ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เวลา Mac เครื่องค้างแต่ละที จะมีบอลสีรุ้งหมุนติ้วไม่ยอมหยุด หลายคนเลยพาลเรียกบอลสีรุ้งมรณะ! แต่ไม่ว่าจะชื่อไหน ถ้าเจ้าลูกบอลสีรุ้งโผล่มาในหน้าจอ Mac แล้วไม่ยอมจากไป ก็เป็นสัญญาณร้าย บอกว่าเครื่องค้างซะแล้ว ซึ่ง Apple ก็ได้แนะนำวิธีแก้ปัญหา Mac เครื่องค้างไว้หลายวิธีด้วยกัน

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

แก้ปัญหา Mac เครื่องค้าง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าโปรแกรมค้าง แต่คอมยังตอบสนองอยู่ ก็บังคับปิดโปรแกรมนั้นซะ แล้วใช้คอมต่อไป คุณบังคับปิดโปรแกรมที่ค้างได้หลายวิธีด้วยกัน
    • คลิกที่หน้า desktop หรือหน้าต่างที่เปิดอยู่ เพื่อสลับการใช้งานไปที่แอพอื่นที่ไม่ค้าง จากนั้นคลิกเมนู Apple แล้วเลือก "Force Quit" สุดท้ายเลือกโปรแกรมที่ค้าง แล้วคลิก "Force Quit" เพื่อปิด
    • กด Command + Option + Esc เพื่อเปิดเมนู Force Quit เลือกโปรแกรมที่ค้าง แล้วคลิก "Force Quit"
    • กด Option กับ Ctrl ค้างไว้ แล้วคลิกไอคอนของแอพใน Dock จากนั้นเลือก "Force Quit" ในเมนู
  2. ถ้าระบบไม่ตอบสนอง หรือเปิดเมนู Force Quit ตรงไหนไม่ได้เลย ให้บังคับรีสตาร์ทคอมแทน ทำได้หลายวิธีด้วยกัน แม้จะขยับเมาส์ไม่ได้ก็ตาม [1]
    • กด Command + Ctrl + Eject เพื่อบังคับรีสตาร์ทคอม. ปกติปุ่ม Eject จะอยู่มุมขวาบนของคีย์บอร์ด แต่ถ้าเป็น MacBook รุ่นใหม่ๆ อาจจะไม่มีปุ่ม Eject
    • ถ้ากดคีย์บอร์ดแล้วไม่ได้ผล หรือไม่มีปุ่ม Eject ให้กดปุ่ม Power ค้างไว้ประมาณ 5 วินาที เพื่อบังคับปิดคอม ปุ่ม Power จะอยู่มุมขวาบนของคีย์บอร์ด MacBook หรือด้านหลังของ iMac และคอมรุ่นอื่นๆ
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

แก้ปัญหาตามสาเหตุ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าค้างเฉพาะตอนใช้งานบางโปรแกรม แสดงว่าปัญหาอยู่ที่โปรแกรมนั้น แต่ถ้าค้างเรื่อยเปื่อย หรือตอนใช้งานทั่วไปในแต่ละวัน เป็นไปได้มากว่าปัญหาอยู่ที่ระบบปฏิบัติการ ถ้าคอมค้างตอนจะใช้อุปกรณ์ต่อขยาย เช่น พรินเตอร์ หรือไดรฟ์ USB ก็อาจเป็นที่อุปกรณ์นั้น ถ้าพอจะรู้สาเหตุเบื้องต้น ก็จะช่วยให้แก้ปัญหาได้ง่ายขึ้น
  2. ถ้าไดรฟ์สำหรับบูทเครื่องไม่เหลือพื้นที่ว่าง ก็เป็นสาเหตุทำระบบไม่เสถียรได้ ปกติไดรฟ์ที่ใช้บูทเครื่อง (ไดรฟ์ที่มีไฟล์ระบบปฏิบัติการ) ต้องมีพื้นที่ว่างอย่างน้อย 10 GB ขึ้นไป ถ้าน้อยกว่านั้น อาจจะ error ได้ [2]
    • วิธีเช็คพื้นที่ว่างที่มีได้รวดเร็วที่สุด ก็คือคลิกเมนู Apple แล้วเลือก "About This Mac" คลิก tab "Storage" เพื่อเช็คพื้นที่ที่ใช้ไปและพื้นที่ที่เหลือ ถ้าเหลือที่ว่างน้อยกว่า 10 GB ให้ลบบางไฟล์หรือบางโปรแกรมที่ไม่ต้องการแล้ว
  3. บางทีที่เครื่องค้าง อาจเกิดจาก bug ที่แก้ได้โดยใช้โปรแกรมหรือระบบปฏิบัติการ OS X เวอร์ชั่นล่าสุด ให้อัพเดท software น่าจะช่วยแก้ปัญหาที่พบเจออยู่ได้
    • คลิกเมนู Apple แล้วเลือก "Software Update" จากนั้นดาวน์โหลดและติดตั้งอัพเดทที่มี tool นี้จะค้นหาแล้วติดตั้งอัพเดทของระบบปฏิบัติการและแอพอื่นๆ ที่ลงผ่าน App Store ของ Mac
    • อัพเดทแอพนอก App Store เอง ถ้าเคยลงโปรแกรมนอก app store ให้ run Update tool ของแต่ละโปรแกรม หรือติดตั้งโปรแกรมเวอร์ชั่นล่าสุดจากในเว็บไซต์
  4. บางทีถ้าอุปกรณ์นั้นมีปัญหา ก็ทำให้คอมค้างได้ ให้ถอดปลั๊กอุปกรณ์ที่เป็นส่วนต่อขยายออกให้หมด เช่น พรินเตอร์ สแกนเนอร์ และ external hard drive หรือ thumb drive
    • เสียบอุปกรณ์กลับมาทีละเครื่อง เพื่อทดสอบว่าเครื่องค้างตอนไหน แบบนี้จะช่วยให้เช็คได้ว่าปัญหาเกิดจากอุปกรณ์ไหน
    • ถ้าเจอว่าอุปกรณ์ไหนทำคอมค้าง ให้เช็คในเน็ตว่ามีคนเคยเจอปัญหาแบบเดียวกันหรือเปล่า และเช็คว่าผู้ผลิตปล่อยอัพเดทแก้ปัญหามาหรือยัง
  5. ถ้าทำตามขั้นตอนด้านบนแล้วคอมยังค้าง ให้ลองทำ Safe Boot ดู อาจจะช่วยได้ โดยจะเป็นการโหลดขึ้นมาเฉพาะไฟล์ที่ OS X ต้องใช้ในการทำงาน และจะแก้ปัญหาสคริปต์โดยอัตโนมัติด้วยวิธีต่างๆ [3]
    • คุณเริ่ม Safe Boot ได้โดยรีสตาร์ท Mac แล้วกดปุ่ม Shift ค้างไว้ ทันทีที่ได้ยินเสียงคอมติด คอมจะโหลดเข้าโหมด Safe Boot ถ้า Mac รีสตาร์ทอัตโนมัติตอนอยู่ใน Safe Boot แสดงว่ากำลังแก้ปัญหาในไดรฟ์สำหรับบูทเครื่องอยู่
    • ถ้าคอมไม่ค้างตอนเข้าโหมด Safe Boot ให้รีสตาร์ทคอมตามปกติ เพื่อดูว่าแก้ไขไปตอนเข้า Safe Boot หรือยัง
  6. ถ้าปัญหาเกิดที่ boot disk ก็น่าจะซ่อมได้ด้วย Disk Utility ใน Recovery Mode [4]
    • รีสตาร์ทคอม แล้วกด Command + R ค้างไว้ระหว่างเปิดเครื่อง
    • เลือก "Recovery HD" จากในเมนูที่โผล่มา
    • เลือก "Disk Utility"
    • เลือกไดรฟ์ที่จะหา error แล้วคลิก tab "Repair" หรือ "First Aid"
    • คลิก "Repair Disk" เพื่อเริ่มสแกนหาปัญหา ถ้าเจอ Disk Utility จะลองแก้ไขอัตโนมัติ ซึ่งใช้เวลาสักพักกว่าจะเสร็จ
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 72,914 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา