้อมูลมากที่สุดเท่าที่จะทำได้จะทำให้ลูกค้ารู้ว่าตัวเองกำลังจะซื้อสินค้าแบบไหนอยู่ ถ้าสินค้าเป็นมือสอง บอกความจริงและเปิดเผยสภาพสินค้าที่แท้จริง [24]
    • ตรวจสอบคำอธิบายสินค้าก่อนโพสต์ขาย
    • เขียนชื่อสินค้าที่พรรณนาให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า เช่น ขนาด สี และแบบ
  7. ใส่รูปหลายๆ รูปเพื่อนแสดงสินค้าในมุมที่ต่างกัน ถ่ายบนพื้นหลังเรียบๆ เพื่อทำให้สินค้าของคุณเป็นจุดสนใจ ใช้แสงธรรมชาติแทนที่จะเปิดแฟลช ถ่ายใกล้ๆ เพื่อลูกค้าจะได้เห็นรายละเอียดสินค้า [25]
  8. ตอบคำถามผู้ซื้อให้ไวที่สุดที่เป็นไปได้ มีความเป็นมืออาชีพและอ่อนน้อมถ่อมตน การสื่อสารที่ดีกับลูกค้าจะสร้างชื่อเสียงที่ดีต่อผู้ซื้อและส่งผลดีกับธุรกิจของคุณ และแพ็คสินค้าให้ดีและส่งโดยเร็ว หากคุณปล่อยให้สินค้ามีโอกาสที่จะเสียหายหรือใช้เวลานานกว่าจะส่ง อาจจะส่งผลด้านลบต่อชื่อเสียงของคุณในแวดวงผู้ซื้อได้ ห่อสินค้าทุกชิ้นอย่างดี โดยเฉพาะของที่แตกง่าย และรีบส่งของให้เร็วที่สุดหลังลูกค้าชำระเงิน [26]
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 11,625 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา