บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Jay Reid, LPCC
. เจย์ รีดเป็นที่ปรึกษาทางคลินิกมืออาชีพที่ได้รับใบอนุญาต (LPCC) ที่คลินิกส่วนตัวในซานฟรานซิสโก เขาเชี่ยวชาญด้านการช่วยเหลือคนที่เคยผ่านการอยู่ร่วมกับพ่อแม่หรือคนรักที่หลงตัวเอง โดยการรักษาของเขามุ่งเน้นไปที่การช่วยเหลือให้ผู้เข้ารับคำปรึกษาสามารถระบุและท้าทายความเชื่อที่ลดทอนคุณค่าของตัวเอง อันเป็นผลมาจากการที่เคยถูกคนหลงตัวเองทำร้าย เจย์ได้รับปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิตสาขาจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยเพนน์ซิลเวเนีย และวิทยาศาสตรมหาบัณฑิตสาขาจิตวิทยาคลินิกจากมหาวิทยาลัยเพนน์สเตท
มีการอ้างอิง 9 ข้อ
ที่อ้างอิงอยู่ในบทความ ซึ่งสามารถพบได้ทางด้านล่างของบทความ
บทความนี้ถูกเข้าชม 1,972 ครั้ง
แทบจะไม่มีอะไรเจ็บปวดและโดดเดี่ยวไปกว่าการถูกรังแกอีกแล้ว โดยเฉพาะหากคุณต้องประสบสิ่งนี้ในบ้าน แม้ว่าคุณจะไม่สามารถเปลี่ยนคำพูดและทัศนคติของพ่อแม่ได้ แต่คุณสามารถเปลี่ยนวิธีการตอบโต้ ได้ และอย่าเพิ่งกังวล ในบทความนี้เราได้รวบรวมวิธีการ เคล็ดลับ และกลไกการรับมือมากมายที่จะช่วยให้คุณอดทนกับชีวิตประจำวันได้มากขึ้น
ขั้นตอน
-
หาสถานที่ที่คุณสามารถหลบเลี่ยงพ่อแม่ได้. อาจจะเป็นห้องนอนส่วนตัว หรือเป็นมุมในสวนหรือหลังบ้าน คุณอาจจะไปบ้านเพื่อนหรือสถานที่อื่นๆ ที่คุณรู้สึกปลอดภัยและได้อยู่ห่างจากพ่อแม่ เมื่อสถานการณ์เริ่มไม่ค่อยดี ให้ไปยังที่ปลอดภัยเพื่อหาความเงียบสงบ [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- พยายามเลือกสถานที่ที่พ่อแม่จะเข้าไปวุ่นวายหรือรังควานคุณไม่ได้ เช่น ห้องนั่งเล่นหรือพื้นที่ส่วนรวมอื่นๆ อาจจะไม่เหมาะเป็นพื้นที่ปลอดภัยสักเท่าไหร่
โฆษณา
-
ไปยังพื้นที่ปลอดภัยแทนที่จะโต้เถียง. เมื่อบทสนทนาเริ่มจะทำร้ายจิตใจคุณและคุกรุ่น พยายามอย่าสู้กลับแต่ให้เดินหนี คุณไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณพ่อแม่ และคุณก็ไม่จำเป็นต้องก้มหน้ายอมรับคำพูดที่ทำร้ายจิตใจของพวกเขาด้วยเช่นกัน [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- คุณอาจจะไปบ้านเพื่อนหรือบ้านญาติหากสถานการณ์เริ่มแย่
-
ขอบเขตช่วยสร้างระยะห่างที่ปลอดภัยระหว่างคุณกับพ่อแม่. จำไว้ว่าคุณไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณพ่อแม่ โดยเฉพาะหากพวกเขาดูแคลนคุณอยู่เสมอ แต่ให้ตั้งสติแล้วบอกพวกเขาว่าอะไรทำได้และทำไม่ได้ และอะไรที่คุณจะไม่ทน การกำหนดขอบเขตที่ชัดเจนให้พ่อแม่อาจช่วยป้องกันไม่ให้พวกเขารังแกคุณได้อีกในวันข้างหน้า [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- คุณอาจจะพูดว่า “ผมเข้าใจว่าพ่อกับแม่ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของผม แต่พ่อแม่ทำกับผมแบบนี้ไม่ได้ ถ้ายังไม่เลิกพูดทำร้ายจิตใจกันอีก ผมจะอยู่บ้านให้น้อยที่สุด”
โฆษณา
-
พ่อแม่ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องที่อยู่ในใจคุณ. ลองคิดแบบนี้ดูนะ ถ้ามีใครรังแกคุณที่โรงเรียนหรือที่ทำงาน คุณก็คงไม่เล่าความลับและความกังวลที่ใหญ่ที่สุดให้พวกเขาฟังใช่ไหม หลักการนี้ใช้กับพ่อแม่ของคุณได้เช่นกัน คุณไม่จำเป็นต้องเล่าให้พ่อแม่ฟังว่าคุณคิด กังวล ตั้งความหวัง และมีความฝันเรื่องอะไรบ้าง โดยเฉพาะหากพวกเขาเป็นพิษกับคุณและหยาบคายใส่คุณอยู่เสมอ [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องเก็บงำความคิดและความรู้สึกไว้กับตัวเองนะ! แต่ให้เล่าสิ่งที่คุณคิดให้เพื่อน ญาติ หรือผู้ใหญ่ที่คุณไว้ใจแทน
-
“ค” มาจากคำว่า “คับแคบ.” คุณอาจจะเผลอนำคำพูดทำร้ายจิตใจของพ่อแม่เก็บมาคิดเป็นจริงเป็นจัง โดยเฉพาะหากคุณยังอาศัยอยู่บ้านเดียวกัน แต่สิ่งที่พวกเขาคิดและความคิดเห็นของพวกเขานั้นคับแคบมาก และไม่ได้บ่งบอกถึงคุณค่าหรือความสามารถของคุณด้วย การนึกภาพ “ค” อาจทำให้คุณดึงตัวเองออกจากการถูกพ่อแม่รังแกได้ง่ายขึ้นอีกนิด และเตือนตัวเองว่าคำพูดของพวกเขาไม่ใช่กฎหมาย [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิงโฆษณา
-
สุดท้ายแล้วความเป็นอยู่ที่ดีด้านอารมณ์ของคุณคือสิ่งที่สำคัญที่สุด. การที่คุณอยากทำให้พ่อแม่มีความสุขนั้นไม่ใช่เรื่องที่ผิดอย่างแน่นอน แต่มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยหากพวกเขาแสดงความคิดเห็นที่หยาบคายและทำร้ายจิตใจอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นเปลี่ยนไปให้ความสำคัญกับการตัดสินใจที่ทำให้ คุณ มีความสุขและเติมเต็มแทนการมัวแต่กังวลถึงคำพูดของพ่อแม่จะดีกว่า [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าพ่อแม่บังคับให้คุณเล่นกีฬา ให้เลือกชมรมหรือกิจกรรมที่คุณอยากทำแทน
- ถ้าพ่อแม่วิจารณ์การแต่งตัวของคุณ ให้ใส่เสื้อผ้าที่คุณชอบต่อไป
-
การตอบโต้อย่างหุนหันพลันแล่นไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมากนัก. เวลาที่พ่อแม่วิจารณ์อะไรที่ทำให้คุณเจ็บช้ำน้ำใจ เป็นเรื่องที่เข้าใจได้มากๆ ว่าคุณคงอยากสวนคำพูดแรงๆ กลับไปเหมือนกัน แต่โชคร้ายที่การตอบโต้ในช่วงเวลาที่กำลังคุกรุ่นอาจทำให้บทสนทนายิ่งบานปลาย และสถานการณ์จะยิ่งแย่กว่าเดิมในระยะยาว เพราะฉะนั้นให้พูดอย่างคนมีการศึกษาและเป็นกลางๆ แต่ไม่ลดทอนคุณค่าของตัวเอง [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- การตอบกลับ เช่น “น่าสนใจค่ะ” “พ่อแม่จะคิดยังไงก็ได้ค่ะ” หรือ “ขอหนูคิดดูก่อนนะคะ” เป็นการตอบอย่างมีการศึกษาและแสดงการให้เกียรติ
โฆษณา
-
พยายามนึกย้อนกลับไปถึงต้นตอของความรู้สึกไม่มั่นคง. คำพูดที่ทำร้ายจิตใจของพ่อแม่ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อการรับรู้ถึงคุณค่าในตัวเอง โดยเฉพาะหากพวกเขาวิจารณ์คุณอย่างโหดร้ายเมื่อคุณยังเด็ก เตือนตัวเองว่าคุณค่าของคุณไม่ได้ผูกติดกับความคิดเห็นของพ่อแม่ที่มีต่อคุณ คุณเป็นคนที่ยอดเยี่ยมและมีคุณค่า ไม่ว่าคุณจะได้เกรดเท่าไหร่หรือชอบทำกิจกรรมอะไรในเวลาว่างก็ตาม [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าตอนเด็กๆ พ่อแม่บอกว่าคุณ “โง่” หรือ “ไม่มีความรับผิดชอบ” เพราะว่าคุณได้เกรดไม่ดี ให้บอกตัวเองทำนองว่า : “คุณค่าของฉันไม่ได้วัดจากตัวหนังสือหรือตัวเลข ถึงฉันจะไม่ดีพอสำหรับพ่อแม่ แต่ฉันดีพอสำหรับตัวเอง และนั่นต่างหากที่สำคัญ”
-
การถูกพ่อแม่รังแกส่งผลต่อความเป็นอยู่ที่ดีของคุณอย่างมหาศาล. พยายามนอนหลับนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอทุกวัน รับประทานอาหารและขนมที่ดีต่อสุขภาพตลอดทั้งวัน และอย่าลืมหาเวลาออกกำลังกายด้วยไม่ว่าจะเป็นวิ่งจ็อกกิ้ง ไปฟิตเนส หรือเล่นกีฬา [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง เมื่อมีเวลาว่างก็ใช้เวลากับเพื่อนๆ และญาติที่ทำให้คุณรู้สึกมั่นใจขึ้น ไม่ใช่คนที่วิจารณ์คุณอย่างไม่ไว้หน้า [10] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เช่น ตอนกลางคืนคุณอาจจะออกไปดูหนังกับเพื่อนๆ แทนที่จะอยู่บ้านกับพ่อแม่
- ยิ่งคุณรู้สึกสดชื่นและตื่นตัวมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งรับมือกับพ่อแม่ในชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้น
โฆษณา
-
คุณไม่จำเป็นต้องฝ่าฟันสถานการณ์นี้ตามลำพัง. แต่ให้ใช้เวลากับเพื่อนๆ หรือญาติที่คุณไว้ใจให้มากขึ้นแทน การสร้างระบบสนับสนุนที่ดีและกว้างขวางเป็นวิธีที่ช่วยเตือนตัวเองว่าคุณไม่ได้โดดเดี่ยว [11] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- คุณอาจจะโทรหาป้าหรือลุงที่คุณสนิท หรือใช้เวลากับเพื่อนร่วมงานให้มากขึ้น
-
บางโรงเรียนและมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่มีผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรม. แวะห้องพักครูแนะแนวและดูว่าคุณสามารถนัดเวลาได้ไหม พวกเขาสามารถแนะนำวิธีการและแนวคิดที่ใช้ได้ผลเพื่อให้คุณสามารถรับมือกับช่วงเวลาที่บ้านได้ง่ายขึ้น [12] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- คุณสามารถพูดคุยกับผู้ใหญ่ที่คุณไว้ใจได้เลย ไม่ว่าจะเป็นพยาบาล ครู หรือผู้บริหารโรงเรียน
โฆษณา
-
สายด่วนคือคำตอบหากคุณไม่สามารถเล่าให้ใครฟังได้. การถูกรังแกเป็นความรู้สึกที่เลวร้ายและสิ้นหวัง โดยเฉพาะหากคนที่รังแกคุณคือพ่อแม่ แต่โชคดีที่ยังมีคนที่พร้อมให้ความช่วยเหลือและรับฟังมากมายที่อยู่ห่างจากคุณแค่กริ๊งเดียว [13] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- โทรหาบริการสายด่วนสุขภาพจิตได้ที่ 1323
- โทรหาบริการสายด่วนช่วยเหลือเด็กได้ที่ 1387
- โทรหาบริการสายด่วน Depress We Care ซึมเศร้าเราใส่ใจได้ที่ 081-932-0000 หรือ inbox เพจ Depress We Care
- โทรหาสมาคมสะมาริตันส์ ได้ที่ 02-713-6793 เวลา 12.00-22.00 น. สำหรับกรุงเทพฯ และ 053- 225-977 ถึง 78 เวลา 19.00-22.00 น. สำหรับเชียงใหม่
บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ https://us.ditchthelabel.org/parents-emotionally-bully-me/
- ↑ https://us.ditchthelabel.org/parents-emotionally-bully-me/
- ↑ https://www.psychologytoday.com/us/blog/addiction-and-recovery/202005/tips-managing-toxic-parents
- ↑ https://psychcentral.com/blog/imperfect/2018/08/10-tips-for-dealing-with-your-toxic-parents#10-tips-for-coping-with-dysfunctional,-alcoholic,-or-toxic-parents
- ↑ https://www.psychologytoday.com/us/blog/liking-the-child-you-love/202101/if-you-have-toxic-parents-read
- ↑ https://www.washingtonpost.com/lifestyle/advice/miss-manners-stop-trying-to-please-abusive-parent/2021/01/24/3d44392a-5362-11eb-a08b-f1381ef3d207_story.html
- ↑ https://kirovapsychology.com.au/2019/05/31/how-to-deal-with-toxic-parents/
- ↑ https://www.psychologytoday.com/us/blog/liking-the-child-you-love/202101/if-you-have-toxic-parents-read
- ↑ https://www.psychologytoday.com/us/blog/click-here-happiness/201812/self-care-12-ways-take-better-care-yourself