ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ถ้าไม่มีการทาสีหรือใช้น้ำยาเคลือบป้องกัน ไม้อาจผุ บิดงอ หรือแตกได้ ถ้าอยากยืดอายุให้พื้นไม้ ก็ต้องใช้ผลิตภัณฑ์กันน้ำ โดยเฉพาะไม้กลางแจ้งที่ต้องเผชิญทุกสภาพอากาศ เช่น ระเบียง ชานบ้าน หรือเฟอร์นิเจอร์ไม้ในสวน แต่คนก็นิยมเคลือบกันน้ำเนื้อไม้ในครัวและห้องต่างๆ ของบ้านด้วยเหมือนกัน

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ใช้น้ำมัน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. น้ำมัน 3 ชนิดที่นิยมใช้เคลือบไม้กันน้ำ ก็คือน้ำมันลินซีด น้ำมันวอลนัท แล้วก็น้ำมันตังอิ๊ว ซึ่งอย่างหลังสุดเป็นส่วนผสมที่มักพบในผลิตภัณฑ์กันน้ำสำเร็จรูป น้ำมันตังอิ๊วดิบจะแพงกว่าน้ำมันชนิดอื่นๆ เพราะงั้นเลยนิยมใช้เคลือบงานไม้ชิ้นเล็กๆ มากกว่า ส่วนน้ำมันวอลนัทจะวางขายแถวน้ำมันมะกอกในซูเปอร์ ที่ไม่มีเป็นน้ำมันเคลือบสำเร็จรูปเพราะหลายคนแพ้ถั่ว เลยกันไว้ก่อน
    • น้ำมันลินซีดหาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์ช่างหรือก่อสร้าง มีทั้งแบบดิบและต้มสุกแล้ว ถ้าเป็นแบบสุก จะผสมสารดูดความชื้นโลหะที่เป็นพิษต่อร่างกายได้ ถ้าใช้กับพื้นผิวหรือเฟอร์นิเจอร์นอกบ้านก็โอเค แต่ห้ามใช้กับอะไรที่แตะต้องสัมผัสอาหาร [1]
    • น้ำมันลินซีดแบบไม่ผสมสารดูดความชื้นโลหะก็มี ต้องเลือกที่เป็นน้ำมันดิบแทน ถ้าอยากเคลือบไม้ในบ้าน เช่น หน้าเคาน์เตอร์ในครัว
  2. ประเมินจากชิ้นงานว่าเนื้อไม้และพื้นผิวที่จะเคลือบต้องใช้น้ำมันชนิดไหน ถ้าเป็นงานใหญ่ เช่น ระเบียงหรือชานไม้ ก็ต้องใช้สีย้อมไม้ภายนอกกับน้ำยารองพื้นที่ใช้เคลือบดาดฟ้าหรือระเบียงไม้ น้ำมันจะเหมาะกับชิ้นงานเล็กๆ เช่น เขียง หน้าโต๊ะ หน้าเคาน์เตอร์ หรือไม้เบสบอล
    • ทำรายการพื้นผิวที่จะเคลือบ จะได้รู้ว่าต้องซื้อน้ำมันมากแค่ไหน ข้อดีของการเคลือบไม้ด้วยน้ำมัน ก็คืออยู่ทนอยู่นานไปหลายปี
    • ซื้อน้ำมันในปริมาณที่เหมาะสมกับชิ้นงาน แต่ซื้อเยอะเกินจะดีกว่าซื้อขาด
  3. น้ำยาเคลือบหรือน้ำยารองพื้นไม้จะเข้มข้นขึ้น ถ้าผสมน้ำมันสนกับน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล โดยใช้น้ำมัน 1 ส่วน (จะน้ำมันตังอิ๊ว น้ำมันลินซีด หรือน้ำมันวอลนัทก็ได้) น้ำมันสน 1 ส่วน กับน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล ½ ส่วน สูตรนี้จะช่วยยืดอายุน้ำมันและได้เคลือบไม้ที่ทนทานกว่า [2]
    • ผสมน้ำยาในภาชนะโลหะ เช่น กระป๋องกาแฟเปล่า โดยผสมจนทุกน้ำยาเข้ากัน
    • ไม่จำเป็นต้องผสมน้ำยาสูตรนี้ก็ได้ แต่ช่างไม้หรือผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่แนะนำให้ทำ
  4. พอลงน้ำมันแล้ว พวกผิวขรุขระตะปุ่มตะป่ำจะยิ่งเห็นชัด เพราะน้ำมันหรือน้ำมันผสมจะขับเน้นสีของไม้ เพราะงั้นให้ใช้กระดาษทรายหนาๆ หรือตะไบเหล็กขัดไม้จนเรียบเนียน
    • เก็บงานโดยขัดด้วยกระดาษทรายละเอียด (เบอร์ 220) เนื้อไม้จะซึมซับน้ำมันดียิ่งขึ้น
    • ปาดหรือเช็ดฝุ่นผงออกด้วยผ้าแห้ง เพราะเนื้อไม้ต้องแห้งสนิทก่อนลงน้ำมัน [3]
  5. พับผ้าไร้ฝุ่น และเตรียมผ้าเช็ดฝุ่นไว้หลายๆ ผืน พับผ้าแล้วขอบจะได้เรียบ แถมไม่เกะกะเวลาลงน้ำมัน ให้สวมถุงมือหนาๆ ตอนลงน้ำมันสนกับน้ำยาอื่นๆ ที่มี mineral spirits ผสม
  6. เทน้ำมันลงในผ้าเล็กน้อย อย่าเทน้ำมันลงไม้โดยตรง ทาน้ำมันตามลายไม้ จากในออกนอก ระหว่างรอน้ำมันซึมเข้าเนื้อไม้ ก็อย่าไปแตะต้อง พยายามทาให้เรียบเนียน ถ้าฝืดอย่าถู ให้ลงน้ำมันเพิ่มที่ผ้าให้ชุ่มออกมา ระวังอย่าให้น้ำมันเจิ่งเฉพาะจุดใดจุดหนึ่ง
  7. รอประมาณ 30 นาทีจนน้ำมันซึมลงเนื้อไม้ จากนั้นใช้ผ้าสะอาดเช็ดเพื่อกำจัดน้ำมันส่วนเกิน แล้วทิ้งไว้ 24 ชั่วโมงหรือจนแห้งสนิท ถ้าใช้น้ำมันเคลือบกันน้ำ จะใช้เวลานานกว่าน้ำยารองพื้นไม้
    • ขัดด้วยฝอยขัดหม้อเบอร์ “0000” (ละเอียดมาก)
  8. ลงน้ำมันอีกชั้นบนเนื้อไม้ รอให้แห้งตามเดิม แล้วขัดด้วยฝอยขัดหม้อ ทิ้งไว้หลายวันไปจนถึงหลายอาทิตย์ก่อนใช้งาน จะรู้ได้ว่าน้ำมันเคลือบแห้งดีแล้ว ก็คือปาดนิ้วลื่นปรื้ดๆ [4]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ใช้น้ำยารองพื้นไม้

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ต้องขัดสีหรือเคลือบผิวเก่าออกก่อนลงน้ำยารองพื้นใหม่ โดยใช้กระดาษทราย น้ำยาใหม่จะได้ซึมสะดวก ไม่มีอะไรกีดขวาง น้ำยารองพื้นเหมาะสำหรับใช้กับไม้ที่เคยเคลือบมาก่อน เพราะสีย้อมไม้สูตรน้ำมันอาจจะซึมลงเนื้อไม้ไม่ได้
    • ใช้กระดาษทรายหยาบขึ้น ขัดบริเวณที่ขรุขระเป็นพิเศษ แล้วค่อยขัดเก็บงานด้วยกระดาษทรายละเอียดให้เนียนเสมอกัน [5]
  2. หาซื้อได้ตามร้านขายวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ช่าง โดยจะเขียนว่า Water Seal หรือ Stain Sealer หรือจะใช้รองพื้นแบบมีสีในตัว โดยขัดผิวไม้ก่อนลงก็ได้
    • น้ำยารองพื้นไม้จะมีชื่อเรียกตามประเภทของชิ้นงานที่จะเอาไปทา เช่น deck sealant (สำหรับดาดฟ้า ระเบียง ลาน) fence sealant (สำหรับรั้ว) outdoor sealant (สำหรับใช้นอกบ้าน) floor sealant (สำหรับพื้นห้อง) และ furniture sealant (สำหรับเฟอร์นิเจอร์)
    • เลือกที่เป็น marine wood sealant (ใช้กับเรือ ท่าเรือ) แทน ถ้าอยากให้ไม้ทนต่อความชื้น รังสียูวี และน้ำ
    • อ่านคำแนะนำการใช้งานและเวลากว่าจะแห้งให้ดี บางตัวก็ใช้กับเครื่องพ่นสีได้ด้วย
    • ลงน้ำยาด้วยเครื่องพ่นสีหรือแปรงทาสี [6]
  3. เตรียมเครื่องพ่นสีหรือแปรงทาสี แล้วพยายามทาให้ได้พื้นผิวเรียบเนียน ต้องเช็คสภาพอากาศ อุณหภูมิ และความชื้นด้วย เพราะแต่ละน้ำยาก็ต้องมีสภาพอากาศที่เหมาะสม ไม่งั้นจะระเหยเร็วมาก ควรทำงานในที่ที่ควบคุมความชื้นได้ เช่น โรงรถ
    • ทำความสะอาดเนื้อไม้ก่อนลงน้ำยารองพื้น
  4. จะมีบอกไว้ที่ฉลาก ว่าต้องรอนานแค่ไหน แต่แห้งเร็วกว่าเคลือบด้วยน้ำมันแน่นอน ส่วนใหญ่น้ำยารองพื้นไม้จะแห้งใน 4 - 10 ชั่วโมง
  5. ขัดด้วยกระดาษทรายละเอียด เคลือบชั้นที่ 2 จะได้ติดทน แต่ต้องเช็ควิธีใช้งานของน้ำยารองพื้นชนิดนั้นก่อน และต้องขัดหลังจากแห้งสนิทแล้ว
    • หรือใช้ฝอยขัดหม้อเบอร์ “0000” (ละเอียดมาก) แทนก็ได้
  6. ถ้าเป็นไม้เนื้ออ่อน ก็อาจต้องเคลือบ 2 - 3 ชั้น แต่ถ้าเป็นไม้เนื้อแข็ง แค่ชั้นเดียวก็พอ ไม้เนื้ออ่อนจะถูกกว่า และไม่เคยผ่านการเคลือบมาก่อน ไม้เนื้ออ่อนที่คนนิยมใช้กันก็เช่น สน สนซีดาร์ เรดวู้ดสปรูซ บัลซ่า และยิว ถ้าไม้เนื้อแข็งจะแน่นกว่า ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ดีๆ แพงๆ และดาดฟ้าหรือปูพื้น ไม้เนื้อแข็งที่คนนิยมใช้กันก็เช่น บีช ฮิคเคอรี่ มะฮอกกานี เมเปิล โอ๊ค และวอลนัท [7]
  7. ต้องทิ้งไว้หลายวันหน่อย กว่าจะใช้งานหรือขนเฟอร์นิเจอร์มาวางได้ เวลาน้ำโดนผิวไม้ ก็จะสีเข้มขึ้น แทนที่จะเป็นเม็ดแล้วไหลออกจากพื้นผิว
    • ต้องหมั่นดูแลโดยเคลือบไม้ซ้ำทุก 2 - 3 ปี
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ใช้สีย้อมไม้

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าจะเคลือบไม้นอกบ้าน ก็ต้องเลือกที่เป็น exterior grade ยิ่งสีย้อมไม้ใส แสดงว่าผสมน้ำมันเยอะ สีย้อมไม้ใสๆ จะเหมาะกับการเคลือบงานในบ้าน หรือไม้ที่จะไม่ตากแดดตากลมมากนัก
    • หาซื้อสีย้อมไม้ได้ตามร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างและงานช่าง
  2. ถ้าตรงไหนขรุขระ ตะปุ่มตะปำ จะยิ่งเด่นชัดหลังเคลือบสี เพราะสีย้อมไม้จะขับสีไม้ให้โดดเด่น ต้องใช้กระดาษทรายหนาๆ หรือตะไบเหล็กมาขัดให้เรียบเนียน
    • เก็บงานโดยขัดด้วยกระดาษทรายละเอียด (เบอร์ 220) จะได้ทาสีให้เรียบเนียนง่ายขึ้น
    • ปาดหรือเช็ดฝุ่นผงออกด้วยผ้าแห้ง เพราะเนื้อไม้ต้องแห้งสนิทก่อนลงน้ำมัน [8]
  3. โดยใช้แปรงทาสี พยายามให้เนียนเสมอกันที่สุด ทาให้ทั่วทั้งพื้นผิวแล้วทิ้งไว้ให้แห้ง 4 ชั่วโมงไปจนถึง 1 วัน แล้วค่อยทาอีกชั้น
  4. ไม้แห้งแล้วต้องขัดให้เนียนโดยใช้กระดาษละเอียด จากนั้นเช็ดด้วยผ้าเหนียวดักฝุ่น เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนทาสีชั้นที่ 2 สำคัญมากว่าเนื้อไม้ต้องแห้งและเรียบเนียนก่อนทาสีเพิ่ม
  5. ชั้นนี้ต้องรอนานหน่อยกว่าจะแห้ง แต่อย่าเร่ง ทิ้งไว้นานๆ จนแห้งสนิท น้ำมันกันน้ำจะได้ซึมลงเนื้อไม้ ให้เช็คสภาพไม้หลังทาสีชั้นที่ 2 ไปได้ 5 ชั่วโมง
    • จะรู้ว่าสีแห้งสนิทแล้วก็คือจับแล้วไม้เรียบลื่น ไม่เหนียวหนึบ
  6. ทำตามขั้นตอนจนเคลือบผิวเสร็จสิ้น หลังจากนี้ก็ใจเย็นหน่อย รอจนแน่ใจว่าทาสีเคลือบทั่วถึงเนียนเสมอแล้ว ทิ้งไว้สัก 3 - 7 วันกำลังดี แล้วค่อยกลับมาใช้งาน
    โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

ใช้น้ำมัน

  • น้ำมันวอลนัท น้ำมันลินซีด หรือน้ำมันตังอิ๊ว
  • น้ำมันสน (ไม่จำเป็น)
  • กระดาษทราย (หยาบและละเอียด)
  • ผ้าเช็ดชิ้นงานไร้ฝุ่น (lint-free)
  • ผ้าขี้ริ้วสำรอง
  • ฝอยขัดหม้อเบอร์ 0000

ใช้น้ำยารองพื้นไม้

  • น้ำยารองพื้นไม้สำเร็จรูป
  • แปรงทาสี
  • เครื่องพ่นสี (ไม่จำเป็น)
  • กระดาษทรายเบอร์ 220
  • ฝอยขัดหม้อเบอร์ 0000
  • ผ้าเหนียวเช็ดฝุ่น

ใช้สีย้อมไม้

  • สีย้อมไม้สูตรน้ำมัน
  • แปรงทาสี
  • กระดาษทราย (หยาบและละเอียด)

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 27,876 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา