ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การใช้แชมพูสระผมเป็นประจำถึงแม้ว่าจะเป็นการช่วยกำจัดฝุ่นและสิ่งสกปรกที่อยู่ในเส้นผม แต่ก็ทำให้น้ำมันธรรมชาติที่มีประโยชน์หายไปด้วยเช่นกัน ยิ่งถ้าใช้อุปกรณ์ที่ใช้ความร้อน สารเคมี อีกทั้งได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อม เส้นผมของคุณอาจจะแห้งกรอบ ชี้ฟู และเสียได้ อย่างไรก็ตาม การใช้ครีมนวดผมสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ง่ายๆ โดยทั่วไปแล้วมีครีมนวดผมอยู่ 3 ประเภท ได้แก่ ครีมนวดผมปกติ ครีมนวดผมแบบลีฟอิน และครีมนวดผมสูตรเข้มข้น แต่ละประเภทก็ทำหน้าที่คล้ายๆ กันในการทำให้เส้นผมของคุณนุ่มน่าสัมผัส

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ใช้ครีมนวดผมปกติ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ครีมนวดผมปกติจะใช้ทุกครั้งที่สระผม หลังจากล้างแชมพูออกไปแล้ว ครีมนวดผมประเภทนี้จะช่วยรักษาความเสียหายที่เกิดกับเส้นผมจากเครื่องมือที่ใช้ความร้อน สารเคมี และการเสียสภาพทั่วไปที่เส้นผมจะเจอในชีวิตประจำวัน ให้เลือกครีมนวดผมสูตรที่ตรงกับความต้องการของเส้นผมของคุณ ไม่ว่าคุณจะผมหยิกและชี้ฟู แห้งเสีย หรือลีบขาดชีวิตชีวา ก็ล้วนมีครีมนวดผมที่จะช่วยแก้ปัญหาของคุณได้
  2. อาบน้ำและสระผมตามปกติ คุณจะต้องใช้ครีมนวดผมหลังสระผมแล้ว ฉะนั้นให้ทำความสะอาดหนังศีรษะและเส้นผมให้ดีด้วยแชมพูโปรดของคุณ เน้นแรงทำความสะอาดไปที่หนังศีรษะ และอย่าดึงเส้นผมที่เปียกแรงๆ ขณะสระผม เพราะอาจสร้างความเสียหายต่อปลายผม และทำให้ผมขาดมากกว่าเดิม
  3. ถึงแม้ว่าจะฟังดูไม่น่าสนุกเท่าไหร่ แต่ทางที่ดีคุณควรเปิดน้ำให้เย็นที่สุดเท่าที่จะทนไหว น้ำเย็นปลอดภัยต่อเส้นผมมากกว่าน้ำร้อน และจะช่วยปิดเส้นผม ป้องกันไม่ให้ผมขาด ล้างแชมพูทั้งหมดด้วยน้ำเย็น ระวังอย่าดึงเส้นผมระหว่างที่ใช้นิ้วสาง เมื่อรู้สึกว่าผมสะอาดแบบที่ถูแล้วฝืด แสดงว่าล้างแชมพูหมดแล้ว
  4. หากผมของคุณเปียกโชก ครีมนวดก็จะไหลลงและไม่อยู่ติดกับเส้นผมนานพอที่จะส่งผลดีได้ ถ้าผมของคุณสั้นมากก็ไม่น่าจะต้องบิดเยอะเท่าไหร่ แต่หากคุณเป็นคนผมยาว ให้ใช้เวลาซักนิดเพื่อบิดน้ำออกให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
  5. เทครีมนวดผมใส่ฝ่ามือ ปริมาณที่ต้องใช้จะขึ้นอยู่กับความยาวของเส้นผมของคุณ ให้เริ่มต้นที่ขนาดประมาณเหรียญ 50 สตางค์สำหรับผมยาวประมาณคางหรือสั้นกว่า หากผมของคุณยาวมาก ก็อาจจะต้องใช้ครีมนวดผมเต็มฝ่ามือเลย ลูบครีมนวดใส่ปลายผม พยายามให้เคลือบผมทุกเส้นถ้าเป็นไปได้ เวลาใช้ครีมนวดผม ควรใส่ที่ปลายผมเท่านั้น เพราะเป็นส่วนที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด (อายุมากที่สุด) อันที่จริงแล้วถ้าใส่ครีมนวดใกล้ๆ หนังศีรษะและโคนผม มีสิทธิ์จะไปอุดตันรูขุมขน ทำให้ผมยาวช้าลงและกระตุ้นการผลิตน้ำมันให้มากขึ้นด้วยซ้ำ [1]
  6. ขั้นตอนนี้ไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น ยิ่งปล่อยครีมนวดทิ้งไว้นานเท่าไหร่ ก็จะยิ่งดีต่อสุขภาพผมของคุณมากขึ้นเท่านั้น ถ้าคุณรีบ จะล้างครีมนวดออกทันทีเลยก็ได้ แต่ผมของคุณก็จะไม่นุ่มและเป็นเงาเท่าปกติ ลองใช้วิธีใส่ครีมนวดผม แล้วล้างตัว/หน้าระหว่างรอให้ครีมนวดผมซึมเข้าไปสิ เมื่อคุณเสร็จแล้ว (ประมาณ 1-2 นาทีต่อมา) ค่อยล้างครีมนวดผมออกเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีเต็มที่
  7. เราเดาว่าคุณคงเปิดน้ำให้อุ่นอีกรอบไปแล้วเพื่อให้สบายตัว ตอนนี้ถึงเวลาเปิดน้ำให้เย็นที่สุดเท่าที่คุณจะทนไหวอีกครั้ง อย่างที่กล่าวไว้ว่าน้ำเย็นดีต่อสุขภาพเส้นผมมากกว่าน้ำร้อนนะ ให้ใช้เวลาซัก 2-3 นาทีเพื่อล้างครีมนวดผม ถ้าผมยังรู้สึกลื่นเป็นเมือกอยู่ แสดงว่ายังล้างครีมนวดออกไม่หมด เมื่อรู้สึกว่าเส้นผมเรียบและไม่ลื่นมาก ๆ แล้ว แสดงว่าเสร็จแล้วล่ะ! บิดผมให้หมาด ถือว่าเสร็จสิ้นการใช้ครีมนวดผม
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ใช้ครีมนวดผมแบบลีฟอิน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เลือกครีมนวดผมแบบลีฟอินที่เหมาะกับสภาพผมของคุณ. มีครีมนวดผมแบบลีฟอินหลายประเภทที่ขึ้นอยู่กับความต้องการแต่ละแบบ เช่นเดียวกันกับครีมนวดผมปกติ โดยทั่วไปแล้วมีครีมนวดผมแบบลีฟอินอยู่ 2 ชนิด คือแบบครีมและแบบสเปรย์ แบบครีมเหมาะสำหรับผมที่หนา ยาว หรือหยิก เพราะมันจะค่อนข้างทำให้เส้นผมหนัก ส่วนแบบสเปรย์จะเหมาะสำหรับผมที่บางหรือตรง เนื่องจากสัมผัสเบาบางขึ้นมาหน่อย
  2. ดูแลผมไปตามปกติ ครีมนวดผมแบบลีฟอินไม่จำเป็นต้องล้างออก แต่ต้องใช้ตอนผมหมาด ๆ ให้ทำตามขั้นตอนด้านบนเพื่อสระผมและใช้ครีมนวดผมปกติ จากนั้นใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมให้พอหมาด
  3. เทเซรั่มครีมนวดผมแบบลีฟอินปริมาณน้อย ๆ ใส่ฝ่ามือ. โดยทั่วไปแล้วผู้ผลิตจะแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ปริมาณขนาดเท่าเมล็ดถั่วสำหรับผมยาวปานกลางที่หนาในระดับปกติ แต่ปริมาณที่ใช้จริงก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน คุณสามารถเพิ่มผลิตภัณฑ์ได้อยู่แล้วถ้ารู้สึกว่าที่ใส่ไปตอนแรกยังไม่พอ ฉะนั้นให้เริ่มต้นโดยการใช้ครีมนวดน้อยกว่าที่คิดว่าจำเป็นจะต้องใช้
  4. ถูฝ่ามือเข้าด้วยกันให้ครีมนวดกระจาย และใช้นิ้วสางปลายผม ให้พยายามหลีกเลี่ยงบริเวณหนังศีรษะหรือโคนผมเช่นเดียวกันกับเวลาใช้ครีมนวดผมปกติ และเน้นให้ผลิตภัณฑ์ซึมเข้าส่วนของเส้นผมที่เสียมากที่สุด (เก่าที่สุด) ซึ่งโดยปกติแล้วก็คือตั้งแต่ครึ่งของความยาวเส้นผมลงไป
  5. ใช้หวีซี่ห่างหวีผมหลังจากใช้ครีมนวดผมแบบลีฟอินแล้ว ซึ่งจะทำให้ครีมนวดกระจายตัวทั่วถึงยิ่งขึ้น และป้องกันไม่ให้ครีมนวดติดกันเป็นก้อน ผมจะได้ไม่มันบางส่วนและแห้งบางส่วน [2]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ใช้ครีมนวดผมสูตรเข้มข้น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ครีมนวดผมสูตรเข้มข้น (Deep Conditioner) ล้วนมีจุดประสงค์เดียวกัน: เพื่อรักษาผมที่เสีย/แห้งมาก ๆ ฉะนั้นจึงไม่ได้มีครีมนวดผมสูตรเข้มข้นให้เลือกหลายประเภทนัก แค่มีหลายยี่ห้อมากกว่า ให้เลือกใช้ครีมนวดผมสูตรเข้มข้นที่เหมาะกับสภาพผมและงบของคุณ
  2. ล้างผมด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำเย็น (ยิ่งเย็นยิ่งดี) คุณจะสระผมก่อนก็ได้ แต่ที่จริงแค่ทำให้ผมเปียกทั้งหมดก็พอแล้ว เมื่อผมเปียกแล้วก็ให้บิดให้หมาดที่สุดเท่าที่จะทำได้
  3. ใช้มือตักครีมนวดผมออกจากกระปุก แล้วลูบให้ทั่วทั้งศีรษะ พยายามให้ปลายผมได้รับครีมนวดมากที่สุด แต่จะเกลี่ยให้ถึงโคนผมเลยก็ได้ อย่าลืมแยกผมที่ติดกันเป็นช่อใหญ่ ๆ ด้วยล่ะ ครีมนวดจะได้เคลือบผมหมดทุกเส้น
  4. ใส่หมวกอาบน้ำเพื่อที่ผมจะได้ไม่ติดเสื้อและใบหน้า แล้วทำตามคำสั่งของครีมนวดของคุณ โดยปกติแล้วมักจะต้องปล่อยครีมนวดให้ทำงานประมาณ 20-30 นาที ถ้าคุณอยากบำรุงเพิ่มขึ้นอีก จะเปิดไดร์เป่าผมให้อุ่น ๆ และเป่าเพิ่มความร้อนให้ครีมนวดผมไปด้วยก็ได้
  5. ถอดหมวกอาบน้ำและเปิดน้ำให้เย็นที่สุดเท่าที่คุณจะรับไหว ใช้เวลาซัก 3-5 นาทีเพื่อล้างครีมนวดออกให้หมด อย่าปล่อยให้หลงเหลืออยู่ในผมแม้แต่น้อย เมื่อไม่รู้สึกว่าผมลื่นเป็นเมือกแล้ว แสดงว่าคุณน่าจะล้างครีมนวดผมออกหมดแล้วล่ะ ถึงจุดนี้ก็สามารถปล่อยให้ผมแห้งและจัดทรงได้ตามต้องการ [3]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องมือที่ใช้ความร้อนและสารเคมีใส่ผมเป็นประจำ เพราะจะทำให้ผมเสียและทำให้คุณต้องใช้ครีมนวดผมมากขึ้นในชีวิตประจำวัน
  • ใช้ครีมนวดผมอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง อย่าใช้มากเกินไป และอย่าใส่ครีมนวดที่หนังศีรษะ โดยเฉพาะในกรณีที่คุณเป็นคนผมมันง่าย
  • อย่าหวีผมขณะที่ผมเปียก เพราะผมจะขาดหรือเสียได้ง่ายกว่า


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 64,115 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา