ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

คุณอาจรักสัตว์เลี้ยงของคุณ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องรักที่มันทำให้บ้านคุณส่งกลิ่นเหม็นไปด้วย บ้านที่มีกลิ่นเหมือนสัตว์เลี้ยงสามารถทำให้เกิดปัญหาได้ทกอย่างเลยล่ะ คุณอาจอายคนที่มาบ้าน หรือใช้เวลาอยู่ในบ้านน้อยลง แต่ไม่ต้องกังวลไป กลิ่นของสัตว์เลี้ยงเป็นอะไรที่คุณจัดการมันได้ด้วยการทำนู่นนี่นิดหน่อยและเปลี่ยนแปลงอะไรอีกเล็กน้อย กุญแจสำคัญคือให้สนใจกับแหล่งที่ทำให้เกิดกลิ่นก่อนจะระบุถึงกลิ่นในจุดอื่นๆ ทั่วบ้าน

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ทำความสะอาดแหล่งที่ส่งกลิ่น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สัตว์เลี้ยงอาจปล่อยบางอย่างที่ส่งกลิ่นเหม็นไว้ตอนที่มันวิ่งวุ่นไปทั่วบ้านคุณ ซึ่งนั่นอาจเป็นขน สะเก็ดผิวหนัง โคลน และรอยฉี่หรืออึของมัน ในการกำจัดแหล่งกลิ่นเหล่านี้ ก็ให้ดูดฝุ่นทั้งบ้านเสียเลย [1] ใช้หัวดูดฝุ่นเฉพาะแบบเมื่อจำเป็น และอย่าลืมดูดฝุ่นบริเวณเหล่านี้ด้วยนะ
    • พื้น
    • ขอบผนัง
    • พรมต่างๆ
    • เฟอร์นิเจอร์
    • พื้นใต้เฟอร์นิเจอร์
    • หมอน
    • บริเวณที่สัตว์เลี้ยงชอบอยู่ตรงนั้น
  2. ทำความสะอาดพรมของสัตว์เลี้ยงด้วยน้ำยาทำความสะอาดชนิดเอนไซม์. การทำความสะอาดแบบไม่ถูกต้องเหมาะสมมักจะเป็นตัวร้ายที่ทำให้เกิดกลิ่นสัตว์เลี้ยงขึ้น ถ้ามีบริเวณที่เคยวางพรมของสัตว์เลี้ยงเอาไว้ไม่นาน ให้ฉีดสเปรย์ทำความสะอาดชนิดเอนไซม์ใส่ ปล่อยให้ชุ่มแบบนั้นไว้ 30 นาที จากนั้นก็ซับให้แห้งด้วยผ้าสะอาด จะเห็นได้ว่ากลิ่นสัตว์เลี้ยงที่น่ารำคาญก็จะหายไป
    • น้ำยาทำความสะอาดชนิดเอนไซม์เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะมันจะไปแตกตัวโปรตีนในฉี่ อึ อาเจียน และคราบอื่นๆ ในทางชีวภาพ [2]
  3. การทำความสะอาดคราบสกปรกเป็นจุดๆ จะช่วยกำจัดกลิ่นจากบริเวณที่เฉพาะเจาะจงได้ แต่ในพรมของคุณอาจมีกลิ่นที่แตกต่างกันในจุดต่างๆ เต็มไปหมด ฉะนั้นให้ซักพรมไปเลยเพื่อกำจัดกลิ่นเหม็นที่มีทั่วบ้านนั้นเอง มันอาจใช้เวลาสักหน่อย แต่ให้อดทนเอาไว้นะ เพราะบ้านที่ไร้กลิ่นนี่แหละคุ้มค่าที่สุดแล้ว [3] คุณจะใช้สารทำความสะอาดแบบแห้งหรือแบบน้ำในการทำความสะอาดพรมก็ย่อมได้
    • สำหรับแบบแห้ง ให้โรยผงทำความสะอาดให้ทั่วผืนพรม ทิ้งเอาไว้อย่างน้อย 30 นาทีให้สารทำงาน จากนั้นดูดตัวสาร ฝุ่น และกลิ่นออกจากพรมได้เลย
    • ลองใช้น้ำยาซักพรม โดยเทน้ำยาลงส่วนที่เครื่องซักจะปล่อยน้ำออกมาพร้อมกับน้ำ และเทน้ำยาทำความสะอาดลงในช่องผงซักฟอก กดปุ่มและดูดพรมทั้งผืน ปล่อยให้พรมแห้งอย่างน้อย 24 ชั่วโมง จากนั้นก็ดูดพรมอีก
  4. กลิ่นของสัตว์เลี้ยงมักจะซ่อนอยู่ตามเฟอร์นิเจอร์ เก้าอี้ตัวโปรดของแมวคุณก็อาจเป็นสิ่งหลักๆ ที่ปล่อยกลิ่นน่ารำคาญเลยก็เป็นได้ ประเภทของเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ก็จะมีวิธีทำความสะอาดที่ดีที่สุดของมัน แต่คุณควรตรวจสอบป้ายเตือนก่อนจะทำความสะอาด เพื่อให้มั่นใจว่าเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนั้นไม่ได้ควรทำความสะอาดแบบแห้งอย่างเดียว โดยป้ายเตือนที่มีตัวอักษร S หมายความว่า ห้ามทำความสะอาดด้วยน้ำ และ X หมายถึงให้ทำความสะอาดแบบแห้งเท่านั้น
    • ใช้แปรงทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ที่หุ้มเบาะ อย่างเช่นโซฟา โดยเติมน้ำอุ่นกับน้ำยาล้างจานหลายๆ หยดลงไป กวนน้ำเพื่อให้เกิดฟอง นำแปรงขนนุ่มจุ่มลงไปในฟองแล้วขัดผิวเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมด จากนั้นใช้ผ้าหมาดๆ เช็ด และผึ่งลมให้แห้ง
    • หนังสัตว์และผ้าคล้ายหนังสัตว์จะค่อนข้างบอบบางกว่าหน่อย แต่ก็สามารถทำความสะอาดได้อยู่ โดยให้ผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำเปล่าในอัตราส่วนเท่ากัน แล้วจุ่มผ้าลงไป บิดให้น้ำออกมามากที่สุด เพื่อที่ผ้าจะได้หมาดๆ จากนั้นก็เช็ดผิวเฟอร์นิเจอร์เพื่อกำจัดกลิ่นที่น่ารำคาญนั่น [4]
  5. พวกสัตว์เลี้ยงมีนิสัยชอบเล่น ซึ่งบ่อยครั้งที่จะเป็นการไปเล่นสกปรก การอาบน้ำสม่ำเสมอนั้นเหมาะกับสุนัขและเฟอร์เร็ต และสัตว์เลี้ยงอื่นๆ บางตัวก็ควรอาบนานๆ ที ให้พาสัตว์เลี้ยง (และของเล่นที่มันชอบตอนอาบน้ำ ถ้ามี) ลงอ่างน้ำ กะละมัง หรือถัง ใช้ถังหรือสายยางทำให้ขนสัตว์เลี้ยงเปียกก่อน จากนั้นลงแชมพูสำหรับสัตว์บนขนและหนังด้วยมือจนกว่าจะออกมาสะอาดและเต็มไปด้วยฟอง แล้วล้างแชมพูออกให้สะอาดหมดจด ทีนี้ก็จะออกมากลิ่นหอมแถมยังดูดีด้วยนะ
    • ขณะที่อาบน้ำมัน ให้ใส่ใจกับอุ้งเท้า ส่วนด้านหลัง และบริเวณใดๆ ที่สัตว์เลี้ยงอาจเอาไปถูกับอะไรบางอย่าง
    • อ่อนโยนกับสัตว์เลี้ยงของคุณด้วยนะ อย่าไปล้างหน้า ตา หรือหูมันด้วยน้ำผสมแชมพูล่ะ แชมพูเข้าตาเมื่อไรมีเจ็บแน่ๆ และถ้าน้ำเข้าหูก็จะทำให้เกิดติดเชื้อราได้ [5]
  6. จุดที่แสนสบายนี้ก็คือจุดที่มีกลิ่นสัตว์เลี้ยงติดแน่นเลยล่ะ [6] โชคดีที่ที่นอนส่วนใหญ่สามารถนำลงซักเครื่องได้ปกติโดยใช้น้ำอุ่นหรือน้ำร้อน จากนั้นก็ทำให้แห้งในเครื่องอบแห้งได้
    • เตียงที่มีขนาดใหญ่กว่านั้นมักจะมีปลอกคลุมที่ถอดออกได้ โดยให้เอาปลอกไปซักในเครื่องซักผ้า สำหรับกลิ่นที่ติดกับไส้ในนั้น ให้ใช้เบกกิ้งโซดาโรยบนไส้ที่นอน แล้วดูดเบกกิ้งโซดาออกมา จากนั้นก็ใส่ปลอกที่สะอาดแล้วกลับไป ก็จะได้ที่นอนสะอาดๆ ไร้กลิ่นแล้วล่ะ
  7. การที่พาสัตว์เลี้ยงขึ้นมาเล่นบนเตียงช่างเป็นอะไรที่แสนสุข อย่างไรก็ตาม การทำความสะอาดเตียงบ่อยๆ ให้ดีก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะมันอาจเป็นตัวเก็บกลิ่นของสัตว์เลี้ยงได้เช่นกัน ให้นำปลอกหมอน ผ้ารองเตียง ผ้าปูเตียง ปลอกผ้านวม และผ้าห่มออกมาจากเตียง ซักพวกผ้าและผ้าห่มในเครื่องซักผ้า โดยเติมน้ำส้มสายชู ¼ ถ้วย (59 มล.) ลงในเครื่องเพื่อประสิทธิภาพในการกำจัดกลิ่นที่ดีขึ้น [7] แล้วนำเครื่องนอนไปผึ่งให้แห้งหรืออบแห้ง
    • ขณะที่ซักพวกเครื่องนอนอยู่ ให้เอาเบกกิ้งโซดาโรยเตียงให้ทั่ว และก่อนที่จะใส่พวกผ้ากลับไป ให้ดูดเบกกิ้งโซดาขึ้นมา
  8. สัตว์เลี้ยงของคุณถือว่าโชคดีที่มีของเล่นและของใช้เยอะแยะเป็นของมัน อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ทำความสะอาดและยังโยนทิ้งไว้ทั่วบ้าน ก็จะทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ขึ้นมาล่ะ ให้ซักของเล่นที่เป็นผ้า เชือก ผ้าขนหนู ปลอกคอ และเชือกจูงด้วยเครื่องซักผ้า อบแห้งในเครื่องอบ ส่วนของเล่นที่เป็นของแข็ง ชามข้าว และของเล่นที่เป็นยาง ก็ให้จุ่มลงในน้ำสบู่ร้อน
  9. เป็นที่เข้าใจกันว่ากระบะทรายทำให้เกิดกลิ่นเหม็นพอควรเลยล่ะ ในการทำความสะอาดมัน ให้เทวัสดุข้างในใส่ลงถุงขยะพลาสติกก่อน จากนั้นก็ขัดกระบะด้วยน้ำสบู่ ในการกำจัดคราบและกลิ่นเหม็นที่ยังฝังแน่น ให้เทน้ำส้มสายชูลงกระบะและปล่อยแช่เอาไว้ประมาณ 30 นาที จากนั้นขัดด้วยแปรง ล้างน้ำ และผึ่งลมให้แห้ง
    • เมื่อกระบะแห้งสนิทแล้ว ให้ใส่ทรายลงไปใหม่ โรยเบกกิ้งโซดาตามลงไปเพื่อป้องกันเรื่องกลิ่น [8]
  10. ถ้าคุณเลี้ยงหนู หนูถีบจักร เจอร์บิล เฟอร์เรต กระต่าย และสัตว์อื่นๆ ที่อยู่ในกรงและต้องมีวัสดุรองกรง กรงนั้นอาจทำให้บ้านคุณเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นได้เลย ให้ค่อยๆ นำสัตว์เลี้ยงออกไปไว้ในที่ที่ปลอดภัย อย่างกรงอีกกรงหนึ่ง จากนั้นก็ทำความสะอาดซะ
    • นำของในกรงออกมาให้หมด และเอาวัสดุรองกรงออกไปทิ้ง
    • ทำความสะอาดของเล่นและชามใส่อาหาร
    • ทำความสะอาดพื้นกรงด้วยน้ำและน้ำสบู่
    • ผึ่งลมให้กรงแห้ง
    • ใส่วัสดุรองกรงสะอาดๆ ไว้ในกรง
    • เปลี่ยนของเล่นและชามใส่อาหาร
    • พาสัตว์กลับเข้ากรง
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

ไล่กลิ่นที่อยู่ทั่วบ้าน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ไม่มีอะไรที่เหมือนกับอากาศสดชื่นที่จะพัดพากลิ่นแย่ๆ ออกไปแล้วล่ะ ในฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน และฤดูใบไม้ร่วง ให้เปิดหน้าต่างให้ลมเข้าทั่วบ้านเพื่อเป่าลมสดชื่นเข้ามาในหน้าต่างฝั่งหนึ่ง และพัดไล่กลิ่นเหม็นออกไปอีกฝั่ง [9]
    • ในช่วงที่อากาศหนาว ให้เปิดหน้าต่างแค่บานเดียวต่อครั้ง และเปิดเพียงไม่กี่นาทีเพื่อไล่อากาศออกจากบ้านไป
  2. ใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรอง HEPA ดักจับสะเก็ดผิวหนัง ขน และแหล่งที่ทำให้เกิดกลิ่นอื่นๆ ถ้าคุณมีอาการแพ้ วิธีนี้จะยิ่งได้ผลดีเลยล่ะ เพราะแผ่นกรองนี้จะลดฝุ่นและสิ่งที่ทำให้เกิดอาการแพ้ในอากาศให้อีกด้วย
    • เปลี่ยนแผ่นกรองในเครื่องฟอกอากาศทุกๆ สองสามเดือน หรือตามคำแนะนำของผลิตภัณฑ์ [10]
  3. มีผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นมากมายที่ใช้ดับกลิ่นสัตว์เลี้ยงได้ โดยคุณสามารถหาซื้อได้ในร้านค้า หรือจะทำเองก็ได้หากต้องการ สองสิ่งที่ได้รับความนิยมที่สุดคือเบกกิ้งโซดาและน้ำส้มสายชู ซึ่งคุณสามารถใช้ฉีดไปรอบๆ บ้าน บนพรม บนเตียง หรือที่ไหนก็ตามเพื่อกำจัดกลิ่นได้ ในการทำน้ำยาดับกลิ่นเองนั้น ให้ทำดังนี้
    • เติมน้ำส้มสายชูธรรมดาลงไปในขวดสเปรย์ หยดน้ำมันหอมระเหย พวกกลิ่นเลมอน ลาเวนเดอร์ หรือวนิลาตามที่คุณชอบลงไป 5 ถึง 10 หยด จากนั้นก็ฉีดน้ำส้มสายชูนี้รอบๆ บ้าน [11]
    • เติมเบกกิ้งโซดา ¼ ถ้วย (55 ก.) ลงในขวดสเปรย์แล้วเติมน้ำลงไป เขย่าให้เข้ากัน และฉีดให้ทั่ว [12]
  4. ไม่ว่าบ้านคุณจะมีกลิ่นสัตว์เลี้ยงติดหรือไม่ สเปรย์ดับกลิ่นก็จะทำให้บ้านของคุณมีกลิ่นหอมสดชื่นอยู่ดี โดยเลือกซื้อสเปรย์หรือจะทำเองก็ได้ แถมยังมีกลิ่นให้เลือกอีกมากมาย ตั้งแต่กลิ่นวนิลาเบาๆ จนไปถึงกลิ่นมะนาวสดชื่น เมื่อคุณจะเลือกสเปรย์ เจล หรือแบบปลั๊กเสียบ ต้องดูให้แน่ใจว่ามันออกแบบมาให้ปลอดภัยสำหรับสัตว์เลี้ยง [13] ฉีดสเปรย์ให้ทั่วบ้านเพื่อให้บ้านมีกลิ่นที่สดชื่น
    • คุณยังสามารถทำสเปรย์ดับกลิ่นได้ด้วยตัวเอง โดยการเติมน้ำลงหม้อ ต่อด้วยเปลือกมะนาว และสมุนไพรที่ชอบลงไป ต้มน้ำให้เดือด จากนั้นก็หรี่ไฟให้เดือดอ่อนๆ บนเตา เพื่อให้กลิ่นหอมลอยไปทั่วบ้าน
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ป้องกันไม่ให้เกิดกลิ่นสัตว์เลี้ยง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การทำความสะอาดอาจน่าเบื่อ แต่วิธีที่ดีที่สุดในการยั้งไม่ให้บ้านมีกลิ่นสัตว์เลี้ยงติดอยู่ก็คือทำความสะอาดเป็นประจำและกำจัดสิ่งสกปรกออกไปให้หมด นิสัยการทำความสะอาดที่ดีนั้นรวมถึงการดูดฝุ่น ล้างพื้น ซักผ้า และปัดฝุ่นเป็นประจำด้วย เพื่อผลที่ออกมาดีที่สุด ให้ทำดังนี้ [14]
    • ดูดฝุ่นสามครั้งต่อสัปดาห์
    • ล้างพื้นทุกสัปดาห์ด้วยน้ำส้มสายชูผสมน้ำ
    • ปัดฝุ่นทุกสัปดาห์
    • ซักผ้าตามความจำเป็น เมื่อตะกร้าเต็มแล้ว
    • ทำความสะอาดพรมทุกๆ สองเดือน
  2. คุณอาจอยากทิ้งสิ่งสกปรกเอาไว้จัดการทีหลัง แต่พยายามทำความสะอาดให้เร็วที่สุดเพื่อเลี่ยงกลิ่นที่จะโชยไปทั่วเถอะ ตักส่วนที่เป็นของแข็งทิ้งในถังขยะ ซับส่วนที่เป็นของเหลว ฉีดน้ำยาทำความสะอาดชนิดเอนไซม์และทิ้งไว้ 30 นาที จากนั้นซับบริเวณนั้นด้วยพรมเช็ดเท้าหรือผ้า และปล่อยให้ลมพัดให้แห้ง
    • ฉี่ อึ และอ้วกจะยิ่งทำให้เกิดกลิ่นที่แย่มาก ฉะนั้นให้กำจัดมันออกไปเป็นสิ่งแรกๆ เพื่อบ้านที่มีกลิ่นสดชื่นกว่าเดิม [15]
  3. ซักล้างของเล่น เครื่องนอน และของใช้เป็นประจำ. กลิ่นสัตว์เลี้ยงสามารถเกิดขึ้นซ้ำๆ ได้ตลอด ฉะนั้นการทำความสะอาดและซักล้างก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ ซักเครื่องนอน ของเล่นที่เป็นผ้า สายจูง และปลอกคอด้วยเครื่องซักผ้าทุกๆ เดือน ล้างของเล่นที่เป็นของแข็งทุกเดือนในอ่างที่ใส่น้ำสบู่ ชามน้ำนี่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ โดยควรล้างด้วยน้ำสบู่ทุกสัปดาห์เลย [16]
  4. สัตว์เลี้ยงที่แต่งขนอย่างดีไม่เพียงแต่จะส่งกลิ่นที่ดี แต่จะยังทำให้ดูสวยดูหล่ออีกด้วย อาบน้ำให้มัน ตัดเล็บ และแปรงฟันเป็นประจำ การคอยดูแลแต่งขนให้มันเป็นประจำจะทำให้บ้านคุณมีกลิ่นที่ดีขึ้นมาก เพราะขน เล็บที่สกปรก และกลิ่นปากที่ไม่พึงประสงค์สามารถทำให้บ้านของคุณเหม็นไปด้วยได้
    • แปรงขนสัตว์เลี้ยงทุกวันเพื่อกำจัดขนและฝุ่น
    • แปรงฟันให้สัตว์เลี้ยงอย่างน้อยสามครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดีและกลิ่นลมหายใจสดชื่น
    • อาบน้ำสุนัขอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อเดือน และมากกว่านั้นถ้าหากว่าสุนัขมีกลิ่นขนที่แรงเป็นพิเศษ [17]
  5. สัตว์เลี้ยงชอบที่จะสำรวจค้นหา มันจะรู้สึกสนุกมาก แต่ก็หมายความว่ามันสามารถไปพาสิ่งที่มีกลิ่นเหม็นเข้าบ้านมาได้ด้วย ในการหลีกเลี่ยงอะไรแบบนี้ ให้วางผ้าขนหนูไว้ที่ประตู และเช็ดอุ้งเท้ามันทุกครั้งเมื่อมันจะเข้าบ้าน ยิ่งในวันที่ฝนตกหรือมีโคลนแฉะข้างนอกยิ่งสำคัญ หรือจะเป็นวันที่สัตว์เลี้ยงออกไปวิ่งไปกลิ้งข้างนอกก็ด้วย [18]
  6. สัตว์เลี้ยงของคุณอาจมีเก้าอี้หรือจุดบนโซฟาที่มันรักมันหวงของมันอยู่ พื้นที่พิเศษนี้ หรือเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ที่สัตว์เลี้ยงของคุณขึ้นไปอยู่ จะต้องล้างทำความสะอาดเพื่อกำจัดกลิ่นบ่อยๆ ถ้าสัตว์เลี้ยงของคุณชอบขึ้นไปอยู่บนเฟอร์นิเจอร์นัก หนทางที่ดีคือการหาอะไรที่ซักได้มาคลุม เช่น ผ้าคลุมโซฟา ด้วยวิธีนี้ คุณก็จะไม่ต้องกังวลถึงการดูดฝุ่นที่แสนยุ่งยาก หรือการที่ต้องมาขัดเฟอร์นิเจอร์อีกแล้ว เพราะสามารถนำผ้าคลุมโยนให้เครื่องซักผ้าได้แทนเลยไงล่ะ
    • หรือว่าจะซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่ง่ายต่อการทำความสะอาด อย่างที่วัสดุเป็นไมโครไฟเบอร์ก็ได้นะ มันจะไม่ซึมซับกลิ่นและรอยคราบเหมือนเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นผ้าทอหนาๆ [19]
  7. ใช้ที่ตักทรายตักออกทุกวันเลยนะ! มันจะช่วยลดกลิ่นจากของเสียสัตว์เลี้ยงได้ และควรเปลี่ยนทรายในกระบะทุกๆ เดือนด้วยล่ะ [20]
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 4,395 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา