ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การให้ความสำคัญกับความรู้สึกของผู้อื่นคือการตระหนักถึงอารมณ์ของเขาและยอมรับว่าเป็นสิ่งสำคัญ ในทุกความสัมพันธ์ที่ดำเนินไปได้ด้วยดี การเห็นคุณค่าของความรู้สึกผู้อื่นเวลาที่เขารู้สึกไม่ดีเป็นสิ่งสำคัญ เริ่มจากการรับฟังและตอบกลับด้วยคำพูดง่ายๆ แล้วพยายามเข้าอกเข้าใจเขาให้ได้มากที่สุด แต่จำไว้ว่าในการที่จะยอมรับว่าอารมณ์ของเขาสมเหตุสมผลนั้น คุณไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับความรู้สึกหรือสิ่งที่เขาเลือกเสมอไป

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

รับฟังและตอบกลับ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    ตอบกลับด้วยคำพูดเพื่อให้เขารู้ว่าคุณกำลังฟัง. การให้ความสำคัญเริ่มต้นจากการฟังขั้นพื้นฐาน คุณต้องตอบกลับด้วยคำพูดสั้นๆ เพื่อให้เขารู้ว่าคุณได้ยินเขา พูดประมาณว่า "โอเค" "อือหื้อ" และ "เข้าใจ" ขณะที่อีกฝ่ายกำลังพูดเพื่อให้เขารู้สึกว่ามีคนรับฟัง [1]
  2. 2
    ใช้ภาษาท่าทางเพื่อแสดงออกว่าคุณกำลังฟัง. มองหน้าเขาและหันหน้าหรือทั้งตัวไปหาเขาขณะที่เขาพูด คุณอาจจะหยุดทำอย่างอื่นก่อนเพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณตั้งใจฟังและอยู่ตรงนั้นจริงๆ
    • ถ้าคุณกำลังทำอย่างอื่นระหว่างที่ฟังไปด้วย (เช่น พับผ้าหรือทำกับข้าว) ให้มองหน้าเขาเป็นระยะและส่งสัญญาณอื่นๆ ให้เขารู้ว่าคุณกำลังตั้งใจฟัง การสบตาเป็นการส่งสัญญาณที่ดีมาก
    • ถ้าภาษาท่าทางของคุณไม่ชัดเจนเนื่องจากความผิดปกติของร่างกาย คุณก็ทำให้เขารับรู้ได้ว่าคุณกำลังฟังอยู่ พยายามตอบสนองความต้องการของตัวเอง (เช่น ขยับมือข้างหนึ่งขณะที่มองคางเขา) หรืออธิบายตั้งแต่แรกเลยว่าภาษาท่าทางของคุณไม่เหมือนคนอื่น แต่ว่าคุณฟังอยู่นะ
  3. 3
    อยู่ปัจจุบัน. การให้ความสำคัญขั้นพื้นฐานที่สุดคือการอยู่ตรงนั้นกับเขาแม้ว่าความรู้สึกของเขามันจะหนักหนาหรือไม่น่าพอใจก็ตาม เก็บความอึดอัดของคุณไว้ก่อน และพยายามอยู่เคียงข้างเขาอย่างเต็มที่ ตัวอย่างวิธีที่จะทำให้เขาเห็นว่าคุณกำลังฟังอยู่ก็คือ:
    • กุมมือเขา
    • มองหน้าเขาตรงๆ
    • นั่งลงข้างเขาหรือลูบหลังเขา
    • บอกเขาว่า "ผมอยู่ตรงนี้"
  4. 4
    ตอบสนองต่ออารมณ์ทั่วไปหรือระดับพลังงานของเขา. ถ้าเขากำลังตื่นเต้น ปล่อยให้ตัวเองตื่นเต้นและมีความสุขไปด้วย ถ้าเขากำลังเศร้า ก็เห็นอกเห็นใจเขา ถ้าเขากำลังวิตกกังวล ให้ปลอบโยนและเข้าใจเขา การสะท้อนระดับพลังงานและการตอบสนองอารมณ์ของเขาจะช่วยให้เขารู้สึกว่ามีคนเข้าใจเขา
    • เช่น ถ้าเพื่อนสนิทของคุณตื่นเต้นมากที่จะได้ไปเดตกับคนใหม่ เขาอาจจะรู้สึกขอบคุณที่คุณร่วมตื่นเต้นหรือแสดงออกว่ามีความสุขไปกับเขาด้วย แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าเขารู้สึกไม่มั่นใจ การที่คุณตื่นเต้นเกินไปก็อาจทำให้เขารู้สึกอึดอัดได้ คุณต้องอ่านอารมณ์เขาให้ดีว่าเขากระปรี้ประเปร่าหรือกระตือรือร้นมากแค่ไหน
  5. 5
    ถามคำถามให้เขาได้อธิบาย. หลังจากที่เขาแสดงอารมณ์ทั้งหมดออกมาแล้ว ให้ถามคำถามเพื่อให้เขาอธิบาย วิธีนี้จะทำให้เขาสามารถให้รายละเอียดเกี่ยวกับความรู้สึกและความคิดในแบบที่ทำให้เขารู้สึกได้ว่ามีคนรับฟังเขาจริงๆ [2]
    • เช่น พูดทำนองว่า "แล้วมันทำให้คุณรู้สึกยังไง" หรือ "แล้วคุณคิดยังไงกับเรื่องนั้น"
  6. 6
    ทวนคำพูดของเขาซ้ำ. หลังจากที่เขาเล่าความคิดและความรู้สึกออกมาแล้ว ให้ทวนคำพูดเขาซ้ำ อาจจะรู้สึกไร้สาระนิดหน่อย แต่วิธีนี้เป็นการให้ความสำคัญกับความคิดของเขาด้วยการบอกให้เขารู้ว่า คุณได้ยินและเข้าใจเขา คุณอาจจะลองพูดว่า: [3]
    • "ก็คือเธอไม่พอใจที่อาจารย์แทบไม่ได้เตือนเธอก่อนเลยใช่มั้ย"
    • "ว้าว เธอดูตื่นเต้นมากเลย!"
    • "ต้องหนักหนามากแน่เลย"
    • "บอกฉันหน่อยว่าฉันเข้าใจถูกมั้ย เธอเสียใจที่พี่ชายของฉันล้อสำเนียงการพูดที่ผิดปกติของเธอ แล้วฉันเองก็ไม่ได้พูดอะไรใช่มั้ย"
  7. 7
    พยายามพูดให้น้อยลงและฟังให้มากขึ้น. คุณอาจจะมีคำพูดภายในใจเกี่ยวกับความคิดและความรู้สึกของเขาเป็นหมื่นล้านคำ และแม้ว่าวิจารณญาณของคุณจะเป็นประโยชน์ แต่เมื่ออีกฝ่ายเริ่มพูด แรกเริ่มคุณควรพยายามที่จะฟังก่อน อย่าพูดขัดจังหวะหรือพูดแทรกจนกว่าเขาจะพูดจบ [4]
    • จุดนี้อย่าเพิ่งให้คำแนะนำ เพราะมันอาจทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าคุณแค่ตอบแบบผิวเผินหรือคุณไม่ตระหนักถึงความรู้สึกของเขา แต่ให้ตั้งใจฟังและอยู่เคียงข้างเขา แค่คุณรับฟังเขา เขาอาจจะเจอคำตอบของสถานการณ์แล้วก็ได้
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

เข้าอกเข้าใจอีกฝ่าย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    ช่วยเขาอธิบายความรู้สึก. หลังจากที่เขาแสดงความรู้สึกออกมา ลองดูว่าคุณสามารถช่วยเขาอธิบายสิ่งที่เขารู้สึกและสาเหตุของมันได้บ้างไหม เช่น คุณอาจจะพูดประมาณว่า "ฉันว่าคุณน่าจะเจ็บปวดอยู่เหมือนกันใช่มั้ย" วิธีนี้จะทำให้เขารู้ว่า ความรู้สึกของเขาสำคัญกับคุณและคุณก็กำลังพยายามทำความเข้าใจ [5]
    • ถ้าคุณเดาถูก เขาก็น่าจะพูดว่า "ใช่ และ..." และอธิบายความรู้สึกของเขาเพิ่มเติม แต่ถ้าคุณเดาผิด เขาก็น่าจะพูดว่า "ไม่นะ จริงๆ แล้ว..." และอธิบายว่าจริงๆ แล้วเขารู้สึกอย่างไร ไม่ว่าคำตอบจะเป็นอะไรคุณก็ให้โอกาสเขาได้อธิบายและประมวลความรู้สึกอยู่ดี
  2. 2
    นึกถึงประสบการณ์แบบเดียวกันที่คุณเคยผ่านมา. ถ้าเป็นไปได้ทำให้เขารู้ว่าคุณเข้าใจเขาด้วยการโยงไปถึงประสบการณ์แบบเดียวกัน จากนั้นก็ย้อนกลับมาว่าคุณรู้สึกอย่างไร และความรู้สึกของเขาเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ วิธีนี้จะทำให้เขารู้สึกว่ามีคนเห็นความสำคัญ [6]
    • เช่น ถ้าพวกพี่สาวของเพื่อนไม่ชวนเขาไปเที่ยวด้วย คุณก็อาจจะพูดว่า "ใช่เลย การที่รู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยวนี่มันแย่จริงๆ พี่ชายฉันกับลูกพี่ลูกน้องไปตั้งแคมป์ด้วยกันทุกปี แต่พวกเขาก็ไม่เคยชวนฉันไปเลยนะ ฉันผิดหวังและเสียใจมากที่ถูกทิ้งให้อยู่นอกวง ฉันเข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงรู้สึกแย่ที่พวกพี่สาวของเธอไม่ชวนเธอร่วมวงด้วย การถูกทิ้งเอาไว้มันไม่สนุกเลย"
  3. 3
    ทำให้ปฏิกิริยาของเขาเป็นเรื่องธรรมดา. ถ้าคุณไม่เคยมีประสบการณ์แบบเดียวกัน คุณก็ยังสามารถเห็นความสำคัญของความรู้สึกเขาได้ คุณอาจจะพูดว่า "ฉันว่าคนส่วนใหญ่ในสถานการณ์แบบเดียวกันก็คงรู้สึกเหมือนกันนั่นแหละ" วิธีนี้เป็นการแสดงออกว่า คุณคิดว่าปฏิกิริยาของเขาสมเหตุสมผลและเขาก็มีสิทธิ์ที่จะรู้สึกถึงอารมณ์ที่เขากำลังรู้สึก ลองใช้คำพูดดังต่อไปนี้: [7]
    • "ไม่แปลกหรอกที่เธอไม่อยากฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ไม่มีใครชอบอยู่แล้ว"
    • "แหงล่ะว่าเธอต้องกังวลเรื่องขอเลื่อนตำแหน่งกับเจ้านาย เรื่องพวกนี้ใครๆ ก็กลัวกันทั้งนั้นแหละ"
    • "อืม ไม่แปลกว่าทำไมวันนี้เธอถึงไม่อยากออกไปข้างนอก"
  4. 4
    ตระหนักถึงอดีตส่วนตัวของเขา. นอกจากนี้คุณยังสามารถช่วยเขาได้ด้วยการตระหนักว่า อดีตที่ผ่านมามีผลต่ออารมณ์ของเขาอย่างไร ซึ่งมีประโยชน์มากในกรณีที่เขากังวลว่าตัวเองกำลังไม่มีเหตุผลหรือทำตัวไร้สาระ แม้ว่าเขาอาจจะตอบโต้รุนแรงเกินไปหน่อย คุณก็ควรช่วยให้เขาเข้าใจว่าเขามีสิทธิ์ที่จะรู้สึกในแบบที่เขารู้สึก ลองใช้คำพูดดังต่อไปนี้: [8]
    • "พอนึกดูว่าเอมเคยทำกับเธอยังไง ฉันก็เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงยังไม่อยากเดตกับใครสักพัก เธอต้องเยียวยาตัวเองอีกเยอะ"
    • "หลังจากขึ้นรถไฟเหาะครั้งล่าสุด ฉันก็รู้แล้วว่าทำไมเธอถึงลังเลไม่อยากเล่นอันนี้ เธออยากไปเล่นม้าหมุนแทนมั้ยล่ะ"
    • "พอนึกถึงว่าเมื่อปีที่แล้วเธอโดนหมากัด ฉันก็เข้าใจว่าเธอถึงกังวลที่เพื่อนบ้านเลี้ยงหมาตัวใหม่"
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

อย่าตอบกลับเหมือนไม่เห็นความสำคัญ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    อย่าแก้ไขความคิดของเขา. อย่าแก้ไขความคิดหรือความรู้สึกของเขาเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเขารู้สึกไม่ดี ถ้าเขากำลังทำตัวไม่มีเหตุผล คุณก็อาจจะอยากพูดให้เขาออกจากภาวะนั้นให้ได้ แต่มันจะกลายเป็นว่าคุณปฏิเสธความรู้สึกของเขา [9]
    • เช่น อย่าพูดว่า "มันไม่คุ้มที่จะโกรธหรอก" คุณอาจจะไม่เห็นด้วยกับปฏิกิริยาของเขา แต่การเห็นให้ความสำคัญไม่ใช่การเห็นด้วย มันเป็นแค่การยอมรับความรู้สึกของเขาเท่านั้น เพราะฉะนั้นคุณอาจจะพูดว่า "ฉันเข้าใจว่าทำไมคุณถึงโกรธ" หรือ "ดูท่าทางคุณโกรธอยู่เหมือนกันนะ" แทน
  2. 2
    อย่าให้คำแนะนำที่เขาไม่ต้องการ. หลายครั้งที่เวลามีใครมาเล่าปัญหาให้คุณฟัง เขาแค่อยากให้คุณรับฟังเฉยๆ ก่อนที่คุณจะอ้าปากพูดว่า "ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก" หรือ "ลองมองในแง่ดี" หยุดก่อน ตั้งใจฟังให้ดีว่าเขาพูดอะไร และเน้นไปที่การเห็นอกเห็นใจเป็นอันดับแรก เพราะเขาต้องประมวลอารมณ์ก่อน
    • ถ้าคุณอยากช่วย ให้ฟังก่อน หลังจากนั้นค่อยถามว่าเขาอยากให้คุณช่วยไหมและจะช่วยได้อย่างไร
    • ถ้าคุณไม่แน่ใจ ลองถามก่อนว่า "เธอมาคุยกับฉันเพราะอยากได้คำแนะนำ หรือแค่อยากระบายเฉยๆ"
  3. 3
    แน่ใจว่าให้ความสำคัญถูกประเภท. จำไว้ว่าคุณไม่สามารถให้ความสำคัญในทุกมิติได้เสมอไป เพราะฉะนั้นเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุด เช่น ถ้าคุณไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกของเขาได้ ก็อย่าพยายามเปรียบเทียบ แต่ให้แสดงการเห็นความสำคัญในรูปแบบอื่นแทน [10]
    • เช่น ถ้าเพื่อนเครียดเรื่องหย่า และคุณไม่เคยผ่านการหย่าร้างมาก่อน อย่าพยายามแสดงความเข้าอกเจ้าใจด้วยการยกเรื่องเลิกกับแฟนมาเปรียบเทียบ แต่ให้แสดงออกว่าคุณเห็นความสำคัญของความรู้สึกเขาด้วยคำพูดทั่วไป เช่น "มันเข้าใจได้มากๆ ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกแบบนั้น การหย่าร้างเป็นเรื่องที่หนักหนาสำหรับคนส่วนใหญ่จริงๆ"
  4. 4
    อย่ากล่าวโทษ. อย่ากล่าวโทษที่เขารู้สึกแบบนั้นเด็ดขาด โดยเฉพาะถ้าเขารู้สึกไม่ดี เพราะการกล่าวโทษจะดูเหมือนว่าคุณกำลังบอกว่า ความรู้สึกของเขาเป็นสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผล อย่าตอบกลับด้วยคำพูดประเภทนี้: [11]
    • "คร่ำครวญไปก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาหรอก เข้มแข็งแล้วลุกขึ้นสู้สิ"
    • "เธอเองก็เกินไป"
    • "เพราะงั้นเธอก็เลยเลือกที่จะโกรธเพื่อนสนิทตัวเองเหรอ แล้วมันช่วยให้เธอดีขึ้นมั้ย"
    • "อืม เขาอาจจะไม่ทำแบบนั้นกับเธอก็ได้ถ้าเธอไม่ได้ใส่กระโปรงสั้นขนาดนั้น"
  5. 5
    อย่าพยายาม "ปัดเป่า" ความรู้สึกของเขา. การปัดเป่า ก็คือการกำจัดความรู้สึกที่ไม่ดีออกไปและทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น [12] เช่น: [13]
    • "เฮ้ย มันไม่แย่ขนาดนั้นหรอก"
    • "ไม่ใช่เรื่องใหญ่ซะหน่อย"
    • "คิดบวกไว้สิ"
    • "สุดท้ายเดี๋ยวมันก็ผ่านไปได้! ไม่ต้องห่วงหรอก"
    • "เข้มแข็งหน่อยสิ"
    • "ลองมองในแง่ดีสิ"
  6. 6
    อย่าพยายามแก้ไขความรู้สึกของเขา. บางครั้งคนเราก็อยากให้คนที่เรารักหายเจ็บปวดแค่เพราะว่าเราไม่อยากให้เขารู้สึกแย่ ซึ่งแม้จะเป็นเจตนาดี แต่มันมักจะไม่ได้ช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้นในระยะยาว และเขาอาจจะรู้สึกว่าเขาผิดเองที่ยังทุกข์อยู่แม้ว่าคุณจะพยายามช่วยเขาแล้ว [14]
    • ถ้าคุณอยากช่วย ให้ฟังเรื่องราวทั้งหมดก่อนและระหว่างนั้นก็ให้ความสำคัญกับความรู้สึกของเขา แล้วค่อยถามว่าคุณจะช่วยได้อย่างไรหรือเสนอตัวช่วยเขาคิดวิธีแก้ปัญหา
    • ถ้าเขาเปิดใจให้คุณช่วยคิดวิธีแก้ปัญหา อย่าไปบอกว่าเขาต้องทำอะไร เช่น แทนที่จะพูดว่า "เธอควรปล่อยเขาไปนะ" ให้พูดว่า "ส่วนตัวนะ ฉันพยายามจะปล่อยคนที่ไม่อยากอยู่ในชีวิตของฉันไป และหันมาสนใจคนที่สำคัญกับฉันมากกว่า" วิธีนี้เป็นการให้เขาตัดสินใจเองว่า เขาจะทำแบบคุณหรือไม่
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • จำไว้ว่าการช่วยให้คนอื่นได้ประมวลอารมณ์ของตัวเองนั้นมีประโยชน์ชนิดที่คุณคาดไม่ถึง แม้ว่าคุณจะไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ให้เขาได้ แต่การฟังเขาพูดและให้ความสำคัญกับความรู้สึกของเขาก็ช่วยได้มากเช่นกัน
โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 3,768 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา