ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
อยากรู้ไหมเขาเขียนโปรแกรมกันยังไง? สำหรับบางคน การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ฟังดูเป็นเรื่องท้าทาย จนพาลคิดไปว่าต้องเทคคอร์สกันจริงจัง สำหรับบางภาษา (ที่ใช้เขียนโปรแกรม) ก็ถือว่าถูก แต่รู้ไหมว่ายังมีอีกหลายภาษาที่ลองเรียนสัก 1 - 2 วันคุณก็พอจับทางเขียนโปรแกรม (เบื้องต้น) ได้แล้ว ภาษา Python [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ก็เป็นหนึ่งในนั้น บอกเลยว่าแค่ไม่กี่นาทีคุณก็เขียนโปรแกรมพื้นฐานด้วยภาษา Python ได้แล้ว ว่าแล้วก็เลื่อนลงไปอ่านขั้นตอนที่ 1 กันเลยดีกว่า
ขั้นตอน
-
เข้าไปในเว็บไซต์ของ Python. คุณสามารถดาวน์โหลดทุกอย่างที่ต้องการเพื่อเริ่มใช้ Python ได้จากเว็บไซต์ Python ( python.org/downloads ทางเว็บควรจะตรวจอัตโนมัติว่าคุณใช้ Windows และแสดงลิงก์ไปที่ Windows installer
-
เลือกเวอร์ชั่นที่คุณต้องการจะติดตั้ง. ตอนนี้มี Python อยู่สองเวอร์ชั่นให้เลือกavailable: 3.x.x กับ 2.7.10 Python ให้ดาวน์โหลดได้ทั้งคู่ แต่ผู้ใช้ใหม่ควรเลือกเวอร์ชั่น 3.x.x แต่ดาวน์โหลดเวอร์ชั่น 2.7.10 ถ้าคุณจะเอามาใช้งานกับ legacy Python code หรือกับโปรแกรมที่ยังไม่ปรับเป็น 3.x.x
- ไกด์นี้ขอสมมติว่าคุณจะติดตั้งเวอร์ชั่น 3.x.x.
-
เปิด installer หลังดาวน์โหลดเสร็จ. คลิกปุ่มเวอร์ชั่นที่ต้องการจะดาวน์โหลด ใช้ installer นี้หลังจากดาวน์โหลดได้
-
ตรวจดูตรงกล่อง "Add Python 3.5 to PATH". นี่จะให้คุณเปิดทำงาน Python โดยตรงจาก Command Prompt.
-
คลิก "Install Now". นี่จะติดตั้ง Python พร้อมค่าที่ตั้งไว้ทั้งหมด ซึ่งเหมาะกับผู้ใช้ส่วนใหญ่
- หากคุณต้องการเลิกใช้บางหน้าที่การทำงาน ให้เปลี่ยนที่มาของตัวติดตั้งหรือติดตั้งตัวแก้ไข คลิกที่ "Customize installation" แทนแล้วติ๊กกล่องบางกล่องตามต้องการ
โฆษณา
Mac
-
ตัดสินใจว่าคุณต้องการติดตั้ง Python 3.x.x. เครื่องระบบ OS X ทุกตัวมาพร้อมกับ Python 2.7 ติดตั้งไว้แล้ว ถ้าไม่ต้องการใช้เวอร์ชั่นใหม่กว่านั้น ก็ไม่ต้องติดตั้งอะไร แต่ถ้าอยากเข้าถึง Python เวอร์ชั่นล่าสุด ก็จำเป็นต้องติดตั้งเวอร์ชั่น 3.x.x.
- ถ้าต้องการจะใช้เวอร์ชั่นที่มีอยู่แล้ว คุณสามารถสร้าง scripts ใน text editor แล้วเปิดมันผ่านช่องทางนี้
-
ดาวน์โหลดไฟล์ Python 3.x.x จากเว็บไซต์ Python. ไปที่ ( python.org/downloads ทางเว็บควรจะตรวจอัตโนมัติว่าคุณใช้ Mac และแสดงลิงก์ไปที่ installation files ถ้าไม่เป็นอย่างนั้น คลิกลิงก์ "Mac OS X"
-
คลิกไฟล์ PKG สองหนเพื่อเริ่มติดตั้ง Python. ทำตามคำสั่งที่ขึ้นมาเพื่อติดตั้ง Python ผู้ใช้ส่วนใหญ่เหมาะจะใช้ตามค่าตั้งต้น
-
เปิด Python ใน Terminal นี้. เพื่อตรวจดูว่าติดตั้งสำเร็จหรือไม่ ให้เปิด Terminal แล้วพิมพ์ python3 มันจะเริ่มเปิดหน้าจอ Python 3.x.x และแสดงเวอร์ชั่นนี้โฆษณา
Linux
-
ตรวจดูเวอร์ชั่นของ Python ที่ติดตั้งมาแล้ว. Linux เกือบทั้งหมดติดตั้ง Python มาแล้ว คุณตรวจดูว่าใช้เวอร์ชั่นไหนโดยการเปิด Terminal แล้วพิมพ์ python
-
ติดตั้งเวอร์ชั่นล่าสุดใน Ubuntu. เปิดหน้าต่าง Terminal แล้วพิมพ์ sudo apt-get install python
- คุณยังสามารถติดตั้ง Python โดยใช้แอป Add/Remove Applications ของ Ubuntu ที่อยู่ในหน้าต่าง Applications
-
ติดตั้งเวอร์ชั่นล่าสุดใน Red Hat และ Fedora. เปิดหน้าต่าง Terminal แล้วพิมพ์ sudo yum install python
-
ติดตั้งเวอร์ชั่นล่าสุดใน Arch Linux. ล็อกอินในฐานะผู้ใช้งานหลัก พิมพ์ pacman -S python
-
ดาวน์โหลด IDLE environment. ถ้าต้องการจะใช้ Python development environment ก็ใช้ software manager แค่ค้นหา "python idle" เพื่อติดตั้งมันโฆษณา
ส่วนสำคัญอื่นๆ
-
ติดตั้ง Python interpreter. ถ้าเป็นผู้ใช้ทั่วไปก็ลง interpreter ได้เลย ไม่ต้องปรับเปลี่ยน settings ใดๆ คุณควบรวม Python กับ Command Prompt ได้โดยเลือกตัวเลือกสุดท้ายในรายการ modules ที่มี [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ติดตั้ง text editor. จริงๆ คุณสร้างโปรแกรมภาษา Python ใน Notepad หรือ TextEdit ได้เลย แต่จะอ่าน/เขียนโค้ดง่ายกว่ามาก ถ้าใช้โปรแกรม text editor สำหรับการนี้โดยเฉพาะ คุณเลือกได้หลายโปรแกรมฟรี ตั้งแต่ Notepad++ (Windows), TextWrangler (Mac) ไปจนถึง JEdit (ทุกระบบ)
-
ทดสอบโปรแกรมที่ติดตั้งไป. เปิด Command Prompt (Windows) หรือ Terminal (Mac/Linux) แล้วพิมพ์ python Python จะเปิดขึ้นมา และมีเลขเวอร์ชั่นให้ดูด้วย คุณจะเห็น command prompt ของ Python interpreter เขียนว่า >>>
- ให้พิมพ์ print("Hello, World!") แล้วกด ↵ Enter ข้อความ Hello, World! ก็จะไปขึ้นเป็นบรรทัดคำสั่งล่างสุดในหน้าต่าง command prompt ของ Python
โฆษณา
-
รู้ก่อนว่า Python นั้นไม่ต้อง compile. Python เป็นภาษาที่ถูกแปล/แปลงแล้ว (interpreted language) แปลว่าคุณเปิดโปรแกรมได้ทันทีที่แก้ไขไฟล์ จะใช้คำสั่งวนซ้ำ (loop/iterate) ปรับปรุง (revise) หรือแก้ไขโปรแกรมตรงไหนก็เร็วได้ใจกว่าภาษาอื่นเยอะ
- Python เป็นหนึ่งในภาษาเขียนโปรแกรมที่เข้าใจและเรียนรู้ได้ง่ายที่สุด แค่ไม่กี่นาทีคุณก็สร้างโปรแกรม (พื้นฐาน) ได้แล้ว
-
ทดลองใช้ interpreter. คุณใช้ interpreter ทดสอบโค้ดได้โดยยังไม่ต้องเพิ่มเข้าโปรแกรมจริงๆ สะดวกมากสำหรับมือใหม่หัดใช้คำสั่ง หรือเวลาจะเขียน throw-away program (ต้นแบบโปรแกรมที่ไม่ได้เอาไว้ใช้งานจริง)
-
เรียนรู้วิธีใช้ Python จัดการกับ object และ variable ต่างๆ. Python นั้นเป็นภาษาแบบ object-oriented คือทุกอย่างในโปรแกรมจะถูกจัดเป็น object โดยคุณไม่ต้องประกาศตัวแปร (declare variables) ตอนเริ่มโปรแกรม (จะทำตอนไหนก็ได้) และไม่ต้องระบุชนิดตัวแปรเฉพาะเจาะจง (เช่น integer, string เป็นต้น)โฆษณา
ลองใช้ฟังก์ชั่นเครื่องคิดเลขง่ายๆ ดูก่อน จะได้เข้าใจ syntax ของ Python รวมถึงวิธีจัดการจำนวนและ string ต่าง
-
เปิด interpreter. เปิด Command Prompt หรือ Terminal แล้วพิมพ์ python จากนั้นกด ↵ Enter เพื่อเปิด Python interpreter คุณจะเห็น command prompt ( >>> ) ของ Python
- ถ้าคุณไม่ได้ควบรวม Python กับ command prompt ของระบบ ก็ต้องเข้าโฟลเดอร์ Python ก่อน ถึงจะเปิด interpreter ได้
-
ทดสอบคิดเลขง่ายๆ. คุณใช้ Python คิดเลขง่ายๆ ได้ ลองดูตัวอย่างที่เรายกมาในกรอบข้างล่าง ว่าใช้ฟังก์ชั่นเครื่องคิดเลขยังไง หมายเหตุ: # ใช้ใส่ความคิดเห็นในโค้ด Python ไม่มีผลกับฟังก์ชั่นของ interpreter แต่อย่างใด
>>> 3 + 7 10 >>> 100 - 10 * 3 70 >>> ( 100 - 10 * 3 ) / 2 # ผลหารจะออกมาเป็นจำนวนจุดลอยตัว (ทศนิยม) เสมอ 35.0 >>> ( 100 - 10 * 3 ) // 2 # Floor division (เครื่องหมาย "/" 2 ตัว) จะปัดทศนิยมในผลลัพธ์ออก 35 >>> 23 % 4 # นี่จะคำนวณผลหารที่เหลือ 3 >>> 17.53 * 2.67 / 4.1 11.41587804878049
-
คำนวณเลขยกกำลัง. คุณใช้ตัวดำเนินการ (operator) ** กำหนดเลขยกกำลังได้ Python จะคำนวณได้ทีละมากๆ ตามตัวอย่างข้างล่าง
>>> 7 ** 2 # 7 ยกกำลัง 2 49 >>> 5 ** 7 # 5 ยกกำลัง 7 78125
-
สร้างและใช้งานตัวแปร. คุณใช้ตัวแปร (variable) ใน Python คำนวณพีชคณิตง่ายๆ ได้ เป็นตัวอย่างที่ควรศึกษาเรื่องวิธีกำหนดตัวแปรในโปรแกรม Python คุณใส่ตัวแปรได้ด้วยสัญลักษณ์ = ลองศึกษาตัวอย่างข้างล่างดู
>>> a = 5 >>> b = 4 >>> a * b 20 >>> 20 * a // b 25 >>> b ** 2 16 >>> width = 10 # ตัวแปรจะเป็น string ไหนก็ได้ >>> height = 5 >>> width * height 50
-
ปิด interpreter. พอใช้เสร็จแล้วก็ปิด interpreter ได้เลย แล้วกลับไปที่ command prompt โดยกด Ctrl + Z (Windows) หรือ Ctrl + D (Linux/Mac) แล้วกด ↵ Enter หรือพิมพ์ quit() แล้วกด ↵ Enter ก็ได้โฆษณา
-
เปิดโปรแกรม text editor. คุณสร้าง test program หรือโปรแกรมทดสอบได้ทันที ซึ่งจะช่วยให้คุณทำความคุ้นเคยกับวิธีการสร้างและเซฟโปรแกรมเบื้องต้น จากนั้นก็เอาไปเปิดใน interpreter ได้เลย นอกจากนี้คุณยังทดสอบได้ด้วย ว่า interpreter ติดตั้งถูกต้องหรือยัง
-
สร้าง "print" statement. "Print" เป็นหนึ่งในฟังก์ชั่นพื้นฐานของ Python ใช้แสดงข้อมูลใน terminal ตอนเขียนโปรแกรม หมายเหตุ: "print" ถือเป็นฟังก์ชั่นของ Python 3 ที่เปลี่ยนไปจาก Python 2 มาก โดยใน Python 2 นั้นคุณต้องพิมพ์ "print" ตามด้วยข้อมูลที่จะแสดง แต่ใน Python 3 "print" กลายมาเป็นฟังก์ชั่นเต็มตัว คุณต้องพิมพ์ "print()" โดยข้อความที่จะแสดงจะอยู่ในวงเล็บ
-
ใส่ statement. หนึ่งในวิธีทดสอบภาษาเขียนโปรแกรมที่ง่ายที่สุด ก็คือแสดงข้อความ "Hello, World!" ให้ได้ ให้คุณพิมพ์ข้อความนี้ใน "print()" statement รวมถึงใส่เครื่องหมายคำพูดด้วย
print ( "Hello, World!" )
- Python ต่างจากภาษาอื่นตรงที่คุณไม่ต้องปิดบรรทัดด้วย ; และไม่ต้องใส่วงเล็บปีกกา ( {} ) เวลากำหนด block โดยในภาษา Python จะกำหนด block ด้วยการย่อหน้าแทน
-
เซฟไฟล์. คลิกเมนู File ของโปรแกรม text editor แล้วเลือก Save As ในเมนูที่ขยายลงมา ใต้ช่องพิมพ์ชื่อ ให้เลือก file type หรือชนิดไฟล์ของ Python ถ้าคุณใช้ Notepad (ซึ่งเราไม่แนะนำ) ให้เลือก "All Files" แล้วเติม ".py" ต่อท้ายชื่อไฟล์
- ให้เซฟไฟล์ไว้ในตำแหน่งที่หาง่ายหน่อย เพราะเดี๋ยวต้องไปที่ไฟล์นั้นใน command prompt
- ในตัวอย่างนี้ เราจะเซฟไฟล์ชื่อ "hello.py"
-
เปิดโปรแกรม. เปิด Command Prompt หรือ Terminal แล้วไปตำแหน่งที่เซฟไฟล์ไว้ พอเจอแล้วให้เปิดไฟล์โดยพิมพ์ hello.py แล้วกด ↵ Enter ถ้าทุกอย่างถูกต้อง คุณจะเห็นข้อความ Hello, World! ขึ้นที่ล่าง command prompt
- อันนี้แล้วแต่ว่าคุณลง Python ไว้ยังไงและเลือกใช้เวอร์ชั่นไหน บางทีก็ต้องพิมพ์ python hello.py หรือ python3 hello.py ถึงจะเปิดโปรแกรมได้
-
หมั่นทดสอบบ่อยๆ. หนึ่งในข้อดีที่เห็นได้ชัดของ Python ก็คือคุณทดสอบโปรแกรมใหม่ที่เพิ่งเขียนไปได้ทันที วิธีฝึกเขียนโปรแกรมที่แนะนำ คือเปิด command prompt คู่ไปกับโปรแกรม text editor พอเซฟค่าใหม่ใน editor เมื่อไหร่ ก็เปิดโปรแกรมจากหน้าต่าง command ได้ทันที ทำให้ทดสอบค่าใหม่ของโปรแกรมได้รวดเร็วทันใจโฆษณา
-
ทดสอบด้วย flow control statement พื้นฐาน. Flow control statement ให้คุณควบคุมฟังก์ชั่นของโปรแกรมได้โดยกำหนดเงื่อนไขแบบเฉพาะเจาะจง [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง statement พวกนี้ถือเป็นหัวใจของการเขียนโปรแกรมด้วยภาษา Python คุณใช้สร้างโปรแกรมที่มีฟังก์ชั่นการทำงานแตกต่างกันไปได้ แล้วแต่ข้อมูลและเงื่อนไขต่างๆ while statement นั้นเป็นตัวแรกที่น่าทดลอง ในตัวอย่างนี้จะใช้ while statement คำนวณลำดับฟีโบนัชชี (Fibonacci) ได้มากถึง 100
# แต่ละจำนวนในลำดับ Fibonacci คือ # ผลรวมของ 2 จำนวนก่อนหน้า a , b = 0 , 1 while b < 100 : print ( b , end = ' ' ) a , b = b , a + b
- ลำดับจะไล่ไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่ (while) b นั้นน้อยกว่า (<) 100
- ผลลัพธ์จะเป็น 1 1 2 3 5 8 13 21 34 55 89
- คำสั่ง end=' ' จะแสดงผลลัพธ์ในบรรทัดเดียวกัน แทนที่จะแยกแต่ละค่า (value) ไว้คนละบรรทัดกัน
- มีบางอย่างในโปรแกรมพื้นฐานที่ควรรู้ถ้าคิดจะสร้างโปรแกรมซับซ้อนกว่าในภาษา Python
- สังเกตย่อหน้า : หมายความว่าบรรทัดต่อๆ มาจะถูกย่อหน้าเข้าไป และเป็นส่วนหนึ่งของ block ในตัวอย่างข้างบน print(b) กับ a, b = b, a+b นั้นเป็นส่วนหนึ่งของ block while การย่อหน้าให้ถูกนั้นสำคัญมาก เพราะจะเป็นตัวกำหนดเลยว่าโปรแกรมจะใช้งานได้หรือเปล่า
- หลายตัวแปรอยู่ในบรรทัดเดียวกันได้ อย่างในตัวอย่างข้างบน a กับ b นั้นก็อยู่ในบรรทัดแรกทั้งคู่
- ถ้าคุณเปิดโปรแกรมนี้ใน interpreter โดยตรง คุณต้องปิดท้ายด้วยบรรทัดใหม่ว่างๆ interpreter จะได้รู้ว่าโปรแกรมเสร็จแล้ว
-
สร้างฟังก์ชั่นของโปรแกรม. คุณกำหนดฟังก์ชั่นไว้เรียกใช้ในโปรแกรมทีหลังได้ สะดวกมากถ้าอยากได้หลายๆ ฟังก์ชั่นในโปรแกรมเดียว ในตัวอย่างต่อไปนี้ คุณสร้างฟังก์ชั่นเรียกเลข Fibonacci ที่เหมือนกับจำนวนที่คุณเพิ่งเขียนไปได้ [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
def fib ( n ): a , b = 0 , 1 while a < n : print ( a , end = ' ' ) a , b = b , a + b print () # หลังจากนี้คุณเรียกใช้จำนวน Fibonacci ก่อนหน้านี้ # กับค่าไหนก็ได้ที่ต้องการ fib ( 1000 )
- จากนี้คุณจะได้ 0 1 1 2 3 5 8 13 21 34 55 89 144 233 377 610 987 ออกมา
-
สร้างโปรแกรม flow control ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น. Flow control statement ให้คุณกำหนดเงื่อนไขเฉพาะไว้เปลี่ยนการทำงานของโปรแกรมได้ ถือว่าสำคัญมากถ้าต้องรับมือกับข้อมูลที่ผู้ใช้ป้อนเข้ามา ตัวอย่างต่อไปนี้จะใช้ if , elif (else if) กับ else ในการสร้างโปรแกรมพื้นฐานสำหรับประเมินอายุของผู้ใช้ [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
age = int ( input ( "Enter your age: " )) if age <= 12 : print ( "It's great to be a kid!" ) elif age in range ( 13 , 20 ): print ( "You're a teenager!" ) else : print ( "Time to grow up" ) # ถ้ามี statement ไหนเป็นความจริง # ข้อความที่เกี่ยวข้องจะโผล่ขึ้นมา # แต่ถ้าไม่มี statement ไหนจริงเลย ข้อความที่เป็น "else" # จะโผล่มาแทน
- โปรแกรมนี้ยังแนะนำให้คุณรู้จักอีก 2 - 3 statement ที่สำคัญด้วย คุณจำไปใช้ได้กับอีกหลายโปรแกรมเลย
- input() - บอกให้ผู้ใช้ป้อนข้อมูลด้วยคีย์บอร์ด ผู้ใช้จะเห็นข้อความในวงเล็บ อย่างในตัวอย่างนี้ input() นั้นอยู่ในฟังก์ชั่น int() อีกที แปลว่าทุกข้อมูล (input) จะถูกมองว่าเป็นจำนวนเต็ม (integer)
- range() - ฟังก์ชั่นนี้ใช้ได้หลายแบบ อย่างในตัวอย่างนี้ใช้เช็คว่าเป็นจำนวนตั้งแต่ 13 - 20 หรือเปล่า ถ้าเกินกว่าระยะนี้จะไม่ถูกนำมาคำนวณรวม
- โปรแกรมนี้ยังแนะนำให้คุณรู้จักอีก 2 - 3 statement ที่สำคัญด้วย คุณจำไปใช้ได้กับอีกหลายโปรแกรมเลย
-
รู้จัก conditional expressions อื่นๆ. ในตัวอย่างก่อนหน้า เราใช้สัญลักษณ์ "น้อยกว่าหรือเท่ากับ" (<=) เช็คว่าอายุที่ผู้ใช้พิมพ์มาตรงตามเงื่อนไขหรือเปล่า คุณใช้ conditional expressions เดียวกันนี้เหมือนเวลาคำนวณเลขได้ แต่ให้พิมพ์ต่างออกไป
ความหมาย สัญลักษณ์ สัญลักษณ์ Python Conditional Expressions. [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง น้อยกว่า< < มากกว่า> > น้อยกว่าหรือเท่ากับ≤ <= มากกว่าหรือเท่ากับ≥ >= เท่ากับ= == ไม่เท่ากับ≠ != -
อย่าหยุดเรียนรู้. ที่เราหยิบยกมาเป็นแค่ความรู้พื้นฐานการเขียนโปรแกรมด้วยภาษา Python เท่านั้น ถึงจะนับเป็นหนึ่งในภาษาที่เข้าใจง่ายที่สุด แต่ก็ยังมีรายละเอียดรอให้คุณศึกษาอีกมากกว่านี้ คุณจะเรียนรู้ได้ดีที่สุดจากการลงมือหัดเขียนโปรแกรมไปเรื่อยๆ นี่แหละ! อย่างน้อยคุณก็เขียนโปรแกรมจากศูนย์ได้ทันใจใน interpreter เลย เวลาจะทดสอบค่าใหม่ของโปรแกรมก็ง่ายพอๆ กับตอนเปิดโปรแกรมจากในหน้าต่าง command line เลย
- มีตำราสอนเขียนโปรแกรมด้วยภาษา Python ดีๆ หลายเล่มเลย เราขอยกมาเฉพาะภาษาอังกฤษ คือ "Python for Beginners", "Python Cookbook" แล้วก็ "Python Programming: An Introduction to Computer Science"
- แต่ที่เยอะและหาอ่านได้ง่ายที่สุดก็คือสารพัดเว็บในอินเทอร์เน็ต ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้น Python 2.X อยู่ ให้ลองนำตัวอย่างมาปรับใช้ดู
- ถ้าคุณต้องการจะใช้ python แบบออนไลน์แต่ต้องการใช้ python 3 Repl [1] มีตัวแปล python ที่ใช้ระบบ linux เทียม อีกแหล่งหนึ่งออนไลน์สำหรับชาว "pythonista" (โปรแกรมเมอร์ที่ชอบ python ทั้งหลาย) ก็คือ thinkfunctional [2] ส่วนถ้าต้องการความท้าทายกว่านั้น "Automate the Boring Stuff" [3] และ Project Euler [4] ก็มีให้ลองดู
- เดี๋ยวนี้ตามมหาวิทยาลัยเขาก็เปิดคอร์สสอนภาษา Python กัน โดยเฉพาะพวกวิชาเขียนโปรแกรมพื้นฐาน เพราะถือเป็นภาษาที่เข้าใจและเรียนรู้ได้ง่ายที่สุดภาษาหนึ่งเลย
โฆษณา
เคล็ดลับ
- Python นี่แหละหนึ่งในภาษาเขียนโปรแกรมที่ง่ายที่สุด แต่ก็ต้องอาศัยความสนใจและตั้งใจในการเรียนรู้ด้วย ถ้าคุณพอมีความรู้พื้นฐานด้านพีชคณิตรับรองจะไปโลด เพราะ Python นั้นเน้นด้านการคิดคำนวณทางคณิตศาสตร์ซะเป็นส่วนใหญ่
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา